วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Shanghai World Expo-Better City, Better Life

Day 3 -27 May 2010


หลับเป็นตาย ไม่แม้แต่จะลุกเข้าห้องน้ำ มางัวเงียตื่นตอนอู๋ปลุก ไม่อยากลืมตาเลยให้ตายซิ แต่อู๋บอกว่าห้องอาหารปิด 9 โมง โดยที่ใช้ชีวิตอย่างคนเห็นคุณค่าของอาหารมาตลอด จึงสปริงตัวลุกไปอาบน้ำปลุกชีพตัวเองอีกรอบ 555555 เจอหน้าคณะ ถามไถ่ทุกคนได้คำตอบเดียวกันว่าหลับสนิท 55555 เหนื่อยจนไม่แปลกที่


อาหารโรงแรมต้องบอกว่า กินกันตาย มันก็เป็นสไตล์มาตรฐานโรงแรมทั่วไปสมัยนี้แหละค่ะ นานาชนิด นานาชาติ แต่หาอร่อยไม่ได้สักอย่างเดียว แต่ก็นับว่าพัฒนาจากสมัยที่ฉันมาครั้งแรกเยอะ สมัยนั้น...อา...คิดไปถึงความหลังแล้วให้ขนลุก 55555 ไม่เหมือนพักโรงแรม แต่เหมือนพักในสถานที่กักกันไงไม่รู้ คือห้องอาหารตอนนั้นจะมีประตูปิดเปิด (สมัยนี้โรงแรมส่วนมากไม่ปิดประตูห้องอาหาร) แล้วประมาณว่าถึงเวลามื้ออาหารก็เปิด พอหมดมื้อก็ปิด ฉันจำได้ว่าคนจะมาออกันหน้าประตู เหมือนรอดูคอนเสิร์ตเรน พอประตูเปิดปุ๊บก็กรูกันเข้าไปจับจองที่นั่ง


เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่รสชาติอาหารก็ยังไม่เข้าข่าย คงจะเพราะไม่ใช่โรงแรมระดับไฮแอท ..เอาน่า มีให้กินก็ดีแล้ว อย่าบ่นมาก อาหารยิ่งไม่ย่อยอยู่ ถึงอาหารไม่อร่อย ฉันก็พยายามกินให้อิ่ม เพราะวันนี้เราจะไปงาน expo กันค่ะ ก่อนขึ้นห้องเดินผ่านถาดผลไม้ หยิบลูกพีชสดลูกเล็ก ๆ เท่าส้มบางมดมา 3-4 ลูก นึกว่ามันจะอร่อยเหมือนพีชที่อังกฤษ แต่ดันรสชาติเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ ละม้ายมะปราง 5555 หัวเราะด้วยความเซ็ง


เพราะเมื่อวานเดินจนปวดไปหมด ฉันจึงเสนอให้ไป expo ด้วยรถเมล์ แต่ไม่มีใครเห็นด้วย อู๋บอกว่ารถเมล์มันวิ่งมั่วไปหมด แล้วก็ช้าด้วย บ๊ะแหล่ว....ยังไม่เคยขึ้นเลยรู้ได้ไงว่าช้า? แล้วรถเมล์มันเป็นรถ “ประจำทาง” มันจะวิ่งมั่วได้ไงฟระ เก๋าเจ๊ง..ซี้ซั้วต่าจริง ๆ


ระหว่างรอทุกคนพร้อมก็ลงไปชั้นล่างอีกที เพื่อจะสอบถามเรื่องรถเมล์ ลงมาถึงเห็นโต๊ะประชาสัมพันธ์ expo tourist information เดินเข้าหาอย่างมาดมั่น 55555 ทีนี้แหละจะได้ข้อมูลเจ๋ง ๆ เสียที คุยกันไม่ถึง 2 นาทีดี เรียบร้อย...โรงเรียนจีน....5555555 เดินก้มหน้าเข้าลิฟท์กลับห้องพัก ปัญญาบังเกิด ไป subway แหละดีแล้ว ขึ้นรถเมล์ แค่คนขับถามว่าจะไปไหนก็...55555555..... ไอ้ขาไปคงไม่เท่าไร บอก expo ก็คงรู้เรื่อง แต่ขากลับนี่ดิ 555555 เดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้กลับโรงแรม


ในที่สุดก็ออกเดินทางไป subway คราวนี้เลือกเส้นทางใหม่ เดินไปเรื่อย ๆ ไปขึ้นรถไฟที่วัด Jing An ทั้ง ๆ ที่ศึกษาแผนที่อย่างค่อนข้างถ่องแท้แล้วนะ 55555 ขอบอกว่าขึ้นรถไฟได้แบบมึน ๆ ...มึนมันทุกขั้นตอนจริง ๆ กำลังคิดถึงว่าถ้าพวกนักร้องวัฒนามา แล้วไม่มีไกด์เนี่ยะ...คงไร้คำบรรยาย 555555


ขอเรียบเรียงว่าทำไมถึงมึน? ทั้ง ๆ ที่ก็เคยขึ้นรถใต้ดินของกทม มาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว มันเป็นเพราะว่าระบบของจีนใหญ่กว่า และข้อสำคัญทุกอย่างเป็นภาษาจีน กว่าจะหาภาษาอังกฤษเจอ ก็ตัวเท่ามด -*- ดูจากภาพประกอบก็ได้ค่ะ


วันนี้รถไฟไม่แน่นเท่าเมื่อวาน อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาก็ได้ นั่งไปไม่นานก็ถึง ค่ารถเท่าเดิมค่ะ  คนละ 4 หยวน คิดว่าไปไหน ๆ ก็คงไม่เกิน 4 หยวนเนอะ ลืมเล่าว่าระหว่างทางคณะได้แวะซื้อขนม, น้ำดื่ม ฯลฯ แต่ฉันกลัวปวดฉี่ (พยายามที่จะไม่ต้องเข้าห้องน้ำอย่างยิ่ง) จึงตั้งใจจะพึ่งพาหมากฝรั่ง กับพีชที่หยิบมาเมื่อเช้า 555555 เลือกที่มี “น้ำ”น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถ


ในที่สุด โอลัลล้า เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ตื่นเต้น 55555555 โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินก็ต้องไปต่อรถบัสอีก รู้สึกจะฟรีนะคะเพราะจำไม่ได้ว่าจ่ายเงิน 555555 มันก็ใกล้ ๆ แหละค่ะ


พอลงจากรถก็เดินเข้างาน เจอเขาวงกตอีกแล้วค่ะ แต่จุดนี้มีนักท่องเที่ยวพอสมควร ก็เดินหักไปหักมาแล้วเอากระเป๋าส่งเข้าช่อง x-ray ฉันไม่มีปัญหาอะไรคนเดียว ส่วนคนอื่นมีปัญหากราวรูด 55555 เพราะทุกคนพกอาวุธร้ายแรงที่เรียกว่า water มาด้วย55555555 เห็นหลายคนทำหน้าเหวอ แกมเสียดาย ในที่สุดก็ตัดใจทิ้งค่ะ ทิ้งลงท้อง 55555555 เปิดขวดดื่มน้ำกันอั่ก ๆ หน้าด่านนั่นเอง บางคนพกมา 2 ขวด เลยขอให้ฉันช่วยดื่ม 5555555


หลังจากดื่มน้ำจนเหนื่อย 55555 ดูเอาเถอะ เหนื่อยกันตั้งแต่หน้าด่านเลยอ่ะ ก็กางแผนที่แล้วพุ่งที่ไปพาวิลเลี่ยนเยอรมันก่อนเลย ตอนนี้แดดก็เริ่มอุ่นไปทางโซนร้อนแล้วค่ะ แต่เรามาจากประเทศไทยที่ร้อนจนเกือบอบเค้กได้แล้ว แค่นี้นับว่าโอเคอยู่ค่ะ เดินไปถ่ายรูปไป อย่างอารมณ์ดี มองพาวิลเลี่ยนอื่น ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ก็คนไม่เคยไปงาน expo อ่ะ พอมาถึงเยอรมันชะงักกึกเลย โอมายบุดดา ทำไมแถวมันเลื้อยไปเลื้อยมาหลายตลบขนาดนั้น ไม่ใช่แค่เลื้อยทบไปทบมานะคะ ยังหักไปอีกด้านของพาวิลเลี่ยน ด้านที่หักก็เลื้อยทบไปทบมาด้วยอ่ะ เหงื่อเริ่มตกในใจ 5555555 คนอื่น ๆ ในคณะบอกว่าขอไปพาวิลเลี่ยนอื่นก่อน 55555 แต่อู๋เป็นคนแน่วแน่ว่าจะเข้าไปดูที่นี่ก่อนให้ได้ ฉันก็ตามอู๋ไปเข้าคิว ไหน ๆ มาถึงแล้วนี่ ต้องเข้าไปดูสักหน่อย เดี๋ยวไม่มีอะไรมาเล่าสู่กันฟัง


กว่าจะหาหางแถว หรือจุดต่อคิวได้เดินงงมากค่ะ เพราะความที่มันทบแล้วหัก แล้วทบนี่แระ พูดแบบนี้หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อถึงเวลาที่ไปเห็นด้วยตา จะเข้าใจเองค่ะ 555555 กำลังจะเดินเข้าไปในคิวก็มีเจ้าหน้าที่ยกป้ายมาเตือนว่า แถวนี้ 3 ชั่วโมง โอ๊ยโย๋ วันนี้จะได้ดูถึง 3 พาวิลเลี่ยนไหมเนี่ยะ


ระหว่างเดินหักไปหักมากับยืนติดแหงกอยู่ในคิว นึกไปว่าดีที่เข้าห้องน้ำห้องท่าจากโรงแรมมาเรียบร้อย เพราะเมื่อคุณเข้าคิวลึกเข้าไปเรื่อย ๆ เรื่องจากออกจากคิวไม่ใช่ง่าย แดดก็เริ่มแรงแล้ว แต่ไม่ร้อนอย่างกทม ที่เพิ่งจากมา ดังนั้น จึงชิล ๆ สำหรับฉัน แต่ปวดหลังมาก ได้แต่ exercise เล็ก ๆ ในแถว เห็นบางคนเอาแตงกวามั่ง มะเขือเทศมั่งออกมาเคี้ยวตุ้ย ๆ อ๊ะ...ดีแฮะ ฉันควรจะเอามากินในแถวมั่งในวันหลัง สำหรับตอนนี้...นึกได้ว่าเมื่อเช้าหยิบพีชมาจากห้องอาหาร เลยแจกอู๋คนละลูก พีชดิบ ๆ เนี่ยเปรี้ยวชะมัด ไม่เห็นอร่อยเหมือนพีชกระป๋องเลย แต่เอาน่า ดีกว่ากลืนน้ำลายตัวเองลงกระเพาะ 5555555 อู๋มี snack มาด้วยค่ะ เป็นช็อคโกแลตแบบมีถั่วเยอะ ๆ ฉันกลัวหิวน้ำ เลยกินแต่พีชตามด้วยหมากฝรั่งที่ติดกระเป๋ามาจากกทม


ในที่สุดก็ได้เข้าไปข้างในพาวิลเลี่ยนเยอรมันเสียที...เข้าคิว 3 ชั่วโมงได้ แต่รู้สึกไม่คุ้มเท่าไรที่เข้าไปดู เพราะสำหรับฉัน มันก็นิทรรศการอ่ะค่ะ มีอะไรมั่งไม่บอก...5555555...อยากรู้เข้าไปดูเอง อิอิ (ทำไมนิสัยดีจัง 5555) ไปดูรูปบางส่วนใน facebook ละกันค่ะ ก่อนออกจากพาวิลเลี่ยนเยอรมัน ก็ปั๊มวีซ่าซะหน่อยเป็นที่ระลึก พอดีเอาไดอารี่ไปบันทึก ก็ปั้มในสมุดนั้นแหละค่ะ ออกมาก็เข้าอีกสักพาฯ ละกัน ก็ว่าจะเข้าของอังกฤษ แต่เดินผ่านออสเตรีย เห็นแถวสั้นหน่อย เลยแวะก่อน 55555 พาวิลเลี่ยนนี้มีบ่อน้ำด้วยค่ะ สังเกตเห็นน้ำใสกิ๊งเลย อู๋บอกว่าแปลกที่ไม่มีคราบตะไคร่เลย เพราะธรรมดาน้ำนิ่ง ๆ อย่างนี้เป็นเดือนต้องมีตะไคร่เกาะ สงสัยเป็นน้ำเคมี จะว่าเขาล้างบ่อบ่อยก็ไม่น่าจะใช่ ฉันเลยบอกว่าหรือจะเป็นน้ำแร่? ไอ้เราก็ทำรู้ดีไปงั้น แต่ความจริงก็คือน้ำแร่นะแหละ 555555 ฉลาดโดยบังเอิญ


ข้างในพาวิลเลี่ยนของออสเตรียนั้นสวยชวนฝันค่ะ ใครที่ชอบฟังดนตรี ถ้าเข้าไปได้จังหวะจะมีวงมาเล่นให้ฟังด้วย แล้วมีสินค้าขายด้วยค่ะ พวกน้ำแร่ ช็อคโกแลต แสตมป์ของออสเตรีย ฯลฯ ฉันไม่ได้ซื้ออะไร ยิ่งน้ำแร่ยิ่งไม่ซื้อ เพราะขวดใหญ่ กลัวต้องแบกกลับ....หนทางนี้ยังอีกยาวไกล 5555


พอตกเย็น ผู้คนน้อยลงแล้วค่ะ แล้วก็มีแต่คนวิ่งไปทั่ว 55555 ทำเวลาพิชิตพาฯ กันมั้งคะ คิวอังกฤษก็เคลื่อนไหวเร็ว ดังนั้น พวกเราจึงได้เข้าไปดูเป็นพาฯ ที่ 3 ชอบที่สุดเลยพาวิลเลี่ยนอังกฤษ เพราะมีที่ให้นั่งชมความสวยแปลก ๆ ของตัวพาฯ แต่เชื่อไหม? หย่อนตัวลงนั่งเร็ว ๆ แล้วสะดุ้งเลย หลังฉาน ~~~~~ แง๊ ๆ ๆ มันร้าวระบมไปถึงก้นกบ เลยเอนนอนสักพัก พักใหญ่เลยเพราะดันลุกขึ้นเองไม่ได้ 55555 ต้องรอให้ฟิลิปเดินมาแล้วร้องขอความช่วยเหลือ -*- เอางี้...ตั้งแต่เดินออกจากโรงแรมมาจนตอนนี้ก็ 1 ทุ่มแล้ว หลังยังไม่ได้พิงกับอะไรเลยน่ะ มันปวดร้าวมากจนอยากจะบอกว่าไม่ได้มาด้วยกัน 555555 จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวด
รายละเอียดพาวิลเลี่ยนอังกฤษจะลงในfacebookทีหลังพร้อมภาพค่ะ พอดีอยู่ที่อู๋ยังไม่ได้ไปเอามา ถ้าใครใจร้อนก็ search เอาในเน็ตไปพลาง ๆ ก่อนค่ะ
ทีนี้ก็เข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ปวดมากหรอกค่ะ พอกลับไปที่โรงแรมได้ทันถมเถ แต่อยากรู้ว่าห้องน้ำจะเป็นยังไง เลยเข้าเพื่อทัศนศึกษา ก็สะอาดนะคะเมื่อเทียบกับคนที่มาจำนวนมาก ห้องน้ำนี้มีระบบออโต้ฟรัชค่ะ พอเปิดประตูแล้ว มันจะชักโครกให้เอง ...ฉี่เหลืองแก่เชียว 555555 ก็ไม่ได้เข้าเลยทั้งวัน น้ำก็กินแต่น้อยอ่ะ กลางวันไม่ได้กินอาหารอีกต่างหาก แต่ไม่หิวเลย


กลางคืนมีพาเหรดด้วยค่ะ แต่มองไม่เห็น เพราะคนเยอะเกินกว่าจะเข้าไปยืนด้านหน้าได้ ยืนข้างหลังก็เห็นหลังของคนข้างหน้าเรา เขย่งเท้าเห็นนิดหน่อย ก็คล้าย ๆ กับพาเหรดที่ภูเก็ตแฟนตาซี, ดิสนีย์แลนด์ ฯลฯ แหละค่ะ


จากหน้า expo ขึ้นรถเมล์สาย 35 ไปเที่ยวหอไข่มุกยามราตรี ก็รีบถ่ายรูปกันค่ะ เพราะจะไปกินข้าวกันอีกที่ ต้องนั่ง subway แล้วถ้าช้า subway จะปิดค่ะ พอลงมา subway โหชุลมุนมากค่ะ คนเยอะสุด ๆ แถมเครื่องซื้อตั๋วแบบใช้ธนบัตรได้พร้อมใจกัน out of order เคาเตอร์ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่แล้ว OMG...จะหาที่แลกเหรียญก็ไม่มี ตะละคนช่วยกันรวบรวมเหรียญชนิดล้วงแล้วล้วงอีก ในที่สุดก็ได้เหรียญครบ ทีนี้เลยจำไว้เลยว่าเวลาได้เหรียญมาอย่าเพิ่งใช้ ให้เก็บไว้มาซื้อตั๋วรถไฟ


แวะกินมื้อค่ำ (รอบดึก) แต่ฉันเหนื่อยจนกินไม่ลงจริง ๆ ได้แต่นั่งดูเขากิน ออกมาจากร้าน บรื๋ออออ หนาวอ่ะ ไม่ได้เอาเสื้อหนาวไป ดีที่อู๋เอาเสื้อมา 2 ตัวเหมือนจะรู้ว่าเด๋วพี่สาวตรูต้องได้ใช้แน่ 555555


กลับมาถึงโรงแรมในสภาพหลังแข็ง ก้มไม่ได้เลย ฮือ ๆ ปกติก็เดินช้าอยู่แล้ว หลังพิการยิ่งเดินช้าเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ต้องกลัวหลงหรอกค่ะ ถนนเส้นนี้ตรงไปเรื่อย ๆ (เรื่อยมาก ๆ ๆ ๆ) ก็ถึงโรงแรมจนได้ แทบจะลากขาเดินขึ้นเตียงเลยทีเดียว เหนื่อยสาหัส.

ไม่มีความคิดเห็น: