วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

Impossible Dream

ฤาว่าฝันนี้จะเป็นไปไม่ได้?...ม่ายนะ!!!!!!

ตอนที่ออกจากวัฒนาไปใหม่ ๆ (ด้วยเหตุผลที่โหลยโท่ยมาก..ไม่รู้ว่าจะเลือกศิลป์ภาษา หรือศิลป์คำนวณดี?) เวลาที่ได้กลับเข้าไปเดินเล่นในโรงเรียน เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ฉันทำบ่อย ๆ แรก ๆ ก็เข้าไปคุยกับเพื่อนที่ยังอยู่ ต่อมาเพื่อนร่วมรุ่นจบไปแล้ว ก็เข้าไปคุยกับครูแทน ที่จริงจะว่า คุย ก็คงไม่ได้เสียทีเดียว เพราะเพียงแต่สวัสดี ทักคำสองคำส่วนใหญ่  

แล้วทำไมต้องไปบ่อย ๆ?  คำตอบคือ ฉันพยายามกลับไป บ้าน ที่ฉันคุ้นเคย ไปดูตึกเรียนที่เคยเดินขึ้นเดินลง ไปกินอาหาร 5555555 ที่คุ้นลิ้น ไปสูดอ๊อกซิเจนจากต้นไม้ใหญ่เช่นวันเก่าก่อน ไปเดินบนพื้นที่เคยวิ่งไปวิ่งมา นึกไปแล้วก็ขำตัวเอง ทำไมสมัยเด็ก ๆ วิ่งมากกว่าเดิน? ตื่นเช้ามาก็วิ่งไปห้องตู้ อาบน้ำกินข้าวทำเตียงเสร็จก็วิ่งไปสิงสถิตย์หน้าตึกเรียน ตอนเย็นนี่วิ่งทุกวันกับโด่ง กนกเรขา และปุ้ย กัญญา ไม่รู้มีเหตุให้วิ่งอะไรนักหนา วิ่งได้ดีทุกวี่ทุกวัน มิน่าถึงได้ไม่อ้วนทั้ง ๆ ที่กินเยอะ  

นอกจากต้นไม้ และสนามหญ้า สิ่ิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกรักและผูกพันมากที่สุดคือ..ตึกเรียนและตึกห้า (ที่นอนหลังแรก) เนื่องจากมีความทรงจำเกิดขึ้นมากมาย 


หลัง ๆ มา เมื่อฉันกลับเข้าไปเดินเล่นในโรงเรียน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่า เพื่อน ได้จากไปทีละคนโดยไม่ทันได้บอกลาซะงั้น เริ่มแรกจากตึกห้าก่อนเลย ตึกห้าเป็นตึกแรกของนักเรียนไปมา เนื่องจากชั้นอนุบาลอยู่ที่ตึกนี้  ในขณะเดียวกันก็เป็นตึกแรกของนักเรียนประจำด้วยเช่นกัน ตึกนี้ได้จากไปทั้งร่าง และวิญญาณ..กลายเป็นตึกใหม่ โอ่อ่า สง่างาม แต่...แปลกหน้า  เหมือนเราเจอคน ๆ หนึ่งที่ใส่ชุดหรูหรา ทรงเครื่องด้วยเพชรราคาแพง  เราก็อาจจะชื่นชมว่า ว้าว...สวยจัง แต่ก็แค่นั้น..ไม่คิดจะเข้าไปทักทาย เพราะเป็นคนแปลกหน้า

ตึกเรียน กับหน้าต่างมหาภัยของฉัน วันนี้มา ไม่มีผู้คนเข้าออก หน้าต่างปิดเงียบอย่างเชื่อง แต่เซื่องซึมเหงาลึกในความคิดฉัน ฉันไม่เข้าใจ และไม่อาจจะทำความยอมรับได้ว่า โรงเรียนได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง ตึกเก่า ๆ พากันล้มหายตายจากไปทีละตึก ๆ เริ่มจากตึกซิตติ้ง มาตึก 5...ตึกประถมยังอยู่แต่อ้างว้างอย่างซ่อนเร้น ถ้าไม่เดินหาจริง ๆ คงไม่เจอ เพราะรายรอบด้วยตึกน้องใหม่ที่เบิ้ม ๆ ทั้งนั้น


ตึกเรียนที่ฉันรัก..นับว่าโชคยังดีอยู่ เพราะยังไม่ถูกรื้อทิ้ง แทนที่ด้วยตึกใหม่ อาจจะดูใหญ่โต ประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ยากจุดติดความรักความผูกพัน เพราะไร้มนต์ขลัง  ฉันจึงฝัน...ฝันว่าตึกเรียนนี้จะไม่ถูกทำลายลง และกลับมามีชีวิตใหม่ มีคนเข้าออก หน้าต่างถูกเปิดออก และปิดทุก ๆ วัน  เคยถามครูท่านหนึ่ง (ขอสงวนนามไว้ก่อนค่ะ) ครูบอกว่าเพราะตึกทรุด อืม..ตึกอำนวยการก็เคยปิดตัวลงเพื่อการซ่อมแซมใหญ่  ฉันหวังว่าตึกเรียนของฉันจะได้รับการซ่อมแซมให้กลับมายิ้มทักทายกันได้อีกครั้ง  ในเมื่อจำนวนเด็กมัธยมนั้นมากเกินกว่าจะบรรจุให้เข้าไปนั่งเรียนในตึก ฉันมองว่า เราก็สามารถใช้ตึกนี้ทำอย่างอื่นได้นี่ เช่นเป็นออฟฟิศสมาคมศิษย์เก่าวังหลังวัฒนาฯ เป็นต้น 5555555 

รู้สึกหูแว่วเสียงเซ็งแซ่มาเชียวว่าเป็นปายม่ายด้ายยยย .... แต่ฉันกลับคิดว่า ถ้าจะมีผู้อื่นนอกเหนือจากครูและนักเรียนปัจจุบัน ผู้ที่น่าจะมีสิทธิ์ขอใช้ตึก (ไม่ต้องทั้งหมด เอาแค่ออฟฟิศครูวรรณดีเก่าก็ได้) น่าจะเป็นพวกฉัน..ศิษย์เก่า..นี่เอง แล้วห้องประชุมที่เคยใช้เป็นที่ประกาศผลสอบ..(ความหลังนี้ไม่ค่อยปลื้มเท่าไร เพราะนพพรสอบได้ที่โหล่ประจำ -*-) ก็ดัดแปลงมาเป็นห้องกิจกรรม ที่ฉันวาดฝันอันดับต่อไปเร็ว ๆ นี้...โปรดติดตาม 5555555  

หลาย ๆ คนคงยังไม่รู้ว่าตอนนี้โรงเรียนกำลังประสบปัญหา มีความไม่เข้าใจกับทางสภาคริสต์จักรฯ เรื่องเป็นอย่างไร ฉันเองก็ยังรู้ไม่ลึก จึงไม่ขอเขียนถึง แต่ฉันจำได้สมัยที่กลับเข้ามาเที่ยวโรงเรียนใหม่ ๆ คนแรก ๆ ที่ฉันต้องแวะเข้าไปอ้อนคือครูผิน ไปกอด ไปหอมแก้มครู ยุคหนึ่ง..พอใครมา ครูผินก็ร้องขอความช่วยเหลือให้ต่อต้าน เนื่องจากจะมีการนำพื้นที่โรงเรียน บริเวณที่เป็นลานจอดรถหน้าตึกเรียนปัจจุบัน ตอนนั้นยังเป็น "ป่า" ด้วยเหตุว่าวัฒนาของเราอยู่ใจกลางเมือง  พวกเราเคยนั่งเรียนบนแท่นทองคำขนาดใหญ่ 5555555555 เลยทำให้มีคนคิดจะเอาพื้นที่ตรงนั้นไปให้คนนอกทำคอนโด ครูผินเป็นครูคนหนึ่งที่ฉันเห็นว่าขยันขันแข็ง เป็นตัวตั้งตัวตีพูดกับศิษย์เก่า ๆ ที่แวะมาหาครูว่าจะให้มีคอนโดมาอยู่ตรงนั้นได้ยังไง วัฒนาเป็นโรงเรียนประจำ มีกุลสตรีน้อย ๆ เดินไปเดินมา จะให้หนุ่มที่ไหนที่มาพักบนคอนโดส่องกล้องดูเด็กสาว ๆ ได้อย่างไรกัน

ตอนนั้นก็มีการรวมตัวศิษย์เก่า และเกิดการต่อต้านจนความคิดนั้นต้องล้มพับไปแล้ว  เห็นพลังของศิษย์เก่าไหมล่ะคะ สมัยนั้นสมาคมไม่มีบทบาทแข็งแรงอะไรนักก็จริง แต่ครูเก่า ๆ ที่ยังอยู่เป็นดังแม่เหล็กดึงดูดมวลพลังสามัคคี  สมัยนี้ กาลเวลาได้พรากสิ่งดี ๆ ไปอย่างน่าใจหาย ดังนั้นเราจึงต้องมี "สมาคม" เป็นแม่เหล็ก  ฉันอยากเห็นสมาคมของเราเป็นแม่เหล็กที่ทรงอานุภาพ แต่การจะรวมตัวเพื่อน ๆ ทั้งดึงรุ่นพี่รุ่นน้องให้เข้ามาจรรโลงสมาคมนั้น ต้องมี"แรงจูงใจ" ค่ะ 

ใครที่อ่านมาถึงบทความนี้ ลองช่วยกันคิด ช่วยกันนำเสนอวิธีการหาเจ้า "แรงจูงใจ" ที่ว่าหน่อยเถิด.

ไม่มีความคิดเห็น: