วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เพราะเราดี เขาจึงรักเรา หรือเพราะเขารักเรา เราจึงดี?

อำลานายกเจน

วิถีชีวิตของคนเรามักจะมีเรื่องชวนฉงนฉงาย บางเรื่องก็มีความลี้ลับ บางเรื่องแม้จะไม่ลี้ลับอะไร แต่ก็ไม่น่าจะเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ เช่นกรณีที่ฉันได้ไปร่วมงานเลี้ยงส่งนายกสวว.เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นอะไรที่ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์มีเสียงได้โผล่หน้าไปในงานแบบนี้มาก่อน เนื่องจากได้ยินมาว่าเป็นงานเลี้ยงภายใน มาทราบภายหลังว่าพี่จ๋อได้เสนอพี่โอ๊ะให้ชวนฉันไปเซอร์ไพร้ส์พี่เจน พี่โอ๊ะก็เห็นดีเห็นงามไปตามทรามวัย เลยส่งเมลมาชวนฉันไป เมลพี่โอ๊ะใช้คำที่ทางการซะจนฉันออกจะไหวหวั่น 55555 เลยต้องถามให้แน่ก่อนว่าจะให้ฉันไปทำอิหยัง ใครที่รู้จักฉันดีจริง ๆ จะรู้ว่าฉันเป็นคนแพ้ spotlight อย่างแรง แต่หลังจากได้เมลอีกฉบับที่พี่โอ๊ะกรุณาตอบอย่างละเอียด ก็ค่อยเบาใจลงเล็กน้อยว่าคงไม่มีอะไรอย่างที่หวาดหวั่นไว้ แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปดักคอกิ๊กจ๋อไว้ล่วงหน้าว่าห้ามสัมภาษณ์ข้าพเจ้ายาวนะ เพราะเป็นคนขาดความมั่นใจจริง ๆ ค่ะ   เรื่องให้พูดต่อหน้าฝูงชนเป็นอะไรที่.......นพพรไม่เคยยินยอมพร้อมใจ... แต่ดู ๆ รายการที่พี่ ๆ เขาเตรียมไว้ ก็เห็นจะต้องยอมตกเป็นเป้าสายตาเล็กน้อย  เอาน่า...มันก็แค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้นเอง นางเอกของรายการน่ะคือพี่เจน ยังไงเสียคนก็ต้องโฟกัสที่นางเอกมากกว่าตัวประกอบอยู่แล้ว

ฉันต้องขอบคุณพี่โอ๊ะที่เชิญมางานดี ๆ อย่างนี้ตามคำยุยงของพี่จ๋อ ก่อนหน้าฉันได้ยินเรื่องราวความขัดแย้ง การปีนเกลียวระหว่างพี่ ๆ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนชุดกรรมการบริหาร แต่ได้ยินพี่จ๋อพูดกับพี่เจนว่า...งานนี้พี่โอ๊ะตั้งใจจัด-ขึ้นเพื่อให้พี่ ๆ น้อง ๆ ที่มีเรื่องกระทบกระทั่งกันได้ realize ว่า...แท้ที่สุดแล้วทุกคนก็รักโรงเรียน ที่ทำงานกันอยู่ก็เพื่อโรงเรียนอันเป็นที่รักนี่เอง  ไอ้พวกเปลือก ๆ ทั้งหลายหรือจะมีความหมายเท่ากับแกนใน? - จริงอยู่ว่าเปลือกมันสำคัญ เพราะมันแลเห็นได้ง่าย ไม่ต้องคิดอะไรก็มองเห็นแล้ว แต่มันไม่ใช่ของแท้ 

นัดพี่จ๋อไว้ 11 โมงที่ล็อบบี้โรงแรม ฉันก็ไปถึงตรงเวลา เพียงแต่ว่าล็อบบี้โรงแรมเนี่ยะ มันเป็นบูมเมอแรง แล้วพี่จ๋อนัดไว้ตรงไหนเนี่ยะ เดินหาอยู่รอบนึงไม่เจอ ก็เลยโทรเข้ามือถือแจ้งพี่จ๋อ แล้วเข้าห้องน้ำ ออกมาก็เห็นพี่จ๋อกำลังเดินหา 5555 พี่จ๋อพาขึ้นไปบนชั้นที่...เท่าไรหว่า? จำบ่ได้แล้ว....เป็นห้องอาหารจีนชื่อ Summer Palace ค่ะ พี่ ๆ บางคนมาถึงก่อนแล้วเช่นพี่โอ๊ะ  พี่เอ๊ะ   พี่บุษ     พี่กุ้ง กำลังเตรียมติดตั้งจอ projector ก็มีโต๊ะกลม 3 โต๊ะ ฉันยืนดูพี่ ๆ เขาทำงานกันอยู่ พี่บุษก็มาสะกิดว่าเดี๋ยวอ่องนั่งโต๊ะนี้นะ ...โต๊ะที่พี่บุษบอกมันคือโต๊ะกลางค่ะ คาดว่าพี่เจนคงนั่งโต๊ะนี้ ฉันก็รับคำไป แต่คิดว่าถึงเวลาจริง ๆ จะไปนั่งโต๊ะอื่น เนื่องจากว่าเราเด็กสุด และอีกอย่างนั่งใกล้พรรคพวกจ๋อไว้ก่อนน่าจะดีกว่า 5555555

ระหว่างนี้พี่ ๆ ก็ทยอยกันเดินเข้ามาเรื่อย ๆ ฟังได้ไม่ครบว่าพี่ ๆ ชื่ออะไรกันมั่ง ฉันคิดว่าอินเตอร์เน็ตมีส่วนทำให้เรากลายเป็นโรคสมาธิและความจำสั้น (ทำไมไม่ยอมรับความจริงว่าแก่เลี้ยวก็หลงลืมงี้แหละ 555555)  ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็ขอข้ามขั้นตอนชื่อไปเลยนะคะ

ห้องเลี้ยงดูดี มีกระจกรอบ เวลาถ่ายฉากหนึ่งจะเก็บอีกฉากได้ ...เจ๋งค่ะ แต่ที่ไม่ค่อยชอบคือแสงน้อยไปหน่อย เพราะฉันเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่ชอบใช้ flash เมื่อแสงน้อย..เราก็ต้องทำมือให้นิ่ง รวมทั้งคนที่ถูกถ่ายภาพก็ต้องนิ่งด้วย  งานนี้พี่จ๋อไม่ได้เอากล้องใหญ่มา สงสัยจะแพคกล้องเข้ากระเป๋าเตรียมตัวไปพม่าแล้วล่ะมั้ง หรือไม่ก็...ขี้เกียจหิ้วมา....เพราะกล้องใหญ่ก็หนักอยู่

เผลอแป๊บเดียวก็นั่งกันเต็มห้องแล้ว โต๊ะที่คนน้อยสุดคือโต๊ะหน้าจอ Projector ค่ะ ฉันกับพี่จ๋อเลยตกลงใจนั่งโต๊ะนี้แหละ ตอนนี้พี่ ๆ ก็คุยกันมั่ง นั่งดูอัลบั้มที่พี่จ๋อทำมาให้พี่เจนมั่ง ซ้อมเพลงเธอคนนี้คือคนพิเศษ กับ That’s what friends are for มั่ง  เรียกว่าใครใคร่ทำอะไรก็ทำ ฉันใคร่จะกินแล้ว แต่อาหารยังไม่มา 55555 เลยจิบน้ำเก๊กฮวยก่อน ในที่สุด นายกเจนก็ปรากฏกายค่ะ พร้อมกันนั้นอาหารก็เริ่มยกเข้ามาตั้ง แต่เราชาววัฒนายังกินไม่ได้...ต้องร้องเพลงโมทนาอาหารประจำวันกันก่อน

หลังจากนั้นก็เริ่มกินอาหาร กินไปได้สักพัก พี่ ๆ ที่มีหน้าที่ดำเนินรายการ คือพี่แดงพงษ์ทิพย์ พี่ด้าชลลกา ก็เริ่มดำเนินรายการ ต้องขออภัยที่ฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เพราะจุดที่พี่ ๆ เขายืนคือระหว่างโต๊ะที่ฉันไม่ได้นั่ง ...เฮ้อ...เกิดมาพร้อมหูที่เอาไว้หายใจ...กินต่อไปดีกว่า 5555 พี่พจน์สามีพี่จ๋อย้ายมานั่งข้าง ๆ บอกว่าเดี๋ยวจะพากย์ให้ แต่พอเอาเข้าจริง กลับเปลี่ยนใจไม่พากย์ซะงั้น แฮ่มมมมม

แต่พี่โอ๊ะใจดีกว่า เมลมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศตอนที่ฉันกับพี่จ๋อโดนเนรเทศไปแปลงกายนอกห้อง ว่าพี่เจนได้เล่าให้ฟังถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ประสบมา 14 ปีที่ทำงานกับสวว. มีไฮไลท์คือการเลียนคาแรคเตอร์ของสวว.หลายคน เช่นพี่จุ๋มอรุณี พี่เต่า ตลอดจนจุดเด่นของทุกคนที่กอดคอทำงานร่วมกันมาเช่น พี่กุ้งมาณวิกาจะเป็นลักษณะเสี่ยสั่งลุย พี่โอ๊ะพี่เอ๊ะก็...เจอพี่ต้องเจอน้อง ตัวติดกันประมาณแฝดสยาม พี่แดงปริศนา..พี่สั่งมาน้องทำให้ทู้กอย่าง พอ ๆ กับพี่แดงพงษ์ทิพย์ อยากได้อะไรขอให้บอก เดี๋ยวแดงจัดให้ สรุปว่าพี่เจนสมพงษ์กับสีแดงอันเป็นสีของโรงเรียนเรา อิอิ พิธีกรได้สรุปจุดเด่นของนายกลานทิพย์ว่า 1.มีความอดทน อันนี้จริงที่สุดค่ะ ถึงฉันจะได้เข้ามาสัมผัสพี่เจนในปีสุดท้าย ฉันก็มองเห็นว่าพี่เจนต้องอดทนมากเพียงไหน ไม่เท่านั้นยังสอนให้ฉันอดทนด้วย แต่ฉันทำไม่ดีเท่า 2.มีความสามารถเลียนแบบทุกคน

เรื่องที่พี่เจนฝากอีกเรื่องถึงนายกฯท่านใหม่ว่านอกจากจะทำงานในหน้าที่แล้ว ต้องประสานกับองค์กรอื่นๆ เช่นชมรมรู้คุณแผ่นดิน และมีภาษีสังคมค่อนข้างมากที่ต้องเตรียมไว้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือความรัก...โอ้เย่....555555 ฉันล่ะชอบความรักซะจริง ๆ

ตัดฉากไปนอกห้อง พี่จ๋อกับฉันกำลังปรึกษากันว่าเราจะรำเซิ้งเข้าไปดีไหม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ยืนเป็นอีก้อสองคน เฝ้าประตูยังกับยักษ์หน้าวัดโพธิ์ 55555  พี่จ๋อบอกว่าเดี๋ยวจะถามว่าฉันรักพี่เจนไหม ทำไมถึงรัก ฉันต่อรองว่า....เอาคำถามเดียวได้ไหม แค่ว่ารักพี่เจนไหม...เพราะไอ้ทำไมถึงรักเนี่ยะ...คำตอบมันยาวเกิน อีกอย่างพี่จ๋อก็ตั้งใจจะอ่านบทความที่ฉันเขียนอยู่แล้วนิ อันนั้นเป็นคำตอบเลยแหละ ก็เลยตกลงตามนั้นว่าจะเหลือคำถามเดียว  ระหว่างรอเวลา ฉันก็บอกพี่จ๋อว่า ไปฉี่แป๊บ...พี่จ๋อร้องเฮ่ย..อย่าเพิ่งดิ รอให้เสร็จก่อน ฉันบอกไม่เอาอ่ะ เกิดนานล่ะ เดี๋ยวกระเรี่ยกระราด แล้วก็วิ่งไปห้องน้ำท่ามกลางการลุ้นระทึกของพี่จ๋อว่าฉันจะกลับมาทันไหม? จริง ๆ แล้วฉันแอบไปทำใจ 55555 เพราะคิดว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วทำให้พี่เจนสนุกสนานดีกว่า ออกจากห้องน้ำพร้อมแผน...วิ่งกลับมาบอกพี่จ๋อ ระหว่างทางเจอฝรั่งที่มากินข้าว ...เขาร้องว้าว เลย 555555 คงนึกไม่ถึงว่าจะเจออีก้อในโรงแรมกลางกรุง ดีที่ไม่ค่อยมีแขกมากินข้าวกันเท่าไร
ฉันบอกพี่จ๋อว่า...เดี๋ยวตอนส่งดอกไม้ให้พี่เจนเนี่ยะ ทำแบบหนุ่มขอความรักจากสาวดีมะ พี่จ๋อก็บอกดี ๆ แล้วตอนที่พี่จ๋อถามว่ารักพี่เจนไหม? ฉันก็จะบอกพี่เจนว่า...Look into my eyes…555555 พี่จ๋อบอกโห...คิดได้นะ แต่ฉันน่ะในใจนึก...คิดน่ะคิดได้ แต่จะกล้าทำหรือเปล่านี่ดิ ตอนที่พี่โอ๊ะออกมาเรียก แอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เรียกพลังลมปราณ 555555
ความรู้สึกตอนที่เดินหอบช่อดอกไม้เข้าไปในห้อง เส้นทางจากประตูไปถึงพี่เจนเนี่ย ไม่กี่เมตร แต่ประหนึ่งระยะทางพันไมล์ 555555 เว่อร์ไปละ แต่จริง ๆ น่ะ ตอนที่กวาดตามองตาพี่ ๆ ที่มองมา มีสายตาที่พิศวง สายตาที่มีคำถาม...ต๊าย-อารายเนี่ย สายตาที่ยิ้มขัน และสายตาอื่น ๆ อีกมากมาย เกือบทำให้ทรุดแล้ว 555555ดีที่มีสติ ดึงความสนใจกลับไปโฟกัสที่พี่เจนคนเดียวดีกว่า เห็นพี่เจนตาโต ประมาณว่านึกไม่ถึง ...ความเครียดเลยค่อย ๆ มลายหายไป ระยะทางพันลี้ ก็เหลือเพียงนิ้วเดียว (ถึงแล้ว 55555)  สูดลมหายใจเข้าเร็ว ๆ อีก 1 ฮึดใหญ่ ๆ ให้เต็มปอดแล้วคุกเข่าลงยื่นดอกไม้ให้ 555555 ทำไปจนได้นะเรา ก็น่ะ..ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว คงไม่มีอะไรจะมากไปกว่านี้
ฉันคุกเข่านั่งข้าง ๆ พี่เจน เพราะยืนแล้วเป็นเป้าสายตาชัดเกินไป 555555 นั่งลงดีกว่า ระหว่างนี้พี่จ๋อก็ถามว่าฉันรักพี่เจนไหม ฉันก็กลั้นใจแสดงคาเฟ่ที่เตรียมตัวมาด้วยกันชี้ไปที่ตาแล้วบอกพี่เจนว่า พี่เจน look into my eyes…” ที่จริงจะดีกว่านี้ถ้าฉันกล้าร้องเพลง 555555 แต่แค่นี้ก็มือเย็นเจี๊ยบแล้ว 555555 ดีที่พี่เจนรับมุกด้วยการทำท่าจ้องประสานตากัน ก็เฮฮากันประสาชาวสุโค่ยไป แล้วพี่จ๋อก็ขออ่านบทความที่ฉันเขียนลงบล็อกวันก่อน  บทความนี้ฉันตั้งใจจะให้เป็นความในใจของฉัน พี่จ๋อและป๊าก ถึงนายกในดวงใจของพวกเรา แต่พี่จ๋อได้อ่านแล้วชอบ เลยขออนุญาตฉันเอามาอ่านในวันนี้ ฉันก็อนุญาตแต่ขอให้พี่จ๋อตัดข้ามข้อความบางตอน เช่นเรื่องของพี่เต่า เพราะมันจะผิดคอนเซ็ปส์งานของพี่โอ๊ะที่ตั้งใจจะจัดเพื่อความสมัครสมานสามัคคีของพี่ ๆ น้อง ๆ 
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจบงาน ฉันคิดว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คงจะมีความเข้าใจพี่เจนมากขึ้น เพราะดูจากสีหน้าส่วนใหญ่ก็ยิ้มแย้ม โอภาปราศรัยกันดี เว้นพี่จี๋ที่ต้องรีบกลับไปประชุมก่อน นอกจากเรื่องร้องไห้ด้วยความตื้นตันแล้ว พี่เจนยังหอมแก้มพี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ซะจนสีลิปสติกหายหมด
วันนี้เราได้นายกคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจจะตรงใจใครบางคน และไม่ตรงใจใครบางคน แต่อย่างที่พี่เจนได้พูดไว้...ความรัก การให้อภัย และความสามัคคีปรองดอง...เป็นสิ่งสำคัญ 
สำหรับฉัน..จริงอยู่ว่า ทุกสิ่งในชีวิตล้วนผ่านมา เพื่อจะผ่านไป.. แต่มันผ่านไปเพียงรูปธรรม เหมือนสสารที่แปรรูปจากเหตุการณ์ ไปเป็นความทรงจำ  สิ่งที่ดึงพวกเราทุกคนเข้ามาทำงานในสวว. นั้นแท้ที่จริงแล้วคือ...ความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับโรงเรียนที่ทำให้เรารักและผูกพันกันจนเกิดจิตกตัญญู  อยากจะทำอะไรเพื่อเป็นการกตเวทิตาต่อโรงเรียนบ้าง ฉันคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไป ที่เคยมีเรื่องไม่ถูกใจกัน ก็จะค่อย ๆ คลายความตึงเครียดลงเองด้วยการสมานแผลจากกาลเวลา และเราทุกคนก็จะกลับมาพูดคุยกันได้ฉันพี่ฉันน้อง ขอเพียงทุกคนไม่ลืมหัวใจของวัฒนา พระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่ฉันชื่นชอบคือ ...ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ ที่สุด – 1 โครินธ์ 13:13


รูปเพิ่มเติมดูได้ที่นี่ค่ะ http://www.facebook.com/profile.php?id=587560548#!/album.php?aid=2085649&id=1014205787&page=4