สายใยใดจะอุ่นหัวใจเท่าสายใยวัฒนา?
วันก่อน ชวนพี่เจน-พี่เก็จไปกินข้าวหมูแดงที่ถ.แปลงนาม วันนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ แล้ววันนั้น ข้าวหมูแดงก็ดันไม่ค่อยอร่อย ฉันเลยยิ่ง unhappy พี่เจนพาไปกินเกาเหลาจอมยุทธ ก็ไม่ยอมกิน ไม่กินไม่ว่า แถมนั่งหน้าหงิกบอกบุญก็ไม่รับ ถามหาแต่กรรม (นิสัย...เนอะ 555555) ทำเอาบรรยากาศมาคุขึ้นมาในบัดดล เท่านี้ยังไม่พอ ยังล้างสต๊อกครั้งมโหฬารลดแลกแจกแถมปัญหาให้พี่ ๆ ห่วงด้วยการบอกให้พี่ ๆ กลับไปก่อน เดี๋ยวขอเดินเล่นต่อแล้วจะขึ้นรถเมล์กลับบ้านจากตรงนี้เองค่ะ ไม่ว่าพี่เก็จจะชวนให้กลับพร้อมกัน ฉันก็ยังดื้อเงียบ นิสัยแย่สุด ๆ นะเนี่ยะ 5555555 พอพี่ ๆ กลับไปแล้วฉันก็เดินดูผลไม้ เดินไปคิดไป ทำไงดี ๆ ๆ ฟ้าก็มืดเชียว ด้วยอารมณ์สับสนอลหม่านหลายฟีลลิ่ง ฉันก็กระโดดขึ้นรถสาย 40 พอขึ้นปุ๊บ รถวิ่งไปได้ไม่ถึง 50 เมตร ฝนก็กระหน่ำลงมา ช่างโชคดีเสียกระไรนี่? แต่นึกไปถึงพี่ ๆ ที่รักทั้งสองว่าป่านนี้คงห่วงฉันเป็นแน่แท้ ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ กลับมาถึงบ้านเจอเมลจากพี่เจนถามอย่างห่วงใยว่าฉันเป็นอะไรไปวันนี้? แล้วโดนฝนไหม? อ่านเมลแล้วยิ่งรู้สึกผิดที่ทำบรรยากาศเสียไม่พอ ยังทำให้พี่ต้องเป็นห่วงเป็นใย
จึงได้เมลตอบไปพร้อมกับขอโทษพี่เจนเป็นการใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสนี้ปรึกษาพี่สาวที่ใจดีที่สุดในโลกของฉันว่า..ฉันควรจะทำยังไงดี? หลังจากปรึกษาพี่เก็จมาแล้วเช้านั้น แต่ยังคิดไม่ตกจนทำให้บรรยากาศมาคุไปแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าคุณแม่ของพี่ตุ้มป่วยต้องเข้าไอซียูค่ะ แต่พี่ตุ้มบอกว่าไม่ต้องไปเยี่ยม แถมไม่บอกอีกว่าอยู่โรงพยาบาลไหน ความลับไม่มีในโลกนี้ วันจันทร์ที่ผ่านมาป๊ากเล่าให้ฟังว่าจะโทรหาพี่จุ๋มอรุณี แต่ดันไปกดเบอร์พี่ตุ้มอารุณีเข้า ไหน ๆ ก็กดผิดแล้ว...อย่างคุณนายป๊ากต้องขอคุยอีกหน่อย ก็เลยได้ความมาฝากฉันว่าคุณแม่พี่ตุ้มอยู่รพ.รามคำแหง
ไอ้ฉันก็..ตอนแรกไม่รู้โรงพยาบาลก็ยังนั่งไม่เป็นสุข ตอนนี้รู้แล้ว..อาสน์ก็เลยยิ่งร้อน เพราะพี่ตุ้มบอกว่าไม่ให้ไป ถ้าไปเนี่ยะ พี่ตุ้มจะไม่พอใจหรือเปล่า? แต่ในขณะเดียวกันพี่เก็จก็บอกว่าควรไปนะ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้พี่ตุ้ม ถ้าเกรงใจพี่ตุ้มก็ไปแป๊บเดียวซิ ...แต่ฉันก็ยังคิด ๆ ว่าจะทำไงดี แต่พอพี่เจนเมลคำปรึกษามาให้อย่างละเอียดลออ ฉันก็ตัดสินไปทันที ไปถึงโรงพยาบาลแบบไม่มีข้อมูลใด ๆ แม้แต่ชื่อคุณแม่พี่ตุ้ม แต่ประเทศไทยแม่กับลูกส่วนใหญ่นามสกุลเดียวกัน ก็เลยหาไม่ยากค่ะ
ไปวันแรก ไม่ได้อยู่นาน เพราะว่าเพิ่งรู้จักกัน ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วพี่เจนกับพี่เก็จก็แนะนำมาว่าให้อยู่แป๊บเดียว แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมอีก
เมื่อวานอยู่บ้าน ป๊ากก็โทรมาหาให้ออน skype คุย เพราะถ้าคุยโทรศัพท์คงได้แต่เล่นซ่อนหาที่หาอะไรไม่เจอ 5555555 ได้ความว่าป้าจีอยากได้ปากกาแบบที่ไปซื้อกับฉันตอนงานวัฒนาแฟร์ปีที่แล้วไว้แจกเป็นของชำร่วย ฉันก็เลยบอกป๊ากให้โทรเรียนป้าจีว่าฉันจะไปซื้อให้เอง ต้องการกี่ด้าม เอาเหมือนกันหมด หรือคละลาย และอีก 2 ข้อพิเศษคือ 1.อ่องคิดถึงป้าจี 2.อยากชวนป้าจีไปกินข้าวต้มเป็ด ทีแรกป๊ากไม่ยอมพูดให้ ต้องส่งเสียงขู่ฟ่อด ๆ จึงสรุปออกมาว่าป้าจีจะไปกินข้าวที่แปลงนามด้วยกันในวันนี้
แต่เช้ามา ฉันก็นึกได้ว่าน่าจะแวะไปหาครูปุ๊สักหน่อย เพราะไม่ได้เจอมานานแล้ว กะจะนั่งคุยกับครูสัก 2-3ชั่วโมงแล้วค่อยเดินทางไปบ้านป้าจี ก็เลยนั่งมอเตอร์ไซด์ไปบ้านครูปุ๊ ไปถึงครูปุ๊กำลังจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว ก็เลยเดินไปด้วยกัน ไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไร เพราะครูทำธุระทางทันตกรรมเยอะไปหน่อย เจ็บไปหมดทั้งปาก คุยกับฉันต้องอ้าปากมาก ๆ 555555 หลังจากที่แยกย้ายกับครูปุ๊ ก็นั่งรถเมล์ไปบ้านป้าจี ไปถึงเที่ยงกว่าเล็กน้อย ป้าจีนัดไว้บ่ายโมงค่ะ ก็นั่งรอป้าจีกลับจากญาติมิตร ดีใจมาก ๆ ที่ป้าจีบอกว่าจะไปเดินสำเพ็งด้วย ถึงแม้จะแอบกังวลเล็กน้อยเพราะฉันไม่รู้ว่าร้านไหนมี ต้องเดินหา แต่ป้าจีบอกว่าอยากไปและไปได้ไม่มีปัญหา ขนาดว่าใส่รองเท้าสำหรับเดินเยอะ ๆ ไว้พร้อมสรรพ ระหว่างที่รถติด ป้าจีก็ถามฉันว่าหิวไหม? ฉันก็บอกตรง ๆ ว่าหิวค่ะ 55555555 ก็มันจะบ่าย 2 แล้ว ยังอยู่หน้าคลองเตยอยู่เลย ป้าจีปรารภว่า ป้าก็หิวจัง เราสองคนหิว ๆ กัน กินข้าวต้มจะอิ่มเหรอ? 55555555 พอดีพี่บุษโทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่สำเพ็ง กำลังจะซื้อปากกาอยู่ ป้าจีก็บอกให้ซื้อมา 1 ห่อ 10 แท่งก่อน ไม่ได้บอกพี่บุษว่ากำลังจะเดินทางไปซื้อเอง แต่ความที่รถติด แล้วฟ้าก็อึมครึม ฉันก็เลยบอกป้าจีไปว่า ให้พี่บุษซื้อมา 100 แท่งเลยดีกว่าค่ะ ป้าจีจะได้ไม่ต้องไป เพราะไหน ๆ พี่บุษเขาก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว สรุปว่าเราสองคนก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากถนนแปลงนามมายุติลงแค่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปเดินเที่ยวสำเพ็งกับป้าจีตามที่ตื่นเต้นไว้ (..ตื่นเต้น??? 55555555) แต่หลายชั่วโมงที่ได้อยู่กับป้าจี ฉันก็ได้คุยกับป้าจีมากมายหลายเรื่อง และจบลงที่ป้าจีชวนฉันไปงานวันเกิดที่มิตรสหายท่านจะจัดให้ที่สปอร์ตคลับ ฉันเลยต้องปูดความลับบางประการ คือวันนั้นฉันกับพี่เจนแอบนัดว่าจะมาเซอร์ไพร้ส์ป้าจีที่บ้าน ป้าจีบอกว่าไม่ต้องมาเพราะป้าจะไปแข่งบริดจ์ตอนเช้า ไปที่นั่นเลย เชิญพี่เจนไปด้วย และก็วัฒนาอื่น ๆ นะ ช่วยจัดการเชิญให้หน่อย ฉันก็...55555555....บอกป้าจีว่าถ้าให้ฉันเป็น organizer เนี่ย ป้าจีจำกัดจำนวนแขกไหมคะ? ป้าจีบอกไม่ ... ฉันเลยรับงานมาทันใด โอ้ลัลล้า~~~ 55555555 ป้าจีได้เอาบัตรเชิญมาให้ 1 ใบเพราะฉันบอกว่าจะส่งเทียบเชิญทางอินเตอร์ ขอ 1 ใบก็พอ แล้วป้าจีก็ยังเขียนคำเชิญด้วยตัวเองด้วยค่ะ จะได้ดูน่าเชื่อถือ ป้าจีถามว่าจะเขียนชื่อใครดี ยามนั้นชื่อแรกและชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาคุณลานทิพย์ค่ะ จึงได้กลายเป็นคุณลานทิพย์ ทวาทศินและน้อง ๆ เพื่อน ๆ วัฒนาที่รัก ป้าจีบอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้นะ ฉันเลยบอกว่าฉันสั่งเค็กแล้วอ่ะค่ะ ป้าจีบอกให้ไปยกเลิกซะ เพราะที่สปอร์ตคลับจัดเค้กให้ก้อนใหญ่แล้ว ฉันก็เลยบอกว่าอยากให้ป้าจีได้ชิมเค้กพี่หนิง สูตรครูผินเชียวนะคะ ได้ยินชื่อครูผิน ป้าจีเลยต่อรองว่าเอามาให้วันหลังแล้วกัน...ก็นัดกันว่าจะเอาไปให้วันหลังแทนค่ะ คือวันจันทร์ถัดไป เพื่อที่ป้าจีจะได้กินกับเพื่อน ๆ ที่จะมาญาติมิตรกันในวันอังคาร
พอกินข้าวเสร็จ ป้าจีก็มีโปรแกรมไปฉีดยาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนฉันก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่พี่ตุ้มอีกที ..เป็นคนที่ถ้าออกจากบ้านแล้ว ขอให้ทำธุระให้ครบทีเดียว..พี่เก็จเคยถามว่า...อ่องนี่กลับบ้านเร็วไม่เป็นใช่ไหม? 555555555 จึงขอให้ป้าจีส่งริมถนนสุขุมวิท ป้าจีบอกว่าป้าฉีดยานาน กว่าจะรอคิว กว่าจะเจอหมอ กว่าจะหายามาฉีด ระหว่างนี้ให้รถไปส่งที่รพ.รามคำแหงแล้วค่อยกลับมารับป้าก็ได้ ฉันรู้สึกตื้นตันยิ่งแต่ก็ปฏิเสธไป เพราะ4-5 โมงรถจะติดหนัก อันว่ารพ.รามคำแหงก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆสมิติเวชสักหน่อย ขณะกำลังอยู่ในรถ ป้าจีก็บอกฉันว่า “อ่อง มือถืออ่องดังแน่ะ ... ส่งมา ป้าคุยให้” 55555555 ปรากฏว่าเป็นคุณแม่โทรมาค่ะ ดีที่เป็นคุณแม่ ถ้าเพื่อนโทรมาตอนนี้คงอัศจรรย์ใจจนพูดไม่ออก
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลก็ 5 โมงกว่ามั้ง ไมได้ดูเวลาค่ะ คุณแม่พี่ตุ้มกำลังนอนหลับ เลยนั่งคุยกับพี่สะใภ้พี่ตุ้มอีกห้อง สอบถามอาการป่วยของคุณแม่ ระหว่างนั้นพี่ตุ้มก็โผล่หน้ามา ดีใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ตุ้มวันนี้ กะว่าหลังจากคุยกับพี่สะใภ้เสร็จก็จะกลับแล้ว พอเจอพี่ตุ้มเลยเหมือนเท้าถูกถ่วงไว้ด้วยลูกตุ้มหนัก 1 ตัน 5555555 ก็เลยได้นั่งเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ตุ้มอยู่นาน ประมาณไม่ไล่ไม่กลับ 555555 หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว..ตั้งแต่แม่กลองมั้ง นอกจากได้คุย ได้ออดอ้อนพี่ตุ้มซะชุ่มปอดแล้ว ยังได้ฟังพี่ตุ้มร้องเพลงให้ฟังอีกหลาย ๆ เพลงด้วย ฮ้า~~ มีความสุขชะมัด ฉันบอกว่าอยากให้พี่ตุ้มไปร้องเพลงเคล้าเสียงเปียโนที่บ้านพี่เก็จ... พี่ตุ้มร้อง..”นึกแล้ว!!” 555555555 เหมือนพี่เจนเลยอ่ะ ถามพี่ ๆ ทั้งหลายจริง ๆ เถอะค่ะ อ่องเนี่ยะ...เดาง่ายขนาดนี้เลย?????
อีกบริบทหนึ่งของสายใยรักวัฒนาหลากรุ่นที่มีต่อฉัน ครูปุ๊ผู้ซื้อแบตตารี่ long lasting สำหรับเครื่องช่วยฟังมาฝากจากอเมริกาแล้วไม่ยอมรับเงิน บอกว่าแชร์กับพี่ปุ่นให้เป็นของขวัญวันเกิดโดยที่ฉันเองก็ยังไม่เคยได้เจอค่าหน้าค่าตาพี่ปุ่นด้วยซ้ำ.... ความอบอุ่นอย่างเหลือล้นจากคุณป้าจีรวัสส์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ย่านางผู้ทรงเกียรติของวัฒนาโดยที่เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทางสายเลือด และฉันเองก็ไม่เคยได้ทำคุณประโยชน์ใด ๆ ให้กับป้าจีโดยตรง แต่กลับได้รับความรัก ความเมตตามาตลอด...แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสาหัส เพราะงานที่บริษัทแล้วพี่ตุ้มก็อดหลับอดนอนเฝ้าคุณแม่มาหลายวัน แต่พี่ตุ้มก็ยังร้องเพลงให้ฟัง พูดคุยกันนานหลายชั่วโมงเพราะรู้ว่าน้องคิดถึง และยังให้รถแวะมาส่งฉันถึงบ้านอีก.... ความไม่ถือสาแม้ว่าน้องจะมีอารมณ์เหวี่ยง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดจากพี่เจน และพี่เก็จ ทั้งหลายทั้งปวงนี้...คือสิ่งที่ตอกย้ำความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันอาจจะไม่มีความร่ำรวย ไม่ได้ประสบความสำเร็จใด ๆ ในชีวิต แต่ฉันว่าฉันโชคดีนักหนา ที่ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจเลือกวัฒนาให้เป็นสถานศึกษาของฉัน ทำให้ฉันได้มหาสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ – นั่นคือความรักของพี่น้องชาววัฒนา
อีกบริบทหนึ่งของสายใยรักวัฒนาหลากรุ่นที่มีต่อฉัน ครูปุ๊ผู้ซื้อแบตตารี่ long lasting สำหรับเครื่องช่วยฟังมาฝากจากอเมริกาแล้วไม่ยอมรับเงิน บอกว่าแชร์กับพี่ปุ่นให้เป็นของขวัญวันเกิดโดยที่ฉันเองก็ยังไม่เคยได้เจอค่าหน้าค่าตาพี่ปุ่นด้วยซ้ำ.... ความอบอุ่นอย่างเหลือล้นจากคุณป้าจีรวัสส์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ย่านางผู้ทรงเกียรติของวัฒนาโดยที่เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทางสายเลือด และฉันเองก็ไม่เคยได้ทำคุณประโยชน์ใด ๆ ให้กับป้าจีโดยตรง แต่กลับได้รับความรัก ความเมตตามาตลอด...แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสาหัส เพราะงานที่บริษัทแล้วพี่ตุ้มก็อดหลับอดนอนเฝ้าคุณแม่มาหลายวัน แต่พี่ตุ้มก็ยังร้องเพลงให้ฟัง พูดคุยกันนานหลายชั่วโมงเพราะรู้ว่าน้องคิดถึง และยังให้รถแวะมาส่งฉันถึงบ้านอีก.... ความไม่ถือสาแม้ว่าน้องจะมีอารมณ์เหวี่ยง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดจากพี่เจน และพี่เก็จ ทั้งหลายทั้งปวงนี้...คือสิ่งที่ตอกย้ำความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันอาจจะไม่มีความร่ำรวย ไม่ได้ประสบความสำเร็จใด ๆ ในชีวิต แต่ฉันว่าฉันโชคดีนักหนา ที่ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจเลือกวัฒนาให้เป็นสถานศึกษาของฉัน ทำให้ฉันได้มหาสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ – นั่นคือความรักของพี่น้องชาววัฒนา