วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Rhythms of Shanghai Rain..another expo day!!

สงสัยจะบ่นมากไป 555555 มีคนบอกว่าชักขยาด expo แต่ก็ยังอยากไปสักวัน สนับสนุนให้ไปค่ะ แต่ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนไปจะได้ไม่เหนื่อยเท่าผู้เขียนไงคะ นี่ก็พยายามถ่ายทอดประสบการณ์ทุกช็อต ทุกฟิล เผื่อว่าพี่ ๆ น้อง ๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ จะได้เที่ยวสนุกขึ้น แล้วก็เหนื่อยน้อยลงไงคะ ^ ^
Day 4 -28 May 2010

เมื่อวานนี้เหนื่อยไปหน่อย เลยขี้เกียจเล่าเรื่องพาวิลเลี่ยนของอังกฤษ วันนี้เล่าสักหน่อยนะคะ พาวิลเลี่ยนอังกฤษออกแบบเป็นแท่งใส ๆ เหมือนแก้วขนาดยาว ๆ นำมาประกอบกันเป็นเม่นทรงสี่เหลี่ยมค่ะ ฟังดูก็ไม่มีอะไรนะ แต่เพราะธีมของ expo คือ better city, better life พวกยุโรปส่วนใหญ่ก็จะเน้นว่าธรรมชาติคือหัวใจที่ทำให้ city better เมื่อ city better…people’s life ก็ better ตามไปด้วย พูดง่าย ๆ ก็คงคล้าย ๆ กับการรณรงค์โลกร้อนน่ะค่ะ ที่ทึ่งก็คือแต่ละแท่ง เขาฝังเมล็ดพืชไว้ค่ะ เดาว่าเป็นพืชสำหรับปลูกป่า มีหลายอย่างเลยค่ะ บางอันก็เป็นใบไม้ เขาใช้แท่งแก้วนับหมื่น ๆ แสน ๆ แท่งมาประกอบเป็นพาวิลเลี่ยนค่ะ เป็นพาวิลเลี่ยนหนึ่งที่ออกแบบได้น่าดูค่ะ ถ้าไปโซน C ไม่ควรพลาดค่ะ ไปเข้าคิวตอนเย็น ๆ ก็ได้ค่ะ ไหลเร็วดี


นอนชาร์จพลัง ตื่นสายกันทั้งพี่ทั้งน้อง ลงไปห้องอาหาร เหลือเวลากินแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ก็เกินพอแหละค่ะ เพราะไม่หิวเท่าไร เนื่องจากตั้งแต่มาจีนวันนี้เข้าวันที่ 3 แล้วยังไม่ได้อึ๊เลยอ่ะ ท้องผูกอย่างแรง 55555 ต้องดื่มนมสด แล้วตามด้วยกาแฟ อยู่บ้านจะกินงี้ทุกเช้าค่ะ นมสด ไขมัน 0% ขนมปังปิ้ง แล้วก็กาแฟ มาที่นี่หาซื้อนมสดไขมัน 0% ไม่เจอ ดื่มนมสดธรรมดาก็ได้ หลังจากเข้าส้วมเรียบร้อยแล้วก็อาบน้ำร้อน ๆ อีกที เพื่อประพรมหลังเตรียมพร้อมรับศึกหนักอีก เพราะพวกเขาบอกว่าจะไป expo อีกแล้ว แต่ไปบ่าย ๆ หน่อยตั้งใจจะอยู่จน expo ปิดกันล่ะมั้งเนี่ย กลุ้มจริง ๆ ตู...ว่าแล้วก็เอาหลังแช่น้ำร้อนต่ออีก 10 นาที น้ำร้อนนี่ช่วยได้เยอะเลยนะคะ


วันนี้ฝนตกค่ะ แต่ตกแบบพร่างพรายคล้ายน้ำเนตร เดินหรือยืนตากได้สบาย ๆ ไม่เปียกเท่าไร ฉันเป็นคนไม่ชอบถือร่ม (และอื่น ๆ ก็ไม่ชอบถือ 55555) เลยใส่เสื้อแขนยาว กับหมวกแทน พร้อมออกเดินทางกันแล้วค่ะ แวะซื้อแตงกวาไว้เป็นควายเคี้ยวเอื้องในคิว วันนี้พวกเรามาเที่ยวโซน A กันค่ะ คนเยอะกว่าที่เห็นเมื่อวานนี้อีก โซนนี้มีพาวิลเลี่ยนของจีนด้วยค่ะ มหึมามาก คนก็มหาศาล เห็นแล้วขนลุก โดยเฉพาะบริเวณไขสันหลัง 5555555 แบบว่ามันต้องเมื่อยมาก ๆ ๆ แน่เลยนะนั่น ขนาดของพาวิลเลี่ยนจีนใหญ่ขนาดไหน? ขนาดว่าวันต่อมาขึ้นไปบนตึกสูงสุดของเซี่ยงไฮ้ มองลงมาแทบไม่เห็นอะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่เห็นพาวิลเลี่ยนจีนโดดเด่นประมาณนักบินอวกาศเห็นกำแพงเมืองจีนขณะอยู่นอกโลกแหละ แล้วจริง ๆ ถ้าอยากไปดูวันนี้ก็ผิดหวังอยู่ดี เพราะเต็มแล้วค่ะ เขาให้ไปจองคิวล่วงหน้า เหอ ๆ ๆ

อู๋มุ่งมั่นว่าจะดูพาวิลเลี่ยนซาอุให้ได้ พวกเราก็เดินฝ่าน้ำมนต์พรมจากฟากฟ้ามุ่งไปที่พาวิลเลี่ยนซาอุทันที SOMG!!! (super oh my god) ดูคิวนั่นดิ ยิ่งกว่าคิวเยอรมันอีกเท่าตัวล่ะม้างเนี่ยะ พวกคณะแยกตัวไป ฉันเปลี่ยนใจทีหลังตามไปสมทบพวกเขา ปล่อยนายอู๋ตากฝนอยู่ในคิวคนเดียว พวกเราขึ้นไปบน Culture Pavilion กันค่ะ ที่หน้าตาเหมือนจานบินน่ะ เป็นเหมือนศูนย์การค้า มีร้านค้า ร้านอาหาร ไปรษณีย์ โรงหนัง มีแม้กระทั่ง ice skate แต่พวกเราออกไป นอกชาน กันค่ะ ลมตึงเชียว อากาศก็เย็นเพราะฝนตก วันนี้เป็นวันที่ไม่มีแดดเลยทั้งวัน เดินรอบ ๆ เก็บภาพบริเวณงาน expo ได้ทั้งหมดงาน รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหวงปูด้วย มารู้อีกทีหลังจากที่กลับมาแล้ว เขามีทางรอดอุโมงค์ใต้น้ำให้เดินไปได้ จัดแบบ sea world ที่สยามพารากอน มันจะเป็นยังไงก็สุดรู้ เพราะไม่ได้ไปอ่ะ เสียดายจัง ฮือ ๆ รู้แต่ว่ามีเรือข้ามไป เพราะมองเห็น แต่ก็น่ะ...ไม่ได้ไป...555555

เดินชมวิวจนจุใจ และเมื่อยสุด ๆ แล้ว ขนาดว่าพาฯ นี้คิวสั้นมาก ๆ นะคะ ยังปวดหลังเลย ต้องแอบนั่งพิงกำแพง แต่จะนั่งบ่อยก็ไม่ได้ เกรงใจคนที่จะมาช่วยดึงขึ้น 555555 คือนั่งแล้วลุกเองไม่ได้ง่ะ ถ้าร่างกายไม่เจ็บปวด คงมีอารมณ์ตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ (บ่นอีกแระ 555555)


ตอนนี้ก็ประมาณบ่าย 3-4 ได้มั้งคะ เวลาแว้บไวเหมือนโกหก 5555555 คณะชวนกันลงมาหาที่นั่งกินข้าวกัน ร้านอาหารมีให้เลือกเยอะค่ะ หลายราคา ไม่ต้องกลัวอดกลัวแพงค่ะ ข้างบนก็มี แต่ท่าทางจะแพงเอาเรื่องเพราะเป็นระดับภัตตาคาร ข้าวแกงที่เข้าไปกินกันราคาไม่แพง รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ

ฉันแยกตัวไปไปรษณีย์ว่าจะซื้อ post card ส่งให้เพื่อน และพี่ตุ้มซะหน่อย ไปถึงเจอแต่แบบเป็นเล่ม เป็นกล่องเป็นชุด ๆ เลย หาซื้อแบบแผ่นเดียวไม่มี เดินกลับมาเจอพรรคพวก ได้ความว่าโทรคุยกับอู๋เมื่อครู่ เดี๋ยวอู๋จะมาสมทบ ก็ถามว่าเขาดูเสร็จแล้วเหรอ ปรากฎว่ายังไม่ได้เข้าไปดูเลย 5555555 เกิดการวิวาทชกต่อยกันในคิว ไม่ใช่แค่จุดเดียว แต่หลายจุด อู๋ผู้รักสงบก็เลยตัดสินใจสละตำแหน่งและโอกาสทิ้งคิว โถ...น่าสงสารนะ 555555 ยืนตั้ง 2-3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เข้าไปดูเนี่ยะ---สม! 555555555 นึกถึงหน้าแล้วขำ ตอนที่เห็นน้องเดินเข้ามาในร้านอาหารเนี่ยะ หน้าซีดหน้าเซียวเลยแหละ 5555555 นึกดีใจว่าโชคดีจังที่เปลี่ยนใจ (ช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีเนอะ)


ตอนแรกว่าจะไปเข้าคิวญี่ปุ่นกันค่ะ แต่อู๋ผู้ผ่านสมรภูมิคิวซาอุมาหมาด ๆ บอกว่าไม่ไหว 5555555 เพราะนอกจากพาฯญี่ปุ่นจะอยู่ไกลแล้วยังมองเห็นคิวคนหนาแน่น...ถอดใจ 555555 เลยตกลงว่าจะพักผ่อนอิริยาบถด้วยการถ่ายรูปกันดีกว่า เพราะฝนตกมั้งคะ ตรงลานเลยเกิดแอ่งน้ำ พอถ่ายรูปก็มีเงาสะท้อนในน้ำ สวยมากค่ะ รูปจะเอามาลงให้ชมทีหลังนะคะ ฉันเสนอว่าไปนั่งรถเที่ยวกันดีกว่า แต่ความจริงคือ..มีคิวยาวเหมือนกันที่จะรอนั่งรถเที่ยว สรุปว่างาน expo มีแต่คิว ๆ ๆ ๆ มันน่าจะชื่อ Queue Expo นะ -*-


เริ่มค่ำแล้ว เพิ่งรู้ตัวกันว่าวันนี้ยังไม่ได้เข้าไปดูสักพาวิลเลี่ยนนึงเลย แง๊ ๆ เค้าจาเอาวีซ่า 555555 หันรีหันขวาง ประมาณต้องเอาให้ได้สัก 2-3 วีซ่า เห็นเกาหลีเหนือ เล็ก ๆ ไม่มีคนเข้าคิวอีกต่างหาก เลยพุ่งเข้าไปทันที แล้วพุ่งออกมา 555555 ก็มันไม่มีอะไรเลยอ่ะ ไม่มีกระทั่งวีซ่า -*- แต่ตอนนี้หน้ามืด ประมาณว่ายังไง ๆ ก็ต้องได้วีซ่าให้ได้555555 นั่นเลบานอน...ยังไม่เข็ดจากเกาหลีเหนือ เข้าไปอีกที นี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มืด ๆ อ่ะ ไม่เห็นอะไรเลย 555555555 ออกจากเลบานอนในเวลาที่ทำสถิติล้มเกาหลีเหนือ แต่ได้วีซ่า 55555555 ว้าว...วีซ่าแรกของวัน 5555555 เว่อร์ไหมคะ อิอิ แต่เริ่มเซ็งแล้ว สองอันที่เข้าไปเนี่ยะไม่มีอะไรเลย มิน่าแทบไม่มีคนเข้าไปเลย ยังไม่เข็ดค่ะ ผ่านของอิหร่าน ไม่มีคิวตามเคย แล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูเหมือน 2 อันแรก 555555 ตอนนี้เริ่มได้สติแล้ว นี่เราจะสะสมวีซ่าไปแลกของสมนาคุณเหรอไง เง้อออออ ไม่เอาแล้ว เสียเวลาเสียความรู้สึกเปล่า ๆ อู๋บอกว่าไปดูของสหรัฐอาหรับดีกว่า ให้เหตุผลว่าเป็นประเทศที่รวยมาก อยากรู้ว่ามีอะไร ต้องขอชมเชยไว้ ณ ที่นี้ค่ะสำหรับพาฯ อาหรับ เป็นเรื่องเป็นราวกว่าพาฯ อื่น ๆ ที่ได้เข้าไป หรือแม้แต่ผ่าน คือคิวเขาก็มีม้าให้นั่ง มีทีวีให้ดูแก้เบื่อ ประทับใจค่ะ เข้าไปข้างในก็มีหนังให้ดู ดูแล้วทึ่งมาก ที่ประเทศที่ครั้งหนึ่งมองไปทางไหน ๆ ก็มีเพียงฟ้าจรดทราย บัดนี้ พลิกโฉมเป็นประเทศทันสมัยชั้นนำของโลก เพราะนอกจากใต้ผืนทรายมีน้ำมันแล้ว ในน้ำยังอุดมไปด้วยไข่มุก รวยซะให้พอ..ว่างั้นเถอะ เดินออกจากพาฯเศรษฐี เห็นตึกฉลุลายสวยงามของมอร็อคโค เลยว่าลองเข้าไปดูกันหน่อย ข้างในสวยมากค่ะ แต่...แต่....แต่....5555555 ไม่อยากบอกเลย พอเข้าไปแล้วเขาก็บังคับให้ขึ้นไปชั้นบนทาง บันได ค่ะ เมื่อยอ่ะ แบบว่าตอนนี้อยากนอน 5555555 ปวดหลังสะสมมาเป็นวันที่ 4 แล้ว แต่เขาไม่ยอมให้ย้อนศร ก็จำใจต้องไต่บันไดขึ้นไป มอร็อคโคเป็นประเทศที่มีศิลปะงดงามดีค่ะ ดู ๆ แล้วก็น่าไปเที่ยวประเทศเขาเหมือนกัน แต่ทำไมไม่ติดลิฟท์ฟระ? 55555555 จริง ๆ มีช่องลิฟท์นะคะ สวยด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่ติดตั้งให้แล้วเสร็จ
เหนื่อยมากค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาปิดแล้ว ก็แยกย้ายกันเข้าห้องน้ำ ออกมาหลง...panic!!! แง๊ จำทางไม่ได้ ปวดหลังก็ปวดอ่ะ หายไปไหนกันหมดฟระ 55555 เซ็ง ๆ ๆ มือถือก็ไม่มี อย่าว่าแต่ทางไป subway เลย...ง่าย ๆ แค่จากจุดที่ยืนไป exit ก็ไม่ได้จำทาง แว๊กกกก จะได้กลับไหมเนี่ยะ 555555555 คนน้อยลงก็จริง แต่ก็ยังหนาตา จะหาพรรคพวกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เอาไงดีเนี่ยะ เซ็งจัง


แต่ด้วยว่าชะตายังไม่ถึงฆาต ก็เจอกันในที่สุด 555555 อู๋บอกหายไปไหนมา...-*- จะหายไปไหน ก็หลงน่ะเซ่ ทีนี้เลยทำการตกลงกันไว้เลยว่าต่อไปถ้าเกิดกรณีขึ้น ให้กลับไปเจอกันที่โรงแรมเป็นคำตอบสุดท้าย แต่ฉันมีคำถามสุดท้ายอีกว่า....จะกลับโรงแรมไงฟระ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง 555555555 อนาถ....

แถมขากลับ อู๋บอกว่าลองไปลงอีกสถานีนึง จำได้ว่าใกล้โรงแรมมากกว่า ปรากฏว่าน้องฉันพาหลงอีกแย้ววววว เวงกรำจริง ๆ อยากทุ่มทุกอย่างที่มีประเคนใส่ แต่ไร้แรงจะทำได้ 55555555 ก็ขนาดว่าควักซองจดหมายโรงแรมที่มีทั้งชื่อจีน ชื่อฝรั่ง ตลอดจนที่อยู่เสร็จสรรพ ยังไม่ได้ช่วยอะไรเลยอ่ะ แถมเจอคนใจดี(แบบร้ายลึก) ชี้ทางมั่ว ๆ ให้อ้อมโลกอีกอ่ะ TT^TT เที่ยงคืนแล้ว ยังเดินมะงุมมะหงาท่ามกลางอากาศหนาวชื้นอยู่เลย

แต่สรุปก็...กลับถึงโรงแรมแบบงุงิ ง่วงนอนเต็มที่แต่โดยไร้รอยขีดข่วน (ถ้าไม่นับรอยย่นที่หว่างคิ้วนะ)

จบงาน expo อย่าง expired ไปอีก 1 วัน.

ไม่มีความคิดเห็น: