วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Leisure Day at the Top of the World

คนที่อ่าน expo สองตอนอาจจะเริ่มท้อแท้ นี่คือเหตุผลที่ฉันมานั่งเล่าอย่างค่อนข้างละเอียดค่ะ กล่าวคือถ้าหากว่าได้รู้สถานการณ์ล่วงหน้า และวางแผนดี ก็จะเที่ยวได้เพลิดเพลินกว่า เพลียน้อยกว่าที่ฉันประสบมา อย่าเข็ดถึงกับไม่ไปเลยค่ะ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองหนึ่งที่น่าไปเยือน แล้วไปช่วงนี้ก็ควรได้ไปยล expo กับเขา อย่างที่บอก ถ้าวางแผนดีก็ไม่เหนื่อยมากหรอกค่ะ ไปนะ ๆ ๆ ^___^

Day 5 – 29 May 2010


“วันนี้เป็นวันพักผ่อน” วูปปี้....ได้ยินคำประกาศนี้แล้วแสนจะปรีดา รอคอยมาแสนนาน แต่ด้วยนิสัย...5555555 อดแหย่อู๋ไม่ได้ -ไปอีกเหอะ ตั๋วยังเหลืออีกวัน – (แล้วแอบ cross นิ้ว อย่าเปลี่ยนใจนะ) อนุชาตอบว่า - ยังอยู่อีกหลายวัน ไว้ค่อยไป วันนี้ขอพักผ่อนก่อน - ถ้าหลังไม่เดี้ยงนะ คงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไปแล้ว....ที่จริงถึงอู๋จะไป expo วันนี้ ฉันก็ตั้งใจว่าจะขอตัว ไม่ร่วมขบวนทำร้ายกระดูกสันหลัง แต่จะเตร่อยู่ในเมืองคนเดียวก็ได้ เพราะก็พอจะเริ่มจำทางกลับโรงแรมได้แล้ว (จริงเหรอ? 55555)


วันพักผ่อนเริ่มต้นแบบสบาย ๆ ค่ะ เราไปที่สวนสวยตรงข้ามวัด จริงอ่ะ (Jing’an) สวนนี้เป็นสวนขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ต้นไม้ครึ้ม ขนาดว่าผ่านกลางคืนเห็นทางเข้า ก็ยังชอบเลยค่ะ หมายมั่นไว้ว่าจะต้องมาให้ได้ แล้ววันนี้เราก็มากันสองคนพี่น้อง คนอื่น ๆ เขายังคงไป expo ต่อค่ะ ด้านหน้าสวนมีร้านกาแฟที่สามารถเล่นเน็ตได้ แต่ไม่รู้ทำไม laptop ของอู๋ใช้ไม่ได้ ว่าไปแล้ว มาเที่ยวจะแบกมาทำไมให้หนักก็ไม่รู้


ฉันเดินเที่ยวทั่วสวน พบว่าคนจีนชอบมานั่งตามสวนสาธารณะมากค่ะ อาจจะเพราะอากาศเอื้อก็ได้ อย่างของเราเนี่ยะ นอกจากต้นไม้จะไม่ร่มเท่า แดดก็ยังร้อนจัด จึงมักจะไปสวนกันเช้า ๆ หรือเย็น ๆ


ที่เซี่ยงไฮ้ไม่ว่าสวนไหน ๆ ก็สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนได้ทั้งวันค่ะ เทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ความสำคัญกับผังเมืองมาก อาจจะเป็นเพราะความเป็นเมืองท่ามาตั้งแต่สมัยโบราณ ฝรั่งเข้ามาค้าขายเยอะแล้วช่วยวางผังเมืองไว้อย่างเป็นมาตรฐานก็เป็นได้ค่ะ ดูสวยงามไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง ...เอ้อ...ยังไม่เห็น “บ้าน” เห็นแค่ตึก ๆ ๆ แล้วก็ตึกค่ะ คนเซี่ยงไฮ้คงอยู่คอนโดเป็นส่วนมาก ถนนนอกจากกว้าง สะอาด แล้วยังมีคุณภาพไม่เป็นคลื่น ไม่มีรอยปุปะแบบเครื่องทรงพรรคกระยาจก เส้นทางจราจรที่มุดลงดิน ทำให้การจราจรข้างบนดูหลวม ๆ ไม่แออัด (ไปอัดกระป๋องใต้ดินแทน) ที่นี่ยังมีรถรางให้เห็นอยู่ค่ะ (รถรางที่วิ่งด้วยสายเคเบิ้ลจูงบนหลังคารถ) ยิ่งบริเวณแม่น้ำหวงปู ยิ่งแทบไม่มีสะพานข้ามให้เกะกะสายตา ทุกอย่างเขาให้ว่ายน้ำ เอ๊ย ลอดอุโมงค์ใต้น้ำ ฉันเห็นสะพานน้อยมากค่ะ โดยเฉพาะหน้า The Bund ไม่มีสะพานเลย


เอ้อ...ย้อนกลับมาที่สวนดีกว่า มันจะออกแนวสารคดีเกินไปแล้ว 55555 กิจกรรมที่เห็นตามสวน ส่วนมากก็คล้าย ๆ กันค่ะ คือมีเกมสารพัดสารพันมานั่งเล่น ไพ่การ์ด ไพ่นกกระจอก หมากรุก ฯลฯ แถมมีเดิมพันด้วย แต่ตำรวจไม่จับ คงจะเป็นสิ่งถูกกฎหมายมั้งคะ นอกจากนี้ก็มีคนมาเล่นดนตรีให้ฟัง เช่นเป่าขลุ่ย หรือร้องเพลงจีน บางคนฟังไปก็รำงิ้วไป คนดูก็เพลิดเพลินไปเสียอีก บางกลุ่มก็จัดมีตติ้งนั่งเม้ากัน หนุ่มสาวก็มาซบไหล่อิงแอบกัน มีแค่นั้นค่ะ ไม่มีปฏิบัติการปฏิสนธิใด ๆ อย่างที่ได้ยินว่าวัยรุ่นไทยชอบทำกันตามสวนรถไฟมั่ง สวนลุมมั่ง ฉันเดินถ่ายรูปบ้าง เดินดูฉากละครชีวิตบ้างด้วยความสดชื่น รู้สึกได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง


อ้อ...ฉันไม่เห็นใครเอาอาหารมานั่งรับประทานในสวนเลย ไม่รู้ว่าเขาห้าม หรือว่าไม่ตรงมื้ออาหาร ที่แน่ ๆ สวนนี้สะอาดมาก ๆ ๆ ค่ะ ไม่มีขยะแม้ชิ้นเล็ก ๆ สักชิ้นเดียว


หลังจากหาออกซิเจนใส่ปอดเต็มที่แล้ว เราก็ชวนกันเข้าวัดจริงอ่ะสักหน่อย ต้องเสียค่าผ่านประตูค่ะวัดนี้ คนละ 30 หยวนแน่ะ แพงเอาการอยู่ แต่ก็นะถือว่าทำบุญวัดก็ได้ วัดไม่ใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ ก็วัดจีนทั่วไป คล้าย ๆ วัดเล้งเน่ยยี่ที่เยาวราช แต่สะอาดกว่ากันมาก ตอนที่เดิน ๆ ยังเห็นเจ้าหน้าที่เขาทำความสะอาดซี่กรงหินอ่อนกันทั้งวัดเลยค่ะ รับประกันความสะอาดว่าสูงมาก เข้าไปเห็นคนจีนจุดธูปไหว้พระกัน ธูปเขาสวยดีค่ะเป็นเหลี่ยม ๆ พูดไม่ถูก แต่ควันไม่แสบตาแบบวัดเล้งเนยยี่ เข้าไปทีไรร้องไห้ทุกที


ตามเคย ฉันถ่ายรูปดะ มีอยู่ทีถ่ายเสร็จ เดินไปหน่อยนึง อู๋มาบอกว่าห้องตะกี้ถ่ายได้ไงอ่ะ เด๋วคนเต็มห้องหรอก 555555 มันคือห้องเก็บป้ายชื่อคนตาย อาจจะเป็นฮวงซุ้ยก็ได้มั้งคะ ไม่รู้เหมือนกัน


ออกจากวัดแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ แวะซื้อเกาลัด 1 ถุง เดินกินไปชมเมืองไปเรื่อย ๆ สำราญเชียว เข้าไปชมบ้านของ Comrade Liu Changseng เป็นใครก็ไม่รู้ 55555 หลังจากดูแบบมีเด็กสาวเป็นไกด์ให้ แต่ภาษาอังกฤษของน้องเขา...เอิ่ม.... เอาเป็นว่าเดาเอานะคะ ว่าท่าน Liu เป็นทหาร (อันนี้ชัวร์) 555555 แล้วก็ประมาณต่อต้านกับพวกญี่ปุ่น คงไม่ได้เป็นหนึ่งในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองหรอกค่ะ เพราะไม่เห็นเหมาเซตุง หรือเจียงไคเช็ก 5555555 ก็เป็นบ้านเล็ก ๆ ค่ะทาวน์เฮ้าส์แฝด ข้างในก็มีข้าวของ ๆ เจ้าของบ้าน แล้วเกร็ดประวัติการต่อสู้ มีคุกด้วยล่ะ ขนาดบ้านเล็ก ๆ ยังแอบมีคุก 55555 คิดดูละกันว่าคุกจะเล็กแค่ไหน ออกดีกว่า ยิ่งอยู่นานยิ่งโง่ 55555555

จริง ๆ มีเดินไปอีกหลายที่ค่ะ แต่จำไม่ได้ 55555 ไว้เอารูปลงใน facebook ให้ดูกันดีกว่า รอสักหน่อยนะคะ รูปยังไม่ได้ไปเอาเลย


อู๋นัดเจอฟิลิปค่ะ เขาจะพาไปตึก WFC (World Financial Center) ตึกที่สูงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ ก่อนหน้านี้คือตึกจินเหมาค่ะ วันนี้ WFC ลบสถิติไปแล้ว วันหน้าไม่รู้จะมีตึกไหน แต่อย่าเพิ่งไปสนใจเลยค่ะ สูงนักก็ใช่ว่าจะดี ดูอย่างตึกแฝดที่นิวยอร์คนั่นปะไร ตึกนี้ตอนแรกฉันดูว่ามันเป็นถุงกระดาษ แต่ฟิลิปบอกว่าจริง ๆ มันเป็นที่เปิดขวด (แบบใช้ฝาจีบ) ตะหาก อ่ะนะ ทำไมต้องที่เปิดขวด ฉันว่าจินเหมาสวยกว่านา สองตึกนี้อยู่ใกล้กันค่ะ ขึ้นไปบน WFC ถ่ายรูปจินเหมาได้สบาย ๆ ตอนเข้าลิฟท์เห็นปุ่มแล้วขำ คือเขามี 3 ชั้นให้กดค่ะ G 87 แล้วก็ 91 ที่ฉันขำคือ 87 เขาเขียนว่า Lobby เพราะตั้งแต่เกิดมา เพิ่งเคยเห็นว่า Lobby อยู่สูงขนาดนั้น เราไปชั้น 91 กันค่ะ เพราะห้องอาหารอยู่ชั้นนี้


อ้อ...เผื่อมีคนอยากรู้ ลิฟท์น่ะขึ้นแล้วรู้สึกยังไง...ไม่รู้สึกแตกต่างจากลิฟท์ปกติเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันต้องวิ่งเร็วมากเพราะแป๊บเดียวเองก็ถึงแล้ว และก็ไม่เจ็บหูด้วยค่ะ


ข้างบนของ WFC คือโรงแรม Hyatte ปกติแล้วเขาคิดเงินนะคะค่าขึ้นไปชมเนี่ยะ แต่พวกเราไปนั่งดื่มกาแฟกันค่ะ ตอนแรกว่าจะไปกินข้าว แต่ว่าพอขึ้นไปแล้ว เห็นว่าสั่งกาแฟได้ เลยสั่งแค่กาแฟก็พอ 55555555 ก็อยากแพงทำไมล่า แล้วนะ ถ้าอยากนั่งริมหน้าต่างต้องสั่งอาหารมูลค่าขั้นต่ำคนละ 400 หยวนถึงได้นั่ง ไม่เห็นจำเป็นเลย นั่งที่บาร์แล้วเดินไปถ่ายรูปที่หน้าต่างก็ได้ เขาไม่ห้ามค่ะ สรุปคืออู๋สั่งกาแฟใส่ค็อกเทล 80 หยวน ฉันไม่ได้สั่งอะไรค่ะ มัวเดินชมสถานที่ แต่ขนาดนั้น น้องยังบอกว่าถ่ายรูปเยอะ ๆ นะให้คุ้มค่ากาแฟหน่อย 555555 ตอนนี้อู๋เริ่มเมาแล้วมั้งคะ หูงี้แดงแจ๋เชีย 5555555 ฉันลองจิบดู แอลกอฮอล์วิ่งปรู๊ดปร๊าดเลยค่ะ เหล้าที่ใส่ในกาแฟท่าจะแรงใช่น้อย กินมากมีหวังเมา ขนาดไม่เมายังมือสั่นถ่ายรูปไม่ค่อยสวยเลย เดินรอบ ๆ (เท่าที่เขาอนุญาตให้เดิน) มองเห็นเมืองเซี่ยงไฮ้เป็น sim city แบบยุคแรก 555555 คือทุกอย่างเล็กไปหมด เว้นแต่ตึกสูงรอบ ๆ ใกล้ ๆ ไหนดูดิ expo อยู่ตรงไหนอ่ะ โอ๊ะ...เห็นพาวิลเลี่ยนจีนสีแดงเด่นสง่าอยู่นั่น 555555 เชื่อหรือยังคะว่าขนาดใหญ่จริง ๆ ไม่รู้ว่าพอหมดงานแล้ว เขาจะรื้อออกหรือเปล่า คงรื้อเนอะ แต่อาจจะเอาไปตั้งไว้ที่ไหนสักแห่งเป็นอนุสรณ์ คงไม่ทิ้งไปเลย


พวกเรานั่งอ้อยอิ่งในชั้นบรรยากาศระหว่างโลกและสวรรค์อยู่นาน 555555 จริง ๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่บนตึกสูงขนาดนี้ ใบหยกในกทม ยังไม่เคยได้ขึ้นไปเลยค่ะทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนชอบดูอะไร ๆ จากที่สูง ๆ ฉันว่าได้วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลดี เมื่อได้มาที่ดี ๆ อย่างนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือเข้าห้องส้วม 5555555 ลืมบอกไปอย่างว่าที่นี่เพดานสูงมากค่ะ แล้วประตูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประตูลิฟท์ ยันประตูห้องน้ำก็สูงตามเพดานไปด้วย ต้องออกแรงปิดเปิดประตูห้องน้ำเลยแหละ 555555 สุขภัณฑ์ หรือสั้น ๆ ว่าส้วม...เรื่องสะอาดไม่ต้องพูดถึง เพราะมันคือไฮแอท เรามาพูดถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีดีกว่าค่ะ ความที่สายตาไม่ดี แล้วแสงน้อย คือเขาเปิดไฟสลัว ๆ เพื่อให้ดูหรูหรามั้งคะ มันเลยทำให้ฉันอ่านไม่ออกว่าปุ่มสารพัดสารพันเนี่ยะว่ายังไงมั่ง ไม่กล้ากด 5555555 แต่พอรู้น่ะค่ะเพราะเคยไปใช้ของรพ.สมิติเวชมา ส้วมในโลกอนาคตนอกจากจะไม่ต้องกดชักโครกแล้ว มันยังมีระบบอุ่นที่นั่งให้เผื่อหนาว แต่จริง ๆ ถ้าคุณเข้าต่อใคร ที่นั่งก็อุ่นอยู่แล้ว 55555555 แล้วก็ยังมีระบบฉีดน้ำล้างก้น, เป่าแห้ง ฯลฯ อีกด้วย


แต่ปุ่มส้วมที่นี่มีเยอะกว่าสมิติเวชค่ะ เสียดายที่ไม่สามารถบอกได้เพราะอ่านไม่เห็นจริง ๆ แล้วไม่กล้ากดมั่ว กลัวเกิดโกลาหล มันน่าอายออกนะคะ 5555555 ฉันสงสัย...ย้ำนะคะว่าสงสัย...อาจจะมีปุ่มเปิดเพลงฟัง หรือแม้แต่เปิดหนังให้ดูก็ได้นะ 5555555 เพราะปุ่มเยอะจริง ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม ตอนออกมาล้างมือ มีแหม่ม 3 คนเข้าไป สุขศึกษา ส้วมในห้องเดียวกัน ไอ้เราก็เลยเข้าไป join ด้วย 555555 แต่ก็นะ มันคือห้องส้วม แค่ 3 คนก็เต็มแล้ว ส่งเสียงโซปราโนประสานเสียงกันให้แซ่ด ฟังไม่รู้เรื่องเพราะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เลยไม่รู้อะไรเพิ่ม รู้แต่ว่าแหม่ม 3 คนนี้มาจาก southern France แล้วก็เคยมาเมืองไทยด้วย เพราะพอบอกว่าฉันมาจาก Thailand ก็พร้อมใจกันไหว้ทักทายเลยเชียวค่ะ ดังใช่ย่อยนะ “สวัสดี” ของเรา


ทีนี้เพื่อนอู๋ก็พาเดินอีกแล้ว กำลังนึกดีใจว่าวันนี้จะได้ relax ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วฟิลิปนี่เขาอยู่เซี่ยงไฮ้มาหลายปีก็จริง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยรู้เส้นทางเท่าไร ประมาณว่าปกติจะไปไหนมาไหนเรียกบริการแท็กซี่กับ subway คงจะเพิ่งมาเป็นไกด์จำเป็น เลยเหมือนพาเดินวกไปวนมาชอบกล แต่ก็มีถนนสายหนึ่งชื่ออะไรลืมแล้ว 555555 ฉันเรียกของฉันว่าถนน Brand name เพราะเป็นถนนที่มีแต่ร้านค้ายี่ห้อหรูเริ่ดเชิดหยิ่งของบรรดาไฮโซไฮซ้อทั้งหลายแหละค่ะ ไอ้ฉันมันก็ไม่ใช่คนสนใจ brand อะไรเท่าไรเพราะไม่มีวิตามิน m มากพอที่จะสนใจ แต่ถนนนี้สายสวยค่ะยิ่งพอค่ำ ๆ ก็ยิ่งสวย เพราะเขาประดับไฟไว้ตามต้นไม้สองข้างทาง เป็นรูปผลไม้มั่ง ดาวมั่ง นับว่าเป็นเมืองแห่งแสงสีจริงๆ เซียงไฮ้นี่


กลางคืนนัดเจอกับคณะ วันนี้ฟิลิปจะเลี้ยง dinner ค่ะ ที่ภัตตาคาร HuaiHai Zhong ฉันตั้งใจจะลิ้มรสเป็ดเซี่ยงไฮ้ (มันคือเป็ดปักกิ่ง) เต็มที่ แต่หลังจาก 1 ชัวโมงผ่านไป ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยค่ะ แต่เลี่ยนไปหน่อย สู้อาหารจีนในเมืองไทยไม่ได้เลย แต่ก็อร่อยที่สุดแล้วตั้งแต่เหยียบเซี่ยงไฮ้มา มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่กินได้เยอะค่ะ

บอกไปหรือยังคะว่า เดี๋ยวนี้คนจีนนิยมกินน้ำดอกไม้ สารพัดสารพันดอกค่ะ ดูจากรูปเอาละกันนะคะ ไม่ใส่น้ำตาลแบบน้ำเก็กฮวยบ้านเรานะคะ ก็จืด ๆ หอม ๆ ค่ะ คิดว่าน่าจะดีกับสุขภาพ แต่เบียร์น่ะอร่อยค่ะ รสคุ้นลิ้น 5555555 เหมือนเบียร์สิงห์บ้านเรา เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเบียร์สิงห์ถ่ายขวดแปะฉลากใหม่


สรุปว่ากลับโรงแรมอย่างเมื่อยอีกตามเคย แต่น้อยกว่าวันก่อน ๆ มีข่าวร้ายปิดวัน อู๋บอกว่าพรุ่งนี้เราจะย้ายออกจากโรงแรมไปพักคอนโดฟิลิป ซะงั้นนะน้องฉัน อุตส่าห์จำเส้นทางโรงแรมได้แล้วนะ ต้องไปนั่งจำเส้นทางใหม่ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก สำคัญว่าฉานต้องแปลงกายเป็นทหารแบกปูนไปโบกตึกอีกแล้ว ไม่เคยสงสาร “หลัง”ตัวเองมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต.


ไม่มีความคิดเห็น: