วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Bike@Banglumpoo

ตกลงเขาจะใช้ภูเภา รึพูพานกัน?

ชอบท่องเที่ยวมาตั้งแต่ยังเป็นน้ำชาใส ๆ ถ้วยน้อย ๆ จนยามนี้เป็นน้ำชาแก่-เข้ม ถ้วยใหญ่ ก็ยังชอบที่จะไปเที่ยวแบบซุกซน ซอกซอน ซ่อกแซ่ก สะเปะสะปะ แม้ว่าสังขารจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย ก็ยังชอบที่จะผจญภัยยันตรายด้วยถือคติว่า..คนเราถ้ามันถึงที่แล้ว นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ก็สามารถไปรายงานตัวกับยมทูตได้
หลายปีก่อน..ไปเที่ยวเชียงรายกับน้องชาย น้องชายพาไปขี่จักรยานค่ะ เป็นครั้งแรกที่ขี่จักรยานร่วมถนนกับสารพัดยานพาหนะ ตอนนั้นลุ้นน่าดูว่าจะได้รอดชีวิตกลับมาบ้านหรือไม่? แต่ก็สนุกดี สองคนพี่น้องขี่จากตัวเมืองเชียงรายไปไกลถึงไร่แม่ฟ้าหลวง ดีที่ตอนนั้นหน้าหนาว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหนื่อย
มาคราวนี้ ก็ชวนน้องเหมือนกันแต่เขาไม่ว่าง เอาวะ..ลองดูสักตั้ง ไปขี่คนเดียวก็ได้ แต่จะไปขี่ที่ไหนดีล่ะ? เข้าเน็ตหาข้อมูลค่ะ ด้วยความที่ช่วงนี้กำลังฮิตกินข้าวแช่ ร้านแม่สิริอยู่ในเป้าหมายที่อยากลองชิม เลยคิดว่า...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ไปเที่ยวบางลำพู-ภู (ไม่รู้ว่าอันไหนสะกดถูกขอเรียกควบเป็นเสียงเอ๊คโค่แล้วกันนะคะ) ท่าจะไม่เลว
เกิดมาจนครึ่งชีวิต ยังไม่เคยไปเดินบางลำพู-ภูเป็นเรื่องเป็นราวมาก่อน เลยนึกภาพไม่ออกว่าอะไรอยู่ตรงไหน? คิดวาดภาพซะหรูหราว่าจะขี่จักรยานเที่ยวไปให้ทั่วเลย แผนกับความจริง..บางทีก็สวนทางกัน 55555555 เพราะไปบางลำพู-ภูพร้อมข้อมูล 2 ข้อ 1.ร้านเช่าจักรยานอยู่ถนนสามเสน ซอย 4  2.ร้านข้าวแช่แม่สิริอยู่ตรอกไกรสีห์  ด้วยข้อมูลแค่นี้ อิป้าก็พร้อมจะไปเที่ยวแล้ว การเที่ยว โดยไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการบางทีก็ตื่นเต้นดี แต่ครั้งนี้จะตื่นเต้นหรือห่อเหี่ยว ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ ลองตามมาติด ๆ นะคะ
ตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อกินอาหารเช้า อันประกอบด้วยนมสดไขมัน 0% แคลเซี่ยมสูง กาแฟทองคำใส่ไข่มุก และขนมปังลูกเกดชิ้นโต ด้วยเหตุว่าจะไปปฏิบัติภารกิจ mission impossible ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาครบชิ้นส่วนหรือไม่ จึงร่ายเมลคุยกับผู้เป็นที่รักซะหน่อย ไม่เชิงสั่งเสียหรอกค่ะ เรียกว่าส่งท้ายดีกว่า รอบคอบไหมคะ..ทีเรื่องนี้ล่ะรอบคอบนะ  เข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้วก็พร้อมออกเดินทาง ขึ้นรถเมล์แล้ว..ถึงได้นึกได้ว่าลืมทาโลชั่นกันแดด เง้อ~~ เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้เอาไป แว่นตาอ่านหนังสือก็ไม่ได้เอาไป (ตกลงเอาอะไรไปบ้าง? ก็..เสื้อผ้า รองเท้า เงิน กล้องถ่ายรูปและ MP3)
จากข้อมูลเบื้องต้น ต้องไปต่อรถสาย 15 ที่สยามเพื่อไปบางลำพู-ภู แต่พอมาถึงสยาม ยืนรอสาย 15 เห็นสาย 25 มาโล่ง ๆ อิป้ากระโดดขึ้นหน้าตาเฉย เลยต้องเสียค่าแท็กซี่จากเฉลิมกรุง เพราะจากตรงนี้ไปบางลำพู-ภูไม่ถูกแล้ว เหอ ๆ หาเรื่องตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลย ขนาดเรียกแท็กซี่ว่าให้ไปส่งถนนสามเสนซอย 4 ยังลงผิดต้องเดินหาเลย มีภัยให้ผจญตั้งแต่ก้าวแรกของทริปเลยทีเดียว โชคดีที่วันนี้ร้านให้เช่าจักรยานเปิดเช้า ปกติร้านเขาเปิด 11 โมงค่ะ วันนี้พอดีมีฝรั่งนัดจะขี่ไปฝั่งธนโดยใช้ไกด์ของร้าน ทีแรกก็นึกว่าจะไปด้วย แต่พอบอกว่าข้ามไปฝั่งธน..อั้ยย่ะ..ไว้โอกาสหน้าดีกว่า หลังจากเลือกและลองจักรยาน ไปถูกใจจักรยานสามล้อมีตระกร้าทั้งหน้าทั้งหลัง แต่ร้านบอกว่าคันนี้ไม่ได้มีไว้ให้เช่า เจ้าของหวง เลยต้องเลือก 2 ล้อที่ดูแล้วน่าจะเก้กังพอสมควร แต่ก็..ไม่ลองไม่ตาย เอ๊ยไม่รู้ 555555
เมื่อได้รถที่ถูกใจแล้วก็วางบัตรประชาชนเป็นประกันไว้ จากนั้นก็ขี่รถไปได้เลย เมื่อแรกออกมาถึงถนนใหญ่..รถราขวักไขว่แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ หันซ้าย-ขวา ชั่งน้ำหนัก...เสี่ยงภัยพอกันทั้งคู่ คิดว่าจะเลี้ยวกลับเอาจักรยานไปคืนร้านเขาดีไหม? 555555555 แต่ถ้าถอดใจง่ายขนาดนั้นคงไม่ใช่น้ำชาผู้ซุกซนคนนี้แล้วล่ะ ตัดสินใจขี่ไปเรื่อย ๆ กระจกมองหลังก็ไม่มี มีหูก็เหมือนมีเขา (แย่กว่าหางอีก อย่างน้อยหางยังกระดิกได้) ขี่เป๋ไปเป๋มา หลบทั้งรถทัวร์คันมหึมา รถเมล์ รถเก๋ง มอเตอร์ไซด์และคนเดินถนน (สรุปว่า—หลบหมด และโชคดีเหลือเกินที่หลบพ้น หรืออีกทีพวกเขาหลบเราหว่า? 555555)
มาถึงวัดบวร ลองขี่เข้าไปสักหน่อย ขี่เข้าไปนึกว่าจะดี จะปลอดภัยกว่าถนน แต่การณ์กลับเป็นว่าต้องคอยประคองรถไม่ให้ตกคลองในวัด เครียดหนักกว่าอีก ก็ขี่ออกมาเรื่อย ๆ เจอตรอกเจอซอยที่พอเข้าได้ เข้าหมด มีตรอกหนึ่งแคบมาก ขนาดคนเดินยังต้องเรียงเดี่ยว สรุปอิป้าเดินจูงจักรยานตลอดตรอก ชาวบ้านชาวช่องมองด้วยความงุนงง มาจากไหนเนี่ยะ  แถมเข้าไปแล้วหลงอยู่ในนั้นอีกต่างหาก มันส์จริง ๆ ชีวิต..อะไรไม่เท่าเข้าตรอกไปแล้วพอออกมาถึงถนนกลับมาที่จุดเริ่มต้น  ขี่ไปถึงป้อมพระสุเมรุ มีสวนหย่อมเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่ากระนั้นเลย แวะเข้าไปถ่ายรูปสักหน่อย ตอนอยู่ในสวนพอหาตากล้องได้บ้าง แต่พอไปถึงริมน้ำไม่มีคนเดินผ่านเลยตั้งกล้องออโต้ถ่ายเองก็ได้ โชคดีที่รูปออกมาดูดี
หลังจากขี่แบบพักผ่อนในสวนเล็ก ๆ 2-3 รอบแล้วก็ฮึดออกถนนอีกที เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ใช้เลนจักรยานตามวัตถุประสงค์ของมัน รู้สึก proud ยังไงก็ไม่รู้ซิ คริคริ เลยว่าจะถ่ายรูปไว้สักหน่อย สมัยนี้ทำอะไรเขาต้องอั๊พเฟสตลอด เราก็คนอินเทรนด์เหมือนกันนิ  ตอนนี้แดดก็แรงขึ้น ร้อน แล้วก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ที่เหนื่อยไม่ใช่ขี่จักรยานเหนื่อยหรอกค่ะ แต่หลงกับระวังรถราจนเหนื่อย เลยว่าเอารถไปคืนร้าน แล้วเดินเอาดีกว่า ขี่มาตั้งนานยังหาร้านข้าวแช่ไม่เจอเลย อันนี้เรื่องรอง เรื่องด่วนสำคัญกว่าในนาทีนี้คือ...ร้านจักรยานอยู่ไหนอ่ะ? 55555555 เฮ้อ
ตอนเอาจักรยานไปคืนนึกว่าใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมง แต่จริง ๆ เพิ่งผ่านไปได้ 45 นาทีเอง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่โหดมันฮาเล็ก ๆ เติมสีสันลงในชีวิตที่ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 51 ได้ไม่เลวทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ก็สมัยยังเด็ก ๆ แม่พาไปขี่ 3 ล้อที่ท้องสนามหลวง ยังสามารถทำให้แม่งงด้วยว่าลูกสาวขี่สามล้อคว่ำมาแล้ว
หลังจากเดินหาร้านข้าวแช่จนเจอ และได้กินข้าวแช่ถ้วยกระจิ๊ดริ้ดพอล้อเล่นกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร (แต่อร่อยมาก) และเดินหลงไปหลงมาหาป้ายรถเมล์กลับบ้าน หมดแรงขนาดกลับถึงบ้านแทบจะคลานขึ้นห้องที่บังเอิญอยู่ชั้น 4 แล้วดันไม่มีลิฟท์ ถามว่าเข็ดไหม? ไม่มีศัพท์นี้ในพจนานุกรมของน้ำชาค่ะ ตอนนี้ก็คิดแล้วว่าครั้งหน้าจะไปผจญภัยแบบไหนอีกดี?

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ช่วงเวลาสุขสันต์กับป้าจีรวัสส์ แม่ย่านางแห่งวัฒนา

Incredibly happy time…..
10 มิย. วันนี้ฉันไปเยี่ยมป้าจีด้วยความคิดถึง แล้วเราก็ใช้เวลาด้วยกันอย่างสนุกสนาน จนฉันอยากจะบันทึกไว้ในความทรงจำ นับจากวันที่ฉันพี่หนิงป๊ากได้ไปสวัสดีปีใหม่ที่บ้านป้าจี ก็6 เดือนแล้วที่ฉันไม่ได้เจอป้าจีเลย วันนี้เพิ่งได้ฤกษ์ ฉันไปถึงบ้านป้าจี ประมาณ 10.30 น. ไปช้ากว่าเวลานัดเพราะมัวเดินเอ้อระเหยลอยชายเลือกซื้อผลไม้ติดมือไปหน่อย ได้มะละกอ กับฝรั่ง ซึ่งเป็นผลไม้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ป้าจีลงมาหาในชุดอยู่บ้านสีชมพู ยังคงสดใส ใจดีเหมือนเดิม มีเรื่องคุยกันมากมาย ป้าจีบอกว่ามีคนให้กล้องดิจิตอลมา เอามาให้ฉันสอนให้ป้าจีใช้ ฉันก็เลยบอกป้าจีว่าไม่มีคอมพิวเตอร์ไม่สะดวกหรอกค่ะ ป้าจีใช้ ipad เถอะ วางแผนจะสอนให้ป้าจีเล่น facebook 5555555 ป้าจีฟังแล้วก็บอกว่า ป้าแก่แล้ว มานั่งพิมพ์นั่นพิมพ์นี้ไม่ไหวมั้ง ฉันก็บอกว่ามันมี icon ป้าจีแค่ส่ง icon ก็พอ เช่นหน้ายิ้ม...แปลว่าป้าจีสบายดี หน้าบึ้ง..แปลว่ากำลังไม่พอใจ เป็นต้น แล้วบอกว่าถ้าป้าจีมี ipad จะได้สื่อสารกับฉันได้ไม่ต้องผ่านจิ๋ม แบบว่าพอฉันนัดมาวันจันทร์ ถ้าป้าจีโอเคก็ส่งหน้ายิ้มมา  ไม่โอเคก็ส่งหน้าบึ้ง ป้าจีบอกว่า...เออ น่าสนใจดี แล้วถ่ายรูปก็ดูภาพได้ทันที จอใหญ่เห็นชัดด้วย ถ้าป้าจีซื้อฉันจะมาสอนให้จนกว่าป้าจีจะใช้เป็น 
จริง ๆ ฉันก็ใช่ว่าจะ expert ทาง ipad แต่ถ้าสอนแค่ถ่ายรูป กับส่งเมล (ไว้คุยกับฉันโดยเฉพาะ 55555) เห็นจะพอได้
 ตอนแรกฉันชวนป้าจีออกไปกินที่ terminal 21 อยากให้ป้าจีไปชิมเนื้อกระทะที่ pupper lunch แต่ระหว่างคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฉันเล่าให้ป้าจีฟังว่าฉันทำหลนกิน ป้าจีฟังวิธีทำหลนซะเกิดเปรี้ยวปากอยากกินหลนปูเค็มขึ้นมา
พอฉันเล่าไปว่าวันที่ 26 นี้พี่เจนจะชวนวัฒนาหลายรุ่นไปกินข้าวแช่ที่ร้านของญาติป้าจี ป้าจีก็ร้องว่า อยากไปด้วย แต่ว่ามันตรงกับวันอังคารซึ่งเป็นวันที่ป้าจีนัดเพื่อนมาสังสรรที่บ้าน ป้าจีก็เลยบอกฉันว่า งั้นวันนี้ป้าพาอ่องไปกินข้าวแช่บ้านประชาชื่นก่อนละกัน ป้าจีโทรนัดเพื่อนที่อยู่แถวนั้นไปกินด้วยกันอีก 2 คนค่ะ
ทีแรกก็แปลกใจ แต่พอไปรับเพื่อนที่บองมาเช่ก็ถึงบางอ้อ 5555555 ป้าจีอยากกินหลนปูเค็มน่ะค่ะ เลยไปซื้อ.... เมื่อวานก็เพิ่งกินข้าวแช่ที่ร้านท่านหญิงมาแหม็บ ๆ วันนี้กินอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่เบื่อเลยค่ะ ข้าวแช่บ้านประชาชื่นอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาในปีนี้  ขำว่าตอนกินข้าวแช่ ฉันบอกเพื่อนป้าจีถึงวิธีการกินที่ฉันเพิ่งรู้ไม่นานนี่เองว่าจะกินข้าวแช่ให้อร่อย เขาไม่ใส่กับลงในชามข้าว แต่จะกินกับแล้วกินข้าวตามค่ะ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ข้าวคาว ฉันก็เลยเที่ยวบอกใคร ๆ เวลาเห็นเขากินผิดวิธี ป้าจีก็กระซิบว่าไม่ต้องบอกเขา เพราะเขากินผิดไปแล้ว ฉันก็...เอ้อ..บอกไปแล้วอ่ะ 555555 เลยได้หัวเราะกันทั้งโต๊ มีกับอย่างหนึ่งในชุดข้าวแช่ร้านนี้ที่ฉันไม่เคยเจอที่อื่น คือพริกแห้งยัดไส้ปลาหวานทอด ฉันไม่คิดจะกินพริกแดง ๆ แต่ป้าจีชวนให้ชิม ถ้าป้าจีไม่ได้ชวนชิม ฉันคงพลาดอาหารอร่อยไปแล้ว พอกินหมดเกลี้ยงทุกอย่าง ก็บอกป้าจีว่าชอบพริกนี่มาก ๆ ป้าจีเลยถามว่าเมื่อวานไปกินร้านท่านหญิง เขาไม่มีพริกนี่ให้เหรอ ต้องมีซิ เพราะร้านนี้ก็เอาสูตรมาจากที่นั่น ฉันเลยไม่แน่ใจตกลงเมื่อวานที่ไปกินร้านท่านหญิงมีพริกนี่หรือเปล่า กลับมาบ้านตอนกลางคืนคุยกับม่วง ม่วงยืนยันว่าร้านท่านหญิงไม่มี
 ระหว่างกินข้าวแช่ก็คุยกันอย่างหรรษากับป้าจี สนุกสนานจนบางตอนป้าจีเผลอแทนตัวเองว่า “พี่” 55555555 เนื่องเพราะเวลาฉันคุยกับป้าจีถึงน้องสาวของป้าจี ฉันจะเรียกว่าพี่รัชนีบูล  เหมือนกันกับที่ฉันเรียกพี่หมอกัลยา ในขณะที่เพื่อน ๆ เรียกป้าหมอ
พอขึ้นรถ หลังจากที่ส่งเพื่อน ๆ ลงที่บองมาเช่แล้ว ฉันก็ถามป้าจีว่ามียาต้องกินหรือเปล่า? เพราะเห็นมีร่วมยามาด้วยน่ะค่ะ ป้าจี –วิตามินน่ะ  
แล้วป้าจีก็ย้อนถามฉันว่า ...ป้าต้องกินไหม? (อ้าว 555555 อ่องไม่ใช่คนจ่ายยานะคะ)
ฉัน-กินซิคะ จะได้แข็งแรงอายุยืน ๆ อย่างน้อย 110 ปี
ป้าจี-แล้วอ่องต้องอยู่เป็นเพื่อนนะ (เอ้อ...อ่องจะพยายามค่ะ)
ฉัน –วิตามินนี่ต้องกินตอนไหนเหรอคะ
ป้าจี-หมอบอกว่ากินหลังอาหาร
ฉันเลยหยิบน้ำเปล่าให้ป้าจี
ฉัน-งั้นป้าจีกินเลยค่ะ เพิ่งกินข้าวเสร็จเมื่อกี้พอดี
ป้าจีก็เปิดร่วมยา หยิบวิตามินขึ้นมา
ฉัน-วิตามินอะไรเหรอคะ
ป้าจีตอบชื่อวิตามิน และสรรพคุณ ฉันลืมไปแล้ว  แล้วก็กินทีละเม็ด ๆ ก่อนกินจะบอกชื่อพร้อมสรรพคุณเสร็จสรรพ เพลินมากเลยค่ะ 5555555 แปล๊บเดียวน้ำเกือบหมดขวดเพราะวิตามินที่กินไปสิบกว่าเม็ดได้  ป้าจีบ่นยิ้ม ๆ ว่าเหนื่อยเลย ถ้าไม่ใช่อ่องบังคับ ป้าไม่กินหรอกนะ ขี้เกียจ.... เอ้อ...แต่อ่องป่าวบังคับนะคะ 55555555
แล้วฉันก็คุยเรื่องครูผกายให้ฟัง อยากให้ป้าจีอายุยืนแบบนั้น ป้าจีเลยบอกว่าครั้งหน้าไปเยี่ยมครูผกายบอกป้าด้วย ป้าจะไปด้วย ฉันก็รับปากด้วยความยินดี พอป้าจีรู้ว่าครูผกายอยู่แถวองรักษ์ ก็บอกว่าเสร็จแล้วป้าจะพาไปกินข้าวที่บางปะหัน รู้จักไหม? ฉันบอกว่าพอรู้ว่าอยู่อยุธยาแต่ไม่เคยไปค่ะ แต่ปกติแล้วพี่เจนจะพาไปกินที่แม่ศรีเรือน ป้าจีก็บอกว่าจะพาไปบางปะหัน รับรองว่าทุกคนจะพอใจ ยังไม่ถึงเวลาไป แต่ฉันก็เริ่มสนุกแล้ว นึกอยากให้ถึงเดือนกพ.ปีหน้าไว ๆ หรือว่าเราจะไปเยี่ยมกันก่อนดีคะพี่เจน?
พอรถวิ่งมารัชดา แถวบ้านพี่เก็จ ฝนก็เริ่มตก ป้าจีก็เป็นห่วงฉันถามว่าจะกลับยังไง ป้าไปส่งให้ก่อนไหม? แต่ฉันรู้ว่าเย็นนี้ป้าจีมีดินเนอร์ที่ต้องไป อยากให้ป้าจีกลับบ้านไปพักผ่อนมากกว่าเลยบอกป้าจีว่าไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไปเดินหลบฝนที่ terminal ก่อน ป้าจีจึงให้คนรถขับไปส่งถึงประตูเข้าห้าง ก่อนลงก็ยังถามไถ่ด้วยความอารีว่าเดินคนเดียวได้แน่นะ ฉันจากป้าจีมาด้วยรอยยิ้มเต็มดวงตา เพราะหลายชั่วโมงที่เราอยู่ด้วยกัน คุยเรื่องหรรษากันนั้น ใกล้เคียงกับเวลาที่ฉันอยู่กับครูชัชว์เลยทีเดียว ขอบคุณคุณป้าจีนะคะ สำหรับเวลาดี ๆ ที่ให้หนู
บทความนี้ภาพประกอบไม่สด เพราะฉันไม่ได้เอากล้องไปค่ะ คราวหน้าเจอป้าจีคงสดแล้ว เพราะป้าจีจะมี ipad แล้ว...

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หลนเต้าเจี้ยว..ใจเลี้ยวไปญี่ปุ่น

ก่อนหน้าที่พี่ลีจะเดินทางไปญี่ปุ่น ถึงจะไปแค่อาทิตย์เดียวก็คิดถึง เพราะตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา เราคุยกันเกือบทุกวัน ถึงจะไม่เคยได้พบประสบพักตร์จริง ๆ ก็เถอะ ฉันรู้ว่ามิตรภาพตรงนี้ไม่ใช่สิ่งลวงตา พอรู้ว่าพี่ลีจะไม่อยู่หลายวัน ก็เลยขอให้สอนตำราอาหารสักอย่าง ไว้ทำตอนคิดถึง

ครั้งนี้ขอให้พี่ลีสอน...หลนค่ะ พี่ลีถามว่าอยากหลนอะไรล่ะ เอ้อ..หลนอะไรก็ได้ค่ะ ที่ง่าย ๆ หน่อย 555555 เพราะของง่าย ๆ พอมาถึงมือฉันทีไร มักจะกลายเป็นของยุ่งยากได้ทุกที ไม่รู้เป็นไงซิน่า พี่ลีเดินทางไปตั้งแต่วันจันทร์ แต่เพิ่งได้ฤกษ์ออกจากบ้านวันพฤหัส ไปจ่ายตลาดได้หมูสับมา 1 ขีด เต้าเจี้ยว 5 บาท (จริง ๆ พี่ลีให้ใช้เต้าหูยี้ แต่อยากใช้เต้าเจี้ยว) หอมแดง7-8 หัวไม่เล็กมาก พริกชี้ฟ้าพริกหยวกอย่างละ 3 เม็ด ไข่ไก่ 6 ฟอง ..ถามแม่ค้าว่าฟองเดียวไม่ขายเหรอ? เกือบโดนปาไข่ พูดเล่นหรอกค่ะ แค่แม่ค้าหน้าหงิกไม่คุยด้วยเท่านั้นแหละ กะทิ 1 กล่อง แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกวางตุ้ง  กลับมาถึงบ้านก็ล้างเต้าเจี้ยวก่อนเลย แม่ค้าบอกให้ล้างน้ำค่ะไม่งั้นจะเค็มมาก แต่ไม่รู้ว่าต้องล้างกี่รอบ แต่แม่ค้าบอกว่าเค็มมาก เลยขัดสีฉวีวรรณซะความหวานแทบมาแทนที่ หมูสับก็ล้าง 555555 ติดนิสัยแอกอนิกส์มาจากคุณนายเก็จวรงค์ ผักทุกชนิดแช่น้ำไว้หมดค่ะ เสร็จแล้วลำเลียงเก็บเข้าตู้เย็น แบบว่าเหนื่อยแล้ว ไว้ค่อยทำพรุ่งนี้ละกัน

