วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มหากาพย์แก๊งแม่กลอง

The more the merrier…

28 มิย. 2011 คงจะเป็นวันที่อยู่ในใจพวกเราเหล่าวัฒนาหลายรุ่นอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่สาว ๆ วัฒนา 13 คน จากรุ่น 89-93-99-100-102-104-105 และ 106 ได้นัดแนะกันไปเที่ยวเพื่อกินข้าวกลางวันกันถึงแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม


แล้วเรื่องมันเป็นไป เป็นมาอย่างไรถึงได้เกิดทริปแก๊งแม่กลองนี้ขึ้นมาได้? ต้องขอบคุณ หู ของฉันโดยแท้ เพราะมันทำให้หลาย ๆ คนจำเป็นต้องสื่อสารผ่านอีเมล อันสามารถจัดเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิงได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่มีอีเมลเก็บไว้  ฉันก็คงงง ๆ เหมือนกันว่าความเป็นมาของมหากาพย์บทนี้มันเริ่มจากตรงไหน แล้วไฉนขยายตัวจนเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงปานนี้? เพราะระยะเวลาเตรียมการยาวนานถึง 2 เดือนทีเดียว

จุดเริ่มต้นมาจากเมื่อตอนสงกรานต์ ฉันได้ไปกินข้าวกับพี่หนิง พี่เก็จที่มหาชัยค่ะ แล้วทำไมถึงได้ไปกินข้าวกันไกลขนาดนั้น? ต้องเชิญทุกท่านย้อนกลับไปอ่านบทความที่ชื่อว่า..มัชฌิมสงกรานต์..ค่ะ ครั้งนั้นเราได้ถ่ายรูปแล้วนำไปลงใน FB  และพี่เจนกับพี่ Tippy ก็บังเกิดความสนใจที่จะไปชิมอาหารที่ร้านคุณตุ่มนี้บ้างนี่คือจุดเริ่มต้นค่ะ...เริ่มต้นเป็นร้านคุณตุ่มมหาชัย เหลาไป ๆ กลายพันธุ์เป็นร้านบ้านเรือริมคลองแม่กลองได้ยังไง??? 5555555 ก็เพราะทริปนี้มี organizer มือใหม่ที่แสนจะสุโค่ยที่ชื่อ อ่อง ไงคะ 555555555 (ฟังคล้าย ๆ organic เลยค่ะ 55555 แต่อ่องจะปลอดสารพิษหรือเปล่าซิ)

ตอนแรกก็กะจะนัดกันแค่พี่ Tippy แก๊งสุโค่ยและพี่หนิง ไป ๆ มา ๆ ทำไมถึงขยายสาขาได้? เรื่องของเรื่องคือระหว่างรอพี่ Tippy นัดวันว่าง ฉันก็เที่ยวชวนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย เจอใครก็ชวนหมด 5555555 หายใจเข้าออกเป็นมหาชัยทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนท่าฉลอม วิธีการชวนก็ออกจะเลื่อนลอยมากค่ะ ประมาณว่า
-พี่...ไปกินข้าวที่มหาชัยกันไหมคะ?
-ไปเมื่อไรจ๊ะ?
-ยังไม่รู้เลยค่ะ
-อ้าว...งั้นมีใครไปบ้างจ๊ะ?
-ก็ยังไม่แน่ใจค่ะ
-เอ้อ...พี่ควรจะไปไหมนั่น? 555555555555

ก่อนไปเยอรมัน พี่เจนเห็นฉันเที่ยวชวนคนนั้นคนนี้ ก็แซว ๆ ว่าสงสัยพี่ต้องเช่ารถบัสแล้วล่ะมั้งทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าบอกฉันว่า the more the merrier อยู่แหม็บ ๆ ฉันยังขำเมลสุดท้ายที่พี่เจนส่งจากสุวรรณภูมิอยู่เลยค่ะ ...พี่เจนบอกว่าหวังว่าอ่องคงไม่ชวนคนหมดกรุงเทพนะ 5555555555 คุณน้องหาได้สำนึกไม่...บอกพี่เจนว่า...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่เกือบหมดโรงเรียนวัฒนา ...พี่เจนคงนึกในใจว่าไม่น่าหลุดปากไปเล้ย ไอ้ the more the merrier เนี่ยะ

วันหนึ่งที่ไปประชุมวารสารวัฒนากับพี่แดงและพี่พัช ช่วงพักเบรกประชุม ฉันก็ชวนพี่แดงไปด้วย พี่พัชถึงกับอึ้ง แบบว่าไม่มีการเตี๊ยมกันมาก่อนเลย บอกแล้วไงคะ ใครจบจากวัฒนา เจอฉันช่วงนั้น ชวนหมดแหละ แล้วพี่แดงก็ถามว่ามีใครไปบ้าง ฉันก็บอกว่าสุโค่ย แล้วก็แว้บในหัวว่า... พี่ตุ้มเพื่อนพี่ก็ว่าจะไปด้วยนะคะ  พี่แดงเลยบอกว่า..ถ้าพี่ตุ้มไป พี่ไป... ฉันก็แบบมั่นใจไว้ก่อน พี่ตุ้มไปอยู่แล้วค่ะ แต่พี่แดงยังมีอีกข้อแม้ ต้องไปกินที่แม่กลองด้วยนะ เอ้อ...เปลี่ยนสถานที่กลางอากาศซะงั้น นึกว่าอ่องจะทำไม่ได้งั้นซิคะ 55555555 กลับมาก็จัดแจงร่ายเมลหว่านล้อมแก๊งสุโค่ย และพี่ ๆ ที่ไม่ทันรู้ตัวว่ายัย organizer ตัวแสบเปลี่ยนจังหวัดกินข้าวซะแล้ว 555555555 โชคดีที่ไม่มีใครโต้แย้งหรือขัดข้องแต่ประการใด สงสัยคงมึนงงกันอยู่ 55555555 ด้วยเหตุฉะนั้น...จากมหาชัยจึงกลายเป็นแม่กลองไปด้วยประการฉะนี้

ตอนที่หวยพี่ Tippy ออกเลข 286 (28 มิ.ย.) ฉันก็ออกจะกังวลอยู่ ว้า ๆ ตรงกับวันอังคาร งี้จะไปกันได้กี่คนล่ะ แล้วพี่แดงกับพี่ตุ้มล่ะ??? แต่พี่หนิงบอกว่าวันอังคารก็ดี คนไม่เยอะดี ระหว่างนั้นพี่ตุ้มก็ตอบมาว่าถ้าไม่ติดประชุม คิดว่าคงไปได้ ฉันก็เลย...เอ้าวันอังคารก็วันอังคาร  พี่แดงก็แสดงสปิริตนายก พูดไปแล้วต้องรักษาคำพูด...บอกว่าวันนั้นมีประชุม แต่จะตามไปทันทีที่ประชุมเสร็จ ... อา...ถนนพระรามสองยามนี้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

นัดล่วงหน้ากันเป็นเดือน ๆ หลาย ๆ คนก็ทำตัวสบาย ๆ ส่วนฉันทำหัวใจเอิกเกริก 555555 ค่อย ๆ สรุปไปทีละนิดละหน่อย ไอ้บทสรุปที่ไม่เคยตายตัว พลิกไปเรื่อย เพราะคนมันว่างงานไงคะ เลยมีเวลา  เล่น กับแผนเต็มที่  ระหว่างนี้ก็มีคนจะไปแล้วไปไม่ได้บ้าง คนที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าไป เกิดไปได้บ้าง ... ทำให้กะที่นั่งในรถลำบาก พี่หนิงรวบรวมพลพรรคได้เยอะพอดู เกิดเกรงใจพี่เจน เลยดำริจะขับรถไปเอง เพราะไม่แน่ใจว่ารถตู้ 1 คันจะบรรทุกได้กี่ชีวิต แต่ฉันอยากให้รวมตัวกันนั่งรถตู้ให้เต็ม เพราะอยากนั่งรถไปกับพี่ตุ้ม เพื่อเมคชัวร์ว่าพี่ตุ้มจะไม่เบี้ยว 555555555 เรียกว่านับคนกันทุกวันเป็นอาทิตย์

ก่อนที่จะถึงวันเดินทาง พี่ ๆ หลายคนช่วยกันคนละไม้คนละมือเตรียมการเดินทางครั้งนี้ เช่นพี่เจนจัดหาพาหนะ พี่แดงโทรสั่งอาหารและจองโต๊ะ พี่หนิงโทรสั่งลอดช่อง พี่พัชเตรียมทั้งกล้องถ่ายรูป และกล้อง vdo พี่อ่องทำอะไรอ่ะ 55555555 ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ นอกจากส่งเสียงลัลล้า คอยควบคุมตัวเองไม่ให้เผลอชวนคนเกินพิกัดที่รถตู้จะบรรทุกไปได้ งานหนักและยากลำบากมากนะคะนั่น 555555555 คืนสุดท้ายก็ยังพยายามชวนพี่แจ้อยู่เลยค่ะ ก็น้ำมันมันแพง ควรจะนั่งกันให้เต็มคันรถไม่ใช่เหรอคะ

~~~And time goes by so slowly
And time can do so much~~~

Time can do so much จริง ๆ ค่ะ ระหว่างนั้น ฉันก็คิดค้นอะไรใหม่ ๆ ให้พี่เจนต้องมึนตึ้บไปเรื่อย เช่นหลังกินข้าวเสร็จเราจะไปเที่ยวไหนกันดี? ไปหัวหินไหมคะ 5555555 พี่เจนบอกว่า ไปไหนก็ได้ แต่ขอให้พี่ถึงบ้านก่อนมืดนะจ๊า ไม่งั้นคุณแม่จะโกรธาเอา  ข้างพี่หนิงกับพี่เก็จก็เสนอให้ใส่เสื้อโฮมคัมมิ่ง เอาล่ะซิ มีบางคนไม่มีเสื้อโฮมคัมมิ่ง ฉันก็เลยเสนอว่าใครที่มีเสื้อโฮมคัมมิ่งก็ใส่ ใครไม่มีก็ใส่เสื้อวัฒนา แล้วแวะแซวพี่เจนว่าห้ามใส่ชุดนักเรียนนะคะ กลัวว่าจะโดนข้อหานักเรียนวัฒนาโดดเรียนไปเที่ยว  งานนี้โดนพี่แดงแซวกลับว่าอ่องนี่เป็นธุระไปซะทุกเรื่องเลยนะ 55555555

มีเรื่องให้ลุ้นหนักคือก่อนจะถึงวันจริง 2-3 วัน พี่ตุ้มก็เกือบจะไปไม่ได้เพราะดันเป็นวันประชุมพอดี คราวนี้พี่เจนมึนหนัก เพราะตามกำหนดการ ฉันจะไปรถพี่ตุ้มไงคะ ถ้าพี่ตุ้มไปไม่ได้ฉันก็อด เพราะที่นั่งในรถตู้เต็ม แม้ว่าพี่เจนจะแหย่ ๆ ว่าจะผูกโซฟาไว้บนหลังคารถให้ฉันนั่งก็ตาม ข้างพี่ตุ้มก็เครียด 5555555 เพราะอาจจะโดนข้อหาทำให้ยัย organizer ตกทริป เป็นที่เพ่งเล็งของหลาย ๆ คน เลยต้องใช้พลัง CEO เลื่อนประชุมบอร์ดเพื่อจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน พูดสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า เก นะแหละค่ะ ฉันล่ะเป็นปลื้ม ไม่ใช่ปลื้มที่พี่ตุ้มหนีงานไปเที่ยว แต่ปลื้มที่พี่ตุ้มรักน้องมากกว่างาน 55555 ฮิ้ว~~~~ ได้ยินเสียงพี่ตุ้มลอยมาตามสายลม...แต่อย่าบ่อยนักนะจ๊ะ 55555555555

เรื่องพี่ตุ้มจบไป มาเรื่องลอดช่อง ที่มียอดสั่งถล่มทลายถึง 40 ถุง เรียกว่าร้านนี้ขายแก๊งแม่กลองแล้วปิดร้านกลับบ้านได้เลยแหละค่ะ 55555555 ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าลอดช่อง 40 ถุงนั้นมีปริมาณเท่าไร รถตู้ที่ว่าคันใหญ่แค่ไหน แล้วจะมีที่สำหรับ คุณลอดช่อง หรือไม่? คงจะไม่สนุกหรอกค่ะ ถ้าพวกเราต้องนั่งเบียดเสียดแออัดกันไป แต่ปัญหานี้ก็มาลุล่วงลงไปด้วยว่าพี่นีย์ติดภารกิจไม่อาจร่วมทางไปด้วยได้  ฉันก็เลยเบาใจว่าคุณลอดช่องมีที่นั่งแล้ว

คืนนั้นจะมีใครตื่นเต้นกันหรือเปล่าไม่รู้ แต่ฉันตื่นเต้นค่ะ พี่เจนส่งเมลสุดท้ายมาว่า.. everyone, bring your own fan naja…I will bring fan ผู้ชาย...อ่ะนะ รถตู้มันนั่งได้ 11 คนไม่ใช่เหรอคะ แล้วบรรดา fan fan ของแต่ละคนจะนั่งกันตรงไหนเนี่ยะ ถึงคราวพี่เจนทำน้องมึนบ้าง

มหากาพย์จริง ๆ 555555 เขียนมาหลายหน้าแล้วยังไปไม่ถึงแม่กลองเลย 55555555

หลังจากพยายามข่มความตื่นเต้นนอนให้หลับ ก็ตื่นมาตั้งแต่ก่อนตี 4 ทั้ง ๆ ที่พี่ตุ้มนัดไว้ 10.30 น. ชิลจริง ๆ เวลาขนาดนี้สามารถเดินจากบ้านไปเอกมัยยังทันเลย 5555555 ทีแรกพี่ตุ้มนัดให้ไปเจอที่ออฟฟิศค่ะ แต่คงนึกได้ว่าวันนี้วันทำงาน แล้วพี่ตุ้มต้องใส่เสื้อวัฒนา(โดนน้องอ่องบังคับ)  เดี๋ยวลูกน้องและที่สำคัญบอร์ดจะรู้ว่าคุณอารุณีหนีเที่ยว ไม่ได้ ๆ เปลี่ยนสถานที่กะทันหันเป็นร้านทำผมแทน ระหว่างที่ฉันนั่งรอพี่ตุ้มทำผม ก็มีโทรศัพท์งานเข้ามาตลอด ฟังผ่าน ๆ ยังเครียดเลย อืม...เรานี่แย่จริง ๆ ทำให้พี่เสียงานเสียการ (เสียงและสีหน้าตรงข้ามกับคำพูด 555555)

ไปถึงร้านอาหารบ้านเรือริมคลอง เซอร์ไพร้ส์ที่เจอรถป๊ากจอดอยู่ ป๊ากมาถึงคนแรก และเราเป็นคนที่สอง ป๊ากกับพี่ตุ้มนั่งคุยกันเรื่องหมาที่ป๊ากได้มาจากหัวหินสักพักใหญ่ ๆ คณะรถตู้ก็มาถึง ตามมาติด ๆ ด้วยพี่แดงที่พาคุณแม่ และพี่แก้วมาด้วย ตอนนี้อาหารก็ลำเลียงมาเสิร์ฟค่ะ แต่ยังก่อนต้องร้องเพลงดอกไม้บานและแดดฝนขอบคุณพระเจ้าก่อน นี่คือวัฒนาของแท้แน่นอนค่ะ

พอเพลงจบปุ๊บ ทุกคนก็จู่โจมอาหารปั๊บด้วยความหิวโหย สารภาพว่าฉันมีความอิ่มอกอิ่มใจที่เห็นพี่ ๆ น้อง ๆ หลายรุ่นมารวมตัวกันไกลถึงแม่กลองจนกินได้น้อยกว่าปกติ ก็แก้ขวยไปว่า รักษาหุ่น โธ่..ใครจะไม่อิ่มใจล่ะคะ ในเมื่อพี่ติ๋ว (รุ่น 89) บอกว่าที่มานี่ เพราะรับปากกับอ่องไว้ ยังพี่เจน พี่แดงและพี่ตุ้มที่ลงทุนเกงานอีกล่ะคะ ป๊ากก็ต้องอดไปเที่ยวตลาดน้ำกับสามีและลูก เห็นความเสียสละของพี่น้องวัฒนาเพื่อมหกรรมรวมรุ่นเพื่อการกินครั้งนี้แล้ว...อยากบอกว่า...อยากขอบใจสักครั้งหนึ่ง ถึงคนที่เคยซึ้งใจ...ยิ่งเห็นทุกคนพูดคุยกัน ทักทายกัน หัวเราะกัน ถึงจะไม่รู้เรื่องเลยว่าหัวเราะอะไรกัน 555555 ก็ยิ่งปลาบปลื้มใจค่ะ ปลื้มในสายใยวัฒนา..อันเปี่ยมล้นด้วยความรัก ความปรารถนาดีต่อกันเสมอ...แม้ว่าที่มาพบกันวันนี้ หลายคนจะไม่ได้ ทันกันในโรงเรียน หลายคนอาจจะไม่เคยเจอกันมาก่อนด้วยซ้ำไป แต่ก็สามารถคุยกัน คุ้นกันได้เร็ว ต่อกันติดเพียงเพราะทุกคนคือ Wattanians

เอ้า...อย่าเพิ่งดราม่า ยังไม่จบ 55555555 อาหารที่เห็นทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อยสุดคือ กุ้งย่างค่ะ ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบกินกุ้งตัวใหญ่ เพราะมีเหตุผลงี่เง่าแฝงอยู่คือ..ขี้เกียจแกะ.. แต่ก็ได้ชิมขากุ้งตอนเดินไปหาพี่เจน พี่เจนแกะและป้อนให้ค่ะ 55555 อายุ 50 แล้วยังมีรุ่นพี่แกะกุ้งป้อนนี่มันน่า.....ไหมคะ 55555555 สมแล้วที่พี่พัชเขาแซวเอาว่าหวานไปทั่ว

อาหารที่ฉันชอบที่สุดคือ..ปูหลน มาในชามใหญ่ยักษ์ซะจนมองไม่เห็น อีตอนร้องถามบริกรหาปูหลน พี่ ๆ รอบตัวรวมทั้งป๊ากพูดเกือบพร้อมกันว่า...อยู่ตรงหน้านี่ไง ใหญ่โตเป็นชามกาละมังยังมองไม่เห็นอีกเหรอ 5555555 มองเห็นน่ะเห็นค่ะ แต่ไม่คิดว่าเป็นชามใส่น้ำพริกปูหลนนี่นา  มะเขือเผาผัดก็อร่อยมาก หลายคนกินมะเขือเผาไม่เป็น ปลาแดดเดียวก็ยอดเยี่ยม และยังมีอะไรอีกจำไม่ได้แล้ว ต้องไปชมรูปใน facebook กันเองค่ะ  ปิดท้ายด้วยของหวานคือไอติมน้อยหน่า และโรตีนมข้นค่ะ ถึงตอนนี้ทุกคนก็พุงป่องกันเป็นแถว  บางคนเริ่มหนังตาตก 55555555

หลังจากเข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อย พี่เจนก็มีการเต้นรำเล็กน้อย โดยมีพี่ตุ้มและพี่เก็จขึ้นไปแจมด้วย แต่เนื่องจากไม่มีเสียงดนตรี หรือว่าคนอื่นไม่อินก็ไม่ทราบ เลยเต้นกันแป๊บเดียวก็เลิก แต่พี่เจนยังมีทีเด็ดอีกอย่าง นั่นคือ...planking ไม่เคยเอ้าท์เลย...อินเทรนด์ได้ตลอดซิน่าพี่สาวผมสีม่วง  พี่เจนลากเก้าอี้ไม้มาวางแล้วประกาศเชิญชวนน้อง ๆ มาดูโชว์กายกรรมเด็ด เป็นเหตุให้น้องหลายคน น้องแดง น้องติ่ง น้องติ๋งได้ลองทำกันบ้าง อีตอนที่ฉันจะเอาอย่างมั่ง พี่ ๆ พร้อมใจกันโหวตโนค่ะ 55555

ก่อนที่พี่แดงจะพาคุณแม่และพี่แก้วกลับ ก็มีการถ่ายรูปหมู่ ไว้เป็นที่ระลึก เมื่อพี่แดงกลับไปแล้ว ใครไม่รู้เสนอว่าให้มีการจั๊มปิ้งกัน งานนี้ฉันนับถือพี่ Tippy สุด ๆ เพราะพี่เขาก็ร่วมกระโดดกับพวกเราด้วย แม้ดูเหมือนว่ามีฉันกับพี่Tippy ที่บินกันไม่ค่อยจะขึ้น  แต่เราก็ทำดีที่สุดแล้วในการต่อสู้แรงโน้มถ่วงของโลก ในที่สุดไม่รู้ใครบอก ให้เราสองคนรออกท่าหลอก ๆ ว่ากำลังลอยตัว 55555 ดูรูปแล้วเหมือนจูลี่ แอนดรูว์ใน the sound of music เลย ถ้าอยู่บนดวงจันทร์จะบ่ยั่นเลย เนอะคะพี่ Tippy… งานนี้ได้เสียงหัวเราะเบิกบานกันสุด ๆ ไม่รู้ว่าได้มีการถ่าย vdo เอาไว้หรือเปล่า เก็บไว้ฉายในงานแฟร์ก็ไม่เลว 555555555

เมื่อได้ planking, jumping, laughing ย่อยอาหารกันพอสมควรแล้ว ก็ได้แก่เวลาที่จะออกเดินทางต่อไปค่ะ ป๊ากแยกตัวกลับไปกับสามีและลูก เพราะมีที่นั่งเหลือ 1 ที่ พี่ตุ้มและฉันจึงไปรวมกลุ่มอยู่ในรถตู้ด้วย โดยมีรถเปล่า ๆ ของพี่ตุ้มขับตามไปเหมือนรถคุ้มกัน 5555555 พี่ ๆ รุ่น100 นั่งหลัง 3 คนคือพี่หนิง พี่ติ๋ง พี่ติ่ง  แถวกลาง 3 รุ่น คือ พี่เก็จ พี่กุ๊กไก่ พี่ตุ้ม แถวหน้าก็เป็น 4 คน 5 รุ่น- พี่ Tippy พี่เจน พี่พัช และฉัน เบียด ๆ กันนิดหน่อย พี่พัชคงฟังไม่ถนัด เลยลุกไปนั่งหมิ่น ๆ ที่ขอบเบาะวางของ นั่ง ๆ ไปสักพัก พี่เจนผู้พิสมัยการเม้า ก็คุกเข่ากับเบาะหันไปทางด้านหลังเพื่อคุยกับน้อง ๆ ทั้งหลาย พี่ Tippy เอาบ้าง สรุปที่น้อง ๆ ได้เสียสละให้พี่ ๆ ได้นั่งหน้าสบาย ๆ เลยชักไม่แน่ใจ 5555555

เรื่องที่คุยกันในรถ ห้ามถามฉันนะคะ เพราะไม่ได้รู้เรื่องกับเขาด้วยเลย ไม่มีใครว่างพอที่จะพากย์ค่ะ พี่เก็จนั่งไกลไปหน่อย แถมนอนชาร์จแบตอีกต่างหาก ส่วนป๊ากก็ไม่อยู่ในรถ ฉันจึงสามารถบอกได้เพียงว่าเสียงคุยไม่ได้ขาดตอนเลย 555555555 พอคนนี้หยุดคุย อีกคนก็ต่อทันทีเหมือนจ่อคิวไว้แล้ว ฉันถ่ายรูปเก็บบรรยากาศในรถบ้างเหมือนกัน แต่ว่ามือสั่น เพราะรถไม่นิ่ง ภาพจึงเบลอไปเสียเกือบทั้งหมด ใครอยากรู้ก็ไว้ตามไปเที่ยวด้วยกันกับเราครั้งหน้าซิคะ 5555555

เราแวะตลาดแม่กลองเพื่อซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันคนละนิดละหน่อย  พี่เจนบอกว่าที่นี่ไงที่มีรถไฟวิ่งผ่านตลาด แบบพอรถไฟมา แม่ค้าก็จะหุบร่มกันระนาวเพื่อให้รถไฟผ่าน เคยได้อ่านในห้อง blueplanet พันทิพ เพิ่งจะได้มา แต่ก็ไม่ได้ไปดูที่รางรถไฟ ใครใคร่ซื้ออะไรก็ซื้อ ใครใคร่เดินชมตรงไหนก็ชม ครั้งนี้คงไม่มีการขึ้นรถตู้ผิดแบบตอนขามาที่แวะเอาลอดช่อง ฉันอยากได้ปลาทูสดไปทำต้มเค็ม กับต้มยำกิน แต่ไม่มีกล่องแช่เย็นมา ครั้นเอาปลาทูสดไปวางรวมกับลอดช่อง เกรงว่าลอดช่องจะอร่อยเกินไปหลังจากอยู่กับปลาทูเป็นชั่วโมง ๆ  แล้วก็ตามหาหมึกสะตอย หรือตะนอยก็จำชื่อไม่ได้แล้ว ป้าจีฝากซื้อค่ะ ทำไมป้าจีถึงรู้ว่าพวกเรามาแม่กลอง? หลายคนคงอยากถามใช่ไหมคะ? ก็ฉันได้ชวนป้าจีมาด้วยน่ะซิคะ 555555555 ถ้าพี่ Tippy ไม่ได้นัดวันอังคาร ซึ่งเป็นวันญาติมิตรของป้าจี ก็ไม่แน่...ฉันอาจจะได้เที่ยวกับ 3 นายกในครั้งนี้ก็ได้ค่ะ

พอเดินตลาดหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลาจรลี ลาจรจากแม่กลองแล้ว  เหล่าสาว ๆ วัฒนาขึ้นรถเม้ากันต่อ ฉันนึกอะไรได้ จึงถามพี่เจนว่า...ไหนบอกจะเอา fan ปู้ชายมาด้วยไงค้า ไหนอ่ะ...พี่เจนหยิบ fan พกพาสีน้ำเงินออกมาอวด นี่ไง fan ของพี่เจน....ซะงั้นนะคะ เพิ่งรู้ว่าพัดลมมีผู้หญิง ผู้ชายกับเขาด้วย พัดลมพี่เจนเจ๋งค่ะติดตั้งระบบฉีดน้ำด้วย พี่เจนเลยแปลงร่างเป็นนางฟ้าพิรุณโปรยประพรมละอองน้ำพร้อมสายลมอ่อน ๆ ให้น้อง ๆ ได้สดชื่นโดยทั่วถ้วนกัน

แม้ว่าฉันจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฉันก็ดีใจที่เห็นทุกคนคุยกัน พวกเราสุโค่ยน่ะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ผู้ที่มาร่วมเดินทางครั้งแรกในวันนี้ ก็ดูจะสนุกสนาน มีเรื่องที่จะพูดจะคุยกับพี่ ๆ น้อง ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน น้องเล็กสองคน ฉันกับพี่พัช เรียบร้อยสุด พี่พัชเรียบร้อยโดยนิสัยอยู่แล้ว ส่วนฉันเรียบร้อยเพราะความจำเป็น 555555 ถ้าฟังรู้เรื่องเหรอ ไม่มีทางที่ฉันจะนั่งเป็นซิ้มใบ้หรอก ไม่รู้พี่ ๆ คุยไรกัน วกมาเม้าเรื่องฉัน ดูเหมือนพี่เจนจะเริ่มก่อน ตามด้วยพี่ตุ้ม..แรก ๆ ก็พอไหว พอโดนคนทั้งคันรถโฟกัสความสนใจตู้มมาที่ฉัน ชักหวั่นไหวจนต้องขอให้พี่ตุ้มเปลี่ยนประเด็นบทสนทนาด่วน แบบว่าใกล้ม้วนแล้ว 5555555

กลับจากตลาดคราวนี้ตียาวเลย ใกล้ ๆ ถึงกรุงเทพ รถติดก็ไม่มีใครบ่น แม้แต่พี่เก็จ เพราะนอนสบายในรถตั้งแต่ขึ้นมาแล้ว 55555555 ไม่รู้หลับไปกี่ตื่น แต่ท่ามกลางเสียงเจ๊าะแจ๊ะของสาว ๆ วัฒนารอบทิศ คงจะหลับยากเอาการอยู่  พี่ ๆ รุ่น 100 เป็นนักฟังที่ดีที่สุด ไม่ว่าพี่ Tippy พี่เจน และพี่ตุ้มจะเล่าอะไรมา น้อง ๆ 4 คนตั้งอกตั้งใจฟังกันด้วยความสนใจจริง ๆ ฉันก็สนใจ แต่ฟังไม่รู้เรื่องจริง ๆ เลยนั่งเซ็ง ๆ นิดหน่อย ถ้ามากับป๊ากก็ดี คงมีคนพากย์ไทยเป็นไทยให้ฟังแน่ ๆ 555555555

กว่าจะถึงออฟฟิศพี่เจนก็ค่ำแล้ว แม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะเหนื่อย อาจจะง่วง แต่บนใบหน้าที่เหนื่อยล้านั้นก็ยังมีประกายวิ้ง ๆ ออกจากดวงตา มีรอยยิ้มแห่งความสุขฉาบฉาน พี่ ๆ น้อง ๆ ไหว้กัน กอดกัน ร่ำลาพิรี้พิไรก่อนแยกย้ายกัน ~~เสียงเพลงครวญมาต้องลาแล้วเพื่อน~~

แก๊งแม่กลองสลายตัวไปพร้อม ๆ กับหัวใจที่จะนำความสุข สดชื่นจากการเดินทางครั้งนี้ไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ เพื่อว่าวันข้างหน้า วันใดที่เหนื่อย วันใดที่ท้อ เหงา และเศร้า เราคงจะได้นำเอาความสนุกสนานครั้งนี้มารำลึกถึง ให้เราได้สดชื่น ให้เราได้อมยิ้ม ให้เราได้มีแรงที่จะฝ่าฟัน และขับไล่ความเหนื่อย ท้อ เหงา เศร้าออกไปจากใจเรา

มหากาพย์แก๊งแม่กลอง  คืออีกบทหนึ่งที่ตอกย้ำความเชื่อของฉันว่า..สายใยวัฒนา..นั้นมีจริง เส้นใยที่ทอถักขึ้นมาจากความรัก ความผูกพันระหว่างชาววัฒนาด้วยกันนั้น ช่างงดงาม.

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สามพี่น้องวัฒนาตะลุยสามเพ็ง


สุโค่ย....พบกันครั้งใด ก็มีแต่รอยยิ้ม

9 มิย. 2554
พักนี้ฉันเจอพี่น้องวัฒนาบ่อย จนเพื่อน ๆ แซวว่าเดี๋ยวคบวัฒนาหลากรุ่นไม่มีเวลาให้เพื่อนเลยนะ เนื่องมาจากวันงานศิษย์เกียรติยศที่ฉันวิ่งทักคนนั้น คนนี้ไปทั่ว จนตกหล่นจากรูปหมู่เพื่อนรุ่น 105 ไป ก็น่ะ..555555 ยอมรับว่านพพรเปลี๊ยนไป๋....หาญกล้าพูดคุยกับพี่น้องวัฒนานอกรุ่น 105-106 มากขึ้น..เยอะ.. จนตัวเองเมื่อมาคิด ๆ ดูก็ยังทึ่งกับพัฒนาการเลย 55555555 ขนาดบ้านแค่อยู่ใกล้ถนนพัฒนาการนะเนี่ยะ

เดิมทีวันนี้ฉันนัดกับพี่เก็จว่าจะไปผัดมักกะโรนีกินกันที่บ้าน  ชอบไปทำครัวบ้านพี่เก็จ 5555555 เพราะนอกจากครัวกว้าง บ้านโล่ง เจ้าของบ้านน่ารักแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่ ๆ อื่นไม่มีคือแกรนด์เปียโนที่พี่เก็จจะใจดีเล่นให้ฟังเป็นสุนทรียรมณ์หลังอาหาร

เพราะพี่เจนชอบ กิน มีอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับการกิน ฉันก็อดนึกถึงพี่เจนไม่ได้ เลยชวนพี่เจนว่าไปกินกันไหมคะ? พี่เจนบอกว่าไปไม่ได้ เพราะต้องไปสำเพ็ง ไอ้ฉันก็น่ะ..55555..ร้องตามทันที แล้วพี่เจนก็เป็นพี่ที่ใจดีเช่นเคย ตอบรับว่าไปดิ ๆ แต่แล้วนึกได้....ตายละวา จะแยกร่างไงเนี่ยะ ของที่จะทำมักกะโรนีพี่เก็จซื้อไว้พร้อมแล้ว ทำไมเป็นคนใจง่ายคิดน้อยงี้? เลยบอกพี่เจนให้ช่วยชวนพี่เก็จไปด้วย พี่เจนก็น่ารักตามใจฉันอีกแล้ว 5555555 กริ๊งกร๊างไปหาพี่เก็จทันที แล้วออนไลน์ตอบมาว่าพี่เก็จโอเคซิกกาแรตไปตะลุยสามเพ็งประสาสามสาวกัน

ฉันไปถึงออฟฟิสพี่เจนที่หอการค้าในเวลาเฉียดฉิว พี่เก็จล่วงหน้ามาก่อนแล้วค่ะในเสื้อตราเสือที่ตรงกับฉันโดยไม่ได้นัดหมาย แปลว่าใจเราตรงกันใช่มะคะพี่เก็จ 5555555 พอฉันไปถึง ก็ได้เวลาออกเดินทางกันทันที บุ๋มขับรถ เลขาพี่เจนนั่งคู่กับบุ๋ม แล้วเราสาว ๆ นั่งหลังด้วยกันเพื่อสะดวกกับการเม้า สองพี่คุยข้ามน้องไปมา ฉันหันไปหันมา เก็บใจความได้ 2 เปอร์เซ็นต์ 55555555

เอารถไปจอดที่คลองถมแล้วนั่งตุ๊ก ๆ สองคนรับโอโซนแถมมลพิษไปสามเพ็งด้วยสนนราคาคันละ 45 บาท พอถึงสำเพ็ง พี่เจนพี่เก็จกระหนุงกระหนิงกันดูของกระจุกกระจิก แป๊บเดียวพี่เจนได้มาถุงใหญ่ ๆ เป็นของนอกรายการที่ตั้งใจมาซื้อ 5555555 แถมปากกาที่ตั้งใจจะมาหาซื้อกลับไม่ได้ด้วย 55555555

เดิน ๆ ไปใกล้เที่ยง ฉันผู้ติดนาฬิกาปลุกไว้ที่กระเพาะก็เอาละ...พี่เจน...อ่องหิววววว 5555555 จริง ๆ พี่เจนตั้งใจว่าจะพาไปกินร้านหนึ่ง แต่คงอยู่ไกล กลัวน้องน้อยคลั่งเพราะหิว เดี๋ยวจะเป็นก่องข้าวน้อยฆ่าพี่ ๆ ซะก่อน เลยพาไปนั่งกินริมถนนตรงนั้นเอง  ฟังดูหลาย ๆ คนอาจจะไม่เชื่อว่าคนอย่างพี่เจนจะไปนั่งกินข้างทางได้ แต่เราก็กินกันมาแล้ว แถมอร่อยจนต้องเบิ้ลหมูกรอบ เบิ้ลเป็ดย่างเลยแหละค่ะ พออิ่มแล้วก็ไปช็อปต่อตามรายการ จากนั้นก็ขึ้นรถกลับ ขากลับเราสาม 3 นั่ง taxi ซึ่งขับอ้อมด้วย ไปถึงปลายทาง 50 บาท พี่เจนบ่นขำ ๆ ว่าเสียค่าโง่ ทำไมพวกเราไม่นั่งรวมกันในแท็กซี่แต่แรกนะ เอาน่า...พี่เจนก็ อ่องชอบนะคะที่ได้นั่งรถตุ๊ก ๆ กับพี่เจนน่ะ โอกาสแบบนี้หายากออกค่ะ

กินของคาวแล้ว เราวัฒนาต้องตามด้วยขนม พี่เจนเลยไปแวะดิโอลด์สยาม พี่เก็จซื้อข้าวต้มมัดเล็กให้ฉันกิน 7 อัน ซื้อมา 8 อัน พี่เก็จช่วยกิน 1 อัน เห็นฉันหุ่นข้าวต้มมัดไม่พอหรือไงคะ ส่วนพี่เจนก็ซื้อบ้าบิ่นกิน พี่เก็จซื้ออะไรให้ตัวเองหว่า...จำไม่ได้แล้ว 555555 ก็มันหลายวันมาแล้วเพิ่งได้ฤกษ์เขียน

ขากลับพี่เจนถามในรถว่าฉันสนุกไหม? เอาจริง ๆ ก็งั้น ๆ แหละค่ะ เอ้า..วัดดูได้นะ พี่ ๆ ซื้อของกัน ส่วนฉันกลับบ้านพร้อมขนมเรไร 1 กล่องเล็ก ๆ กับข้าวต้มมัดอีก 2 ชิ้นที่ยังกินไม่หมด 555555 งั้น ๆ แต่หัวเราะตลอด 55555555

ไม่รู้เป็นไง แต่วันไหนที่ได้พบเจอพี่ ๆ วัฒนา ฉันมักจะได้หัวเราะทุกที หัวเราะง่ายจนหลายคนอาจจะรำคาญ แต่...หาได้แคร์สื่อไม่ 55555555 ก็คนมีความสุขนี่นา


1 ในความประทับใจที่ได้รู้จัก…พี่หมอปิยรัตน์

คุณหมอสาวสองพันปี

เมื่อวานพี่เจนได้พาน้อง ๆ สุโค่ยแก๊งค์ไปทำงานค่ะ แต่การทำงานของเราทุกครั้งมักแฝงไปด้วยความสนุก ฉันมักจะกลับบ้านพร้อมกับรอยยิ้ม และความอิ่มใจที่ได้พบ ได้สัมผัสกับศิษย์เก่าของวัฒนารุ่นต่าง ๆ เป็นการตอกย้ำความรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่ได้ร่วมเรียนในสถาบันเดียวกับท่านเหล่านี้

พวกเรานัดพบกันที่ร้านสีฟ้า เพื่อรับประทานอาหาร และสังสรรค์กันเล็กน้อยก่อนเข้าบ้านพี่หมอค่ะ กองทัพเดินด้วยท้อง ท้องอิ่มก่อนถึงจะเกิดสติปัญญารับงานใหญ่ งานใหญ่ที่พวกเราไม่รู้ตัว 555555 พี่เจนเล่นบอกเอาฉับพลันตอนอยู่ต่อหน้าพี่หมอแล้ว ว่าวันนี้..พวกน้อง ๆ ต้องเป็นฝ่ายดำเนินการสัมภาษณ์นะ.. น้อง ๆ อ้าปากหวอกันเป็นแถว ๆ (ต่อหน้าพี่หมอเหมือนกัน 55555) งานเข้าแก้วคนแรก เพราะนั่งใกล้พี่หมอสุด 555555 ส่วนฉันรอดตัวไป เพราะหูตึง มานั่งเล่นเฉย ๆ 555555555 พี่พัช(จ๋อเก่า) ก็รอดตัวเพราะมีอาชีพช่างกล้อง พี่เก็จก้มหน้างุดทำไม่รู้ไม่ชี้ เหลือแก้วเพื่อนฉันคนเดียว ช่างน่าเห็นใจนัก เผอิญป๊ากลากิจ ไม่งั้นแก้วคงรอดตัวแน่ ๆ

แต่ก็ไม่ได้ยากอะไรเลย พี่หมอเป็นคนพูดเก่งมาก ๆ แถมเร็วอีกต่างหาก speed unlimited..555555 เรียกว่าพี่เก็จกับแก้วที่ฉันขอให้มาเป็นเลขาจดคำสัมภาษณ์ จดกันปากกาแทบหัก 5555555 แต่ก็ต้องขอชมพี่เก็จไว้ ณ ที่นี้ ว่าเก็บมาได้เยอะเหมือนกันค่ะ

เราไปถึงก็รวมตัวกันร้องเพลงเพราะเป็นวันเกิดพี่หมอพอดี ไม่มีกระเช้า ไม่มีซอง ไม่มีของขวัญ มีแต่เสียงเพลงจากใจน้อง ๆ ให้พี่ ฮิ้ว ~~~~ 55555555 เฮ้อ...หัวเราะเข้าไป deadline ส่งบทความวันจันทร์จะรอดไม่รอด? พี่พัชเขาบอกว่า ขอเจ๋ง ๆ  5555555 เจ๋งป่าวไม่รู้ แต่เจ๊งน่ะพอได้อยู่ 55555555

ฉันเคยเห็นพี่หมอคนดังมานานแล้ว พี่หมอเป็นคนแต่งตัวมาก เครื่องทรงเพียบ...ทำให้ฉันรู้สึกยากเข้าถึง แต่พอได้มานั่งฟังพี่หมอคุย ได้สัมผัสบุคลิกพี่หมออย่างใกล้ชิดแล้ว ฉันถึงได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วพี่หมอเป็นคนจิตใจดี อารมณ์แจ่มใส และ..คุยเก่งมาก แล้วคุยเร็วพอ ๆ กับเพื่อนก๊วน wwa 105….ที่เวลาฉันตกอยู่ในวงสนทนาทีไรก็ใบ้กินทีนั้น แต่ฉันก็กระหยิ่มใจว่าวันนี้พกเลขามา 2 นาง แต่แก้วน่ะ วางปากกาคนแรก ฉันแอบส่งซิกว่าทำไมไม่จด? แก้วกระซิบบอกว่าไว้ขอวิดีโอจากพี่พัช ... ซะงั้นนะ 5555555 แต่พี่เก็จยังคงจดให้อยู่ จดไปจดมา ตอนท้าย ๆ ที่พี่หมอยิ่งเล่ายิ่งมันส์...พี่เก็จก็วางปากกา ยืดแขนดัดมือเฉย แง่ม.... พี่กำลังพลาดช็อตเด็ดนะ...

แต่อย่างไรก็ตาม พอกลับมาบ้านแล้วได้อ่านโน้ตที่พี่เก็จจด ต้องชมเชยจริง ๆ ค่ะ พี่เก็จจดได้ใจความมาก เว้นแต่ตอนท้าย....ควรกลับรึยัง แก้วคงต้องไปแล้ว...5555555

พี่หมอแต่งกลอนได้ไพเราะมากค่ะ อ่านแล้วอินค่ะ เพราะฉันก็เป็นคนหนึ่งที่บูชาความรัก มีความรักเป็นสรณะแห่งชีวิต โดยเฉพาะความรักระหว่างพี่น้องและเพื่อนวัฒนา เป็นเหมือนยาชูใจให้สดชื่น แม้บางทีจะมียาขมแทรกมาบ้าง

แต่ของขมน่ะมีประโยชน์นะพี่อ่อง...(ทำเสียงเข้ม ๆ และซีเรียสแบบป๊าก ของขมนี้จะยิ่งทวีคุณค่ายิ่งขึ้น 55555)

พี่หมอได้ให้หนังสือ 50 ปี สวว.รำลึกมาด้วยค่ะ ดูจากหน้าปกแล้วไม่น่าอ่านเท่าไร เพราะมันช่างเรียบง่ายกว่าหนังสืองานศพสมัยนี้อีก แต่พอได้พลิกอ่านข้างในแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเนื้อหาที่มีประโยชน์เยอะมากค่ะ อยากให้พี่น้องวัฒนาได้อ่านกันจัง โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานในสวว.ควรได้อ่านอย่างยิ่งค่ะ

ขออนุญาตคัดลอกคำกลอนของพี่หมอมาประดับไว้ในบล็อกนี้ค่ะ ชื่อ รำลึก 50 ปีส.ว.ว. ภาษาสำนวนสละสลวยสมกับที่เป็นศิษย์โปรดของครูภิญโญเลยค่ะ

ห้าสิบปีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผ่าน
เกียรติระบือลือมานานนามเหมาะสม
ศิษย์วังหลัง-วัฒนาสมาคม
ชนนิยมสมศักดิ์ศรีสตรีไทย
เป็นที่รวมน้ำใจใสพิสุทธิ์
เป็นที่จุดความฝันอันสดใส
ส.ว.ว.คู่วัฒนาวิทยาลัย
คอยเกื้อหนุนอุ่นละไมในความรัก
ทั้งคุณครูบุรพาจารย์แต่กาลเก่า
ศิษย์จะเฝ้าห่วงใยช่วยด้วยตระหนัก
ที่อบรมบ่มเราเฝ้าฟูมฟัก
ศิษย์ประจักษ์แจ้งใจในพระคุณ
กิจกรรมบำเพ็ญที่เห็นอยู่
ช่วยเชิดชูศิษย์เก่าเฝ้าเกื้อหนุน
เป็นแบบอย่างเด็กเราเหล่าดรุณ
ทั้งเจือจุนผู้ยากไร้ในสังคม
ช่วยประสานความรักสมัครสมาน
ครูอาจารย์และศิษย์สนิทสนม
รวมวิญญาณสานสืบเจตนารมณ์
เพื่ออุดมศึกษาฝันมานาน
จะเสริมสร้างความฝันอันบรรเจิด
เพื่อชูเชิดนามไซร้ที่ไขขาน
สตรีเก่งแกร่งแท้แต่โบราณ
เป็นตำนานขานนามส.ว.ว.

ตอนที่พี่หมอเป็นนายก คงมีความฝันอย่างที่ฉันก็มี แต่ความฝันหลายเรื่องแม้ว่าจะดีมีประโยชน์ บางทีถ้ามันยังไม่ใช่เวลาของมัน ฝันก็เป็นได้เพียงความฝัน อย่างไรก็ตามฉันหวังว่าความฝันของพี่หมอ และหลายคนในเรื่อง วัฒนามหาวิทยาลัย คงจะได้เป็นจริงในสักวันค่ะ

พี่หมอและพี่เจนช่วยกันเล่าถึงช่วงเวลาที่พี่หมอเป็นนายก (หนูเกิดไม่ทัน จริงเหรอ? 55555) พี่หมอเป็นคนทำงานเก่ง แล้วก็ one woman show แต่เปิดรับความคิดเห็นผู้อื่นนะคะ เพียงแต่ไม่ค่อยมีคนเสนอความคิดเห็น อาจจะใบ้กิน 555555555 เพราะพี่หมอนอกจากทำงานเก่งแล้วยังพูดเก่ง (มาก)

ถึงแม้จะมีผลงานเยอะในยุคพี่หมอเป็นนายก พี่หมอเป็นคนมีบารมีมาก สามารถปลุกเร้าใจศิษย์เก่าหลาย ๆ คนเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน และได้มีความคิดใหม่ ๆ การตั้งชมรมลีลาศ ตลอดจนหาเงินเข้าสมาคมอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่การทำงานก็จะมีคนที่คิดต่าง และมีอุปสรรค เพียงแต่พี่หมอเป็นคนที่ไม่แคร์สื่อ เพราะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฟังแล้วอยากให้มีการฟื้นฟูกิจกรรมดี ๆ เช่นชมรมลีลาศขึ้นมาอีกจังค่ะ

พี่หมอเคยเฉียดตายมาด้วยค่ะ เหมือนหนังเรื่อง speed ที่นางเอกต้องขับรถข้ามสะพานขาด ต่างกันตรงที่รถของพี่หมอไม่ได้เหินฟ้า 555555 แต่ดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกในระดับความสูงถึง 20 เมตร ผลก็คือพี่หมอหลังหักค่ะ แต่พี่หมอเป็นหมอ เลยมีสติตอนที่ปอเต็กตึ้งมารับ พี่หมอยังหมุนหัวแหวนเข้าในเลยค่ะ เพราะเครื่องประดับพี่หมอไม่ใช่ขี้ไก่ (แต่เป็นขี้วัว) 5555555

ภาพลักษณ์พี่หมอดูไฮโซ แต่เมื่อถึงเวลาต้องช่วยคน พี่หมอสามารถทำเต็มที่ด้วยจรรยาบรรณแพทย์เลยทีเดียวค่ะ พวกเราฟังตอนที่พี่หมอเล่าเรื่องช่วยชีวิตเพื่อนคนหนึ่งในงานเต้นรำแล้วทั้งทึ่งทั้งขำ  ขำที่ชายคนนั้นเคยจีบพี่หมอมาก่อน อีตอนจีบแม้แต่มือก็ยังไม่เคยได้จับ  แต่ตอนนี้ได้จูบจากพี่หมอตอนผายปอดปั๊มหัวใจหลายครั้งกว่าจะฟื้น สมใจตอนนี้เอง ตัดความจริงที่ว่าเป็นนาทีแห่งความเป็นความตาย...นึกภาพดูแล้วก็โรแมนติกใช่ย่อยนะคะ

ตลอดเวลาที่นั่งฟังพี่หมอเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟัง ฉันเพลินมากค่ะ พี่หมอเสียงดัง แต่ฟังไม่ทัน 555555555 ต้องคอยชะโงกดูโน้ตของพี่เลขาเก็จอยู่ตลอดเวลา ขนาดว่านั่งไม่ไกล แล้วพี่หมอก็สบตาฉันค่อนข้างบ่อยแล้วนะคะ 5555555 เฮ้อ อยากเปลี่ยนหู

กลับมาบ้านได้อ่านหนังสือ 50 ปีส.ว.ว. พี่หมอบอกว่าสมัยนั้นทำหนังสือเยอะมาก ฉันคิดว่าดีทีเดียวค่ะ เพราะจะได้เก็บเป็นความรู้ให้แก่คนรุ่นหลัง แอบจุดประกายความหวังส่วนตัวไว้ 5555555 สักวันจะรวมบทความใน blog นี้พิมพ์แจกบ้าง ถึงจะไม่เป็นประโยชน์ในแง่วิชาความรู้ แต่ก็หวังว่าคงทำให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้รับรู้ถึงสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นศิษย์เก่าวัฒนานั้นคือ...ความรักความสามัคคีในหมู่พี่น้องวัฒนา...ดังข้อวัตถุประสงค์ข้อแรกของการจัดตั้งสมาคมศิษย์วังหลังวัฒนาคือ ก.เพื่อปลูกและบำรุงสามัคคีธรรม.