วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

มัชฌิมสงกรานต์

มหาสงกรานต์หฤหรรษ์ในรอบหลาย ๆ ปี
ไปออกรอบกับพี่ตุ้มกลับมาถึงบ้าน มีเมลพี่เก็จสั่งมาว่า...อ่องจ๊ะ เขียนเรื่องสงกรานต์อยากอ่านมาก ถ้าอยากทำให้พี่มีความสุขก็รีบ ๆ เขียนนะ...ที่จริงง่วง แต่ก็อยากให้พี่เก็จมีความสุข เลยอาบน้ำสระผมแล้วมารีบเขียน.... เป็นน้องที่ดีจริง ๆ เลยฉัน 5555555 แต่ความที่มันง่วงจัด เลยต้องยกมาเขียนวันรุ่งขึ้นแทน  ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนค่ะว่าบทความนี้อาจจะยาว และเวิ่นเว้อไปสักหน่อยสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ อ่านข้าม ๆ เอาก็ได้ค่ะ ฉันอยากบันทึกไว้อ่านเองยามปัจฉิมวัยด้วยน่ะค่ะ
มีใครรู้มั่งว่ามัชฌิมแปลว่าอะไร? จ้องจะหาโอกาสใช้คำเท่ ๆ นี้อยู่นาน เพิ่งได้โอกาสตอนนี้เอง  ใครที่รู้ความหมายก็ข้ามไปเลยค่ะ ส่วนใครที่ไม่รู้เอาเก้าอี้มานั่งฟังบรรยายภาษาไทยวันละคำได้ ณ บัดนี้...
มัชฌิมนั้นแปลว่า กลาง ....จบแล้ว 55555555
ปีนี้ เป็นปีที่ฉันก้าวเข้าสู่วัยมัชฌิม หรือวัยกลางคนนั่นเอง จริง ๆ เทศกาลสงกรานต์ ฉันเลิกเล่นสนุกมาตั้งสิบกว่ายี่สิบปีแล้ว ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตัวเองแก่หรอกค่ะ แต่เพราะไม่มีคนเล่นด้วย ใช้ชีวิตสงบเสงี่ยมเจียมตนช่วงสงกรานต์มานาน เพิ่งได้ปลดแอกปีนี้เอง 
วันที่ 13 เป็นวันที่ฉันอยู่บ้านจัดกระเป๋า เตรียมตัวไปค้างบ้านหนุ่มน้อยปอง 55555555 ตะแรกคิดจะใช้เป้ใหญ่  แต่มองดูแล้ว..กลัวพี่เก็จตกใจไม่เปิดประตูบ้านให้ 555555 เลยรื้อค้นดู เจอใบย่อมลงมาหน่อย จึงรื้อของจากเป้เดิม ถ่ายสู่ใบใหม่ จากนั้นก็เก็บกวาดห้อง จะไม่อยู่ 2 วัน 1 คืน เพราะคิดว่ากลับมาก็คงเหนื่อย ไม่ได้ทำห้องเป็นแน่ ค่ำนั้นมี sms มาอวยพรสงกรานต์ ขึ้นเบอร์แต่ไม่ขึ้นชื่อ ฉันก็คิด ๆ ว่าอาจจะเป็นพี่ลี แต่ทำไมไม่ขึ้นชื่อพี่ลีหว่า? หรือจะใช้มือถือคนอื่นโทรมา ด้วยความขี้เล่น ก็ sms ตอบกลับไปว่า who are you… ทางนั้นก็บอกใบ้ว่า ฉันคือหญิงชราผู้ดื่มไมโลในถ้วยแดงจุดขาว..... เริ่มตงิด ๆแล้ว...หรือจะเป็น....? แต่ไม่น่าใช่นิ เพราะได้ข่าวว่าท่านกำลังอยู่ในสมณเพศ ฉันก็เลยถามไปอีกว่า ใครอ่ะ?.... ระหว่างนั้นก็เช็คเบอร์...ใช่จริง ๆ ด้วย!!! แต่ทางนั้นพิมพ์ตอบกลับมาเร็วกว่า....เพราะฉันไม่ได้ดื่มน้ำชาใช่ไหมท่านจึงจำฉันไม่ได้ ฉันชื่อปาสนิท.... 5555555 พี่แดงปริศนาใช่เลย!!! แหม...ก็ไม่นึกว่าแม่ชีจะส่ง sms มาคุยนี่คะ
วันที่ 14 ฉันตื่นแต่เช้า จริง ๆ แทบไม่ได้นอน เพราะตื่นเต้นที่จะไปนอนบ้านหนุ่มน้อยที่หมายปอง 555555 แล้วก็นอนคิดทั้งคืนเลยว่าจะทำอาหารอะไรคู่กับข้าวผัดหนำเลี้ยบดี เลยทำให้ตื่นเช้ามาก ๆ พอตื่นมาก็ตรวจตราของในกระเป๋าอีกรอบ ก่อนจะรอฤกษ์เกือบ 9 โมงถึงเดินออกไปตลาดซื้อของสด ตามที่เขียนเล่าแล้วใน ข้าวผัดหนำเลี้ยบกับซี่โครงหมูต้มฟัก แล้วก็ขึ้น 206 ออกเดินทางไปห้วยขวางทันที
ไปถึงพี่เก็จกำลังออกกำลังกายอยู่ตามปกติ ฉันก็คุยไป เดินไปดูซุปไป (อ่านจากข้าวผัดฯ นะคะ ไม่อยากเล่าซ้ำ) พี่เก็จชื่นชมใหญ่ว่าซุปอร่อยมาก หอมมาก ที่จริง...เป็นซุปที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทำมาเหมือนกันค่ะ 555555 คงจะเพราะตั้งใจอย่างมาก นาน ๆ จะออกไปฝากฝีมือไว้นอกบ้าน จะให้เสียชื่ออย่างไรได้? หลังจากกินอิ่ม พี่เก็จก็แปรงฟัน  แล้วนอนกลางวัน ฉันก็นั่งดูทีวีบ้าง เดินชมสวนมั่ง พี่เก็จคงพะวงกับแขกเชื้อสายจีน สัญชาติไทย เลยลุกมาทั้งตาบวม ๆ (นอนน้อย) เพราะฉันเอาใบมะกรูดไปขยี้รอที่จมูกพี่เขาด้วย 55555555 สรุปว่าตื่นเพราะน้องแกล้ง 5555555
ตื่นมาก็เม้ากันเรื่องนั้น เรื่องนี้ (จำไม่ได้ซะเรื่อง 55555) แล้วก็ตามฟอร์ม พี่เก็จเล่นแกรนด์เปียโนให้ฟัง ตอนหลังมีบ่นแล้วว่าขอเล่นเพลงอื่นมั่งได้ป่ะ อะไรจะให้เล่นเพลงโรงเรียนอยู่เพลงเดียว... ก็น่ะ ฉันชอบฟังเพลงนี้จริง ๆ ฟังแล้วอินมากค่ะ แต่ก็เกรงใจคุณพี่อยู่เหมือนกัน เลยให้เล่นเพลงอื่นแซม ๆ บ้าง  เห็นพี่เขาเริ่มเบื่อ ๆ ฉันก็เลยบ่นอยากกินสไปร้ท์ พี่เก็จบอก..รู้ไหมที่อ้วนน่ะเพราะน้ำอัดลม.. รู้ค่ะ แต่ชีวิตต้องการความซ่า 5555555 สองคนพี่น้องเปลี่ยนชุดเตรียมเปียกเต็มอัตรา เดินออกจากบ้านไปด้วยจินตนาการว่าต้องเปียกม่อล่อกม่อแลกกลับมาแน่เลย เพราะถนนใหญ่ที่มองเห็นไม่ไกลคลาคล่ำด้วยวัยรุ่นตั้งกองทัพสาดน้ำทั้งบนฟุตบาท และบนรถปิ๊คอั๊พที่ทำให้การจราจรแน่นขนัด ยิ่งเดินใกล้เข้าไป หัวใจก็แสนจะตื่นเต้น โอ้ววว ไม่ได้เปียกมานาน จะป่วยไหมเนี่ยะ 5555555
มาถึงปากซอย วัยรุ่นและวัยเล็กเล่นสาดน้ำกันเป็นที่สนุกสนาน พี่เก็จบอกว่าพี่ไม่ชอบให้เขาป้ายแป้ง เพราะเดี๋ยวผิวเสีย ฉันก็เลยบอกว่าเดี๋ยวบอกเขาก็แล้วกันค่ะ เสียงดนตรีดังจากหลายลำโพง แต่ละคนสนุกสนาน เมาบ้างตามประสาสงกรานต์ ฉันกับพี่เก็จ...ยายกับป้า (ยายอ่อง+ป้าเก็จ) เดินจูงมือกันแน่นเดินแบบเอียง ๆ หน้าเตรียมหลบสายน้ำที่จะสาดมาเต็มที่ วุ้ย ๆ ว้าย ๆ 5555555 เดินถึงร้านเซเว่น ซื้อสไปร้ท์เดินกลับมาถึงปากซอย...ตั้งแต่หัวจรดเท้าเปียก...แค่พื้นรองเท้า อ๊างงงงง
ตลอดรายทางที่เราเดิน พบว่าเยาวชนสมัยนี้มีสัมมาคารวะต่อผู้หลักผู้ใหญ่เป็นอันมากค่ะ กล่าวคือพอเห็นเราสองคน ก็เก็บมือเก็บไม้วางขัน ลดสายยางลงตลอด (เหลือแค่ไม่ประณมมือไหว้ -*-)  คนเดินถนนข้างหน้าเราข้างหลังเราเปียกกันทั่วถึง เว้นแต่สองเรายายกับป้าเท่านั้น...5555555 พอมาถึงปากซอยเข้าบ้าน เราสองคนมองตากัน ต่างก็คิดเหมือนกัน แล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะขำปนเศร้าว่า...นี่เราแก่ซะจนคนเขาประหยัดน้ำที่จะสาดเราเชียวเหรอ? 55555555
พี่เก็จบอกว่าไปอีกรอบไหมอ่อง? แบบว่าคงจะสงสารฉันว่าอุตส่าห์เตรียมใจจะมาเล่นสนุกเต็มที่ แล้วนี่อะไรกันไม่เปียกเลยสักหยด มันเสียทั้ง self ทั้ง feel สุด ๆ เราจึงเดินออกไปใหม่ค่ะ คราวนี้ไปอีกทิศหนึ่ง ....ผลคือเยาวชนแถวห้วยขวางน่าจะได้รับรางวัลเยาวชนดีเด่น  ขนาดว่าตอนที่ต้องเดินเรียงเดี่ยว แล้วพี่เก็จอยู่ข้างหน้า ฉันแอบสะกิดเด็กชายผู้ถือปืนกลขนาดใหญ่ บรรจุน้ำเต็มอัตราว่า... หนู ๆ ฉีดพี่คนข้างหน้าที เด็กมองหา พี่ ใหญ่...ป้าหมายถึงพี่คนไหนครับ? กรำเวง 555555555 ถ้าเป็นเจ้ามีทองแท้มีหวังโดนแจกมะเหงกไปแล้ว
เดินไปจนจะถึงสี่แยกอยู่แล้ว ยังโดนแค่หางน้ำกระเซ็น ๆ แบบว่าบนรถเขาสาดพวกบนถนน แล้วหลบเราไม่ทัน 5555555555 เฮ้อ สองคนพี่น้องหัวเราะกันจนเพลีย ขากลับถึงกับต้องสะกิด...น้อง ๆ กรุณาสาดน้ำพี่สองคนมั่งเด่ะ 5555555 น้องก็มองยายกับป้างง ๆ .... โหช่างกล้าเรียกตัวเองว่าพี่นะ 555555555 แล้วก็เอาน้ำในขันรดที่ต้นคอให้อย่างสุภาพและเกรงใจยิ่ง ขนาดน้ำแค่ครึ่งขันยังไม่หมดขันเลย 5555555 แต่ก็เย็นเชี้ยบจับใจ เพราะเขาเล่นแช่น้ำแข็งก้อนบะเฮิ่ม นี่ถ้าไม่เกรงใจจะบอก...น้อง ๆ ขอยื้มขันหน่อยได้ป่ะ แล้วสาดน้ำกันเองประสาสองผู้เฒ่าน่าจะเปียกได้สะใจกว่านะ….เดินถึงบ้าน เสื้อก็เกือบแห้ง... คิดดูก็แล้วกันค่ะว่าโดนสาดขนาดไหน? 
คืนนั้น พี่เก็จนอนเร็ว ไม่รู้ตามปกติ หรือเร็วกว่าปกติ เพราะกลางวันนอนน้อย แถมยังออกไปโดนน้ำเย็น ๆ ท่ามกลางอากาศร้อนระอุอีก  ฉันเองก็ง่วงเล็กน้อย เพราะตื่นเช้ามาก แล้วหัวเราะกันจนเหนื่อย ตอนเช้าตื่นมาอย่างสะโหลสะเหลเล็กน้อย เพราะมีลุกมานั่งชมจันทร์กลางดึก  วันนี้เรามีโปรแกรมว่าจะไปมหาชัยกัน โดยมีพี่หนิงมารับ จุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงพยาบาลมหาชัยเพื่อเยี่ยมและรดน้ำสงกรานต์คุณแม่พี่ติ๋งค่ะ ระหว่างทางก็มีคุยกันตามประสาชาววัฒนาผู้ไม่ชอบความเงียบ แต่สำหรับฉันผู้สร้างความเงียบให้กับตัวเองก็นั่งดูทาง บอกทางไป ถนนโล่งมาก เราจึงมาถึงจุดหมายปลายทางในเวลาอันสั้น แต่กระนั้นพี่เก็จก็ดูท่าทางจะปวดหลัง เพราะไม่ได้พกอุปกรณ์ transformer มาด้วยเนื่องจากขากลับ เราต้องเดินจากสี่แยกห้วยขวางเข้าบ้าน พี่เก็จคงกลัวว่าอุปกรณ์จะเปียก
พี่ติ๋งเซอร์ไพร้ส์ที่เห็นพี่เก็จ แต่ bigger surprise ที่เห็นฉัน 555555 พี่หนิงได้เอาพานแก้ว มาลัย น้ำอบและขันมาด้วย เหมือนป๊ากเปี๊ยบ ฉันเลยอดแหย่ไม่ได้ว่า...พี่หนิงคะ สมัยเรียนสอบได้ที่ 1 ป่ะเนี่ยะ  อ้าว...อ่องรู้ด้วยเหรอ??? แป่ววววว 555555555 โอ้ว นี่เด็กสอบได้ที่ 1 ของวัฒนาเป็นแบบนี้ทุกคนเลยเหรอเนี่ยะ 555555555  คุณแม่พี่ติ๋งกำลังหลับอยู่ พวกเราสาว ๆ ๆ ๆ ก็เลยคุยกัน (เพื่อให้คุณแม่ตื่น??? 5555555)  พอคุณแม่พี่ติ๋งตื่นแล้ว พี่ ๆ ก็ช่วยกันพยุงให้นั่งเพื่อจะได้รดน้ำได้ ตอนนี้พี่ติ๋งก็ขอเวลานอกหวีผมให้คุณแม่หน่อย เดี๋ยวถ่ายรูปแล้วไม่สวย  ปรากฏว่าพี่ติ๋งหวีด้านหน้า แต่เวลาถ่าย อ่องถ่ายด้านหลังซะงั้น เอิ๊กกกกกก
แล้วพวกเราก็ถึงเวลาต้องลาพี่ติ๋งแล้ว เพราะใกล้เที่ยงแล้ว มีผู้แนะนำให้ไปกินที่ร้านคุณตุ่มแถววัดเจษฎ์ เขียนแผนที่ให้อย่างละเอียด ดูแล้วก็ไม่น่าจะไกลมาก ที่จริงตอนแรกฉันแนะนำให้ไปดอนหอยหลอด บอกพี่หนิงว่ามาที่นี่ต้องชิม หอยหลอด เพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อ แต่พี่หนิงบอกว่าพี่ไม่นิยมกินหอย ... ฉันก็พยายามโน้มน้าวสุดฤทธิ์บอกว่าหอยหลอดมันไม่เหมือนหอยนะ (แล้วมันเหมือนไก่เหรอ? 555555) สารพัดสารพันจะชักชวน ในที่สุดพี่หนิงก็ตกลงใจที่จะชิมดู
เมื่อมาถึงร้าน เราก็สั่งอาหาร 4 อย่าง กุ้งราดพริก หอยหลอดผัดฉ่า ข้าวผัดปู ต้มยำปลาคัง (ทีแรกได้ยินเป็นปลาคัน ยังนึกว่า...กินแล้วจะคันตรงไหนมั่งเนี่ยะ) เรียกว่ากินครบทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา  ความที่ร้านนี้คงดังพอสมควร คนมากันเต็มร้าน กว่าจะได้อาหาร รอจนพี่เก็จบ่นแล้วบ่นอีกว่าหิว ๆ ๆ จานแรกที่มาถึงคือหอยหลอดผัดฉ่าค่ะ พี่หนิงมองแบบไม่มั่นใจ แต่ก็ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองชิมดูไม่ให้น้องเสียน้ำใจ ปรากฏว่า...ติดใจค่ะ....จานที่สองข้าวผัดปู พี่เก็จเตรียมฉลองเต็มที่ฉันต้องบอก...เดี๊ยวก่อนนนขอถ่ายรูปก่อน 5555555 เห็นพี่เก็จพลุ่นพล่านแล้วชักกลัว 555555ทำให้ตอนถ่ายโฟกัสไม่ดี รูปออกมาเบลอเล็กน้อย ข้าวผัดปูอร่อย กินกับหอยผัดฉ่านี่เข้ากันดีมากค่ะ กิน ๆ ไป ฉันก็ถามพี่ ๆ ว่า...ถ้ากุ้งกับต้มยำมา...จะกินกับอะไรคะ?  เออเนอะ...สองพี่วางช้อนส้อมลงทันใด 55555555 กุ้งว่ามาช้าแล้ว ต้มยำยิ่งช้าเข้าไปอีก แต่เปรี้ยวจี๊ดสะใจฉันมาก ฉันชอบกินต้มยำที่เปรี้ยว ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม อาหารก็อร่อยถูกปากเรา 3 สาวผู้หิวโหยเป็นอย่างมาก กินกันหมดทุกอย่างเว้นแต่กุ้ง เนื่องเพราะฉันไม่ชอบกินกุ้งตัวโต ๆ เท่าไร ส่วนพี่เก็จกับพี่หนิงบอกว่าไม่อร่อยอย่างที่คิด ก็เอากลับบ้านไป ตอนชำระเงิน พี่เก็จบอกพี่หนิงว่า...เราแชร์กันสองคน อ่องไม่ต้องเพราะไม่มีรายได้....เง้อ แล้วพี่สองคนมีเหรอคะ????? อย่างไรก็ตาม ขอบคุณพี่สาวทั้งสองเป็นอย่างยิ่งค่ะ
กินข้าวอิ่มแล้ว เราก็เดินไปอีกร้าน เพื่อจะชิมลอดช่องวัดเจษฎ์ แต่เสียดายที่ร้านปิดสงกรานต์ พี่หนิงเลยชวนล่วงหน้าว่าไว้มากันใหม่ ขากลับ พี่หนิงส่งเราสองคนที่โรบินสัน เพราะพี่เก็จจะซื้อของเข้าบ้าน อีกอย่างตอนนี้ในซอยรถติดมากเนื่องจากเขาเริ่มเล่นน้ำกันแล้ว พี่เก็จซื้อของเยอะมาก จนฉันงงว่า...คุณพี่จะหอบหิ้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เดินจากโรบินสันไปถึงบ้านเลยเหรอ? ไหนว่าปวดหลังไง? สรุปว่าฉันก็เลยขอถือทั้งหมดให้พี่เก็จ เดินกลับบ้านตั้งแต่โรบินสันถึงบ้าน เหลือเชื่อว่าไม่เปียกเลยแม้แต่น้อย เฮ้อ ๆ ๆ พี่เก็จพูดปลอบใจตอนถึงบ้านว่าเขาเห็นเราถือของมามั้งเลยเกรงใจ แต่เมื่อวานเดินตัวปลิวก็ไม่เห็นมีใครสาดอ่ะ ท่าทางว่าฉันจะดูแก่จริง ๆ
ขนาดว่าฉันช่วยถือของให้ส่วนใหญ่แล้ว กลับมาถึงบ้าน ใบหน้าพี่เก็จก็ยังมีร่องรอยของความเหนื่อยล้า จนฉันอดถามแบบงง ๆ ไม่ได้ว่า ถ้าอ่องไม่ได้มาด้วย พี่จะถือทั้งหมดนี่เข้าบ้านยังไงคนเดียวอ่ะ?   คำตอบสั้น ๆ ที่ชัดแจ่มแจ้งคือ พี่ก็ไม่ซื้อซิจ๊ะ 5555555555 ฉันเห็นว่าพี่เก็จน่าจะต้องการพักผ่อนมาก ถ้าฉันอยู่พี่เก็จอาจจะไม่ได้พัก เลยตัดสินใจว่าจะกลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกพี่เก็จบอกให้ค้างอีกคืน เนื่องจากเป็นห่วงว่าเดินออกไปจะเปียก แต่ฉันคะเนดูจากเมื่อวานและเมื่อกี้ น่าจะปลอดภัยทีเดียว
ขากลับฉันเดินมาขึ้นมอเตอร์ไซด์ ปรากฏว่าทั้งแป้งทั้งน้ำตลอดทาง 5555555 มันส์พะยะค่ะ สันนิษฐานว่าเพราะขากลับฉันใส่หมวกมั้ง คนเลยไม่เห็นว่าเป็นผู้เฒ่า แถมตอนมานั่งรอรถเมล์ (ซึ่งรอนานมาก ๆ ) ฝนก็ยังลงเป็นละอองฝอย ๆ ฉันนึกขำ ๆ ว่ารู้งี้เมื่อวานตอนออกมาจะเล่นน้ำ น่าจะใส่หมวกเดินออกมาเสียก็ดีหรอก
กลับมาถึงบ้านอาบน้ำแล้วสลบเหมือด  วันรุ่งขึ้นก็พักผ่อน เปิดเน็ตมาเจอเมลพี่ตุ้ม บอกว่าวันอาทิตย์จะไปตีกอล์ฟ พี่ตุ้มรู้ว่าฉันไม่เล่นกอล์ฟ แต่ก็ไปเดินด้วยกันได้ น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เดินด้วยกันหลายชั่วโมง ฉันตอบแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิดว่า โอเค้ อย่าว่าแต่เดินในสนามกอล์ฟ  anywhere with you, I go! ให้ไปเดินในสมรภูมิก็ไปถ้าพี่ตุ้มไปด้วย 55555555 ที่กล้าพูดเพราะรู้ว่ายังไงพี่ตุ้มก็ไม่ไปเดินหรอกในสมรภูมิ
แต่พี่เก็จ sms มาบอกว่ามีไข้หวัดเล็กน้อย ถ้าไม่ติดว่าพี่ตุ้มนัด ฉันก็คงไปบ้านดูพี่เก็จ แต่โปรดอภัยให้น้องเถอะค่ะ อันพี่ตุ้มเนี่ยะ รอมาตั้งหลายเดือนแล้วไม่ได้เจอเลย ลงแดงจนเขียวจนดำแล้วค่ะ แต่พี่เก็จก็น่ารักมาก รู้ใจว่าฉันจะต้องเป็นห่วงเลยบอกมาว่าไม่ต้องห่วง จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
ฉันใช้เวลาวันเสาร์ข่มความตื่นเต้นด้วยการโหลดรูปที่ถ่ายพี่เก็จลงคอม แล้วเขียนบล็อกเรื่องที่ไปทำอาหารที่บ้านพี่เก็จ ... กับบันทึกอันนี้ที่รอไปใช้เวลากับพี่สาวที่รักก่อนค่อยรวมมาเป็นมหาสงกรานต์มิชฌิมของฉัน
ตอนเช้าวันอาทิตย์ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ 55555 ลุกมาตีสาม แล้วไปนอนต่อ เอาไปฝันว่าเจอพี่ตุ้มแล้ว 55555555 ยังกับสาวน้อยรอเดทแรกกับชายหนุ่มเลยนะนั่น 5555555 เพราะพี่ตุ้มบอกว่า afternoon ฉันก็เลยพยายามลืม ๆ เวลาช่วงเช้า แต่นาฬิกากว่าจะกระดิกแต่ละติ๊กละต๊อกมันช่างยาวนานเสียนี่กระไร พอ 11 โมงฉันก็จัดแจงหุงข้าวกินให้เสร็จ จะได้เก็บล้างให้ทันเวลาที่พี่ตุ้มจะมารับ จนบ่ายสองโมงกว่าชักเริ่มหวาดหวั่น ฤาพี่ตุ้มจะลืมไปแล้วหรือเปล่าว่านัดเราไว้????? เลยเมลไปถามว่า พี่ตุ้มขา...ขอถามคำได้ป่ะ afternoon ของพี่มันคือกี่โมงคะ?  หรืออีกนัยยะคือ พี่ลืมน้องหรือเปล่า? 55555555
และแล้ว เวลานี้ที่รอคอยก็มาถึง ฉันลงทุนไปยืนรอถึงปากซอย แต่พี่ตุ้มเปลี่ยนรถคันใหม่ ตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาแล้วหยุดฉันก็เลยงง ๆ  พี่ตุ้มมาในเสื้อแดงกางเกงขาว...ชุดนี้ถ้าใส่ไปโฮมคัมมิ่งก็จะดีหรอกนะคะ ใบหน้าสดใส และสวยหวานเหมือนเดิม พี่ตุ้มทักแบบให้กำลังใจว่าฉันผอมลง ไม่จริงหรอกค่ะ ฉันน่ะปริแล้ว กางเกงกว่าจะติดตะขอได้ แขม่วแล้วแขม่วอีก พอขึ้นรถปุ๊บก็ฝอยสารพัดสารพัน จริง ๆ แล้วฉันเขียนเมลคุยกับพี่ตุ้มแทบทุกวันอยู่แล้ว เรียกว่าไม่มีอะไรที่พี่ตุ้มไม่รู้ 55555555 ที่จริงตอนแรกก็เกรงใจอยู่ว่า CEO ระดับพี่ตุ้มจะเสียเวลามาอ่านเรื่องไร้สาระของน้อง แต่พี่ตุ้มไฟเขียวมาว่า เขียนมาเท่าที่ใจอยากได้เลย ไม่ต้องห่วง (เพราะพี่จะอ่านมั่ง ไม่อ่านมั่ง 5555555)  ในวงเล็บนี่ฉันพูดเองค่ะ
แต่พอเจอหน้า ก็อยากคุยอยู่ดี แล้วด้วยความที่ลัลล้ามากไปหน่อย หัวเราะมากจนพี่ตุ้มเสียสมาธิ ตีลูกลงน้ำ ลงทรายก็หลายรอบ ยังมีหน้าแซวพี่เขาอีกว่าพาลูกกอล์ฟมาเล่นสงกรานต์  พี่ตุ้มบอกว่าคราวหน้าถ้าหัวเราะมาก ๆ อย่างนี้จะไม่ชวนมาแล้วนะ แง๊~~~ พี่ตุ้มใจร้ายอ่ะ  ก็คนดีใจที่ได้เจอพี่ ไม่หัวเราะจะให้ร้องไห้เหรอคะ??  5555555555 อย่างไรก็ตาม เดินกลางแดดระอุ 90 กว่าองศามาก ๆ เข้า ก็ชักแหย่ไม่ออกเท่าไร แบบว่ามันร้อน และก็เหนื่อย 55555555 แต่ก็สนุกกับการถ่ายรูปพี่ตุ้ม พี่ตุ้มถามตลอดว่า...ไหวไหม ๆ ?  จริง ๆ แล้วพี่ตุ้มแหละไหวหรือเปล่า? 555555 อ่องแค่เดิน กับถ่ายรูป ไม่ได้ออกแรงหวดไม้กอล์ฟเหมือนพี่ตุ้ม  ถ้าพี่ไหว อ่องก็ไหวอยู่แล้วค่ะ
ได้คุยกันตอนพัก คุยไปคุยมาก็คุยกันถึงครูภิญโญ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินจากพี่ตุ้มว่าครูภิญโญเคยพูดถึงฉันให้พี่ตุ้มฟัง ออกจะงง ขอไม่เล่านะคะ แบบว่าเขิน 55555555 เอาเป็นว่าสิ่งที่ครูพูดถึงฉันทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งและคิดถึงครูเป็นอย่างมากก็พอ 
กลับมาถึงบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้พอจบรายการ ตาก็แทบปิดแล้วค่ะ แต่ฉันก็ยังไม่ได้นอน เปิดคอมเพื่อคัดรูป แล้วส่งให้พี่ตุ้ม จึงได้เจอเมลพี่เก็จตามที่เล่าไว้ในตอนต้น - ตานี้พี่เก็จมีความสุขแล้วใช่ไหมคะ?
สำหรับฉัน สุดแสนจะหฤหรรษ์จริง ๆ ได้ pre สงกรานต์กับแก๊งสุโค่ย  ได้สนุกสนานกับพี่ ๆ หลายคน ต่างบุญต่างวาระ แม้ว่าในปีที่กำลังจะเคลื่อนมาถึง จะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นกับฉัน ฉันคงได้ความสุขที่มีตอนนี้ไปเจือจางความทุกข์ที่อาจจะมีมา  ขอบคุณทุก ๆ คนที่ทำให้สงกรานต์ปีนี้ของฉันไม่เงียบเหงาค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: