วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

อานิสสงส์แห่งโพชฌังคปริตร

อานิสสงส์ของการสวดมนต์อย่างจริงใจและจริงจังนั้นมีจริง. พิสูจน์แล้วค่ะ. ตั้งแต่ปีทีแล้วที่ท่านผู้หญิงไม่สบายมาก ด้วยความห่วงใย จะขอเจ็บป่วยแทน ก็ไม่สามารถจะติดต่อรับโอนได้ที่ไหน. จะไปรักษาให้ก็ไม่มีวิชาแพทย์. หมดหนทางที่จะบรรเทาความร้อนรุ่มวุ่นวายเข้า ก็เลยขอให้ผู้ที่เราคิดว่าเคร่งครัดทางศาสนาช่วยกันอธิษฐานและสวดมนต์ให้ท่าน 
แก้ว. พี่สวดเองสิคะ ท่านจะได้รับพลังแน่ เพราะพี่รักและผูกพันกับท่านมาก
อ่อง. สวดไม่เป็นง่ะ. ในชีวิตสวดเป็นแค่นะโมตัสสะ
แก้วส่งคลิปเสียงบทโพชฌงค์มาให้. ฟังครั้งแรก โห! อ่านตามไม่ทัน ลิ้นมันพันกันวุ่นไปหมดค่ะ. แต่ก็ไม่ย่อท้อ พยายามมันทั้งวันทั้งคืนที่อยู่บ้าน ไม่ช้าไม่นานก็พออ่านตามได้ เวลาจะสวดก็เปิดคลิปอ่านตามเสียงสวดไป นับว่าโชคดีที่เสียงสวดนั้นดังชัดเจน และจังหวะค่อนข้างช้า 
ต่อมา ได้มีโอกาสไปทำบุญกับแม่และตี๋เล็กที่วัดยานนาวา หลวงพ่อท่านส่งหนังสือเล่มนี้ให้ ก็เอามาอ่าน ได้เข้าใจความหมายในทุกๆคำที่สวดไป และสวดคล่องขึ้น. วันหนึ่งได้เข้าไปกราบเยี่ยมท่านที่ศิริราช ไปถึงก็คุยเลยว่าสวดโพชฌงค์ให้ท่านทู้กวัน ท่านก็ว่าไหนสวดให้ฟังซิ เราอึ้งรับประทานสิ ไม่ได้เตรียมพร้อม ไม่คิดว่าท่านจะให้สวดให้ฟัง รู้สึกเขินเพราะไม่เคยสวดให้ใครฟังมาก่อนค่ะ แต่เอานะ เพื่อท่านผู้หญิงผู้เป็นที่รักสูงสุด แค่นี้ทำให้ได้อยู่แล้วค่ะ จัดแจงงัดโพยขึ้นมา (พกติดตัวตลอด) ท่านก็ค้านว่าไม่เอาสิ ห้ามอ่านโพย. หา!! No โพย. ท่านขา อ่องแค่อ่านได้ลิ้นไม่พันกันก็ทึ่งตัวเองจะแย่แล้วนะคะ ท่านก็ขึ้นเลยค่ะ. โพชฌังโค สะติสังขาโต... เราตามไม่ได้ ท่านเลยสวดเองจนจบท่อนแรก ก็อุตส่าห์แย้งทันที ยังไม่จบค่ะ ท่านเลยสวดต่อให้ฟังจนจบ โดยมีอ่องฟังไปยิ้มไปด้วยความปลาบปลื้ม เพราะก่อนหน้านี้พี่แดงปริศนาเคยพูดว่า บทสวดมนต์นี้ ถ้าอ่องสวด ท่านจะได้รับ ๒๐%แค่นั้น ซึ่งเราก็เลยบอกงั้นสวดไปเยอะๆ ๒๐หลายครั้งก็เป็น๑๐๐ได้ล่ะน่า พี่แดงบอกต่อว่าถ้าลูกสวด พ่อแม่ก็จะได้ ๗๐-๘๐ แต่ถ้าตัวผู้ป่วยสวดเอง ก็ได้๑๐๐. รู้สึกดีใจค่ะเพราะการที่ท่านสวดให้ฟังจนจบอย่างไพเราะนี้ แปลว่าท่านน่าจะสวดมานานแล้ว.  แต่ถึงกระนั้น ก็กลับมาสวดต่อเสริมพลังให้ท่าน ๒๐ ก็ไม่เป็นไร. ภาษิตจีนว่ากำไรน้อยไม่น้อย น้ำฝนหยดหนึ่ง หลายๆ ๆ ๆ หยดก็กลายเป็นมหาสมุทรได้ กลับจากรพ คราวนั้นมีกำลังใจที่จะมุมานะสวดมนต์ให้ท่านมากขึ้น ถึงกับเดินทางไปนั่งสวดกับอากงอาไท่ที่บางนาทุกวัน จนวันหนึ่งก็จำได้เอง พร้อมๆกับข่าวดีว่าท่านผู้หญิงได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย และปลอดภัยดี. ทีนี้จากที่สวดอย่างพะวักพะวง ก็เป็นสวดด้วยความสุข สวดเสริมกำลังให้ท่านแข็งแรงขึ้น. จนวันหนึ่งท่านให้เลขาโทรมาบอกว่าถ้าอยากจะไปหาท่าน ก็เข้ามาได้ ออกเดินทางจากบางนาไปศิริราชในทันทีค่ะ ไปถึงเห็นท่านกำลังเดินออกกำลังกาย ก็เข้าไปกราบและกอดท่านด้วยความชื่นใจที่สุด ท่านพูดในทำนองว่าขอบคุณที่สวดมนต์ให้กำลังใจท่าน ฟังแล้วก็ยิ่งปลื้ม ยิ่งมุมานะ. 
แล้ววันหนึ่งความเพียรก็เป็นผล. อยู่ๆ วันหนึ่งลืมตาตื่นขึ้นมา. บทสวดโพชฌงค์ก็ชัดเจนในหัวทั้งบท. วินาทีนั้นดีใจมากค่ะ ที่ต่อไปจะได้พูดอวดกับท่านได้เต็มที่ว่าสวดมนต์ให้ท่าน วันหนึ่งก็ได้มีโอกาสสวดมนต์ให้ท่านฟังด้วยตัวเอง. แบบ no โพยค่ะ ภาพที่ท่านนั่งหลับตา พนมมือฟังเราสวด. เป็นภาพที่จะติดตรึงในความทรงจำไปอีกนาน เป็นภาพที่ก่อให้เกิดปิติและความชื่นใจยิ่ง 
การที่ท่านผู้หญิงฟื้นตัวเร็ว. และยังงดงามแม้ในยามที่ท่านเจ็บป่วยนั้น คงไม่ใช่เรื่องของบุญอย่างเดียว. และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่การสวดมนต์. แต่เชื่อว่าท่านได้ปฏิบัติตนตามหลักโพชฌงค์ ๗ ประการ จำได้ว่าช่วงที่ท่านพักที่ศิริราช. สังเกตเห็นท่านเบื่ออาหาร แต่คิดเอาเองว่าท่านไม่อยากกินอะไรที่ต้องเคี้ยวเพราะมันอาจจะกระทบกระเทือนเจ็บแผลผ่าตัด วันต่อมาจึงแวะหาซื้อซุปข้าวโพดไปฝากท่าน ซึ่งได้ขอให้ร้านปั่นให้เนียนเป็นพิเศษ เมื่อมาถึงท่านเพิ่งกินเสร็จ แต่มองดูในจานแล้วเหมือนท่านไม่ได้กินเลย ก็เข้าไปกราบท่านแล้วเล่าให้ฟังว่าซื้อซุปถ้วยนี้ที่ตึกปิยการุณ แล้วนั่งรถบริการระหว่างตึกมาตึก๘๔ปี เนื่องจากเดินมาไม่เป็นเพราะไม่คุ้นกับร.พ. ระหว่างทางได้พยายามประคบประหงมให้ซุปยังคงความอุ่นไว้อย่างไร พูดง่ายๆว่าพรรณาถึงความยากลำบากที่จะได้มาซึ่งซุปถ้วยเล็กๆนี้ ท่านชะโงกดูซุปแล้วบอกขอหลอด แล้วกินซุปเกือบหมดถ้วย ทำเอาคนดูแลแปลกใจเพราะเขาเพิ่งพูดกับเราว่าท่านไม่กินหรอก. ฟังแล้วก็ชื่นใจว่าท่านทราบว่าเราปรารถนาดีกับท่าน และท่านก็เมตตารับความปรารถนาดีนั้น 
หนึ่งปีต่อมา ก็สวดบ้างไม่สวดบ้างเพราะพอเห็นท่านแข็งแรงดีแล้ว ก็ชักขี้เกียจ แต่ช่วงสงกรานต์ตามสวว. เข้าไปกราบท่าน ช่วงนี้อากาศร้อนจัด จึงได้เห็นท่านไม่สบายเป็นครั้งแรก รู้สึกตกใจมากที่เห็นอาการเดินขาอ่อนแล้วเป็นลมไปต่อหน้าตาต่อหน้า ยังดีที่กำลังจูงท่านอยู่ท่านจึงไม่ได้ล้มลงไป เมื่อได้ส่งท่านขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเรียบร้อยแล้ว กลับถึงบ้านก็สวดมนต์ให้ท่านทันทีและสวดทุกเช้าเย็นนับแต่วันนั้นมาไม่เคยขาด 
ต่อมาคุณแม่หกล้มต้องผ่าตัดสะโพก ได้นำคุณแม่สวดมนต์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด คุณแม่ปลอดภัยและฟื้นตัวเร็วจนหมอชม 
ความที่เรานั้นจบด้วยสัพเพสัตตา เลยทำให้เป็นคนไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ไปโดยปริยาย. ปกติเจอแมลงน้อยใหญ่เป็นต้องกำจัด ไม่ยอมอยู่โลกเดียวกัน. แต่เดี๋ยวนี้ ถ้าเจอแมลงในห้อง จะค่อยๆกอบไว้ในมือแล้วเอาไปปล่อยนอกห้องแทน ยังไม่ชอบนอนร่วมห้องกันค่ะ และยังหมั่นทำทานบริจาคอยู่ตามโอกาสต่างๆ โดยมักจะทำในนามของบุคคลอันเป็นที่รักที่คิดถึง การสวดมนต์บ่อยๆยังทำให้เราเกรงกลัวละอายต่อบาปมากขึ้นอีกด้วย
เขียนมายืดยาว เพื่อจะบอกว่าด้วยความรัก ความศรัทธา และเชื่อมั่นที่แน่วแน่ หากผ่านการตั้งจิตอย่างถูกต้อง ผสานกับการทำดี จะก่อเกิดเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่สามารถช่วยให้เราหรือแม้แต่บุคคลที่เรารักและห่วงใยอย่างแท้จริงหายจากโรคได้ด้วยค่ะ สมกับคำที่ว่า ปาฏิหาริย์แห่งรักนั้นมีจริง

ห้องทำงานของหมอหัวใจ

วันนี้เป็นอีกวันที่ได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ได้ความรู้และประสบการณ์ในสถานที่ที่น้อยคนนักจะได้เข้าไปทัศนา นั่นคือห้องผ่าตัดโรคหัวใจค่ะ ได้รับความกรุณาจากพี่หมอบี๋เป็นกรณีพิเศษค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพในห้องผ่าตัดมา เพราะมือถืออยู่ในล็อกเกอร์🙄. ขอบรรยายเป็นตัวอักษรนะคะ จินตนาการเป็นการออกกำลังสมองที่ดีค่ะ 
ก่อนจะเข้าไปในห้องผ่าตัด ต้องเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อของโรงพยาบาลค่ะ เสื้อผ้าและกางเกงถอดออกหมด รองเท้าก็เช่นกัน เสื้อผ้าและกระเป๋าเก็บในล็อกเกอร์คุณหมอ จากนั้นพี่หมอบี๋ก็พาไปทัศนาห้องผ่าตัดใหญ่ 2ห้อง เล็ก1ห้อง เรียกว่าห้องเล็กก็ไม่ใช่พื้นที่ห้องเล็ก แต่อุปกรณ์ไม่ครบครันเหมือนอีก2ห้อง ไว้สำหรับผ่าตัดได้บางเคสค่ะ สุดท้ายก็พามาห้องที่คนไข้พี่หมอบี๋นอนอยู่ ห้องนี้มีห้องสังเกตการณ์ มีคอมพิวเตอร์หลายตัว และมีกระจกกั้น สามารถเห็นการผ่าตัดได้ค่ะ
ในห้องผ่าตัดพี่หมอบี๋ได้บรรยายเครื่องมือทั้งหลายว่ามีอะไร และใช้ทำอะไรบ้าง และได้แนะนำให้รู้จักทีมงานทุกคน แล้วก็พักเบรก พาออกไปนั่งกินข้าวกลางวันที่ห้องหมอ คงให้เวลาเตรียมใจ ระหว่างที่กินข้าว ทีมหมอก็ทำการผ่าอกเรียบร้อย ที่พี่หมอบี๋พาออกไปกินข้าว อาจจะเพราะ1.การเปิดทรวงอกน่าจะเป็นอะไรที่หวาดเสียว กลัวน้องช้อกมั้งคะ 2.กินข้าวซะก่อน เผื่อจะกินไม่ลง และใช้เวลาอีกนานกว่าการผ่าตัดจะเสร็จ 3.ให้เวลาเปลี่ยนใจ5555. 
เมื่อเห็นน้องไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจ จึงพากลับเข้าไปในห้องสังเกตการณ์ ตอนนี้เปิดทรวงอกเรียบร้อยแล้ว พี่หมอบี๋บรรยายแบบย่อๆว่าตอนนี้หมอกำลังทำอะไรกับคนไข้ และเดี๋ยวในส่วนของพี่จะทำอะไร. อ่องก็ฟังรู้บ้างไม่รู้บ้าง(ตามปกติ) พี่หมอบี๋คงเดาได้จากสีหน้า. เฮ้อ เอาแรงไว้ผ่าตัดดีกว่า ระหว่างนี้เราก็นั่งดูหมอๆทำงานผ่าจอทีวี. ออกปากว่า..เพิ่งรู้ว่าหัวใจเป็นสีเหลือง. พี่หมอบี๋บอกว่าสีเหลืองน่ะไขมัน ไม่ใช่ตัวหัวใจ 😳 หัวใจมีสีแดง 

ที่จริงก็เคยดูการผ่าตัดหัวใจผ่านซีรีย์เกาหลีมาหลายหน มาดูของจริง ไม่ค่อยแตกต่างเท่าไรนะคะ แปลว่าการถ่ายทำเขาทำการบ้านดี จึงเหมือนของจริง เพียงแต่บรรยากาศไม่เครียดแบบในหนัง. ถึงเวลาพี่หมอบี๋ก็พาเข้าไปในนั่งในห้อง แต่ดูจากจอทีวีนะคะ. รอบๆเตียงห้ามเข้าไปเด็ดขาด. ถึงไม่ห้ามก็ไม่เข้าหรอกค่ะ มีหมอและพยาบาลตั้งหลายคนยืนทำงานอยู่ จะเข้าไปเกะกะเขาได้ไง 
 พี่หมอบี๋สมาธิดีมากๆ ระหว่างทำการเตรียมต่อเส้นเลือด ก็ให้คนมาอธิบายด้วยโน้ตว่าเดี๋ยวจะทำอะไร. และที่สำคัญคือเดี๋ยวจะมีการทำให้หัวใจหยุดเต้นชั่วคราว (สงสัยกลัวน้องตกใจ😅) ชั่วเวลาเป็นชั่วโมงที่เฝ้าดูพี่หมอบี๋ทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือด หรือที่เรียกกันว่าby pass เป็นความประทับใจ ประทับใจในความสามารถของมนุษย์ที่คิดค้นหนทางที่จะเอาชนะโรคร้าย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถจับมีดหมอ คีม และด้ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ภูมิใจในตัวพี่หมอบี๋เป็นอย่างยิ่ง ดูอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งใจดูราวกับเป็นนักศึกษาแพทย์ ถ้าสมัยเรียนวัฒนาเอาใจใส่ขนาดนี้ก็คงจะไม่ได้เป็นคน2รุ่น ยืนดูสักพักก็มีคนเอาเก้าอี้มาให้นั่ง กำลังเมื่อยพอดีค่ะ แต่ก็ไม่อยากละจากจอ. พี่หมอบี๋คงเห็นว่าสนใจจริงสนใจจัง. พอเสร็จหน้าที่ในส่วนของพี่หมอบี๋ ก็ออกมานั่งพักที่ห้องสังเกตการณ์ ใช้เวลาช่วงนี้อธิบายว่าคนไข้รายนี้มีปัญหาเส้นเลือดที่หัวใจตีบ จึงต้องทำการบายพาส ความที่เคยอ่านหนังสืออยู่กับโรคหัวใจที่พี่หมอบี๋เขียน 2-3 รอบ พอจะจำได้บ้าง แต่วันนี้กระจ่างเลยทีเดียว 
เมื่อได้กลับออกมา คิดว่าประสบการณ์ที่พบเจอวันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นอุทาหรณ์ว่าคนเราพึงระลึกเสมอว่าการไม่มีโรคนั้นคือลาภอันประเสริฐ จริงอยู่ว่าการผ่าตัดวันนี้ผ่านไปด้วยดี แต่ไม่ถูกผ่าน่าจะดีกว่า เพราะไม่เจ็บตัว 
สุขภาพดีนั้นไม่มีขาย. เป็นของฟรี แต่ไม่ใช่ได้มาเปล่าๆ ต้องหมั่นดูแลตัวเอง มีวินัยในการใช้ชีวิต. พี่หมอบี๋บอกว่าอ่องโชคดีที่ไม่มีโรคร้าย แค่ไม่ได้ยิน🙄🤣 
อ่องเองก็รู้ค่ะว่าตัวเองโชคดี ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นภัยต่อชีวิต แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ขัดสน อยากกินอะไรก็มีปัญญาซื้อ และร่างกายก็สามารถรับได้ทุกอย่างที่ใจอยากกิน ไม่เคยมีปัญหาด้านเบาหวาน คอเลสตอรอล ความดันฯลฯ มีปัญหาอย่างเดียวคือฟันผุ5555
ขอบคุณพี่หมอบี๋สำหรับประสบการณ์สุดพิเศษนะคะ. วันนี้ได้เห็นอีกด้านของเหรียญ ซึ่งก็ยังคงน่าประทับใจ และรู้สึกภูมิใจในพี่หมอบี๋...ภาษาชาวบ้าน...รักและเห่อพี่มากขึ้นไปอีก😆🤣😆😍