วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ธนาคารกรุงเทพ - แต่หาคนพูดภาษากรุงเทพไม่ได้ซะคน

อ่านเบื่อกันหรือยังคะ พรุ่งนี้ก็จบแล้วค่ะ ไหน ๆ ก็หลวมตัวติดตามอ่านมาถึงวันนี้ ก็ติดตามกันต่อไปอีกนิดนะคะ
Day 7 – 31 May 2010
 ควรจะเล่าไหม เมื่อคืนฉันฝันถึงในหลวงด้วย แต่ห้ามถามนะว่าฝันว่ายังไง ฉันเป็นคนที่จำได้แต่ว่าฝันถึงใคร แต่ไม่ค่อยจำเนื้อเรื่อง เหมือนดูหนัง จำแต่ตัวละคร เรื่องราวเป็นยังไง จำไม่ได้ 555555 แล้วจะเล่าทำไม?- ก็อยากบอกง่ะ เพราะว่ามาเซี่ยงไฮ้เนี่ยหลับสนิททุกคืน เพิ่งมาคืนนี้ที่ฝัน เป็นฝันเดียวในเมืองจีนก็ว่าได้

พรุ่งนี้กลับบ้านแล้ว!!! Home Sweet Home…นึกแล้วก็ 2 จิต 2 อารมณ์ คือดีใจที่จะได้กลับไปหาคนที่รัก และอาหารอร่อย ๆ แต่อาลัยอาวรณ์บ้านเมืองที่สะอาด สวยงามและอากาศเย็นสบาย ไอ๊หยา..นึกถึงอากาศแล้วจิตตก 5555555 นี่ฉันต้องออกจากตู้เย็นไปเข้าเตาอบแล้ว (เหมือนไก่ 5 ดาวเลยเนอะ 55555) แม้ว่าแดดจะร้อนในบางวัน แต่มีไอลมเย็น ๆ พัดผ่านตลอด คงจะเป็นหางลมหนาวที่ยังหลงเหลืออยู่ มาได้ถูกช่วงเวลาสุด ๆ

วันสุดท้ายแล้วจะไปไหนดี? ไม่เอา expo แล้ว เพราะอู๋บอกว่าถ้าไม่ใช้ บัตรจะเก็บไปขายต่อได้ ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปจุดอื่น ๆ ที่น่าสนใจแทน เอาแผนที่มากางดูตั้งแต่เมื่อคืน ตอนแรกก็อยากไปหลายที่อยู่ แต่นึกถึงอาการร่อแร่ของสังขารแล้ว เลยตัดสินใจว่า เอาที่ ๆ ไม่ต้องเดินมากดีกว่า อยากกลับไปเก็บบรรยากาศตลาดหน้าสวน Yuyuan และ ฝั่งตรงข้าม The Bund อีกรอบ แบบว่าชอบค่ะ

ตื่นมาก็เห็นอู๋ยืนมองที่หน้าต่าง เราก็ไปยืนดูว่าน้องดูอะไร อู๋ก็ชี้ให้ดูว่าหลังคาเก๋งจีนที่เห็นลิบ ๆ นั่นแหละคือ Yuyuan เดินลัดเลาะจากคอนโดนี่ตรงไปเรื่อย ๆ ก็ถึง อืม...ดูไม่ไกลเท่าไร เอ้าไหน ๆ ก็ไหน ๆ วันสุดท้ายแล้วนี่ จะเดินไว้ลายส่งท้ายหน่อยก็ได้ กลับไปกรุงเทพ กะว่าจะงดเดินสัก 3 วัน 5555555 (ในความเป็นจริงคือ ต้องพักฟื้นคืนกำลังเป็นอาทิตย์เลยค่ะ)

แต่วันนี้ฉันจะ solo เที่ยวเดี่ยวละค่ะ หลงเป็นหลงซิ คนเราเกิดมาตายหนเดียว จะกลัวไรนักหนา? ว่าแล้วก็ยื่นกระดาษให้ฟิลิปเขียนเป็นภาษาจีนว่า “ช่วยโทรหาฟิลิปที่เบอร์XXXXXX แล้วบอกทีให้มารับฉันด้วย” 555555 นึกว่าเก่ง---ใช่ป่ะ แหม...ของมันต้องมีตัวช่วยกันเหนียวอ่ะ มีภารกิจต้องกลับมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่จะตามมาในเดือนสองเดือนข้างหน้า ยังไงก็ต้องกลับไปอย่างปลอดภัยให้ได้ 555555

เมื่อมีตัวช่วย และนัดแนะกับฟิลิปว่าจะไปเจอกันที่หอเรือสูง ๆ ประมาณ 6-7 โมงเย็น แต่ฟิลิปบอกว่าเขาจะไปก่อน 6 โมงเล็กน้อย คงเป็นห่วงพี่สาวเพื่อน (เอาจริง ๆ แล้วปล่อยให้เรารอแง่กอ่ะ)

เมื่อพร้อมแล้วก็พกแผนที่พร้อมออกเดินทางเต็มที่ อะไรที่มองจากที่สูงแล้วมักจะหลอกตา ระยะทางที่ดูเหมือนสั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่สั้นเลยค่ะ แต่ก็สบาย ๆ เพราะไม่ได้เร่งรีบอะไร เดินไปดูนั่นดูนี่ไป เข้าไปในชุมชนนางสั่งเสีย (Nanzhangjia alley) ค่ะ เป็นลักษณะบ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ท่ามกลางความอู้ฟู่ หรูหราของมหานครเซี่ยงไฮ้ เลยถ่ายรูปไว้เยอะหน่อย ตามไปชมได้ในอัลบั้ม facebook ค่ะ เปิดอัลบั้มพิเศษให้ 1 อัลบั้มเลย แพราะ 1 รูปดีกว่าพันคำบรรยาย กรณีที่ใครไม่มี facebook ก็ไปเดินที่เยาวราชก็ได้ค่ะ 55555 ไม่ใช่ริมถนนใหญ่นะคะ เดินเข้าตรอกเงียบ ๆ เก่า ๆ หน่อย มันจะคล้าย ๆ กัน (รับรองว่าอู๋มาอ่านต้องค้านแน่ ...เหมือนเยาวราชตรงไหนอ่ะ 55555) แต่คนไม่แออัด ไม่มีรถเยอะ ๆ เท่านั้นเอง คนจีนที่นี่เหมือนเขาใช้ชีวิตสบาย ๆ สงบ ๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับอะไรเลยค่ะ เดิน ๆ ไปจะเห็นเขาจับกลุ่มกันเล่นหมากรุกจีนมั่ง ไพ่นกกระจอกมั่ง แล้วกลางถนน-บนหัวเราก็มีราวตากผ้า เพราะบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีบริเวณบ้านค่ะ เลยต้องตากผ้ากันแบบนี้ อู๋แวะอุดหนุนหมั่นโถว 2 ลูก ที่จริงเขานึกว่าเป็นซาลาเปา แต่มันเป็นหมั่นโถว ต้องกินกับกับน่ะค่ะ เหมือนเราซื้อข้าวเปล่ากลับไปกินกับกับข้าวที่บ้าน แต่ตลาดนี้ไม่มีหมูปิ้งขาย เลยต้องเดินกินหมั่นโถวเปล่า ๆ 555555 กินไปบ่นไป

ที่จริงว่าจะไปย่านขายของเก่าด้วย อู๋บอกว่าอยู่ตรงนั้น ๆ (แต่เดินจริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าตรงไหน?) เดินไปเดินมา ก็มาถึงตลาดหน้าสวนหยู่หยวนเสียแล้ว ก็เลยบอกงั้นฉันจะเที่ยวที่นี่ ก็เดินดูของสวย ๆ ซื้อของชิ้นสองชิ้นแล้วก็มุ่งหน้าจะไปนั่งรถลอดอุโมงค์ เห็นในโบรชัวร์ว่ามีปลาให้ดู คิดว่าคงเหมือน Ocean world ที่พารากอน ฉันเป็นคนชื่นชอบชีวิตสัตว์โลกใต้น้ำเป็นที่สุด อาจจะเพราะเกิดราศีปู 555555 เกี่ยวไหมนั่น ก็----

กลับเข้าเรื่องดีกว่า แวะถามที่ tourist information กว่าจะได้ความก็เหงื่อไหลไป 15 หยดได้ สรุปว่าเขาแนะนำให้ขึ้นรถเมล์ค่ะ เขาบอกว่า 2 ป้ายก็ถึง ค่ารถ 2 หยวน เราก็..โอเค อยากขึ้นรถเมล์มั่งเหมือนกัน ก็เดินไปตามทางที่เขาบอก แต่ว่า...เอ้อ...ป้ายอยู่ไหนล่ะนี่? 55555 กรำ รู้งี้ขึ้นตุ๊ก ๆ หน้าตลาดก็ดี แต่ก็น่ะ จะคุยกันรู้เรื่องเหรอ เอ้า มองหาคนหน้าตานักศึกษาหน่อยดีกว่า กว่าจะเจอคนที่ยอมคุยด้วยนี่ หน้าแดงเพราะตากแดดหลายสิบนาที 5555 หนุ่มน้อยผู้หวังดี (แต่เจตนาร้าย) บอกว่าทำไมต้องขึ้นรถเมล์? เดินตรง ๆ ไปเนี่ยะก็ถึงแล้วเจ๊ ไม่ไกลดอก.... ฉันไม่บังควรเชื่อเล้ย ให้ตายซิ ไอ้เดินตรง ๆ ไปก็ถึงนี่ถูกค่ะ แต่มันไกลมากกกกก เดินแล้วเดินเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยง่ะ เดินลากสังขารไปเรื่อย ๆ จนถึงแบ้งค์กรุงเทพ โอ้ว....นี่มันแบ้งค์เหรอเนี่ยะ ตอนแรกคิดว่าเป็นสถานทูตเสียอีก เห็นธงชาติไทยลิบ ๆ ตั้งแต่วันที่มาเที่ยว The bund วันแรกแล้ว ลืมคิดว่าไปเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่ปักกิ่ง จะมีสถานทูตได้ไง

ชื่อแบ้งค์กรุงเทพ ก็น่าจะมีพนักงานพูดภาษากรุงเทพได้ซิน่า จะได้ถามว่าที่เดินมาเนี่ย มันถูกทางหรือเปล่า? หลังจะหลุดแล้ว ฮือ ๆ ปรากฏว่าผิดหวังอย่างแรง เดินสะโหลโผเผเข้าไป เจอพนักงาน 2-3 คน รปภ. 1 นาย นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก แถมสิ่งมีชีวิตที่เจอ ไม่มีใครพูดภาษากรุงเทพเลยซะคน แง๊ ๆ แต่ก็ยังดีนะคะ ภาษาอังกฤษพอได้ แต่คนที่ถามคนแรก ไม่รู้จักที่เราจะไปดู 555555 เฮ้อ ~~~ อุปสรรคช่างมากมี เมื่อได้คำตอบแล้วว่าเดินไปอีกหน่อย(ที่ไม่หน่อยเท่าไร) ก็ถึง ฉันก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าโซฟาน่านั่งจัง ขอพักเอนหลังสักปูเหลียวนึงน่อ ...เจ้าหน้าที่คงเห็นว่าอาซิ้มจากไทยแลนด์คนนี้ท่าทางจะเหนื่อยจริง ๆ ก็เลยอนุญาตให้นั่งพักได้

ไม่ได้นั่งนานหรอกค่ะ เพราะรปภ.ส่งสายตามาบ่อย ๆ 5555 ท่าทางจะไม่ชินกับการมีแขกมาขอนั่งพักในแบ้งค์ จึงรวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินต่อไป (ฟังดูแล้วเป็นการเดินทางที่สาหัสเนอะ55555 แต่จริง ๆ มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เล่าให้เว่อร์ ๆ เข้าไว้เพื่อความบันเทิงของผู้อ่าน อิอิ)

ในที่สุดก็มาถึงจนได้ Bund Sightseeings Tunnel รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากซื้อตั๋วไปในราคาค่อนข้างแพง 55 หยวนไป-กลับ แล้วก็เดินลงไป....


อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ~~~ 555555 ถึงอีกฝั่งแล้ว ถึงแบบงง ๆ แล้วไหนล่ะปลา? ไม่เห็นมีอะไรให้ดูเลย นอกจากไฟวิบวับ เหมือนนั่งรถไฟเข้าถ้ำที่สวนสนุกโยโย่แลนด์ซีคอนเลย แง๊...เสียดายตังค์ 55 หยวนอ่ะ 55555 งานนี้โดนหลอก เซ็ง ๆ ๆ เอ้าไหน ๆ ก็ข้ามมาแล้ว ไปเดิน ๆ ดูสักหน่อยว่ามีอะไรให้ดูมั่ง ฝั่งนี้ไม่สวยเหมือนฝั่ง The Bund ค่ะ แม้ว่าจะโผล่มาแล้วเจอหอไข่มุกอยู่ติด ๆ กับลูกตาก็ตามที ก็สู้อยู่ฝั่งโน้นไม่ได้ ขึ้นมาแดดเปรี้ยงเชียว ถ่ายภาพไม่สวย เลยนั่งรอกะให้แดดร่มลมตก จะถ่ายรูปต่อ ถามว่าทำไมไม่เดินไปเที่ยวที่อื่นต่อ มันหมดแรงแล้วอ่ะ ระหว่างนั่งรอ ก็ถ่ายรูปตัวเองไปพลาง ๆ 55555 นึกได้ว่ากล้องมีปุ่มตั้งเวลานิ เพลินดีค่ะ ตอนแรก ๆ วิ่งไปไม่ทันมั่งล่ะ กะจังหวะผิด อวัยวะมาไม่ครับมั่งล่ะ ลบทิ้งหมดค่ะ เพราะไม่ไหวจะเคลียร์ บางรูปมาแค่ขา 1 ท่อน บางรูปก็เป็นผีหัวขาด บางรูปมาครึ่งซีก กว่าจะกะได้ถูก ก็มีรูปไหว เพราะวิ่งเข้าไปช้าไปหน่อย นั่งขำอยู่คนเดียว เหมือนเบิร์ดในหนังเรื่องหลังคาแดง 55555

ถ่ายรูปเสร็จก็ชักเบื่อแล้ว จะกลับไป The Bund ละ เอ้า...จำทางลงไปอุโมงค์ไม่ได้ 55555 กรำจริง ๆ เดินหาให้ควั่กซิ ขนาดว่ามันไม่ไกลนะคะ แต่ความที่ไม่ได้สนใจจำทางไง ไม่รู้นึกยังไง 5555555 เฮ้อ...หาเรื่องเดินมากขึ้นได้เก่งจริง ๆ เลยตรู

กว่าจะถึงที่นัดหมายก็แทบเดี้ยง นั่งรออยู่นานเลยค่ะ ไม่มีเก้าอี้แบบมีพนักเลยนะ อยากเอนหลังอ่ะ...ทำไมฟิลิปยังไม่มาซะที ท้องร้องแล้ว นึกได้ว่าตั้งแต่ออกจากคอนโดมายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากไอติมโคน 1 อัน เอาไงดี? แถวนี้ไม่เห็นมีร้านอาหาร แต่มีร้านสะดวกซื้ออยู่ ลองเดินไปดู เห็น “ด๊อกบกกี” ใครที่ดูซีรี่ส์เกาหลีบ่อย ๆ ต้องรู้จักแน่ ๆ ที่เป็นลูกชิ้นบ้าง เต้าหู้บ้างเสียบไม้ แล้วแช่ไว้ในหม้อพะโล้ร้อน ๆ (เดานะคะว่าเป็นพะโล้ สีมันคล้าย ๆ) แต่คิดไปคิดมางัดหมากฝรั่งมาเคี้ยวดีกว่า แล้วเดินไปที่ Tourist information ให้เขาช่วยโทรหาฟิลิป เขาบริการให้ฟรีด้วยค่ะ คราวนี้เจอพนักงานพอพูดรู้เรื่อง ฟิลิปบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะไปถึง
พอมืดลง อากาศก็เย็น เป็นแบบนี้ทุกคืนเลยค่ะ เวลาอยู่คอนโดเนี่ยะ เปิดหน้าต่างนอน แสนจะสดชื่นอย่าบอกใคร นึกถึงเรื่องอากาศแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปเจอไออุ่น ๆ อยากพกเอาความเย็นสดชื่นจากที่นี่กลับไปด้วยจัง
กลับถึงคอนโดก็แช่น้ำร้อนก่อนเลย เรื่องแปลกแต่จริงค่ะ อาการปวดหลังเนี่ย แค่แช่น้ำร้อน ๆ นาน ๆ ก็บรรเทาลงเยอะเลยนะคะ เพราะวันนี้กลับไว (ปกติกลับที่พักเที่ยงคืน) เลยมีเวลานั่งคุยกัน แล้วก็ดูทีวี ฟิลิปเขาดูหนังไทยค่ะ เรื่อง ลองของ 555555 ไอ้เราอยู่เมืองไทยยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เลย สยดสยองพอประมาณ ดูนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้จะดูแต่เกาหลี หนังอื่น ๆ ไม่ได้ดูเลย แต่ขนาดดูหนังเกาหลีมาเกือบ 100 เรื่องยังแทบไม่รู้จักชื่อดาราเลย ดูเพลิน ๆ ไป ไม่ได้ติดตัวแสดง แต่ชอบเรน กับซองเฮเคียว เพราะเป็นเรื่องแรกที่ดู

พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว ฟิลิปถามส่งท้ายหาบทสรุป (เหมือนป๊ากเลยนะ 5555)

ถ. ชอบเซี่ยงไฮ้ไหม?
ต. ชอบมาก
ถ. ชอบอะไร
ต. ชอบที่สุดคืออากาศนี่แหละ
ถ. ชอบอากาศเย็น ๆ เหรอ?
ต. อืม
ถ. งั้นมาอีกทีเดือนพ.ย. ซิ หนาวมากที่นี่ บางปีมีหิมะด้วย
ต. หนาว ๆ ไม่เอา ชอบแบบนี้
ถ. ถ้าชอบอากาศสดชื่น ๆ แนะนำให้ไปจิ่วไจ้โกนะ ที่นั่นอากาศบริสุทธิ์สุดบรรยาย
 อยากบอกว่า อากาศของเซี่ยงไฮ้นี่ก็ดีพอแล้วค่ะ คุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วไปนั่งในห้องนอน ดูแสงสีส่งท้าย จากนี้ไปอีกกี่ปีหนอจะได้หวลกลับมาเยือน?
 หลับผล็อยไปก่อนหอไข่มุกดับไฟ Good night Shanghai

ไม่มีความคิดเห็น: