วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

โอ้ว่ารักเรานั้นสุขเกินใคร

สายใยใดจะอุ่นหัวใจเท่าสายใยวัฒนา?
วันก่อน ชวนพี่เจน-พี่เก็จไปกินข้าวหมูแดงที่ถ.แปลงนาม วันนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ แล้ววันนั้น ข้าวหมูแดงก็ดันไม่ค่อยอร่อย ฉันเลยยิ่ง unhappy พี่เจนพาไปกินเกาเหลาจอมยุทธ ก็ไม่ยอมกิน ไม่กินไม่ว่า แถมนั่งหน้าหงิกบอกบุญก็ไม่รับ ถามหาแต่กรรม  (นิสัย...เนอะ 555555) ทำเอาบรรยากาศมาคุขึ้นมาในบัดดล เท่านี้ยังไม่พอ ยังล้างสต๊อกครั้งมโหฬารลดแลกแจกแถมปัญหาให้พี่ ๆ ห่วงด้วยการบอกให้พี่ ๆ กลับไปก่อน เดี๋ยวขอเดินเล่นต่อแล้วจะขึ้นรถเมล์กลับบ้านจากตรงนี้เองค่ะ ไม่ว่าพี่เก็จจะชวนให้กลับพร้อมกัน ฉันก็ยังดื้อเงียบ นิสัยแย่สุด ๆ นะเนี่ยะ 5555555 พอพี่ ๆ กลับไปแล้วฉันก็เดินดูผลไม้ เดินไปคิดไป ทำไงดี ๆ ๆ ฟ้าก็มืดเชียว ด้วยอารมณ์สับสนอลหม่านหลายฟีลลิ่ง ฉันก็กระโดดขึ้นรถสาย 40  พอขึ้นปุ๊บ รถวิ่งไปได้ไม่ถึง 50 เมตร ฝนก็กระหน่ำลงมา ช่างโชคดีเสียกระไรนี่? แต่นึกไปถึงพี่ ๆ ที่รักทั้งสองว่าป่านนี้คงห่วงฉันเป็นแน่แท้ ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ กลับมาถึงบ้านเจอเมลจากพี่เจนถามอย่างห่วงใยว่าฉันเป็นอะไรไปวันนี้? แล้วโดนฝนไหม? อ่านเมลแล้วยิ่งรู้สึกผิดที่ทำบรรยากาศเสียไม่พอ ยังทำให้พี่ต้องเป็นห่วงเป็นใย
จึงได้เมลตอบไปพร้อมกับขอโทษพี่เจนเป็นการใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสนี้ปรึกษาพี่สาวที่ใจดีที่สุดในโลกของฉันว่า..ฉันควรจะทำยังไงดี? หลังจากปรึกษาพี่เก็จมาแล้วเช้านั้น แต่ยังคิดไม่ตกจนทำให้บรรยากาศมาคุไปแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าคุณแม่ของพี่ตุ้มป่วยต้องเข้าไอซียูค่ะ แต่พี่ตุ้มบอกว่าไม่ต้องไปเยี่ยม แถมไม่บอกอีกว่าอยู่โรงพยาบาลไหน ความลับไม่มีในโลกนี้ วันจันทร์ที่ผ่านมาป๊ากเล่าให้ฟังว่าจะโทรหาพี่จุ๋มอรุณี แต่ดันไปกดเบอร์พี่ตุ้มอารุณีเข้า ไหน ๆ ก็กดผิดแล้ว...อย่างคุณนายป๊ากต้องขอคุยอีกหน่อย ก็เลยได้ความมาฝากฉันว่าคุณแม่พี่ตุ้มอยู่รพ.รามคำแหง
ไอ้ฉันก็..ตอนแรกไม่รู้โรงพยาบาลก็ยังนั่งไม่เป็นสุข ตอนนี้รู้แล้ว..อาสน์ก็เลยยิ่งร้อน เพราะพี่ตุ้มบอกว่าไม่ให้ไป ถ้าไปเนี่ยะ พี่ตุ้มจะไม่พอใจหรือเปล่า? แต่ในขณะเดียวกันพี่เก็จก็บอกว่าควรไปนะ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้พี่ตุ้ม ถ้าเกรงใจพี่ตุ้มก็ไปแป๊บเดียวซิ ...แต่ฉันก็ยังคิด ๆ ว่าจะทำไงดี แต่พอพี่เจนเมลคำปรึกษามาให้อย่างละเอียดลออ ฉันก็ตัดสินไปทันที ไปถึงโรงพยาบาลแบบไม่มีข้อมูลใด ๆ แม้แต่ชื่อคุณแม่พี่ตุ้ม แต่ประเทศไทยแม่กับลูกส่วนใหญ่นามสกุลเดียวกัน ก็เลยหาไม่ยากค่ะ
ไปวันแรก ไม่ได้อยู่นาน เพราะว่าเพิ่งรู้จักกัน ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วพี่เจนกับพี่เก็จก็แนะนำมาว่าให้อยู่แป๊บเดียว แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมอีก
เมื่อวานอยู่บ้าน ป๊ากก็โทรมาหาให้ออน skype คุย เพราะถ้าคุยโทรศัพท์คงได้แต่เล่นซ่อนหาที่หาอะไรไม่เจอ 5555555 ได้ความว่าป้าจีอยากได้ปากกาแบบที่ไปซื้อกับฉันตอนงานวัฒนาแฟร์ปีที่แล้วไว้แจกเป็นของชำร่วย ฉันก็เลยบอกป๊ากให้โทรเรียนป้าจีว่าฉันจะไปซื้อให้เอง ต้องการกี่ด้าม เอาเหมือนกันหมด หรือคละลาย และอีก 2 ข้อพิเศษคือ 1.อ่องคิดถึงป้าจี 2.อยากชวนป้าจีไปกินข้าวต้มเป็ด ทีแรกป๊ากไม่ยอมพูดให้ ต้องส่งเสียงขู่ฟ่อด ๆ จึงสรุปออกมาว่าป้าจีจะไปกินข้าวที่แปลงนามด้วยกันในวันนี้
แต่เช้ามา ฉันก็นึกได้ว่าน่าจะแวะไปหาครูปุ๊สักหน่อย เพราะไม่ได้เจอมานานแล้ว กะจะนั่งคุยกับครูสัก 2-3ชั่วโมงแล้วค่อยเดินทางไปบ้านป้าจี ก็เลยนั่งมอเตอร์ไซด์ไปบ้านครูปุ๊ ไปถึงครูปุ๊กำลังจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว ก็เลยเดินไปด้วยกัน ไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไร เพราะครูทำธุระทางทันตกรรมเยอะไปหน่อย เจ็บไปหมดทั้งปาก คุยกับฉันต้องอ้าปากมาก ๆ 555555 หลังจากที่แยกย้ายกับครูปุ๊ ก็นั่งรถเมล์ไปบ้านป้าจี ไปถึงเที่ยงกว่าเล็กน้อย ป้าจีนัดไว้บ่ายโมงค่ะ ก็นั่งรอป้าจีกลับจากญาติมิตร  ดีใจมาก ๆ ที่ป้าจีบอกว่าจะไปเดินสำเพ็งด้วย ถึงแม้จะแอบกังวลเล็กน้อยเพราะฉันไม่รู้ว่าร้านไหนมี ต้องเดินหา แต่ป้าจีบอกว่าอยากไปและไปได้ไม่มีปัญหา ขนาดว่าใส่รองเท้าสำหรับเดินเยอะ ๆ ไว้พร้อมสรรพ ระหว่างที่รถติด ป้าจีก็ถามฉันว่าหิวไหม? ฉันก็บอกตรง ๆ ว่าหิวค่ะ 55555555 ก็มันจะบ่าย 2 แล้ว ยังอยู่หน้าคลองเตยอยู่เลย ป้าจีปรารภว่า ป้าก็หิวจัง เราสองคนหิว ๆ กัน กินข้าวต้มจะอิ่มเหรอ? 55555555 พอดีพี่บุษโทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่สำเพ็ง กำลังจะซื้อปากกาอยู่ ป้าจีก็บอกให้ซื้อมา 1 ห่อ 10 แท่งก่อน ไม่ได้บอกพี่บุษว่ากำลังจะเดินทางไปซื้อเอง แต่ความที่รถติด แล้วฟ้าก็อึมครึม ฉันก็เลยบอกป้าจีไปว่า ให้พี่บุษซื้อมา 100 แท่งเลยดีกว่าค่ะ ป้าจีจะได้ไม่ต้องไป เพราะไหน ๆ พี่บุษเขาก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว สรุปว่าเราสองคนก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากถนนแปลงนามมายุติลงแค่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปเดินเที่ยวสำเพ็งกับป้าจีตามที่ตื่นเต้นไว้ (..ตื่นเต้น??? 55555555) แต่หลายชั่วโมงที่ได้อยู่กับป้าจี ฉันก็ได้คุยกับป้าจีมากมายหลายเรื่อง และจบลงที่ป้าจีชวนฉันไปงานวันเกิดที่มิตรสหายท่านจะจัดให้ที่สปอร์ตคลับ ฉันเลยต้องปูดความลับบางประการ คือวันนั้นฉันกับพี่เจนแอบนัดว่าจะมาเซอร์ไพร้ส์ป้าจีที่บ้าน ป้าจีบอกว่าไม่ต้องมาเพราะป้าจะไปแข่งบริดจ์ตอนเช้า ไปที่นั่นเลย เชิญพี่เจนไปด้วย และก็วัฒนาอื่น ๆ นะ ช่วยจัดการเชิญให้หน่อย ฉันก็...55555555....บอกป้าจีว่าถ้าให้ฉันเป็น organizer เนี่ย ป้าจีจำกัดจำนวนแขกไหมคะ? ป้าจีบอกไม่ ... ฉันเลยรับงานมาทันใด โอ้ลัลล้า~~~ 55555555 ป้าจีได้เอาบัตรเชิญมาให้ 1 ใบเพราะฉันบอกว่าจะส่งเทียบเชิญทางอินเตอร์ ขอ 1 ใบก็พอ แล้วป้าจีก็ยังเขียนคำเชิญด้วยตัวเองด้วยค่ะ จะได้ดูน่าเชื่อถือ ป้าจีถามว่าจะเขียนชื่อใครดี ยามนั้นชื่อแรกและชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาคุณลานทิพย์ค่ะ จึงได้กลายเป็นคุณลานทิพย์ ทวาทศินและน้อง ๆ เพื่อน ๆ วัฒนาที่รัก ป้าจีบอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้นะ ฉันเลยบอกว่าฉันสั่งเค็กแล้วอ่ะค่ะ ป้าจีบอกให้ไปยกเลิกซะ เพราะที่สปอร์ตคลับจัดเค้กให้ก้อนใหญ่แล้ว ฉันก็เลยบอกว่าอยากให้ป้าจีได้ชิมเค้กพี่หนิง สูตรครูผินเชียวนะคะ ได้ยินชื่อครูผิน ป้าจีเลยต่อรองว่าเอามาให้วันหลังแล้วกัน...ก็นัดกันว่าจะเอาไปให้วันหลังแทนค่ะ คือวันจันทร์ถัดไป เพื่อที่ป้าจีจะได้กินกับเพื่อน ๆ ที่จะมาญาติมิตรกันในวันอังคาร
พอกินข้าวเสร็จ ป้าจีก็มีโปรแกรมไปฉีดยาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนฉันก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่พี่ตุ้มอีกที ..เป็นคนที่ถ้าออกจากบ้านแล้ว ขอให้ทำธุระให้ครบทีเดียว..พี่เก็จเคยถามว่า...อ่องนี่กลับบ้านเร็วไม่เป็นใช่ไหม? 555555555 จึงขอให้ป้าจีส่งริมถนนสุขุมวิท ป้าจีบอกว่าป้าฉีดยานาน กว่าจะรอคิว กว่าจะเจอหมอ กว่าจะหายามาฉีด ระหว่างนี้ให้รถไปส่งที่รพ.รามคำแหงแล้วค่อยกลับมารับป้าก็ได้ ฉันรู้สึกตื้นตันยิ่งแต่ก็ปฏิเสธไป เพราะ4-5 โมงรถจะติดหนัก อันว่ารพ.รามคำแหงก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆสมิติเวชสักหน่อย ขณะกำลังอยู่ในรถ ป้าจีก็บอกฉันว่า “อ่อง มือถืออ่องดังแน่ะ ... ส่งมา ป้าคุยให้” 55555555 ปรากฏว่าเป็นคุณแม่โทรมาค่ะ ดีที่เป็นคุณแม่ ถ้าเพื่อนโทรมาตอนนี้คงอัศจรรย์ใจจนพูดไม่ออก
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลก็ 5 โมงกว่ามั้ง ไมได้ดูเวลาค่ะ คุณแม่พี่ตุ้มกำลังนอนหลับ เลยนั่งคุยกับพี่สะใภ้พี่ตุ้มอีกห้อง สอบถามอาการป่วยของคุณแม่ ระหว่างนั้นพี่ตุ้มก็โผล่หน้ามา ดีใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ตุ้มวันนี้ กะว่าหลังจากคุยกับพี่สะใภ้เสร็จก็จะกลับแล้ว พอเจอพี่ตุ้มเลยเหมือนเท้าถูกถ่วงไว้ด้วยลูกตุ้มหนัก 1 ตัน 5555555 ก็เลยได้นั่งเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ตุ้มอยู่นาน ประมาณไม่ไล่ไม่กลับ 555555 หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว..ตั้งแต่แม่กลองมั้ง  นอกจากได้คุย ได้ออดอ้อนพี่ตุ้มซะชุ่มปอดแล้ว ยังได้ฟังพี่ตุ้มร้องเพลงให้ฟังอีกหลาย ๆ เพลงด้วย ฮ้า~~ มีความสุขชะมัด ฉันบอกว่าอยากให้พี่ตุ้มไปร้องเพลงเคล้าเสียงเปียโนที่บ้านพี่เก็จ... พี่ตุ้มร้อง..”นึกแล้ว!! 555555555 เหมือนพี่เจนเลยอ่ะ ถามพี่ ๆ ทั้งหลายจริง ๆ เถอะค่ะ อ่องเนี่ยะ...เดาง่ายขนาดนี้เลย?????
อีกบริบทหนึ่งของสายใยรักวัฒนาหลากรุ่นที่มีต่อฉัน ครูปุ๊ผู้ซื้อแบตตารี่ long lasting สำหรับเครื่องช่วยฟังมาฝากจากอเมริกาแล้วไม่ยอมรับเงิน บอกว่าแชร์กับพี่ปุ่นให้เป็นของขวัญวันเกิดโดยที่ฉันเองก็ยังไม่เคยได้เจอค่าหน้าค่าตาพี่ปุ่นด้วยซ้ำ.... ความอบอุ่นอย่างเหลือล้นจากคุณป้าจีรวัสส์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ย่านางผู้ทรงเกียรติของวัฒนาโดยที่เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทางสายเลือด และฉันเองก็ไม่เคยได้ทำคุณประโยชน์ใด ๆ ให้กับป้าจีโดยตรง แต่กลับได้รับความรัก ความเมตตามาตลอด...แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสาหัส เพราะงานที่บริษัทแล้วพี่ตุ้มก็อดหลับอดนอนเฝ้าคุณแม่มาหลายวัน แต่พี่ตุ้มก็ยังร้องเพลงให้ฟัง พูดคุยกันนานหลายชั่วโมงเพราะรู้ว่าน้องคิดถึง และยังให้รถแวะมาส่งฉันถึงบ้านอีก.... ความไม่ถือสาแม้ว่าน้องจะมีอารมณ์เหวี่ยง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดจากพี่เจน และพี่เก็จ ทั้งหลายทั้งปวงนี้...คือสิ่งที่ตอกย้ำความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันอาจจะไม่มีความร่ำรวย ไม่ได้ประสบความสำเร็จใด ๆ ในชีวิต แต่ฉันว่าฉันโชคดีนักหนา ที่ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจเลือกวัฒนาให้เป็นสถานศึกษาของฉัน ทำให้ฉันได้มหาสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ – นั่นคือความรักของพี่น้องชาววัฒนา

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

My Sister who lives a greenie life

with the heart that hugs the world
จากวันก่อนที่ถ่ายรูปพี่เก็จไม่ได้ดังใจ คือสวนองค์ประกอบภาพทุกอย่างสวยอย่างลงตัวแล้ว เว้นแต่ว่านางแบบ...อ้าวอ่อง นางแบบเช้งซะขนาดนี้ยังบอกว่าไม่สวยลงตัวอีกเหรอ? ไปหานางแบบที่อื่นละกัน  เปล่าค่า ไม่ใช่ ๆ นางแบบน่ะถูกใจ แต่มือนางแบบน่ะซิ ช่วยลดสปีดลงได้ไหมคะ แบบว่า แบบว่า...มันไวเกิน กล้องอ่องปัญญาอ่อนพอ ๆ กับเจ้าของอ่ะค่ะ ไม่สามารถจับภาพได้ทัน พี่เก็จถามว่างั้นจะให้พี่ทำยังไง?  ก็ไม่ทำไง พี่ก็ทำตัวไปตามปกติ พออ่องบอกหยุดปุ๊บ พี่ก็ freezed ปั๊บเลยก็พอแล้วค่ะ 5555555 นึกถึงเกมสมัยเด็ก ๆ เลย ไม่รู้ชื่อเกมอะไรที่คนเป็นจะปิดตา แล้วคนอื่น ๆ ก็จะเดิน หรือวิ่งแล้วแต่ พอคนเป็นบอกหยุด ทุกคนต้อง freezed ทันที ใครขยับก็มาเป็นแทน เชื่อว่าเราน่าจะเคยเล่นกันสมัยเด็ก ๆ นะคะ
เป็นอันตกลงตามนี้ แต่ตอนเช้าพี่เก็จต้องออกกำลังกายก่อน ฉันก็นั่งคุยไปดูพี่เก็จไป พี่เก็จบอก นั่งดูเฉย ๆ ทำไมกัน ให้มาออกกำลังกายด้วย วัน ๆ นั่งแต่หน้าคอม อ่ะ...รู้ได้ไงคะพี่เก็จ? ใคร ๆ ก็รู้ย่ะ ออนมาทีไรเห็นเธอออนไลน์ตลอด..ไม่ว่าจะวันไหน เวลาใด ฝนตก ร้อน หนาว ไม่เค้ย ไม่เคยไม่เห็นเธอไม่ออนเลย  แหม...ตอนนี้ไงคะที่อ่องไม่ได้ออน 5555555  อย่างไรก็ตาม ฉันก็ได้ออกกำลังกายยืดเส้นสายกับพี่เก็จด้วย ก็ทำเท่าที่ทำได้ค่ะ ทำทุกท่าอย่างพี่เก็จไม่ไหว พี่เก็จน่ะโยคินีกลับชาติมาเกิด เหลือแต่นอนบนตะปูที่ไม่ได้ทำ
เพราะว่าการถ่ายรูปกลางแจ้ง เวลาที่จะถ่ายรูปได้สวยที่สุดสำหรับมืออาชีพแบบฉันก็คือ...ช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดหลบไปสัก 50%  ถ้าแดดจัด ๆ นี่ฉันว่า แสงมันเว่อร์ไป สีจะไม่สวย แต่ถ้าเย็น ๆ ไม่มีแสงเลยก็ไม่มีมิติ แถมเสี่ยงต่อภาพไหว เพราะยายกล้องมือสั่นตามสังขาร
ก็เลยไปกินข้าวเที่ยงที่เยาวราชค่ะ 5555555 ผู้อ่านคงนึก สองคนพี่น้องนี้ว้างว่างนะ กินข้าวทีต้องไปซะไกล ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เกาลัดหมด เลยจะไปซื้อเกาลัดด้วยน่ะค่ะ แก้ตัวแบบนี้อย่าแก้ดีกว่าไหมอ่อง? 555555 ทำไมเธอจะต้องมีเกาลัดติดบ้านตลอดเวลา? จริง ๆ พี่เก็จก็จะไปทำธุระแถวนั้นด้วยน่ะค่ะ ขอละไว้ไม่บอกนะคะ ทำมีลับลมคมใน เรื่องจะได้น่าสนใจ อิอิ
ครั้งก่อนซื้อข้าวต้มเป็ดกลับไปกินที่บ้าน พี่เก็จบอกไม่อร่อย วันนี้เลยตั้งใจมานั่งกินข้าวต้มเป็ด+กระเพาะหมู  ฉันจากเดิมที่เฉย ๆ ตอนนี้ก็ชักเสพติด อินไปด้วยว่ามันช่างเลิศรส แต่ระหว่างที่เดินไปผ่านร้านข้าวหมูแดง ฉันก็อยากกิน พี่เก็จบอกว่าอ่องกิน พี่นั่งดูได้มะ แล้วเสร็จแล้วพี่ไปกินข้าวต้ม อ่องนั่งดู...อ้าวไหงงั้นล่ะคะพี่เก็จ 55555555 ฉันก็เลยบอกว่าไปกินข้าวต้มกับพี่เก็จดีกว่า  พอกินเสร็จเดินผ่านร้านนี้อีกรอบ พี่เก็จบอก...ดูน่ากินเหมือนกันนะ ก็เลยชวนกันเข้าไปนั่งกิน 2 คน 1 จาน แถมขอจานเปล่าเขามาแบ่งอีก ระหว่างนั่งรอ พี่เก็จก็สะกิดแล้วกระซิบว่า..
พี่เก็จ - ดูดิ ทำไมเขาใช้มือหยิบหมูอ่ะ???
อ่อง – น่า...ของบางอย่างต้องผสมขี้มือถึงจะอร่อย
พี่เก็จ – แหวะ....
555555555 แต่พอได้กิน พี่เก็จกลับพบสัจธรรม เพราะมันโอชารสจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะน้ำที่ราดข้าว สุดยอดมาก ฉันสั่งหมูกลับมากินที่บ้าน 2-3 วันไปแล้วก็ยังอร่อยอยู่เลย กินข้าว 2 เจ้าแล้วก็เดินข้ามถนนไปกินขนมเต้าส่วนล้างปาก ทีแรกคิดว่าจะกินไม่ไหว แต่ว่า..สำหรับฉัน กระเพาะจะมีพื้นที่สำหรับขนมอยู่แล้ว เพราะชีวิตฉันขาดความหวานไม่ได้ 55555555 เจอทุเรียนสวย ๆ ฉันก็อดมองไม่ได้ พี่เก็จจะซื้อให้ฉันก็บอกว่าอย่าค่ะ เรื่องทุเรียนฉันเรื่องมากจริงๆ ต้องสวย ๆ จริง ๆ ถึงจะกิน ช้ำนิดนิ่มหน่อยเป็นไม่แตะ คุณแม่กับน้อง ๆ รู้ดีในความเรื่องมากของฉันว่า... ที่สุดของที่สุด พี่เก็จคงนึกด้วยความหมั่นไส้...ดีไม่เปลืองเงิน 5555555
เติมพลังงานจนเต็มปรี่แล้วก็ได้เวลาเดินใช้พลังงานแล้ว หลังจากแวะไป ทำธุระของพี่เก็จแล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าตลาดเก่า วันนี้ไม่รู้ทำไมพี่เก็จถึงไม่ซื้ออะไรเลย น่าจะเพราะอิ่มจัด อยากรีบกลับบ้านไป sleep 5555555 เป้ใบโตที่อุตส่าห์เอามา จึงอัดแน่นด้วยอาหารของคุณอ่องคนเดียว ขนซื้อซะอย่างกับที่อ่อนนุชน้ำท่วม จะไม่ได้ออกจากบ้าน 1 ฤดูฝน โดยเฉพาะเจ้าเกาลัด โลภซื้อไป 2 กก.เลย มาถึงหัวลำโพง...บอกพี่เก็จ..ถ่ายรูปสถานีรถไฟหัวลำโพงไหมคะ พี่เก็จก็..ไงก็ได้ ปรากฎว่ามันไม่ใช่ง่าย ๆ (ถ้าง่ายก็คงไม่ใช่อ่อง 555555) คือมันจะติดเต้นท์เก่า ๆ โทรม ๆ น่ะค่ะ เห็นแล้วเสีย feel เลยบอกพี่เก็จปีนขึ้นไปที่สูง ๆ ยายกล้องก็ขึ้นไปด้วย กว่าจะหามุมภาพถูกใจคุณอ่อง คุณเก็จแทบหลับหน้าหัวลำโพง ได้มุมถูกใจแล้ว พี่เก็จขาเอาร่มลงด้วย... พี่เก็จเอาลงแบบไม่ค่อยเต็มใจ เพราะแดดจัดค่ะวันนี้  แทนที่คุณอ่องจะรีบ ๆ กดแชตเตอร์ให้เสร็จ ๆ ยังบงการต่อ ยิ้มด้วยค่ะพี่เก็จ ไม่เอา...กว้างไป ยิ้มนิด ๆ น่ะ ...นิดไป...ฉีกอีกหน่อย....อีกนิ้ดดด....55555555 เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังการถ่ายภาพ จะได้เห็นว่าพี่เก็จมีความเมตตาต่อยายกล้องแค่ไหน?  ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตา ก็คงไม่อดทนอดกลั้นได้ขนาดนี้หรอกค่ะ ถ่าย 1 รูป ทำเอาฝ้าเกือบขึ้นหน้า 5555555555
พอกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่พี่เก็จทำคือ เปลี่ยนชุด แล้วบอกว่า..พี่ขอนอนก่อนนะ ฉันก็โอเค ก็นั่งดูทีวีไป ออกไปถ่ายรูปต้นไม้ต้นไร่ไป  ที่เด็ดมากคือมีแมวตัวหนึ่งเข้ามาเดินชมสวนเหมือนกัน ฉันเห็นรูปร่างมันหล่อพอประมาณ เลยอยากได้เป็นแบบ แต่ไม่รู้จะทำไง ลองส่งเสียงมี้ ๆ ๆ มันก็หันมามอง สวนพี่เก็จถ้าใครได้ดูรูปจะเห็นว่าต้นไม้เต็มไปหมดจนจะไม่มีที่เดินอยู่แล้ว ฉันก็พยายามเดินไปหามุมโฟกัส หาไปปากก็ร้องมี้ ๆ อย่าเพิ่งไปไหนนะ 55555555 ชะรอยเจ้าเหมียวหนุ่มคงอยากขึ้น facebook เลยนั่งรอ เก็บหางอย่างสวย ว้าว ภาพเจ๋งมากค่ะ กดแชตเตอร์ไปทันที  เห็นว่าถ่ายรูปเสร็จแล้ว มันก็เดินจากไป จะเรียกให้มาถ่ายอีกรูปกันเหนียว มันก็หาได้แยแสไม่ ก็ไม่คิดว่าภาพจะออกมาดูดีจนได้กลับมาดูคอมที่บ้าน...ราวกับจับวางทีเดียวค่ะ
จน 4 โมงเย็นพี่เก็จยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ฉันเลยไปปลุกทั้ง ๆ ที่ตอนแรกบอกพี่เก็จว่านอนให้เต็มที่เลย รับรองว่าจะไม่ปลุก  555555555 แต่คุณพี่ท่าทางจะนอนเพลินไปหน่อย เดี๋ยวแดดหมด อดถ่ายรูป พี่เก็จงัวเงีย ลุกมาแบบเซ็ง ๆ แต่พอได้เดินปลูกต้นไม้สัก 2 ต้นทีนี้ก็อารมณ์ดีแล้วค่ะ ฉันเห็นนางแบบพร้อม แสงพร้อม สถานที่พร้อม ก็เริ่มปฏิบัติภารกิจถ่ายรูปปลูกต้นไม้ทันที  พี่เก็จให้ความร่วมมือตามปกติ  คือพี่เก็จก็ปลูกต้นไม้ไปเรื่อย ทั่วบ้านเลย 55555555 เดินดูมุมไหนมีที่ให้หย่อนได้ เป็นหย่อน ปลูกต้นไม้ท่ามกลางเสียงยายกล้องกำกับบท...หยุด...แรก ๆ พี่เก็จยังไม่ค่อยเข้าใจ พอฉันบอกหยุด คุณพี่ freezeซะนานเลย ถ้าไม่บอกให้เคลื่อนไหวได้ คง freeze ถึงค่ำ 5555555555 พี่เก็จบอกว่าจะไปรู้เหรอว่าจะให้ freeze นานแค่ไหน ...แหมพี่เก็จขา...ก็แค่ชั่วกดแชตเตอร์เท่านั้นเอง
กลับมาถึงบ้าน เอารูปลงคอม...โอ้โห รูปชุดนี้สวยจัง แต่พี่เก็จกับฉันตกลงกันว่า...รูปที่ถ่ายวันนี้ จะดูกันแค่ 4 คนพอ เพราะเกรงใจคนอื่นๆ  ใน facebook จะว่าเลี่ยนกับรูปพี่เก็จ เนื่องจากว่าออกจะมากและถี่จัดไปหรือเปล่า ฉันล่ะชอบที่สุดคือรูปพี่เก็จ tree planking 555555555 เป็นยังไง? ไม่บอกค่ะ อิอิ (จะทำแฟนคลับหายก็ตอนนี้เอง ชอบทำตัวให้คนหมั่นไส้นักนะยัยอ่อง).

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

ไปตามหามหาหงส์

แต่ได้มหาอื่นมหาเยอะพ่วงมาด้วย
เรื่องนี้จุดเริ่มต้นมาจากว่าพี่ขุนสามีพี่เก็จอยากให้ฉันถ่ายรูปพี่เก็จตอนปลูกต้นไม้ไว้เพื่อส่งประกวดชิงรางวัลรถยนต์—ไม่ใช่แระ—รถจักรยานพับได้  พี่เก็จก็เลยบอกว่าต้องไปซื้อต้นไม้ก่อน พี่เก็จขา..เอาไอ้ต้น ๆ ประดามีในบ้านพี่ ขุดออกมาแล้วปลูกกลับไปใหม่ก็ได้นะคะ 5555555 แบบว่าบ้านพี่เก็จแน่นไปด้วยต้นเล็กต้นน้อย จนฉันงงว่าซื้อต้นใหม่มาจะแทรกตรงไหนล่ะนั่น? แต่ไม่เป็นไร ชอบไปเที่ยวกับพี่เก็จอยู่แล้ว พี่เก็จเห็นยังไงก็เห็นดีตาม...
ก็นัดกันว่าจะไปเจเจวันพุธ เพราะเป็นวันที่มีต้นไม้มาขายเยอะ ราคาถูกด้วย ก่อนจะถึงวันพุธ พี่นพพร มานพพงศ์โพสต์รูปมหาหงส์ในFacebook เห็นหลายคนเข้ามาคุยกันถึงกลิ่นมหาหอมของมหาหงส์ ถามพี่ลีว่าหอมจริง ๆ เหรอ พี่ลียืนยันอีกคน เลยชักอยากรู้ว่าที่ว่าหอมนั้น หอมจังได๋ เลยบอกพี่เก็จว่าเราต้องซื้อมหาหงส์ด้วยนะคะ
วันอาทิตย์เจอน้องชายคนโตที่ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะตี๋ใหญ่วิ่งรอกออกต่างจังหวัดบ่อย เจอหน้าปุ๊บ ตั่วเจ้ก็อ้อนให้ตี๋ใหญ่ซื้อ MP3 ให้ทันที 555555 เป็นพี่ที่ดีจริง ๆ เลยนะ ไม่ให้อะไรน้องไม่ว่า ยังไปอ้อนน้องอีก 5555555 แต่ตี๋ใหญ่ก็จัดให้ตามคำขอ ได้ MP3 มาไว้อัดเสียงแกรนด์เปียโนแล้ว เย้ ๆ ๆ
ตอนแรกก็นัดกันไปแค่ 2 คน แต่ใกล้วันนัด พี่เจนรู้ก็นึกอยากไปด้วย นัดกับอ่องก็งี้....แตกหน่อได้ทุกที... พี่เจนบอกว่าจะมารับที่บ้านพี่เก็จ 11.30 น. แต่พี่เก็จแต่งตัวเสร็จ เตรียมพร้อมตั้งแต่ 10.30 น. วันนี้พี่เก็จดูสดใสในผมทรงใหม่ที่เพิ่งไปตัดเมื่อวาน ปกติพี่เก็จก็ดูเด็กกว่าน้องอยู่แล้ว ตอนนี้เลยดูเป็นรุ่นลูกไปเลย เซ็งเล็กน้อย เพราะอุตส่าห์คบรุ่นพี่แล้วเชียว...แต่...ปลื้มมากกว่า
พี่เจนพาไปกินส้มตำไก่ย่างที่ร้านนิตยา...แถวประชาชื่นนู่น...เล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่บอกว่าอยู่กับอู๋ได้ เจ้าน้องคนนี้ชวนไปกินข้าวทีไร ฉันได้งุงิประจำ เพราะชอบพาไปไกล ๆ เลยโมโหหิว แต่พี่เจนรู้จักน้องมากพอ เลยไปรับแต่เนิ่น ๆ มาถึงร้านได้เวลาพอดี พี่เจนสั่งอาหารเต็มโต๊ะ ไม่ต้องกลัวเหลือเพราะวันนี้ลูกชายมาด้วย กินกันจนอิ่มแปล้แล้วพี่เจนก็พาไปสวนจตุจักรเพื่อซื้อต้นไม้ แต่เพราะวันนี้รถเยอะ วนอยู่นานไม่มีที่จอด พี่เก็จเกรงใจพี่เจน เลยขอลงก่อนเพื่อให้พี่สาวกลับไปทำงานทำการ 555555 พี่เจนเล่าใน fb ว่าตอนลงแล้วฉันบอกให้พี่เจนลดกระจกรถลง แล้วกอด+จูบลาพี่สาว คนมองกันทั้งตลาด แต่ฉันไม่ยักกะรู้นะ 5555555
เล่าข้ามไปหน่อยนึง คือตอนที่นั่งรถมาเจเจ ความที่มันนานเพราะว่าไกล พี่เก็จก็เริ่มหน้าไม่ค่อยเสบยเท่าไรอาจจะเพราะอิ่ม ๆ มานั่งรถเลยอึดอัด แต่พอถึงเจเจเห็นต้นไม้เท่านั้นแหละ เด้งทั้งตัวทั้งหน้าทันควัน เหมือนเด็ก ๆ เจอของเล่น 5555555 ระหว่างที่รถกำลังวน คุณพี่ก็หมายตาต้นไม้ที่จะซื้อ ดวงตางี้เป็นประกายวิ้ง ๆ เลยแหละค่ะ เขียนถึงตอนนี้ ยังเห็นวิ้ง ๆ ในตาของพี่เก็จบนจอเลย (ไม่ใช่วิ้งของหล่อนเองเหรอ ตื่นมาตี 2 เขียนบล็อกจนจะตี 5 แล้ว 555555)
“นั่นไงมหาหงส์ ๆ” ฉันล่ะนับถือพี่เก็จจริง ๆ เลย  เพราะพี่เก็จจำร้านได้ เราลงจากรถไกลจากร้าน แต่พี่เก็จเดินกลับมาถูก เป็นฉันคงงงกลับมาไม่ถูกแล้ว
ต้นมหาหงส์เนี่ยมันมหาสูงเลยนะ แล้วจะหิ้วไปไงเนี่ยะนึกภาพไม่ออก พี่เก็จบอกว่า..ซื้อแล้วฝากเขาไว้ แล้วขากลับก็มาเอา แต่ฉันก็ยังงงว่าจะมาหิ้วไปเองยังไงในเมื่อต้นไม้มันสูงกว่าเราสองคน? พี่เก็จบอกว่าเดี๋ยวหารถมาเข็น  ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่ไม่ได้ถามต่อ เพราะพี่เก็จไม่อยู่ให้ถามแล้ว โน่น...เดินไปนู่นแล้ว 5555555
วันนี้อากาศร้อน แดดแรง เดินจนหน้าแดง แต่ฉันกลับไม่รู้สึกร้อนมากตามความเป็นจริง เพราะเดินดูต้นไม้กับพี่เก็จนี่เพลินจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ใช่คนชอบต้นไม้อะไรมากมาย แต่ว่าดูพี่เก็จซื้อต้นไม้อย่างเมามัน เหมือนกลัวเงินจะเน่าเนี่ยสนุกจริง ๆ ค่ะ พี่เก็จซื้อแล้วก็ฝากร้านไปเรื่อย ๆ ฉันถามว่าแล้วจำได้เหรอคะว่าฝากร้านไหน? เพราะฉันไม่ได้จำนะ พี่เก็จบอกว่าจำได้ซิ อ่องช่วยเตือนพี่ด้วย  เอ้า...เพิ่งบอกไปแหม็บ ๆ ว่าไม่ได้จำ ยังจะมาให้ช่วยเตือน 5555555 ฉันเลยบอกเอางี้ ฝากไว้ร้านเดียว จะได้จำได้  พอพี่เก็จซื้อฉันก็หิ้วกลับไปฝากไว้ที่ร้านเดิมให้ ส่วนพี่เก็จก็เดินซื้อไปเรื่อย 5555555 เมื่อไม่ได้หิ้ว ก็ไม่รู้สึกว่าเยอะ.... จนมาถึงร้านหนึ่ง ไอ้ที่พี่เก็จจะซื้อ มันอยู่ในกระถางขนาดไม่ย่อมเท่าไร ฉันสะกิดพี่เก็จ...ต้นนี้อ่องยกไม่ไหวนะคะ พี่เก็จบอกว่าฝากไว้ที่นี่ เดี๋ยวตามเก็บ....
“พี่จำเองนะคะ 55555 อ่องจำไม่ได้หรอก ความจำสั้น”
พี่เก็จบอก... “เออ ๆ พี่จำได้น่า”
ฉันก็คิดว่าพี่เก็จน่ะจะจำได้ (แต่โปรดติดตาม) เพราะไม่น่าจะใช่ครั้งแรกที่พี่เก็จมา แต่น่าจะทำเป็นประจำ ก็เลยเดินดูพี่เก็จซื้อ ๆ ๆและก็ซื้อ แปลกแต่จริง...พี่เก็จชอบปลูกต้นไม้ แต่ถ้าถามว่านี่ต้นอะไร พี่เก็จไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ เห็นถาม ๆ ชื่อจากคนขายต้นไม้ พอกลับถึงบ้าน...ลืมแล้ว....จำได้แต่ไอ้ที่พื้น ๆ ประมาณหม้อข้าวหม้อแกงลิง
เดิน ๆ มาที่ร้านหนึ่ง เขามีพัดลมไอน้ำ คนขายยืนหลบที่ปล่อยไอน้ำ พี่เก็จบอกหลบทำไมเย็นดีออก ว่าแล้วก็ไปยืนรับไอน้ำแทน คนขายบอกว่าลองมายืนทั้งวันแบบเขาซิ ยืนจนก้นเปียกจะยังบอกว่าเย็นดีออกไหม? 55555555
จริง ๆ ตลาดก็ไม่ใหญ่มากเท่าไร เดินไปเดินมาก็รู้สึกว่าวนกลับมาร้านเดิม ๆ 2-3 รอบ คืองี้ค่ะรอบแรก พี่เก็จเดินสแกนคร่าว ๆ ว่ามีต้นไม้ไหนน่าสนใจ  รอบสองสกรีน คัดเลือกว่าจะซื้ออะไรมั่ง ต้นเล็กก็ซื้อไปเลย ต้นใหญ่ ๆ ก็ขอเดินคิดดูก่อน 5555555 แล้วกลับมาซื้อในรอบที่ 3 รอบ 4 รอบ 5  คือซื้อรอบ 3 ยังไม่หนำใจ เงินยังเหลือเยอะเกินไป
พี่เก็จซื้อมะม่วงมากิน เพราะชักหิว ฉันก็หิวนิดหน่อย แต่ไม่อยากกินให้มือเปื้อน พี่เก็จก็เลยป้อนให้ พี่เก็จน่ารักไหมคะ? พอกินมะม่วงหมด แต่กว่ามะม่วงจะหมด พี่เก็จก็หมายตาต้นไม้เพิ่มอีกหลายเจ้า พอกินเสร็จก็มีพลังไปซื้อต่อ ตอนที่พี่เก็จซื้อต้นกุหลาบหนูต้นเล็ก ๆ จิ๋ว ๆ ต้นละ 35 บาท 3 ต้น 100... พี่เก็จเลยเลือกซื้อ 3 ต้น แต่ตอนกลับมาที่ร้านที่เราฝากต้นไม้ไว้ พี่เก็จเห็นกุหลาบหนูต้นใหญ่กว่า 3 ต้นที่ซื้อรวมกัน แต่ราคาแค่ 30 บาท! พี่เก็จบ่นเจ็บใจ แล้วก็ควักอีก 30 บาทซื้อแก้เจ็บใจอีก 1 ต้น  ฉันนึกขำ ๆ ว่าถ้าเดินไปเจอต้นใหญ่กว่านี้ ราคาถูกกว่านี้อีกเรื่อย ๆ พี่เก็จจะซื้อแก้เจ็บใจหมดเจเจไหมเนี่ยะ 5555555
พอตอนท้ายรายการ พี่เก็จก็ซื้อต้นไม้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเราไม่สามารถหิ้วไปฝากไว้ที่จุดเดียวได้ แต่ฉันก็ทึ่งเหมือนกันที่คุณพี่จำได้ว่าซื้อของไว้ที่ร้านไหนมั่ง  ซื้อจนกระเป๋าตังค์เบาขึ้น 10 กิโล พี่เก็จก็หน้าบาน สบายอกสบายใจ พร้อมกลับบ้านไปเอ็นจอยปลูกต้นไม้แล้ว ถึงตอนนี้ก็ว่าจ้างรถเข็น แล้วตามเก็บต้นไม้ รถเข็นแบบที่เขาเข็นขายไม้กวาดมั่ง เสื่อมั่ง รับซื้อของเก่ามั่งตามซอกซอยน่ะค่ะ
นึกภาพคนใหญ่คนโตสมัยศรีธนญชัยที่เดิน ๆ ไปมีเด็กถือเชี่ยนหมากเดินตามต้อย ๆ แต่เปลี่ยนจากเชี่ยนหมากเป็นรถเข็นซาเล้งแทน แล้วเชื่อไหมคะว่าพี่เก็จซื้อต้นไม้จนวางเต็มรถเข็นเลยแหละ ยังมีต้นแก้วกระถาง 30 นิ้วอีก 1 ต้น โอ้แม่เจ้า จะขนกลับยังไงเนี่ย?
ก็ว่า...มารอโบกรถแท็กซี่อยู่นาน เพราะแต่ละคันพอเห็นต้นไม้ก็ขับหนีไปหมด 555555 นับว่าโชคดี เพราะเราได้รถแท็กซี่ยอมรับเราคันนึง ทั้งคนทั้งต้นไม้อัดแน่นรถ พอถึงบ้าน...มีเรื่องให้เจ็บใจอีกแล้ว...555555 พี่เก็จลืมต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ที่บอกให้โปรดติดตามตอนต้นนั่นแหละค่ะ ลืมทั้งต้นทั้งชื่อ 5555555
“เจ็บใจ ๆ” พี่เก็จบ่นไปปลูกต้นไม้ไป ไอ้ฉันก็หัวเราะไป ถ่ายรูปไป  “อ่องไม่เตือนพี่เลย”
“เอ้า.....”  ใครจะไปจำได้หมด? จะไปซื้อมหาหงส์ แต่ได้ต้นมหาเยอะอย่างนี้ ใครจะไปจำได้หมดล่ะคะ 5555555555
แต่พี่เก็จเจ็บใจไม่นาน พอได้ลงมือปลูกต้นไม้ก็แฮปปี้แล้วค่ะ ปลูกไปก็พูดไป “มีความสุขจริง ๆ ได้ปลูกต้นไม้”  แค่ดูพี่เก็จปลูกต้นไม้ ฉันก็ยังเพลินเลย ฉันเคยปลูกต้นไม้เหมือนกันสมัยอยู่ระยอง แต่มาอยู่กทม ไม่ชอบปลูกเท่าไร น้ำยังขี้เกียจรดเลย พูดถึงตรงนี้ก็นึกถึงตอนที่พี่เก็จไปที่บ้านกับพี่หนิง พี่ติ๋ง พี่เก็จเห็นต้นไม้ยืนตายซากที่ชั้น 3 บ่นสงสารต้นไม้ไปเป็นปี หลังจากที่คลุกคลีกับพี่เก็จมาพอสมควร จึงได้เข้าใจแล้ว เพราะพี่เก็จมีหัวใจ hug the world พี่เก็จบอกว่าเพิ่งมาชอบปลูกต้นไม้ตอนที่เกษียณจากงาน ทุกวัน ๆ ปลูกต้นไม้ รดน้ำ เวลามานั่งมอง ๆ ดูผลงานแล้วมันชื่นใจ 
ฉันเป็นคนเฉย ๆ กับต้นไม้ ก็ชอบบ้างบางที แต่สวนบ้านพี่เก็จ..หลังจากที่ไปเที่ยวบ้านพี่เก็จมาหลายครั้ง ได้เห็นเจ้าของบ้านเอาใจใส่ ความงามของสวนก็เฉิดฉาย  ยิ่งเวลาถ่ายรูปออกมา พื้นที่เล็ก ๆ แค่นั้น แต่ให้ความรู้สึกได้ว่ามันช่าง “เยอะ” ทั้งขนาด-ความสวย-ความร่มรื่น  
ฝนเริ่มลงเม็ด และตกหนักตอนพี่เก็จปลูกต้นไม้เสร็จแล้ว คิดดูซิ-แม้แต่พระพิรุณยังรักพี่เก็จ ช่วยรดน้ำให้ หลังจากกินข้าวเย็น ฉันยังกลับไม่ได้เพราะฝนตกหนัก จึงได้เวลาฟังแกรนด์เปียโน เย้ ๆ รอมาทั้งวันเพื่อช่วงนี้เลยนะเนี่ยะ แต่ไม่กล้า request เพราะพี่เก็จน่าจะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว  วันนี้ฉันมี mp3 มาอัดด้วย พี่เก็จบอกหลังจากที่เล่นจบแล้วว่าห้ามเอาไปให้ใครฟังนะ 5555555 เพราะวันนี้พี่เกร็ง แบบว่าปกติเล่นแบบสบาย ๆ พอจะอัดเสียงเกิดอาการตื่นเวที 55555555
แต่พี่เก็จขา รู้ไหมว่าเสียงเปียโนตื่นเวทีของพี่เก็จทำให้ 3 ชั่วโมงบนรถเมล์ขากลับไม่น่าเบื่อเลยสักนิด เพราะมีเพลงที่ฟังแล้วนั่งอมยิ้มไปได้ตลอดทาง
กลับไปที่จุดเริ่มต้น...เพราะมัวซื้อต้นไม้เพลิน กว่าจะถึงบ้านก็เย็นแล้ว แถมเมฆครึ้ม แสงน้อย ...ทำให้จับภาพพี่เก็จตอนปลูกต้นไม้ได้ไม่แจ่มดังใจ  วันรุ่งขึ้นคุยกับพี่เก็จ...พี่เก็จบอกว่ามาถ่ายใหม่ละกัน ฉันเลยบอกว่าวันนี้ไหม?  พี่เก็จร้องเฮ่ย! 55555555 แบบว่าฉันยังไม่หายเหนื่อยเลย  และที่สำคัญยังไม่หายเบื่อไอ้เพลงลาวดวงเดือน เพราะถ้าอ่องมาเนี่ยะ กินขนมเชื่อได้ว่าต้องขอให้เล่นเพลงนี้ให้ฟังอีกแหงม ๆ 5555555