วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

เที่ยวจตุจักรกับป้าจี

What a fun trip!

ก่อนหน้าวันนัด 1 วันให้จิ๋มโทรหาป้าจี เผื่อเปลี่ยนใจ เพราะว่ามันร้อนมาก แต่ป้าจีก็ยืนยันว่าจะไปตามกำหนดเดิม บอกให้ไปที่บ้าน จะส่งรถไปรับไปเจอกันที่สปอร์ตคลับเพื่อไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน ทีแรกพี่ชาติเอารถคันเก่าออก แต่ให้ตายเหอะซาตาน...มันร้อนมากเพราะแอร์เสีย ถามพี่ชาติว่าทำไมเอารถคันนี้ พี่ชาติบอกว่าป้าจีสั่ง แล้วป้าจีไม่รู้เหรอว่าแอร์มันเสีย? พี่ชาติบอกว่ารู้ แต่ก็ยังยืนยัน นั่งไป รถก็ติดสาหัส ยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบ ฉันเลยพูดว่า..ป้าจีจะเป็นลมไหมเนี่ย พี่ชาติตัดสินใจเลี้ยวรถกลับบ้านไปเปลี่ยนรถทันที 555555
เพราะต้องเลี้ยวรถกลับไปเปลี่ยน แล้วกว่าจะย้ายสมบัติได้หมด ก็เลยไปถึงช้าหน่อย ป้าจีนั่งรออยู่แล้วค่ะ ทันทีที่เห็นรถ ป้าจีถามว่าจะเอาต้นไม้ไว้ในรถได้หรือ? พี่ชาติตอบว่าได้ไม่มีปัญหา แต่ฉันว่าป้าจีกลัวรถเลอะมากกว่า ขับออกมาผ่านสยามพารากอน ป้าจีบอกว่าไปกินข้าวกันก่อนไหม ใจจริงฉันอยากบอกว่าอย่ากินที่นี่เลยค่ะ กลัวอดไปเที่ยวจตุจักร แต่คิดว่าป้าจีอาจจะหิว แล้วถ้าไปนั่งกินที่ไม่มีแอร์ อาจจะป่วยได้ เลยตอบตกลง ความที่ฉันไปเดินพารากอนน้อยมาก ส่วนมากก็เดินแบบฉาบฉวยเลยไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ตรงไหน คนก็เยอะเต็มเกือบทุกร้าน มาเจอร้านว่าง ๆ เป็นร้านอิตาเลี่ยน เลยเข้าไปนั่งกินพิซซ่ากันคนละชิ้น พิซซ่าเขาแป้งบาง อร่อยมากค่ะ ป้าจีบอกว่ารู้งี้น่าจะสั่งมา 1 ถาดเลย ฉันกิน 1 ชิ้นก็อิ่มพอดี แต่ป้าจียังไม่อิ่ม เลยเดินไปซื้อไส้กรอก aunty ann’s แล้วก็ออกไปรอรถ พี่ชาติบอกว่าจะไปเอารถมารับ
ฉันนับถือพี่ชาติจริง ๆ หาป้าจีเก่งมากค่ะ พี่ชาติบอกว่าลืมเอามือถือมา น่าจะลืมไว้ในรถคันที่เปลี่ยน ออกมาหน้าประตูไม่มีที่นั่ง และเป็นฝั่งขาเข้า ป้าจีเลยบอกว่าเราเดินข้ามถนนไปที่เกาะดีกว่า รอไปสักพัก ป้าจีบอกว่าหรือว่าชาติจะมารับฝั่งโน้น? 55555555 ใช่จริง ๆ ด้วยค่ะ อีกสักพักใหญ่เห็นรถมาทางฝั่งโน้นจริง ๆ เลยต้องจูงป้าจีเดินกลับไป ยังไม่ทันถึงจตุจักรเลย เดินเยอะแล้ววววว
รถติดมากค่ะ นึกดีใจที่พี่ชาติเปลี่ยนรถ ไม่งั้นป้าจีอาจจะเปลี่ยนใจกลับบ้านเพราะรถคันนู้นร้อนมาก พอไปถึงเราก็เข้าไปที่เขาขายต้นไม้ ตามรอยพี่เก็จเลย ทำให้คิดถึงพี่เก็จมาก วันนี้ฉันไม่ได้ใส่หมวกมา ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ใส่มา อาจจะเพราะคิดว่าป้าจีอาจจะเปลี่ยนใจไม่เดินจตุจักรเอานาทีสุดท้าย เนื่องจากอากาศร้อน แม่ฉันเปลี่ยนใจบ่อย ๆ ค่ะ เดินลงจากรถ พร้อมอุปกรณ์รถเข็นแล้วก็พร้อมลุยละ พี่ชาติเอารถไปจอด ฉันก็เดินใกล้ ๆ ป้าจีแบบประกบติด แต่กระนั้นก็ยังถ่ายรูปไปด้วย มันไม่เกิดขึ้นง่ายนักกับการมาเที่ยวเจเจกับผู้สูงอายุขนาดนี้ (อีกไม่กี่ปีก็แตะศตวรรษแล้ว) ฉันต้องทนุถนอม และระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ยิ่งตอนนี้อยู่กันสองคน ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูง แต่เดินไปสักพักก็ไม่รู้สึกเป็นภาระหนักใจอะไรเลย เพราะป้าจีเดินดูต้นไม้ไปเรื่อย เมื่อยก็นั่งพัก ทุกจุดที่นั่งพักจะทักทายแม่ค้าพ่อค้า บางทีก็ซื้อค่ะ เมื่อซื้อของได้ พี่ชาติจะโผล่มาราวกับใช้ประตูวิเศษโดเรมอนเพื่อเอาของไปเก็บที่รถ
“อ่องจะซื้ออะไร?” ป้าจีถาม ฉันตอบว่ารอส่งป้าจีกลับบ้านก่อนแล้วฉันถึงซื้อค่ะ “ไม่เอา พาป้าไปด้วยซิ” 5555555555 ไม่เอาอ่ะค่ะ อ่องเลือกนานด้วย แล้วร้านอยู่ในตรอก อีกต่างหาก ป้าจีก็เดินไปเรื่อย เหมือนพี่เก็จ ตาดูต้นไม้ต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน แวะบ่อยหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร ดูแลง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยค่ะ


ตอนแรกที่มา ป้าจีบอกว่าจะมาหาซื้อต้นเฟื่องฟ้า แต่กลับไม่ได้เฟื่องฟ้าสักต้น ไปได้ต้นมะกรูด ส้มโอมือ และอะไรอีกต้นก็ลืมแล้ว เป็นพืชสวนครัวทั้งสิ้น แดดร้อนมากกกกก ฉันล่ะนับถือความทรหดของป้าจีจริง ๆ ค่ะ เดินเหมือนชิล ๆ ในพารากอน แต่ฉันต้องคอยระวังรถราให้บ้าง ใครที่เคยไปซื้อต้นไม้ในจตุจักรคงจะรู้นะคะว่าถนนสองฟากจะมีต้นไม้วางขาย แล้วตรงกลางที่เหลืออยู่นิดหน่อยเป็นที่ๆ คนกับรถใช้ถนนร่วมกัน ...แต่กระนั้นก็ยังมีอารมณ์ถ่ายรูป 55555555
เมื่อซื้อต้นไม้เสร็จ ป้าจีคงเหนื่อยแล้ว ยังต้องเดินทะลุตรอกไปขึ้นรถอีก แต่ข้างในร้านปิดหมด คนเลยไม่ค่อยมี เดินง่ายหน่อยค่ะ พอขึ้นรถแล้วฉันก็บอกว่าเดี๋ยวฉันจะลงเลย เพราะจะไปซื้อของต่อ ของตัวเองยังไมได้ซื้อ ป้าจีบอกว่าป้าไปด้วย ฉันไม่โอเค ป้าจีเลยบอกว่างั้นไปอตก.กัน อะนะ ป้าจียังไมเหนื่อยเหรอคะ
ก็เลยตกลงไปอตก.กับป้าจีก่อน ไปถึงปุ๊บป้าจีก็นั่งที่ร้านเจ้าประจำ คุยนู่นนี่กับแม่ค้า เขาบอกว่ามะพร้าวคั่วที่ป้าจีจะซื้ออยู่สุดตลาดนู่น ป้าจีบอกว่าจะขึ้นรถให้พี่ชาติขับไปดีกว่า ดูแล้วไกล๊ไกล 55555555 พี่ชาติบอกข้างหน้าหาที่จอดยาก ทีแรกฉันจะอาสาไปซื้อให้ แต่กลับบอกป้าจีว่าเดินไปกันเถอะค่ะ แวะนั่งไปเรื่อย ๆ ป้าจีก็...เอ้า ไปก็ไป ฮึบ ๆ สู้ว้อย (คำหลังฉันเติมเอง 55555)
ป้าจีแวะนั่งทุก ๆ 4 ร้าน แล้วก็ซื้อของทุก ๆ ป้ายที่หยุด 5555555 ป้าจีแซวตัวเองว่า shopping ทุกป้ายเลย ในที่สุดก็ถึงปลายตลาด ป้าชวนว่ากินก๋วยเตี๋ยวกันไหม ฉันลังเล เพราะกลัวว่าไม่สะอาด แล้วตอนนี้อากาศก็ร้อนมาก เกิดป้าจีไม่สบายจะไม่คุ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ป้าจีคงคิดเหมือนกัน เลยเดินไปจนถึงร้านเมี่ยงคำ ซื้อของด่านสุดท้าย
พอขึ้นรถ ฉันก็บอกพี่ชาติว่าเดี๋ยวฉันจะลงทันทีที่ถึงถนนใหญ่นะ ป้าจีบอกว่าจะไปไหน ฉันบอกว่าจะไปซื้อของที่เจเจมอลล์ค่ะ ป้าจีเลยให้รถวนไปส่ง ทั้ง ๆ ที่ฉันบอกว่าเดินไปเองได้ค่ะ ป้าจีเป็นห่วงว่าข้ามถนนจะไม่ปลอดภัย ฉันบอกว่าฉันไม่ข้ามถนน แต่ลงใต้ดินทะลุไปได้ แต่ป้าจีก็ยังยืนยันว่าจะไปส่ง บนรถก็ได้คุยกันหน่อยนึง เรื่องอะไรก็จำไม่ได้แล้ว แต่ประโยคหนึ่งป้าจีบอกว่าป้าไม่อยู่กลุ่มใครหรอก...แล้วเงียบไปพักนึง...ป้าอยู่กลุ่มอ่อง 5555555 ป้าจีขา ขอบคุณที่ป้าจีให้ความเมตตาเอ็นดูขนาดนี้นะคะ
รถใกล้ถึงเดอะมอลล์ ป้าจียังว่า..ป้าไปซื้อของด้วยคน ป้าจีขา...ยังไม่เหนื่อยอีกเหรอคะ? 55555555 จริง ๆ ฉันจะไปร้านบางไทร แต่ขอลงมอลล์เพื่อเข้าไปกักความเย็นไว้ในตัวสักพักน่ะค่ะ แล้วจากจุดนี้ไปบางไทร เดินไกลพอตัว ไม่มีทางที่ฉันจะยอมให้ป้าจีไปด้วยแน่ ๆ
กว่าจะไปถึงร้าน กว่าจะเลือกกระดาษเสร็จ จนเวลาปิดร้านของเขาเลย เป็นครั้งแรกเลยที่เดินจตุจักรจนเขาปิด 5555555 ขากลับนั่งรถเมล์กลับบ้าน เห็นพระจันทร์ดวงโตมาก คว้ากล้องมาถ่าย กลับถึงบ้านเอาขึ้นคอม โอววววว แม้แต่พระจันทร์ก็ยังรักฉัน? 5555555555 มีความสุขจัง

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

วังสระปทุม

คงเสียดายแย่ถ้าไม่ได้มา

เก็บตัวอยู่กับบ้านส่วนใหญ่ช่วงนี้ เพราะไม่มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย จนถึงเวลาที่ต้องส่งต้นฉบับให้พี่เจน การรับค่าเรื่องมาล่วงหน้านี่ไม่ดีเลยแฮะ...เงินใช้หมดไปแล้ว แต่งานยังไม่สิ้นสุด จะไม่ส่งงานก็ไม่มีเงินคืน 555555 ต้องเค้นพลังสมองกันสุดฤทธิ์ ไหนจะหาสถานที่ ๆ ที่น่าเขียน ไหนจะต้องออกไปเที่ยวอีก  เรื่องหน้าจะไปเจอพู อัญชลีที่ตลาดน้ำ ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินจากไหนไปกินข้าวผัดปลาทูของเพื่อน
จริง ๆ แล้วบ่นไปงั้น เพราะเพื่อน ๆ ก็ดี พี่น้องวัฒเนี่ยนก็ดี ล้วนแต่อารีกับฉันทั้งสิ้น ทุกคนยินดีออกตังค์ให้ฉันได้ไปสนุกด้วยตลอด แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ เพราะเป็นแต่รับอย่างเดียว ไม่ได้ตอบแทนกลับ ประมาณหมูไป แต่ไก่ไม่มา ไปทั้งหมูทั้งไก่ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ และขอสัญญาว่าหากมีอะไรที่ฉันสามารถตอบแทนได้ จะไม่รีรอค่ะ แต่อาจจะกระบิดกระบวนบ้างก็เป็นธรรมชาติของคนชื่ออ่องแหละนะ 55555 บางคนบอกว่าฉันเล่นตัว มันดูเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงไม่ใช่ ฉันเหมือนคนไม่ค่อยคิดมากเหมือนคนทั่วไป แต่เรื่องที่ชาวบ้านเขาไม่คิด นพพรคิด--นี่ซิ 55555555
เข้าเรื่องดีกว่า ฉันไปถึงวังสระปทุมบ่ายโมงกว่า นัดกับจุ๊บไว้บ่ายสอง แต่จุ๊บเบี้ยวซะงั้น บอกว่าติดธุระเลยเที่ยวคนเดียว วันนี้มีคนน้อยมากกกกก ทั้งช่วงมีฉันกับอีก 2 แม่ลูก ซึ่งนับว่าเป็นโชคดี เพราะจะได้มีมัคคุเทศก์ส่วนตัว จริง ๆ เขามีเครื่องให้ฟัง แต่พอบอกว่าหูไม่ดี เจ้าหน้าที่ก็ใจดีเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวให้ ทำให้การชมวังได้สาระความรู้เต็มที่ตามที่ต้องการ
เพราะอยากให้ผู้ที่อ่านบล็อกได้ตามไปเที่ยวชมด้วย ดังนั้นจะขอบอกรายละเอียดนิดนึงนะคะ ก่อนอื่นต้องโทรไปแจ้งที่วังก่อนค่ะ 02-252-1965-7 ทางเข้าให้เข้าทางหลังพารากอน เดินเข้าทางโรงแรม จะเจอศาลปู่โสม มีป้ายบอกค่ะว่า”พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ใครที่นำรถมา น่าจะจอดที่พารากอนนะคะ หรือยังไงลองถามตามเบอร์ข้างบนได้ ฉันไม่มีปัญหา เดินมาจาก BTS สยามค่ะ
เมื่อเข้าไปข้างในก็จะเจอเจ้าหน้าที่ต้อนรับ ถ่ายรูปทำบัตรค่ะ เขาให้มาเป็นที่ระลึกด้วย จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปชมห้องพิพิธภัณฑ์ก่อน มีเรื่องราวของสมเด็จพระพันวัสสาฯ และความเป็นมาของวังสระปทุม รวมถึงการบูรณะพระตำหนักใหญ่
จากนั้นจึงเดินไปชมพระตำหนัก ระหว่างทางผ่านต้นไม้ที่ปลูกมาเป็นร้อยปี อากาศร้อน แต่แดดก็ไม่สามารถแผดเผาได้เต็มที่ เพราะร่มไม้เล็กใหญ่ตลอดทาง
ทันทีที่พระตำหนักสีเหลืองเข้มปรากฏต่อหน้า ขอบอกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจริง ๆ ค่ะ เขาให้ถอดรองเท้า มีช่องเก็บอย่างเรียบร้อย และก่อนเข้าวัง กระเป๋าตังค์ทุกอย่างถูกขอให้เก็บไว้ในถุงซิบมีกุญแจล็อคด้วย ก่อนจะเข้าประตูชั้นใน เขาแจกวิทยุไว้ให้ฟัง เป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัว แต่ฉันปฏิเสธบอกว่าขี้เกียจถือ เพราะเอาไปก็ฟังไม่รู้เรื่อง สรุปเลยได้มัคคุเทศก์สาวส่วนตัวเป็นกรณีพิเศษ 5555555
เจ้าหน้าที่พาขึ้นชั้นบนก่อนเลย ลืมบอกไปอย่าง ก่อนขึ้นบันได มีภาพผ้าปักเป็นรูปฝูงนกกระเรียนค่ะ เป็นงานฝีมือทรงปักของพระพันวัสสา ขนาด 5 ฟุต นึกถึงนิยายที่ชอบอ่าน ว่าเจ้านายสมัยก่อนจะนั่งเย็บปักถักร้อย ทำอาหาร หรืองานประดิษฐ์อื่นๆ  ด้วยความประณีต เพิ่งได้เห็นจะ ๆ ตาวันนี้เองค่ะ
ทีนี้เดินขึ้นข้างบนเสียที ห้องแรกคือห้องพระบรรทมของเจ้าฟ้ามหิดลฯ พระบรมราชชนก สมัยยังไม่ได้อภิเษก ทุกอย่างถูกบูรณะซ่อมแซมและจัดวางไว้ตามอย่างสมัยที่เจ้านายทรงยังพระชนม์อยู่ มีรูปพระบรมราชชนกกับสมเด็จย่า ซึ่งฉันเคยเห็นแล้วก็เฉย ๆ กำลังมองผ่าน มาสะดุดตรงเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของร.6  จริงดิ๊! อุทานแบบนี้เลยค่ะ 5555555 แล้วต้องมองใหม่ ขอบอกว่าสวยและเหมือนมากค่ะ ถัดมาเป็นห้องทรงงาน เขาให้ยืนชมแค่นอกห้อง ไมได้ให้เข้าไปเที่ยวสำรวจละเอียดถึงข้างใน แต่ห้องไม่ลึกค่ะ ยืนอยู่หน้าห้องก็มองเห็นได้ชัดเจนดี หนังสือเก่าจนปกหนังผุร่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นได้รับการบูรณะใหม่หมด สมัยก่อนพระพันวัสสาทรงสั่งทำและนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลว่าต้องให้สมพระเกียรติโอรสของพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ของพระองค์เองเป็นของที่สั่งทำในประเทศ ถนัดจากห้องทรงงานก็เป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องเสวยห้องพระ และก็ห้องพระบรรทมของพระพันวัสสา แต่ช่วงปลายพระชนม์ชีพ ทรงโปรดบรรทมที่ห้องพระค่ะ พอตื่นบรรทมก็จะมานั่งที่เฉลียงประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่ ๆ ในหลวงเรามารับน้ำสังข์คราวอภิเษกสมรสค่ะ
ทีนี้ก็ลงมาชั้นล่าง มีห้องพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงของเล่นส่วนพระองค์ของร.8 และในหลวง พาสปอร์ตของพระพันวัสสา  น่าจะทรงเป็นพระราชินีองค์แรกของไทยที่เสด็จเยือนต่างประเทศค่ะ อีกทั้งโปรดอ่านหนังสือฝรั่ง อาทิ  the national geographic magazine  หลายชิ้นน่าทึ่ง น่าสนใจ
แต่สิ่งที่ฉันประทับใจและใช้เวลานานมากที่สุดคือจดหมายค่ะ จดหมายที่พระบรมราชชนกเขียนมาเพื่อ-ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้านนะคะ-ขออนุญาตแต่งงาน ยาวมากค่ะ หลายแผ่นทีเดียว แต่เป็นจดหมายที่น่ารักมาก ลายมือหวัดแต่ก็อ่านได้ค่ะ ได้ศัพท์สมัยก่อนหลายคำเลย ที่ชอบคือคำว่า “จูงแหม่ม” อยากรู้ว่าแปลว่าอะไร ไม่บอกค่ะ ไปอ่านเอง อิอิ
ไม่สามารถที่จะจารไนยได้ทั้งหมด เพราะติดขัดเรื่องคำราชาศัพท์ พูดมากไปเดี๋ยวจะโดนติงว่าไม่เหมาะไม่ควร สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ขอเชิญชวนนะคะ ภายในอาทิตย์นี้เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวชมสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของคนไทย พิพิธภัณฑ์นี้มีกำหนดการเปิดให้เข้าชม 17 ธันวาคม – 31 มีนาคมของทุกปีค่ะ เว้นวันอาทิตย์ (ปีนี้จึงเปิดถึง 30 มีนาคมเท่านั้น) ถ้าพลาดก็คงต้องรอถึงสิ้นปีค่ะ ขออภัยที่มาชวนช้าไปหน่อย แต่ฉันก็เพิ่งรู้และเพิ่งได้ไปมา และอิ่มหัวใจจนอยากชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆได้เข้าไปชมกันค่ะ เป็นการเข้าชมวังที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยไปมาในชีวิตก็ว่าได้