วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Fly me to Shanghai Moon

จะค่อย ๆ เขียนเล่าไปนะคะ อาจจะยาวและละเอียดหน่อย เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้กำลังจะเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ด้วยค่ะ

Day 1

ทดลองเดินทางไปแอร์พอร์ตด้วยตัวเอง โดยรถสาธารณะ ขึ้นรถสีเหลืองคันโต 550 หน้าบ้าน ที่เขียนว่าสุวรรณภูมิ - ลาดพร้าว แบกกระเป๋าเดินทางใบโตกับเป้ติดตัว 1 ใบ รถเมล์คันนี้ตั้งแต่นั่งมาก็หลายรอบแล้ว ไม่เคยเต็ม มีที่ให้นั่งสบาย ๆ ตลอด วันนี้ก็เช่นกัน นั่งไม่นานก็ถึงท่ารถในสนามบิน ยกกระเป๋าเดินลงไปหา Shuttle Bus มีหลายคัน ส่วนมากเจ้าหน้าที่เขาจะแนะนำให้ขึ้นสาย express แต่ว่ามีเวลาถมถืด ขณะนี้เวลาประมาณ 5 โมงเย็น แต่ flight น่ะเที่ยงคืนกว่า 555555 อู๋บอกว่าจะบ้าเหรอไปทำไมแต่ไก่โห่ บอกว่าจะเดินช็อปปิ้งที่ King’s Power สักหน่อย


ด้วยเหตุนี้ จึงกระโดดขึ้น Shuttle Bus Route A ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะบอกว่ามันอ้อมนะ เราก็ถามเขาว่าแล้วมันพาไปห้องผู้โดยสารขาออกหรือเปล่าล่ะ ถ้าพาไปฉันก็ไป มีเวลาเยอะมากไม่ต้องห่วง ก็ขึ้นนั่ง ควักสมุดมาเขียน นึกว่านาน ยังไม่ทันไรเลย ถึงซะแล้ว ไหนว่าอ้อมนานไง? ความที่คิดว่านาน เลยไม่ได้สนใจมองอะไรเท่าไร มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนไดอารี่ เงยหน้าขึ้นมา อ้าวรถกำลังออกจากท่าที่ต้องลง เลยลงผิดเพราะลงไม่ทัน ต้องหอบฟางหินเดินย้อนกลับไปตั้ง 2-3 ประตู ซ้อมเดินตั้งแต่ยังไม่ออกจากประเทศไทยเลย 55555


เป็นเวลามากกว่า 20 ปีที่ไม่ได้ไปต่างประเทศ และกว่า 1 ปีที่ขึ้นเครื่องบิน ก็เดินหาเคาน์เตอร์เช็คอิน ดีที่มีรถเข็นสำหรับใส่กระเป๋า เพราะกระเป๋าฉันมันไม่มีล้อ ที่จริงไม่ใช่กระเป๋าฉันหรอก เป็นของอู๋ให้ยืมมา ฉันไม่ได้ซื้อใหม่ เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้เดินทางบ่อย จะมีกระเป๋าไปทำไม ลงจากรถชัตเติ้ลก็ยกกระเป๋าอันหนักอึ้ง เพราะต้องเตรียมเสื้อผ้าไปสำหรับ 7 วัน ไปที่มีรถเข็นจากนั้นก็สบายละ ลากรถเข็นเข้าไปในตัวอาคาร หาง่ายมากกว่าที่คิด เคาน์เตอร์เช็คอิน ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีเรียบร้อย 55555 ก็มาตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น แล้วก็เข้าไปเดินเล่นดูร้านรวงต่าง ๆ อ้อ ไปสมัครสมาชิกบัตร King’s Power ด้วย คิดว่าจะเอาไว้ซื้อของ duty free สักหน่อย เดินไปเดินมารู้สึกของมันแพงอยู่นา แต่ก็กะซื้อน้ำหอมให้คุณแม่หน่อย เดินไปกด ATM เพราะในตัวมีเงินไทยไม่กี่ร้อย กับเงินหยวน เงินไทยไม่พอซื้อ แต่เงินหยวนซื้อไม่ได้ - *- แต่พอไปถึงตู้ ATM งงได้อีก ใส่บัตรเข้าไปกดรหัสเสร็จ มันถามว่าจะเอาดอลลาร์หรือยูโร จ๊ากกก ฉานจะเอาเงินไทยอ่ะ 555555 เลยไม่ได้ซื้อ เดิน window shopping ไปจนสุดปีกตึกเห็นมี lounge สำหรับสมาชิก KP (King’s Power แหละ) ก็เลยใช้สิทธิ์ซะเลย สมัครไป 500 บาทได้คูปองมาซื้อของ 500 บาท แต่ไม่รู้จะซื้ออะไร อย่างน้อยเข้าไปนั่งพักก็ยังดี


สะดวกสบายค่ะ lounge เนี่ยะ สามารถพักผ่อนได้ดี มีอาหาร-เครื่องดื่มให้ตักกินฟรี มีทีวี หนังสือพิมพ์ เก้าอี้นั่งพักผ่อน ห้องน้ำห้องท่า และที่สำคัญคือมีเน็ตให้ใช้


ฉันไม่ได้เอามือถือมา เลยออนเอ็มเจอเพื่อนให้เขาช่วยโทรบอกอู๋มาเจอกันที่ KP lounge เชื่อไหมว่า 3 ทุ่มแล้วอู๋ยังอยู่ที่อโศกอยู่เลย เหอ ๆ ใจเย็นน่าดู ฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก อย่างมากก็นั่งหัวเราะที่อู๋ตกเครื่องบิน แต่ฉันก็คงไม่ได้บินทั้ง ๆ ที่เช็คอินไปแล้ว กระเป๋าก็โหลดไปแล้ว เพราะไม่รู้ชื่อโรงแรมที่จะไปพัก แล้วไม่รู้จักใครในเซี่ยงไฮ้เลย แถมทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงิน 2 พันหยวน


พูดถึงเงินหยวน กว่าจะหาที่แลกได้ก็ตระเวณหาแลกอยู่หลายแบ้งค์เลย ดีที่ป๊ากสงเคราะห์พาไปแลกที่ธนคารกรุงไทยสำนักงานใหญ่ ตรงแถวนานา ก็เกือบแลกไม่ได้ เหมือนว่าเงินหยวนขาดตลาด เหอ ๆ ดูเหมือนพนักงานธนาคารจะบอกว่ามีอยู่แค่เนี่ยะ โชคดีจัง


ประมาณ 4 ทุ่ม ให้ปัน (ในmsn)โทรถามอู๋อยู่ไหน ยังรถติดอยู่บนถนนอยู่เล้ย ได้ลุ้นกันตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเลยนะทริปนี้ ตื่นเต้นคอต ๆ 555555 แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร ออกไปเดินดูของใน KP ทำไมช็อคโกแลตแพงจังเลย ลืมใส่นาฬิกามา เลยไม่มีเวลาดู แต่อยู่แอร์พอร์ตมีนาฬิกาให้ดูเยอะแยะ ไม่ต้องห่วง


สุดท้ายแล้วอู๋ก็มาถึงประมาณ 5 ทุ่ม ฉิวเฉียดจริง ๆ แทนที่จะเดินงวงเข้าเครื่อง ต้องนั่งรถโค้ชไปอีก อู๋บอกว่าที่เป็นงี้เพราะว่างวงช้างของสุวรรณภูมิแพง การบินไทยเลยไม่เทียบงวง...เอ้า..ของเราเอง ทำไมคิดแพงล่ะนี่??? แล้วสายการบินอื่น ๆ ก็เห็นเขาเทียบงวงกันทั้งนั้น


ฝนเริ่มตกแล้ว...พอขึ้นเครื่อง อู๋ก็บ่นว่าที่นั่งแคบมาก แล้วยืดขาไม่ได้เลย แต่มองไปเยื้อง ๆ เป็นที่นั่งว่าง 2 ที่ แถวกลางหน้าจอหนัง ถามแอร์แล้ว ไปนั่งได้ ฉันจึงย้ายไปนั่ง ก็นั่งสบาย เพราะที่นั่งข้าง ๆ ว่าง แล้วตรงหน้าก็กว้าง แต่กระนั้นก็เถอะ...ตื่นมาก็ปวดคอ เพราะนอนไม่สบายเท่าไร ก็ยังดีกว่านั่งคุดคู้อยู่ที่เดิมละกัน


เครื่องบินสมัยนี้เขามี GPS ให้ผู้โดยสารดู เครื่องนี้มีจอหนังส่วนตัว แต่ขี้เกียจดู ง่วงแล้ว นั่งอ่าน GPS ที่รายงานตลอดเวลาว่าตอนนี้อยู่ที่ความสูง – อุณหภูมินอกเครื่อง – ลมปะทะแล้วตอนนี้บินอยู่ตรงไหนแล้ว คาดว่าในอนาคตอาจจะมีช่องอาหารเสิร์ฟอาหารโดยตรงถึงที่นั่งเลย ไม่ต้องให้แอร์มาเสิร์ฟอีกแล้ว


นอนหลับไปนานพอสมควร ตื่นมาเพราะความหนาว อ่านจากจอได้ความว่าอุณหภูมิข้างนอก -51 องศาเซลเซียส ถ้าหน้าต่างเปิดออกคง freezed ทันที ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ แอร์เดินแจกผ้าอุ่น ๆ ให้เช็ดหน้าเช็ดตาเตรียมกินอาหารเช้า ผ้าอุ่น ๆ ที่กลายเป็นผ้าเย็นในเวลาไม่ถึง 1 นาที ต้องขอน้ำร้อนมากิน เพราะว่าหนาวจริง ๆ ตอนแอร์เดินมาเสิร์ฟอาหาร เขาจะถามว่าจะรับอะไร แต่ความที่ฉันหูตึง (หน้าหย่อนยาน -*-) เลยยื่นสมุดให้แอร์ช่วยเขียนหน่อยว่าพูดว่าอะไร แอร์เอาไปสักพัก เขียนแบบตั้งใจมาก 55555 รับกลับมาถึงกับขำก๊ากเลย คือเขาวาดเป็นรูปให้น่ะค่ะ


555555 ดูเท่าไรก็ดูไม่ออก เลยบอกว่าอะไรก็ได้ ยกมาเถอะ 5555555 ปรากฏว่าเป็นไข่เจียว ไส้กรอก แล้วก็ครัวซอง 5555555 อืม ๆ เหมือนมากเลยเนอะ 55555555 นึกถึงท่านผู้หญิงสุมาลีขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าอันไหนจะเป็นรหัสลับได้มากกว่ากัน เป็นการเริ่มทริปที่หรรษาตั้งแต่อยู่เหนือน่านฟ้าจีนเลยทีเดียว ระหว่างกินอาหาร ดู GPS ไป เข้าเขตประเทศจีนแล้วค่ะ กำลังจะ landing ในชั่วโมงข้างหน้า มองนอกหน้าต่าง ฟ้าสว่างแล้วทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะตี 5 เอง Good morning Shanghai หนีห่าว?







1 ความคิดเห็น:

Rarin กล่าวว่า...

อ่องเล่าเรื่องหนุกดีจ้ะ .. ชอบอ่านค่ะ .. อ่านไป ขำไป .. จี้มาก ..