พี่ลีได้สอนไว้ว่า...ให้เอาต้นตะไคร้อ่อนมาซอย พอดีปลูกไว้ (เป็นพืชสวนครัวชนิดเดียวที่ปลูกแล้วไม่มีปัญหา 55555) ตื่นแต่เช้ามาก็ออกไปขุดต้นตะไคร้ค่ะ แล้วเอามาล้าง ๆ ๆ มันน้อยไปหน่อย ออกไปขุดมาอีก แต่ขุดไม่ออก 555555 ไม่มีแรงขุด เพราะยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเลย ก็เลยเอาเท่าที่มีละกัน ระหว่างต้มน้ำชงกาแฟ ก็ลำเลียงวัตถุดิบออกมาถ่ายรูป กินข้าวเช้าไปก็ทำอาหารกลางวันไป อะไรจะวุ่นวายปานนี้เนี่ยะ

ตอนปอกหอมแดง นึกเสียใจที่ซื้อมาน้อยไปหน่อย น่าจะซื้อมาอีกสัก 3-4 หัว น้ำเดือดแล้วก็เทน้ำชงกาแฟเพื่อเตรียมใช้หม้อทำหลนต่อไป มีหม้อยังชีพกับเขาอยู่หม้อเดียว ใช้สารพัดสาระพันประโยชน์ ชิวิตพอเพียงของแท้แน่นอน 5555555

ตอนพี่ลีบอกว่าตอนต้มกะทิ ไม่ต้องให้แตกมัน...ยังถามว่าดูยังไงแตกมันไม่แตกมัน ดูเป็นแต่ช้างตกมัน 5555555  พี่ลีก็เลยบอกว่างั้นต้มให้พอเดือดแล้วก็แล้วกัน แล้วก็เททุกอย่างลงไป ...จบ

โอ้โหเฮะ ง่ายปานนี้เชียวเหรอคะพี่ลี! 55555555 ถูกโฉลกน่าดู แล้วปรุงรสด้วยอะไรบ้างคะ? พี่ลีบอกว่าไม่ต้องปรุงรสเลย รสหวานจะออกมาจากหอมแดงและไข่ รสมันมาจากกะทิ และหมู รสเค็มและเปรี้ยวมาจากเต้าหูยี้ และรสเผ็ดมาจากพริก

แต่คงเป็นเพราะฉันไม่ได้ใช้เต้าหู้ยี้ แต่ใช้เต้าเจี้ยวที่ล้างจนความเค็มแทบจะหายไปหมด ฉันเลยทดแทนด้วยเกลือเล็กน้อย และไม่มีความเปรี้ยวเลย...ทำไงดีล่ะ วิ่งลงไปชั้นล่าง (จากชั้น 4) ได้ออกกำลังกายแต่เช้าเลย 555555 ลูกน้องใจดี ขับมอเตอร์ไซด์ไปเอามะขามเปียกจากบ้านมาให้ แล้วความหวานจากหอมแดง...เพราะใส่น้อยไปหน่อย เลยต้องทดแทนด้วยน้ำตาลปี๊บ+น้ำตาลทรายเล็กน้อย  พอชิมแล้ว...อยากให้ถึงกลางวันเร็ว ๆ จัง เพราะอร่อยมาก 555555

หลน เป็นน้ำพริกที่ใช้ของเหลือในครัว...พี่ลีบอกค่ะ มีอะไรเหลือ ๆ ในครัวใส่ได้หมด ลองทำกันดูนะคะ แล้วจะพบว่าอาหารอร่อย ๆ ที่ทำง่าย ๆ ไว้จิ้มผักแอกอนิกส์กิน เป็นอาหารที่ง่าย แต่คุณค่าโภชนาการสูงทีเดียว.