วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

วันครูปี 2556


เมื่อคืนพี่เจนกลับมา ได้คุยกันทาง facebook หน่อยนึง พี่เจนขอให้เล่าเรื่องงานวันครูให้ฟังหน่อย พี่สาวที่เคารพรักขอมา จะปฏิเสธจะได๋ได้? จัดให้ค่ะ แต่เล่าได้ไม่ละเอียดนะคะ เพราะจำไม่ค่อยได้แล้ว ก่อนไปร่างกายก็หมดสภาพไป 50 กลับมาหมดไปอีก 50.... 555555
ที่ว่าก่อนไปหมดไป 50 นั้นเพราะนั่งดีคูผาดกระจาดประมาณ 18 อัน กระจาดอันเล็ก ๆ สำหรับไว้ใส่เหรียญ ใส่กุญแจ หรือสิ่งละอันพันละน้อยค่ะ เร่งทำ 2 วัน 2 คืนซะหินปูนเกาะคอบ่าไหล่ลามมาถึงข้อมือ เลยไม่ได้เอากล้องไปค่ะ เพราะขนาดมือไม่เจ็บ ภาพยังสั่น อีกอย่างคือ หลัง ๆ ทักษะที่มีหายไปในหลาย ๆ เรื่อง การถ่ายรูปเป็น 1 ในนั้น
ปีนี้ครูมากันมาก น่าจะมากกว่าปีที่แล้วนะคะ ตอนที่เชิญครูขึ้นไปนั่งเนี่ยะ ที่นั่งไม่พอต้องเอาเก้าอี้มาเสริม เป็นตัวยู แต่น้องปัดถ่ายรูปเก่งมาก 55555 ออกมาเป็นฟันปลาซะได้ กำลังนับ ๆ อยู่เห็นน้องเขานับเหมือนกัน เลยถามน้องดีกว่าง่ายดี เพราะตอนเรียนก็ไม่เก่งเลขอยู่แล้ว โห...แค่นับจำนวนครูต้องอาศัยความชำนาญทางคณิตศาสตร์เลยเหรอ ก็...55555555 น้องปัดบอกว่า 37 บวกกับครูโก๊ะและครูนุจรินทร์ที่ไม่ได้ขึ้นไปนั่ง ก็เป็น 39 คน
แต่ลูกศิษย์ลูกหาบางตาไปหน่อยค่ะ น่าจะมาได้มากกว่านี้  เพราะยิ่งเราแก่ตัวลงไปเท่าใด ก็เหลือครูให้ได้ทำความเคารพน้อยลงไปเรื่อย ๆ ฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่าปีหน้าจะคุกเข่าตลอดแนวเช่นปีนี้ไหวหรือเปล่า? ถ้าเป็นไปได้อยากให้จัดเวทียกครูขึ้นนั่งบนตั่ง เราจะได้เดินเวียนรดน้ำ ไม่ใช่ไม่อยากคุกเข่านอบน้อม ใจน่ะอยากก้มกราบด้วยซ้ำ แต่หัวเข่ามันน้อยใจค่ะ โชคดีที่นิตยาไปส่งให้ถึงบ้าน ถึงงั้นก็เถอะ วันรุ่งขึ้นถึงกับเข่าอ่อนขึ้นลงบันไดทีต้องไต่ราว
ฉันไปถึงวัฒนาตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ทีแรกว่าจะไปเจอเพื่อนที่ตึกอายะดา แต่เพราะเดินมาตั้งแต่ BTS เลยชักขี้เกียจ นั่งพักอยู่ในบริเวณงานดีกว่า แอร์ยังไม่เปิด แต่ห้องทำงานครูน่าจะเปิดไว้นะ ลองเปิดประตูแง้มเข้าไปเห็นป๋าจักรของพี่จ๋อนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว ทำเนียนเข้าไปนั่งเป็นเพื่อน (เอาแอร์) คุยกับป๋าจักรได้แป๊บเดียว ยังสะสมความเย็นไม่ช่ำปอดเพื่อนโทรมา จำต้องออกจากห้องหาคนช่วยรับสาย เพราะจะขอให้ป๋าช่วยคุยให้ก็กระไรอยู่ เดี๋ยวอ้อยนึกว่าโทรผิด
พอออกมาจากห้อง ครู ๆ ก็เริ่มทยอยกันมาค่ะ เห็นยังไม่ค่อยมีคน ก็เลยเข้าไปสวัสดี และช่วยจูงครูที่เดินไม่ค่อยคล่องขึ้นบันได ไป ๆ มา ๆ เลยปักหลักรับครูตรงนั้นซะเลย จะได้แอบเอากระจาดที่ทำมาให้ครูด้วย แบบว่าเขิน ๆ นิดหน่อย เพราะความที่มันเป็นศิลปะเต็มขั้น ครูก็ถามว่า..นพพรทำเองหรือ? เก่งนะ ... อยากย้อนถามครูว่าปะได้เก่งกว่าเด็กอนุบาลนิดหน่อยใช่ไหมคะ? 555555
ตอนที่รับครู มีเรื่องเฮฮาเล็ก ๆ เกิดขึ้นค่ะ ฉันมักจะชอบแหย่ครู ประมาณว่าครูจำหนูได้ไหมคะ ส่วนมากครู ๆ ก็จะจำได้ มีท่านหนึ่ง ครูรัตนะค่ะ จริง ๆ ครูกับฉันไม่เคยอยู่วัฒนาสมัยเดียวกัน เพราะครูน่าจะออกก่อนฉันเข้าเรียน แต่ครูสอนพี่หนิงค่ะ แล้วฉันชอบทักครูหลังจากที่รู้จักครู เนื่องจากหน้าตายิ้มแย้มดีจริง ๆ ยิ้มตลอด...ปีนี้เป็นปีที่ 3 ได้มั้งคะ ฉันก็เข้าไปสวัสดีครูแล้วบอกว่าครูจำหนูได้ไหมคะ
ครู- จำด้ายยยย
ฉัน- หนูชื่อ?
ครู- เอิ่ม....จำได้ ๆ ๆ
ฉัน-อ่ะ ครูลืมอ่ะจิคะ
ครู- ไม่ ไม่ลืมจ้ะ จำได้จริง ๆ
ฉัน- แล้วหนูชื่ออะไรล่ะคะครูรัตนา
ครู- เอ่อ....
ตอนนี้ครูท่านหนึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ เป็นตัวช่วยให้ครูรัตนะว่า..”นพพร”  แล้วถามฉันกลับว่าแล้วฉันจำครูได้ไหม? เหวอล่ะซิคะ ฉันพยายามรื้อฟื้นสมรรถภาพสมองสุดฤทธิ์ มั่นใจคนไทยล้านคนไม่รู้จักครูท่านนี้ ครูเลยบอกฉันว่าครูชื่อครูอุไรวรรณ
ฉัน- ครูไม่เคยสอนหนูอ่ะค่ะ
ครูอุไรวรรณ- แล้วทำไมฉันรู้จักเธอล่ะ เนี่ย เห็นปุ๊บก็รู้ทันทีเลย
ฉัน- เอ่อ...เพราะหนูดังมั้งคะ
ครูอุไรวรรณเอาไป replay กับครู ๆ ด้วยกันอย่างสนุกสนาน เฮ้อ...นี่ฉันพูดอะไรออกไป ย้อนกลับมาที่ครูรัตนะ ครูบอกว่า...จำได้ละ นพพร ๆ    แล้วกระซิบบอกความลับระดับชาติที่ทำเอาฉันตัวชาไปหมด “ครูชื่อรัตนะนะจ๊ะ ไม่ใช่รัตนา” 5555555 ฉันงี้อ๊ายอาย อุตส่าห์เป็นสาวมั่นตั้งนาน ครูสาราก็ร่วมเล่นเกมด้วย
ครูสารา- แล้วครูชื่ออะไร
ฉัน- ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรค่ะ รู้แต่ว่าครูเป็นหลานครูโอมาย ใช่ป่ะคะ
ที่รู้เพราะเมื่อปีก่อนนู้น ป้าจีบอกฉันน่ะค่ะ
ครูสารา- ใช่แล้วจ้ะ ครูชื่อครูสารา เป็นหลานครูโอมาย
ครูรัตนะ- ครูก็เป็นหลานครูโอมายเหมือนกันนะ
555555555 ครูรัตนะน่ารักใช่ไหมคะ ป๊ากขนถังน้ำใหญ่ ๆ พร้อมน้ำแข็งกระติกมหึมามารับแขกด้วย ตอนนี้คนก็เริ่มทยอยกันมาแล้ว ครูม.ล.ฉันทนาปีนี้มีไม้เท้ามาด้วยค่ะ ฉันเลยวิ่งไปช่วยพยุง ปรากฏว่า..ครูขาไม้เท้าครูติดล้อเหรอคะ ทำไมปรู๊ดปร๊าดนักล่ะคะ  55555555 ครูเดินเร็วมากค่ะ
พี่ด้าเข้ามาถามชื่อ นามสกุลและรุ่น เนื่องจากฉันแต่งกลอนไว้ค่ะ ฉันก็แซวพี่ด้าเล่น ๆ ว่าพี่ไม่รู้จักชื่อจริงอ่องเหรอคะ เจอใน facebook ทุกวัน พี่ด้าบอกว่ารู้ ๆ ว่านพ ๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันแกล้งบอกพี่ว่าชื่อนพด้า นามสกุลเก่งระดมยิงค่ะ นี่เธอ...พี่กำลังยุ่งนะจ๊ะ ยังจะเล่นอีก 555555 ฉันบอกว่าไม่ต้องบอกชื่อก็ได้ค่ะ พี่ด้าบอกว่าไม่ได้ต้องประกาศ ฉันต่อรองแต่พี่อย่าทำการใด ๆ ให้อ่องต้องตกอยู่ในสายตามวลชนนะคะ อ่องไม่ชอบแสงสปอร์ตไลท์
ศิษย์เก่าก็เข้ามากัน แม้ว่าจะไม่มากมายเท่าไร แต่ก็ยิ้มแย้มทักทายกัน คุยกันเช่นเคย สักพักหนึ่งงานก็เริ่มค่ะ ครูพรรณมหาอธิษฐานเปิดงานแล้วพิธีกรก็ขอให้ช่วยกันเชิญครูขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ที่จัดไว้ เพราะเขาเตรียมเก้าอี้ไว้น้อย ครูที่อาวุโสน้อยก็ไม่ยอมขึ้นไปนั่ง เนื่องจากมองดูแล้วเก้าอี้ไม่พอ พวกเราก็ช่วยกันเสริมเก้าอี้ แล้วอ้อนครูให้ขึ้นไปจนได้ เต็มพื้นที่เลยค่ะ ฉันกลับมานั่งกับเพื่อน ๆ ที่มาเป็นตัวแทนรุ่น 105 จ๊ะส่งกล้องให้ บอกว่าให้ช่วยถ่ายภาพหน่อย ไอ้เราไม่ได้เอากล้องมาเพราะเจ็บมือ แต่เพื่อนขอให้ช่วยเก็บภาพให้ ก็โอเค ถ่ายก็ได้ เลยต้องเดินไปด้านหน้าเพื่อถ่ายภาพครู ไม่สามารถเก็บทั้งหมดใน 1 ภาพได้ แถมแว่นตาที่ใส่ก็มองไม่เห็นอีก เยี่ยมจริง ๆ ไม่รู้แระ กด ๆ ๆ ไปมั่ว ๆ ละกัน
กำลังนั่งถ่ายรูปอยู่ ห้องประชุมก็ขึ้นปาเจราซะงั้น โอ้...นั่งหน้าครูพอดี เลยนั่งพนมมือ ครูวรรณดีส่งซิกว่ายืนขึ้น ...555555 ถึงได้รู้ว่าเขายืนกันทั้งห้องประชุม ชาอีกแล้วค่ะพี่น้อง 555555 ดีที่ครูวรรณดีช่วยไว้ แล้วยืนมันหน้าสุด แต่ไม่ได้ร้องเพลงเนี่ยะนะ จะทำลิปซิงก็กลัวไม่เนียน เพราะฟังไม่ค่อยได้ยิน ไม่แน่ใจว่าไปถึงไหนแล้ว จะเดินหลบไปก็ใช่ที่ เขายืนสงบนิ่งกันหมด เลยก้มหน้างุด ๆ เซ็งเหลือประมาณ นี่ฉันตกอยู่ในสถานการณ์อะไร????? จ๊ะนะจ๊ะ...เอากล้องมาให้ฉันทำมายเนี่ยะ  พอจบปาเจรา ฉันก็กลับไปนั่งกับเพื่อนทันที ดีที่กลับไป หลังจากนั้นไม่นาน พี่ด้าก็อ่านกลอนของฉันค่ะ
ฉันแอบมองครู ๆ เห็นตั้งใจฟัง บางท่านก็อมยิ้มไปฟังไป ภาพเก่า ๆ รันเข้ามา ภาพความผูกพันระหว่างครูแต่ละท่านกับฉัน โดยเฉพาะในห้องเรียน เพราะฉันไม่เคยตั้งใจฟังครูพูดเหมือนที่ท่านกำลังตั้งใจฟังพี่ด้าอ่านกลอนของฉันเลย พอจบ โอ๋ถามฉันว่า ทำไมเขาบอกว่าเธออยู่รุ่น 105-106 ล่ะ เธอรุ่นเราไม่ใช่เหรอ ซ้ำชั้น? ตั้งแต่ตอนไหน??? ทำไมโอ๋ไม่เคยรู้เลยล่ะ? 555555 โอ๋..นี่เธอจะทำให้ฉันเสียใจเหรอว่าเธอไม่เคยสนใจฉันเลย 5555555
ตอนนี้ก็ถึงเวลารดน้ำครู ไม่มีพานพุ่มดอกไม้แบบปีก่อน แต่มีดอกไม้ให้ลูกศิษย์เอาไปให้ครูค่ะ ฉันถือไป 1 ดอกยืนดูอยู่จะให้ใครดี กะจะให้ครูที่ยังไม่ได้ดอกไม้ แต่มองดู หลายคนยังไมได้ 5555555 จะเด็ดกลีบดอกไม้ให้ครูคนละกลีบดีไหมคะ? ในที่สุดก็เลือกให้ครูปราณีก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเดินไปเอาดอกไม้มาอีกก็ได้ พอเดินกลับไปอีกรอบ โหย หาที่แทรกแทบไมได้ค่ะ เลยเดินไปเอาขันน้ำไปพรมมือครูดีกว่า เริ่มจากหัวแถวไปเลย ครูบางท่านฉันยังไม่ทันได้แตะน้ำ ครูก็ยื่นมือมาแตะน้ำในขันแล้วแตะตัวฉันให้พรฉัน ครูอ่ะ...ให้หนูอวยพรครูก่อนดิคะ 55555555
กว่าจะถึงคนสุดท้าย เขยิบ ๆ ไปซะ บางครั้งครูต้องช่วยจับตัวไว้เพราะตอนเคลื่อนไปด้านข้าง ฉันเกือบล้ม 555555 สุด ๆ ไปเลยวันนี้ ตอนจบงาน ฉันคุยกับเพื่อนว่า ปีหน้าน่าจะมีสายพานเลื่อนนะ แบบเราคุกเข่าบนสายพาน แล้วสายพานนี้ก็เลื่อนไปเรื่อย ๆ พาเรารดน้ำ อย่างนี้จะวนกี่รอบก็ได้ไม่มียั่น 55555555 กว่าจะหมดนี่ ขาสั่นเลยค่ะ เข่าล้ามาก ๆ ปีหน้าต้องหาสนับเพลามาใส่ซะละมั้งเนี่ยะ แต่ก็ปลื้มใจที่ได้กราบรดน้ำครูจนครบ ไม่เว้นแม้แต่ครูโก๊ะกับครูนุจรินทร์
มงคลสูงสุดรองจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายแล้วก็คือครูนี่แหละค่ะ โดยเฉพาะเด็กวัฒนา ที่ครูต้องดูแลตั้งแต่ตื่นยันเข้านอน ถึงแม้ว่าครูหลายท่านที่ฉันรดน้ำวันนี้อาจจะไม่เคยสอน หรือไม่ทันกันก็ตาม ก็ถือเป็นตัวแทนครูผู้จากเราไปแล้ว - ครูที่ยังอยู่แต่ไม่ได้มางานได้ ครูไม่ได้หวังอะไรจากลูกศิษย์ ไม่เคยร้องขอให้พวกเราดูแลครูตอบแทน นอกจากให้พวกเราเป็นคนดีในสังคม และเพียงปีละ 1 วันกลับมาเยี่ยมเยียนให้ครูได้เห็นหน้าบ้างเท่านั้นเอง
ความดีของมนุษย์เรา สูงสุดคือความกตัญญูกตเวทิตา เราไม่จำเป็นต้องรอจนเราพร้อมแล้วจัดทำอะไรใหญ่โตให้ แต่บางทีเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำได้ ทำออกจากหัวใจ และสม่ำเสมอ ยังความชื่นใจให้ผู้รับ เช่นการร้องเพลงของคณะ Alumni Glee Club และการมาสวัสดีครู มาให้ครูทายว่าหนูคือใคร 555555 ฉันรู้ดีว่าครูรักเรา และไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนเลยทุกสิ่งที่เราทำให้ครู จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน ครูก็ปลาบปลื้มและให้พรกลับมาเท่า ๆ กัน
ครูบางท่าน ตั้งแต่เป็นครู+ศิษย์กันมาไม่เคยได้รับสิ่งของใด ๆ จากฉันเลยแม้แต่วันนี้ เพราะกระจาดที่ทำมาไม่พอแจก 5555555 แต่ครูก็ยังรัก ยังเมตตา ยังจำชื่อฉันได้ ยังยิ้มให้ดุจเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หนูขอกราบขอบพระคุณครูจากส่วนลึกของหัวใจค่ะ และขอสัญญาว่าจะรำลึกถึงครูทุกท่าน ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ตลอดไปค่ะ.

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ตระการตากับศิลป์แห่งแผ่นดิน

ตระการใจกับ heartthrob แห่งวัฒนา
ว่ากันว่าที่สุดของความสุขในมนุษย์เรานั้นคือการได้สมหวัง แต่การที่จะตั้งความหวังนั้นก็ออกจะสุ่มเสี่ยงที่จะพาเราไปคาบเกี่ยวกับความทุกข์อยู่ ถ้าเราไม่มีศิลปะในการคาดหวัง
เมื่อก่อนปีใหม่ ได้รับค่าเรื่องล่วงหน้ามาจากพี่เจน ความที่เกิดอารมณ์แปรปรวน ไม่รู้ว่าเพราะน้ำขึ้นหรือลง รู้แต่ว่าหัวใจไม่ปกติ สมองไม่ทำงาน ก็เกิดความวิตกว่าจะเขียนบทความให้พี่เจนไม่ได้
ไม่รู้จะวิตกไปทำไม ในเมื่อมีความเป็นอัจฉริยะออกปานนี้ 555555 นี่ละ เป็นซะอย่างนี้นะคนเรา ก็จริงนิ ช่วงปีใหม่ที่อยู่กับบ้านคนเดียว อยู่กับความคิดวกวนหมุนเวียนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คิดไม่ออกเหมือนเดินในเขาวงกตแล้วหลงทางไม่ได้กินข้าวกินน้ำมาหลายวัน สมองหมดแรง ประมาณนั้น
มาประจักษ์ในสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวเองก็ตอนที่เพื่อนมาขอให้ช่วยเขียนกลอนวันครู ว่าเอาเข้าจริง ๆ ก็เค้นออกมาจนได้ แต่..ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่เขียน ต้องอยากเขียนจริง ๆ ต้องมีความสุขที่จะได้ถ่ายทอดออกมา จะให้เขียนในเรื่องที่ขาดความสนใจ หรือความชำนาญ คิดว่าไม่น่าจะทำได้ เขาเรียกว่าอัจฉริยะวันละหนึ่งนาที ที่เหลือ 23 ชั่วโมง 59 นาที..โง่..เอาน่า ยังดีที่มีเวลาตั้งวันละนาทีเพื่อเป็นอัจฉริยะนะ 5555555
ย้อนกลับไปเรื่องพี่เจน ฉันออกจะเกรงใจพี่เจนอยู่ นอกจากเป็นพี่สาวที่เคารพรักแล้ว ฉันก็อยากตอบแทนความรักความเมตตาที่ได้รับมาตลอดเวลาที่ได้มาสนิทกัน มีไม่กี่อย่างที่ทำได้เพื่อพี่เจน ก็บอกแล้วไงว่าโง่ พอมีอะไรที่พอทำได้ ก็ไม่อยากทิ้งโอกาส ยิ่งพี่เจนอุตส่าห์ให้ตังค์มาล่วงหน้า แถมขึ้นค่าเรื่องให้โดยที่ไม่เคยเอ่ยปากขอ ความเกรงใจก็ยิ่งทวี ยังไง ๆ ก็ต้องเขียนให้ได้ แต่จะเขียนอะไรดีล่ะ?
ให้วันหนึ่งเห็นโอ๋สิริวิมลโพสต์ลง fb ว่าไปเที่ยวงานศิลป์แห่งแผ่นดิน..ใช่เลย งานนี้อยากไปมานานแล้ว ได้เวลาที่จะไปยลสักครั้งตอนนี้เอง แต่จะไปยังไงดี? เพราะไม่รู้ว่ารถเมล์สายไหนไปพระที่นั่ง แล้วจะต้องลงตรงไหน เดินไกลไหม? ที่ห่วงเรื่องเดินไกลเพราะได้ยินมาว่าต้องนุ่งกระโปรงค่ะ เมื่อนุ่งกระโปรงจะลากแตะก็กระไรอยู่ คิด ๆ แล้วก็กลัดกลุ้มเล็กน้อย ลองวัดดวงชวนพี่สาวสุดที่รักไปดีกว่า
ย้อนกลับไปปฐมบทของเรื่อง...ว่าด้วยการคาดหวังและการสมความปรารถนา แม้ว่าเส้นทางของคนทำงานกับคนว่างงานเป็นถนนคนละสายก็ตามที แต่ถนนที่วิ่งขนานกันไปสองเส้นนี้ก็มีบางช่วงไว้สำหรับยูเทิร์นอยู่ดี
ตั้งแต่ที่เจอพี่ตุ้มครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี ก็ไม่ได้เจอพี่ตุ้มบ่อย ๆ แต่ทุกครั้งที่ฉันเขียนเมลคุยกับพี่ตุ้ม ฉันมักจะชวนพี่ตุ้มไปนั่น ไปนี่ตลอดเวลา โดยเฉพาะโรงเรียนวัฒนา จนได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่ตุ้มลอยมากับสายลมและจางหายไปในแสงแดด ปีที่ผ่านมา พี่ตุ้มแทบไม่ตอบรับเลย ถามว่าผิดหวังไหม ฉันต้องโกหกแน่ ๆ ถ้าตอบว่าไม่ผิดหวัง แต่ความผิดหวังนั้นตั้งอยู่บนความเข้าใจ และยอมรับ มันก็เลยไม่ส่งผลกระทบมากมายอะไร
ครั้งนี้ก็เช่นเคย ฉันลองชวนพี่ตุ้มไปงานศิลป์แห่งแผ่นดิน โป๊ะเชะ เหมือนถูกหวยจากล็อตตารี่ที่บังเอิญเก็บได้ 555555 อ่านเมลนั้นหลายรอบเลย กลัวตีความผิด อ่านกี่รอบ ๆ ก็ได้คำตอบ positive โอ้ลัลล้ามากค่ะงานนี้
ไปถึงบ้านพี่ตุ้มตามเวลานัด จิตตกหน่อยนึงเพราะคุณพี่ดูเหมือนไม่ค่อยอยากไป บ่นว่านอนน้อยง่วงมาก แต่ก็ปากหนักเกินว่าจะพูดว่างั้นยกเลิกไหมคะ กลัวพี่ตุ้มบอกว่า..ดีเหมือนกัน 555555 พี่ตุ้มบ่นนิดหน่อยเรื่องต้องใส่กระโปรง แต่พอไปถึงเห็นผู้หญิงที่ใส่กางเกง หรือแม้แต่ผู้ชายที่ใส่ขาสั้นมา โดนให้ใส่ผ้านุ่งแล้วคงดีใจไม่มากก็น้อยที่ใส่ซิ่นมา
ฉันออกจะเซ็งที่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพข้างในได้ โบรชัวร์ หรือหนังสือก็ไม่มีขาย เพราะฉันใช้กล้องเป็นตัวช่วยจดจำมานานแล้ว กฎมีไว้เพื่อละเมิดใช้ได้กับวัฒนาเท่านั้น ที่นี่ใช้ไมได้ ขนาดมือถือ และกระเป๋ายังต้องเก็บไว้ในล็อกเก็ตเลย อนุญาตเพียงเครื่องนุ่งห่มติดกาย และกระเป๋าสตางค์เท่านั้นที่ถือติดมือเข้าไปได้ ก่อนเข้าไปในตัวงาน เขาแจกรีโมตให้ค่ะ ไว้กดและฟังเล็คเช่อร์ ส่วนฉันเอาไว้ถือเล่นแก้เหงามือ เพราะฟังบ่ฮู้ จุ๊กกู้บ่ใจ๋ มันแปลว่าไรอ่ะอ่อง..ม่ายรุ้จิ555555
เพียงก้าวแรกที่ย่างเท้าเข้าไปในพระที่นั่ง ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมยูโรเปี้ยนสไตล์แล้ว มันช่างอลังการและงดงามเป็นที่ยิ่ง จริง ๆ แล้วแค่เดินชมอาคาร ฉันก็ว่าคุ้มค่าบัตรผ่านประตูแล้วล่ะค่ะ ยังได้ชมผลิตภัณฑ์ทรงคุณค่าสมกับชื่องาน “ศิลป์แห่งแผ่นดิน” ก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณพี่ตุ้มที่พาฉันมาจริง ๆ งานแต่ละชิ้น ประณีต งามหยดจริง ๆ เดินอ้าปากหวอ เพราะตื่นตาตื่นใจตลอดงาน แม้จะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของงานแต่ละชิ้นสักเท่าไรก็ตามที ดูแล้วมีความสุขซาบซ่าน มีความภูมิใจที่ได้ร่วมแผ่นดินกับศิลปินผู้จรรโลงศิลปะชั้นสูงเหล่านี้
ได้ชมส่วนหนึ่งของโต๊ะเสวยเหล่าราชอาคันตุกะครั้งในหลวงทรงครองราชย์ครบ 60 ปี งานไม้แกะสลัก ผ้าปักไหมชั้นในที่ให้ความละเอียดสูง ฯลฯ ที่ชอบมากมีอยู่ 2 สิ่งค่ะ คือกระเป๋าย่านลิเภาทรงมะเฟือง น่าจะมีผลิตจำหน่ายด้วย เพราะรูปแบบเก๋ไก๋ลงตัว และปีกแมลงทับ โดยเฉพาะอันที่มีสีเหลือบม่วง ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติรังสรรค์ได้ขนาดนั้น ไม่แน่ใจว่างานจะมีจัดถึงเมื่อไร แต่อยากขอเชิญชวนให้ไปชมกันนะคะ
เราสองคนพี่น้องเพลิดเพลินอยู่ในงานนานทีเดียว เดินออกมาแดดแรงจ้าลืมตาแทบไม่ขึ้น พี่ตุ้มแวะอุดหนุนสินค้าเยอะแยะไปหมด นัยว่าไว้เป็นของขวัญ แล้วเราก็เดินฝ่าไอแดด แต่ไม่ร้อนมากเท่าไร คงจะเพราะสะสมความเย็นจากภายในพระที่นั่งไว้มากพอ มานั่งจิบกาแฟกันก่อนกลับ พี่ตุ้มพาไปที่ร้านเกรย์ฮาวน์ทองหล่อ เพราะจะได้ซื้อลูกหยีที่ร้านข้าง ๆ ด้วย ไปถึงลูกหยีหมดซะงั้น แต่ฉันก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากมาย
คงเป็นเพราะอิ่มอกอิ่มใจ จากการได้ไปเที่ยวชมพระที่นั่ง ได้ชมงานศิลป์แห่งแผ่นดินกับพี่สาวอันเป็นที่รัก เลยทำให้ท้องไม่หิว นั่งพลิกเมนูอยู่นาน ไม่รู้จะกินอะไร 5555555 พี่ตุ้มคงง่วง อยากกลับไปบ้านนอน แต่คุณน้องก็มัวอ้อยสร้อยสะกดตัวหนังสือในเมนูอยู่นั่นแล้ว แถมตอนกินก็ยังละเลียดอีก คนมันไม่หิวอ่ะพี่ตุ้ม
อย่างไรก็ตาม พี่ตุ้มก็ยังเป็นพี่ตุ้มที่ใจดีเมื่อ 40 ปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะโดนน้องถ่วงเวลาจนเกือบหายง่วง ตอนนั่งรถขากลับ มีร้องเพลงคลอตาม cd ให้ฟัง ..darling you can count on me til the sun dries up the sea until then I’ll always be devoted to you…ฉันเกิดความอยากรู้ในบัดดลว่าใครเป็นคนร้อง เลยถามพี่ตุ้มพร้อมกับพลิกกล่อง cd เพลงหาชื่อนักร้อง พี่ตุ้มตอบหน้าตายว่า..อารุณีร้อง..55555555 อ่านะคุณพี่
เราได้คุยกันถึงเรื่องราวเก่า ๆ ตอนที่พี่ตุ้มพาน้อง ๆ 4 คนไปเที่ยวแดนเนรมิต พี่ตุ้มเล่าว่าตอนเข้าบ้านผีสิงเพราะฉันอยากเข้า พี่ตุ้มเป็นคนกลัวผี แต่ก็น่ะจะปล่อยให้น้อง ๆ เข้าไปกันเองก็กระไรอยู่ เดี๋ยวเอาลูกไปคืนคุณแม่ไม่ครบคนจะเป็นเรื่อง เพราะเอาลูกคุณแม่มาเที่ยวหมดบ้านเลยค่ะ เลยต้องตามเข้าไปด้วยแบบใจตุ้ม ๆ ต้อม ๆ ตื่นเต้นตกใจกับผีที่โผล่มาตลอดเส้นทางอันมืดมน ดีที่น้อง ๆ ไม่รบเร้าขอเข้าไปอีกรอบ 5555555 แหม พี่ตุ้มขา ผีแดนเนรมิตอ่ะเด็ก ๆ ของจริงน่ะอยู่ในโรงเรียนวัฒนาค่ะ
พี่ตุ้มถามว่าทำไมถึงรักพี่? คำถามโลกแตกนะคะเนี่ยะ ฉันว่าการที่เรารักใครสักคน บางครั้งไม่ใช่สิ่งที่จะบอกเหตุผลกันได้ เพราะหลาย ๆ หนที่มันไม่มีเหตุผล หรือเหตุผลฟังไม่ขึ้น เพราะความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ความรักไม่ใช่งานวิจัยนิคะ จะได้มาวิเคราะห์หาเหตุผลที่มาที่ไป และทำไมจึงได้รัก ทำไมจึงคิดถึง ทำไมจึงผูกพัน และท้ายสุดทำไมจึงใจหายหรือแตกสลายกับการจากไป
แต่ความรักที่ดีจะไม่สลายไปกับการหายไปของคนที่เรารัก ความรักที่ดีจะสอนให้เราอดทน มีความเพียรที่จะเข้าใจ และยอมรับวิถีชีวิตและความคิดที่แตกต่างจากเรา ความรักที่ดีจะสอนให้เรารู้จักคาดหวัง และเรียนรู้ที่จะมีความสุขไม่เพียงจากความสมหวัง แต่กับความผิดหวังก็ยังทำให้เรามีความสุขได้ เพียงแค่คิดว่า..ไม่เป็นไร อย่างน้อยเขาก็ยังมีชีวิตที่ดี..
ไม่ได้พูดแบบโลกสวยนะคะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ อย่างน้อยนี่ก็เป็นวิธีที่ฉันรัก wwa heartthrobs ของฉัน.