วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ครูภิญโญ ณ นคร..แม่เสือแห่งวัฒนา

ยามอยู่ใกล้ ขอห่างพันลี้.... ตอนนี้ครูอยู่ไกลกว่าพันลี้ กลับอยากหวนไปอยู่ใกล้ชิดด้วย
สมัยเด็ก ๆ ฉันรู้สึกกลัวครู ๆ 3 พี่น้องสกุล ณ นคร มาก จนแอบตั้งตำแหน่ง สามเสือแห่งวัฒนา ให้  โดยผู้ครองตำแหน่งดุสุด เฉียบขาดสุดก็คือครูภิญโญนี่เอง แต่วันนี้ ฉันคิดถึงครูจังค่ะ คิดถึงด้วยความรัก ความรักที่ฉันไม่เคยคิด ไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าฉันจะรักครูได้  เพราะช่วงเวลาที่ฉันเป็นนักเรียน ความรู้สึกที่มีให้ครูคือ..กลัว, กลัว และกลัว 555555 เรียกว่าเห็นครูเดินมาทางเหนือ ฉันจะเบี่ยงไปตะวันออกทันที เป็นครูคนเดียวในโรงเรียนที่ฉันขออยู่ห่าง ๆ ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย  แม้ว่าตอนที่พ้นจากความเป็นนักเรียนใหม่ ๆ ก็ยังกลัวอยู่เลยค่ะ ไม่รู้ว่าทำไม แต่กลัวครูแบบไม่มีเหตุผล กลัวจนเป็นกุ้ง...
แต่วันนี้ วันที่นั่งคิดถึงครูอยู่นี้ กลับมีแต่ความรักความเคารพให้ครูอย่างเหลือล้น     มานั่งนึกขำ ๆ ว่า...ทำไมถึงได้กลัวครูซะขนาดนั้นนะเรา? ทั้ง ๆ ที่ครูไม่เคยทำโทษฉันแม้แต่ครั้งเดียว แค่ตวัดสายตามองมาปราดเดียว...นพพรก็..กุ้ง..แล้วค่ะ ขนาดเวลาครูยิ้มให้ ฉันยังหายใจไม่ปลอดโปร่งเลย แต่ก็น่ะ ครูไม่ค่อยยิ้มให้ฉันเห็นเท่าไรหรอกค่ะ พยายามนึก ๆ ๆ นับไปนับมา ไม่เกิน 1 หนที่เห็นครูยิ้ม จริงจริ๊ง....นี่พูดถึงตอนฉันเป็นนักเรียนนะคะ
ในบล็อก Noppaul’s Dream นี้ ได้เอ่ยถึงครูภิญโญมาหลายครั้งหลายหน ในบทความนี้ฉันอาจจะมีรีเพลย์บางเรื่องราวอีกครั้ง ก็ถือซะว่าคนมันแก่แล้ว เลยย้ำคิดย้ำทำบ้าง ขอให้ถือซะว่า... คนบางคน เรื่องราวบางเรื่องราวก็ทรงคุณค่าเพียงพอให้เราเอ่ยถึงได้ไม่รู้เบื่อ
ก่อนอื่น...ขออนุญาตว่า...สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ อาจจะยาวและวกวนไปมาบ้าง นั่นเป็นเพราะฉันอยากพูดถึงครูให้สมกับความคิดถึงที่มี เป็นสิ่งที่ฉันอยากให้ครูได้รับฟัง ฉันเชื่อว่าถ้าวิญญาณมีจริง ครูคงมายืนอ่านอยู่ข้างหลังฉันขณะที่ฉันกำลังพิมพ์อยู่เป็นแน่ ฉันอยากให้ครูรับฟังความรู้สึกของฉันที่มีต่อครู อยากให้ครูรู้ว่า...ครูจากไปก็เพียงร่างกาย แต่ครูไม่เคยอยู่ไกลจากใจฉันเลย ชักน้ำตาซึมแล้วตรู....จะเขียนจบไหมเนี่ย
ฉันไม่ใช่เด็กดี หรือเรียบร้อย แต่สมัยอยู่วัฒนาไม่เคยทำผิดกฎ (โดยไม่จำเป็น) ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกลัวโดนส่งตัวไปหาครูภิญโญนี่แหละค่ะ  พูดจริง ๆ นะคะ ฉันเคยโดนครูหลายคนทำโทษ แต่ไม่กลัวเท่าครูภิญโญเลย อย่างครูประพิธนี่ก็กลัวค่ะ แต่บางอารมณ์ก็ยังกล้าดื้อ เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันอยากกลับบ้านมาก คุณแม่มารับแล้ว แต่ครูประพิธไม่อนุญาตให้กลับ เพราะไม่มีเหตุสมควรที่จะกลับ...ฉันยั้วะมากค่ะ ร้องไห้ประท้วงอยู่หน้าบ้านนั่นแหละ จนเวลากินข้าวก็ยังไม่ยอมไปไหน ต่อยาวจนถึงเวลาอาบน้ำด้วยเอ้า...จำความรู้สึกตัวเองตอนนั้นได้ดีเลยว่า...จะเอาชนะให้ได้ แต่พอเวลาผ่านไป ๆ มีไหวหวั่นแล้วค่ะ เนื่องจากคุณแม่กลับบ้านไปนานแล้ว ช่างไม่ห่วงลูกเล้ย....นพพรยังนั่งร้องไห้อยู่นั่นแหละ ครูที่ใจดีมาชวนให้ไปกินข้าวก็ทำสะบัดสะบิ้งโวยวายไม่ยอมไป แต่แวบเล็ก ๆ ในใจ...แอบกลัวว่าครูภิญโญจะเดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วจะทำยังไงเนี่ยะ...คิดไม่ออกค่ะ 55555 ระหว่างครูยังไม่ปรากฏตัวขอประท้วงก่อน ครูประพิธคงขึ้นไปพักผ่อนแล้วมั้งคะ แบบว่าพอใจแล้วที่นพพรไม่ได้กลับบ้าน ครูอื่น ๆ ทั้งดุทั้งไม่ดุเดินมาพูดกับฉันหลายคน แต่ไม่ได้ผลสักคน นพพรปักหลักดื้อจนมืด ตอนนี้หัวใจเล็ก ๆ ชักกลัวแล้ว...ฉานยังไม่ได้กินข้าว+อาบน้ำเลย...55555555 จำได้ว่าในที่สุดครูผินเดินมาค่ะ คงได้ข่าวจากใครมั้งคะ มาถึงก็เรียก...นพพรมานี่มา... ตอนเด็ก ๆ ฉันรักครูผินมาก ๆ ก็เดินไป ฮือ ๆ ไป ครูผินให้นั่งตัก แล้วก็พูดว่า เอ้า..ฉันให้หอมแก้มทีนึง ฉันก็หอมแก้มครู พอครูหัวเราะ ฉันก็หัวเราะด้วย หายเศร้าเลย ครูหลาย ๆ คนที่เป็นห่วงอยู่พลอยหัวเราะไปด้วย จบด้วยครูวรรณดีจูงมือไปกินข้าว แล้วครูเวรพาไปอาบน้ำ...ไม่มีแม้แต่เงาของครูภิญโญ
เอาอีกฉากจะได้เห็นว่าครูภิญโญนั้น เป็นความน่ากลัวเด็ดขาดของฉันจริง ๆ คือพอขึ้นนอนแล้ว ฉันก็ร้องไห้ต่อ ครูเวรมาปลอบแล้วก็ไม่ยอมเงียบ เลยจูงมือไปส่งห้องนางพญา....5555555....เหมือนทีวีเปลี่ยนช่องเลย จากหนังโศก ไปเป็นหนังสยองขวัญ...น้ำตาเหือดแห้ง อารมณ์คิดถึงบ้านหายวับเป็นปลิดทิ้ง แต่พอเจอครู...ครูกลับไม่ดุสักคำ ไม่ถามอะไรด้วย นอกจากให้นั่งดูทีวี แล้วครูก็ชงไมโลให้กินกับขนมปังเค็ม...ฟังดูใจดีนะคะ แต่นพพรขอแค่ครั้งเดียวพอ 5555555 นับจากนั้นไม่กล้าร้องไห้บนตึกนอนอีกเลย กลัวครูเวรจูงไปหาครูภิญโญอีก
ฉันเป็นคนชอบโต้เถียง แต่เว้นไว้กับครูภิญโญ ไม่เคยได้อ้าปากสักแอะ...ต่อให้ครูดุทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็ก้มหน้านิ่งเงียบโดยดุษฎี ซึ่งมีไม่กี่ครั้งหรอกค่ะ ถ้าเป็นครูอื่น ลองมาดุแล้วฉันไม่ผิด หรือไม่ยอมรับว่าผิดซิ...นพพรเถียงตลอดค่ะ 5555555 แต่ไม่ได้ก้าวร้าวนะคะ แค่ถามว่าทำไมทำงั้นไม่ได้ ทำงี้ไม่ได้ หรือหนูไม่ได้ทำ ฯลฯ แต่กับครูภิญโญ..นพพรบำเพ็ญตบะเป็นเตมีย์ใบ้อย่างเดียวค่ะ เช่น..เวลาที่อยู่ในแถว แล้วโดนครูดุมาว่าฉันคุย ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้คุย ไม่ได้แม้แต่ฟังเพื่อนคุยด้วย...ครูเข้าใจผิดน่ะค่ะ แต่ฉันหรือจะกล้าเถียง? ได้แต่บ่นตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมวันนี้ซวยจริง?
ทั้งหลายทั้งปวง...ฉันไม่เคยคิดว่าจะเข้าไปใกล้ชิดครูภิญโญเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งได้รู้จักครูชัชว์ ครูชัชว์เป็นครูที่ไม่เคยสอน แต่ทำไมสนิทกับฉันได้ก็ยังงง ๆ อยู่ 5555555  ครูชัชว์มักจะบอกฉันตอนที่ฉันจบจากโรงเรียนแล้ว ฉันไปหาครูจินตาบ่อย ๆ แล้วได้เจอครูชัชว์บ้าง ครูชัชว์บอกว่า...นพพร ครูภิญโญน่ะรักเธอมากรู้ไหม? ชมเธอให้ครูฟังตลอด...ฉันจำไม่ได้แล้วว่าครูชัชว์เล่าว่าครูภิญโญชมอะไรฉัน แต่ออกจะงงค่ะว่าฉันมีอะไรให้ครูภิญโญรัก และนำไปคุยกับคนอื่นด้วยเหรอ?  พี่ตุ้มก็เล่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าพี่ตุ้มเองก็รู้ว่าครูภิญโญรักฉัน เพราะครูพูดกับพี่ตุ้มถึงฉัน...ทำให้พี่ตุ้มไปรับฉันแล้วพาไปเที่ยวสวนสนุกหลังจากที่พี่ตุ้มจบไปแล้ว  พี่ตุ้มเองก็รักครู และได้รับความรักจากครูเป็นพิเศษเช่นกัน  พี่ตุ้มเล่าให้ฟังเมื่อวันที่ฉันไปนอนเล่นบ้านพี่ตุ้มว่า ครูภิญโญเคยไปพักบ้านพี่ตุ้มตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ แล้วฝากพี่ตุ้มแลกเงินสิงคโปร์ให้ 200 เหรียญ ซึ่งพี่ตุ้มเห็นว่านิดหน่อยแค่นั้น จึงได้เอาเงินสิงคโปร์ให้ครูตามที่ครูต้องการ โดยไม่ยอมรับเงินไทย แต่ก่อนที่ครูจะกลับเมืองไทย ครูได้วางซองสีขาวไว้ พี่ตุ้มก็รู้ค่ะว่าเป็นเงินไทยแน่ ๆ แต่ไม่ได้เปิดซอง เก็บเข้าตู้เซฟ แล้วลืมมันไปเลย จนกระทั่งครูเสียชีวิต พี่ตุ้มจึงนึกได้ มาเปิดซองดูเผื่อจะมีจดหมายอะไรจากครู แต่สิ่งที่อยู่ในซองไม่ใช่จดหมาย ตอนที่พี่ตุ้มเล่าได้หยิบซองออกมาเปิดให้ฉันดูด้วยค่ะ...เป็นแบ้งค์สมัยเก่า (รุ่นที่ใบใหญ่ ๆ ) แต่ใบเอี่ยมแถมเรียงเบอร์อีกต่างหาก !  ฉันเองยังขนลุกด้วยความซาบซึ้ง ไม่ต้องพูดถึงตัวพี่ตุ้มจะรู้สึกมากกว่าฉันแค่ไหน
ครูไม่เคยแสวงหาสิ่งใด ๆ จากศิษย์คนไหน ๆ ทั้งสิ้น เคยมีเพื่อน (จำไม่ได้แล้วว่าใคร) เอาเงินให้ครู รู้สึกว่าจะเป็นวันเกิด ครูก็บอกว่าได้ส่งเงินที่ให้มานั้นบริจาคไปกับโบสถ์ หรือมูลนิธิอะไรสักอย่าง ...จำไม่ได้อีกเหมือนกัน...เอาเป็นว่าเงินที่ศิษย์ให้ ครูไม่ได้นำมาใช้ แต่นำไปทำบุญต่อ เพื่อให้ผลบุญตกอยู่กับตัวศิษย์นั้น ๆ ครูบอกค่ะว่าครูไม่ต้องใช้เงิน มีรายได้จากสวนยางเพียงพอกับการดำรงชีวิตแล้ว ไม่ต้องรบกวนให้ใครเอาเงินมาให้ครู ไม่เพียงแต่ไม่เคยเรียกร้องสิ่งของเงินทองจากศิษย์แล้ว ครูกลับเป็นผู้ให้เสียเอง...ทุกปีครูจะส่งฟรุตเค้กแสนอร่อยมาให้ 
ฉันไปเยี่ยมครูที่นครครั้งแรก ... ผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ฉันยังจำได้ดีค่ะ จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่าจะไปนครหลายหนแล้ว แต่จนใจ ไม่รู้จักใคร แล้วไม่เคยไปใต้เลย จนกระทั่งได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนพัทลุง ปีหนึ่งเขาก็ชวนฉันไปเที่ยวบ้านเขา คำแรกที่ฉันเรียกร้องก่อนรับคำชวนคือ... เธอต้องพาฉันไปหาครูที่นครนะ ต้องช่วยหาบ้านให้เจอด้วย... 5555555 แล้วเป็นโชคของฉันที่มีเพื่อนดี ๆ ตามใจฉันมากมาย พอไปถึงพัทลุง ฉันก็ยืมรถที่บ้านเขา ขับรถจากพัทลุงไปนครทันที ตอนนั้นตื่นเต้นมากค่ะ เพราะไม่ได้บอกครูล่วงหน้าด้วย กะว่าจะเซอร์ไพร้ส์ครู...ไปถึง ครูเพ็ญเพ็ชรกำลังจะออกไปธุระข้างนอกพอดี เจอกันที่หน้าประตูบ้านค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน ครูเพ็ญเพ็ชรก็ล้มป่วย และจากพวกเราไป...เร็วมากค่ะ ฉันก็เข้าบ้านไปนั่งรอในห้องรับแขก มีคนขึ้นไปตามครูภิญโญลงมาค่ะ ครูถามว่า มายังไง หาบ้านครูเจอได้ยังไงเนี่ยะ ฉันก็บอกครูว่าเพื่อนพามาค่ะ แต่ฉันเป็นคนขับรถมาจากพัทลุง ครูภิญโญก็ให้ฉันขับรถไปร้านขนมจีน แล้วเลี้ยงขนมจีนฉัน ครูสอนให้ฉันกินขนมจีนแบบปักษ์ใต้ คือผสมน้ำยา น้ำพริก แกงต่าง ๆ จำได้ว่า 7-8 ชนิดในจานเดียวกัน! ที่จริงก่อนที่จะมานคร ที่บ้านพัทลุง เพื่อนก็ชวนให้ฉันกินแล้ว แต่ฉันไม่ยอมกิน แบบว่าไม่ใช่พระ 5555555 พอครูภิญโญบอกให้กิน ฉันก็...กลัวท้องเสียก็กลัว แต่กลัวครูมากกว่า 5555555 (ยังหลงเชื้อความกลัวอยู่ค่ะ) พอกินแล้วก็ ...อร่อยดีแฮะ ติดใจอีกต่างหาก จากนั้นครูก็พาไปเที่ยววัดพระธาตุซึ่งเป็นวัดประจำจังหวัด ครูบอกว่าให้ฉันเข้าไปเดินดูกับเพื่อน ครูเดินไม่ไหว จะนั่งรอตรงนี้  ฉันเป็นคนไม่ชอบทัวร์วัด แต่ก็น่ะ ไม่กล้าบอกครู 5555555 เลยเดินไปดู ๆ สองทีก็ออกมา ฉันจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับครูบ้าง แต่ขากลับ เพื่อนฉันบอกว่า ครูพี่อ่องใจดีจัง 55555555 ถ้าเพียงเธอรู้จักครูในวัฒนา...เธอจะไม่พูดแบบนี้ 5555555
จากครั้งแรกที่ไปบ้านครู ฉันก็ยังไปอีกหลายครั้ง เรียกว่าโฉบไปทางใต้ทีไร ต้องหาเรื่องไปนครเพื่อไปเยี่ยมครู ไม่นับที่เจตนาไปนครเพื่อไปบ้านครูโดยเฉพาะ คือครั้งที่พาครูจินตากับครูชัชว์ไป และไปงานศพครูไพจิตร และครั้งสุดท้ายที่ไปด้วยหัวใจสลาย...คือไปงานศพของครูภิญโญเอง และนี่คือครั้งสุดท้ายที่ฉันไปนคร จากนั้นจนวันนี้ไม่เคยคิดจะกลับไปอีก เพราะไม่มีใครให้ไปหาอีกแล้ว
หลายครั้งที่ไม่ได้ลงใต้ ฉันก็จะโทรศัพท์ไปคุยกับครู (ตอนนั้นยังพอคุยโทรศัพท์ได้บ้าง ก็หากันไป หากันมาระหว่างครูกับศิษย์ หาเจอมั่ง ไม่เจอมั่ง หูตึงพอกัน 55555)  บางทีก็ส่งนิยายที่แต่งไปให้ครูอ่านบ้าง เขียนจดหมายไปเล่าอะไร ๆ ให้ครูฟัง  ฉันได้รับจดหมายตอบจากครูหลายฉบับ แต่ความที่ฉันย้ายบ้านบ่อย เดี๋ยวไปโน่นมานี่ จดหมายต่าง ๆ เหล่านี้จึงได้สูญหายไปสิ้น ซึ่งน่าเสียดายมาก
วันสุดท้ายที่ฉันได้อยู่ใกล้ชิดครู คืองานศพครูไพจิตร ฉันจำได้ว่านั่งติดกับครูตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใจหายด้วยที่เห็นครูผมสีขาว ปกติครูจะย้อมค่ะ แต่ครั้งหลังสุดที่ไป ครูไม่ได้ย้อม ดูแปลกตาไปเลย แล้วครูดูเศร้ามาก ไม่เคยเห็นครูร้องไห้ก็ได้เห็น ครูบอกว่า..ครูไพจิตรกลับบ้านเพื่อจะมาดูแลครู แต่คนดูแลไปซะก่อน.... ฉันร้องไห้เลยแหละค่ะด้วยความสงสารครู เวลาที่เราสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป คำพูดใด ๆ ก็ไม่สามารถปลอบโยนได้...คงต้องให้กาลเวลาเป็นสิ่งคลายความหมองเศร้า และความเข้มแข็งของเราเองที่จะผ่านพ้นไปให้ได้
วันที่ครูภิญโญจากไป แล้วฉันเดินทางไปงานศพ ครูบำเพ็ญขอให้ฉันขึ้นไปพูด แต่ฉันบอกว่าฉันคงพูดไม่ได้ เพราะฉันแพ้สาธารณชน 5555555 แต่ฉันจะเขียนอะไรสักอย่าง เพื่อให้ครูบำเพ็ญนำไปอ่านแทนฉัน ครูก็ตกลง ...และนี่คือสิ่งที่ฉันเขียนให้ครูภิญโญค่ะ มันสั้น และไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ เท่าไร เพราะมัวแต่เศร้าจนสมองไม่ทำงาน

            ในสวนของพระเจ้า  มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งซึ่งสวยสดงดงาม แต่มีผลอยู่เพียงไม่กี่ผล ต้นไม้ต้นนั้นพระเจ้าได้ทรงเรียกว่า ต้นสร้างคนดี   หนูแหงนมองดูด้วยความรัก ชื่นใจและหวงแหน แต่ก็สลดหดหู่ เพราะบัดนี้ในจำนวนผลที่มีอยู่น้อยนั้น ผลหนึ่งซึ่งสุกและงอมจัดมานาน ก็ค่อย ๆ หลุดและล่วงหล่นลงมาท่ามกลางความเสียดายเป็นล้นพ้น
            ผลนั้นมีชื่อว่า อาจารย์ภิญโญ ณ นคร  ครูผู้มีความเป็นครูอยู่ในทุกหยาดหยดของเลือด  ทุกอณูของเนื้อที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกาย และทุกลมหายใจ และบัดนี้แม้ทุกอย่างจะค่อยสลายไปตามวิถีทางของธรรมชาติแล้วก็ตาม  สิ่งหนึ่ง..จะยังคงอยู่เสมอ
            สิ่งนั้นคือวิญญาณแห่งความเป็นครู ที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของมวลศิษย์ตลอดไป 
            หนูรู้จัก ตัวตน ของครูภิญโญน้อยมาก ยิ่งสมัยเด็กยิ่งแทบไม่รู้จักเลย  เพราะความดุของครูนั้นขึ้นชื่อลือชาจริง ๆ  กระทั่งว่าแม้ครูภิญโญจะยิ้มให้ นักเรียนที่กำลังเดินเข้าไปหาก็ยังไม่ค่อยจะปลอดโปร่งใจนัก
            ครูชัชว์เล่าให้หนูฟังว่าครูภิญโญเป็นคนที่ใจอ่อนมาก  เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถปกครองนักเรียนได้ เลยต้องทำดุไว้  หากเป็นอย่างที่ครูชัชว์พูดจริง  ก็นับว่าครูภิญโญประสบความสำเร็จอย่างสูงทีเดียว เกราะที่ครูสร้างนั้นทั้งสูง ทั้งหนาเสียจนไม่มีใครสามารถมองทะลุไปถึงหัวใจของครูได้เลย
             แต่หนูยังโชคดี เพราะคำพูดของครูชัชว์ที่พูดให้ฟังเสมอ ๆ (หลังจากจบจากวัฒนาฯแล้ว) ว่า
            ครูภิญโญรักเธอรู้ไหม?  พูดถึงเธอให้ครูฟังเสมอ ๆ
            โอ้โห ครั้งแรกที่ฟัง..บอกตรง ๆ เลยว่าไม่ค่อยจะเชื่อ  ไม่ใช่จะว่าครูชัชว์ปดหนูหรอก แต่..ไม่เชื่อหูตัวเองว่าฟังถูกหรือเปล่า  เพราะสมัยเรียนไม่เคยเห็นครูภิญโญจะมีทีท่าว่าเมตตาหนูเลย  มีแต่ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ล่ะบ่อย  
            แต่เมื่อแน่ใจว่าฟังถูกต้องแล้ว..ก็ต้องพิสูจน์ 
            จริงของครูชัชว์  เนื้อแท้ของครูภิญโญนั้น ใจดีมาก   เมื่อครั้งแรกที่หนูไปหาครูที่นครฯ ครูได้กรุณาเป็นไกด์พาหนูไปเที่ยววัดพระธาตุ และพาไปกินขนมจีนที่อร่อยมาก ๆ ด้วย  ซ้ำยังบอกเพื่อนของหนู (ซึ่งไม่ใช่นักเรียนวัฒนาฯ แต่เป็นคนพาหนูไปหาบ้านครูเพราะเคยเรียนอยู่นครฯ) ว่า
            เรียกฉันว่าป้าเถอะ ฉันออกจากครูแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นครูแล้ว
            เพื่อนนั้นก็ชื่นชมกับคุณป้าภิญโญ ถึงกับบอกว่า
            ครูพี่อ่องนี่ใจดีจังเลย
            และเมื่อหนูได้ไปหาครูอีก  ครูซึ่งสุขภาพไม่สู้ดี แต่จำได้ว่าหนูชอบขนมจีนร้านนั้น ก็ได้กรุณาจัดหามาต้อนรับเสียเต็มโต๊ะ เลี้ยงคนได้นับสิบทั้ง ๆ ที่มากันแค่ 3 คน 
            ขากลับ ครูก็กรุณามีของฝากให้หอบหิ้วมากรุงเทพฯ อีกทุกครั้ง  
            และถึงอยู่กรุงเทพฯ บางปีที่ครูราศรีไม่ยุ่งนัก ครูภิญโญก็จะให้ทำขนมฟรุตเค้กแสนอร่อยแล้วส่งมาให้ทางไปรษณีย์ 
            หนูจึงได้ตระหนักว่า แท้จริงแล้ว ครูภิญโญรักและเมตตาหนูอย่างที่ครูชัชว์ว่าไว้จริง ๆ 
            หนูไม่สามารถจะบอกได้ว่าความอาลัยที่มีต่อครูภิญโญ..มากเพียงไหน  เมื่อครูวารุณีแจ้งข่าวให้ทราบ ก็รู้สึกใจหาย  เพราะได้เคยอยากจะไปเยี่ยมครูตลอดเวลา  แต่ก็ไม่ได้ไป  พักหลังนี้แม้แต่จดหมายก็ไม่ค่อยได้เขียน  แต่หนูดีใจที่ได้เคยเรียนบอกครูภิญโญด้วยตัวเองว่า
            หนูรักครู
            และที่ครูได้บอกหนูเมื่อวันฝังครูไพจิตรว่าจะพยายามดูแลรักษาตัวเองเพื่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่หนูนั้น หนูก็เชื่อค่ะว่าครูได้พยายามเต็มที่แล้ว  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น..มีที่สิ้นสุด
           
            ล่วงลงแล้ว..อีกหนึ่งผล..คนสร้างชาติ
            ผู้องอาจในวิชชาและหน้าที่
       ผู้เปี่ยมล้นผู้งดงามด้วยความดี  
          ความดีที่ยังคงอยู่คู่โลกา
         ขอก้มกราบแทบเท้าด้วยเคารพ             
        ครูเช่นนี้ในผืนภพยากจะหา
       ถือเป็นเพชรพิสุทธิ์น้ำล้ำราคา
      ขอกราบลาครูภิญโญ ณ นคร

        ตอนที่อยู่นคร สมองไม่ปลอดโปร่ง เลยแต่งกลอนไม่ค่อยออก เขียนได้แค่นั้น แต่พอได้กลับมากรุงเทพ แล้วโรงเรียนมีพิธีไว้อาลัยจัดที่โบสถ์วัฒนา เพื่อน ๆ ขอให้ฉันแต่งกลอนในนามรุ่น ฉันจึงได้เขียนเพิ่ม

       หากจะมีที่ผูกใจไว้ให้ติด
ให้ใกล้ชิดวัฒนากัลปาวสาน
สิ่งหนึ่งคือความผูกพันอันยาวนาน
คือรักผ่านจากครูสู่นักเรียน
ครูภิญโญแม้ภายนอกบอกได้ยาก
เพราะดุมากยามสั่งสอนวอนอ่านเขียน
ทั้งเข้มงวดกวดขันเราให้พากเพียร
เพื่อนักเรียนเป็นคนดีมีวินัย

วันนี้หนูคิดถึงครู...คิดถึงมาก

อาจเคยกลัวและไม่อยากอยู่ใกล้ใกล้              

เพราะเดียงสายังน้อยด้วยเยาว์วัย
พอเติบใหญ่จึงเข้าใจในคุณครู
แท้จริงแล้วครูรักหนูอยู่ลึกลึก            
เพราะสำนึกในหน้าที่มีต่อหนู
ความหวังดีมีแฝงทั่วทุกอณู                            
ในใจครูไม่รู้หมดไม่รู้คลาย
จงเป็นเกลือรักษาเค็มให้เข้มไว้                 
ครูสอนไว้ขอใส่ใจไม่เสื่อมสลาย
อาจจะยากแต่จะเพียรไม่วางวาย                     
สิ่งสุดท้ายมอบแด่ครูบูชาคุณ
กราบแทบเท้าอำลาอาลัยล้น              
ขอกุศลผลกรรมดีจงเกื้อหนุน
สวรรค์โปรดให้ครูได้ใช้เป็นทุน                     
เสวยบุญเสวยสุข ณ เมืองแมน.
วันที่ 1 พฤษภาคมปีนี้ หากครูยังอยู่ ฉันคงได้ชวนพี่เจน พี่ตุ้ม พี่เก็จ ป๊าก และหลาย ๆ คนล่องใต้เพื่อไปกราบครูเนื่องในวันเกิดกัน น่าเสียใจและเสียดายที่เรามาสนิทสนมกันช้าไป แต่วันที่ 1 พฤษภาคมต่อนี้ไป...ก็คงเป็นแค่วันแรงงานแห่งชาติธรรมดา ๆ วันหนึ่ง 
ถึงฉันจะไม่ได้ไปหาครู แต่ครูกลับมาหาฉัน ครูเข้ามาอยู่ในความคิดถึงของฉัน ไม่ใช่แค่วันที่ 1 พฤษภาคม... แต่เป็นวันนั้น วันนี้ และวันโน้น ความเมตตา ความดีของครูได้แวะเวียนเข้ามาให้ฉันรำลึกถึงอยู่เนือง ๆ
วันนี้เป็นวันพิเศษหน่อย เนื่องจากวันก่อนที่เจอพี่ตุ้ม เราได้คุยกันถึงครูมากสักหน่อย แล้ววันที่ 19 ที่ผ่านมาก็มีงานรำลึกถึงอาจารย์อายะดา ฉันเลยคิดถึงครูภิญโญมากเป็นพิเศษ
ครูขา...ถ้าครูได้อ่านบทความนี้ด้วยญาณวิถีใด ๆ หนูหวังว่าครูจะมีความสงบสุข หนูหวังว่าวันหนึ่งในโลกหน้า หนูจะได้พบครูอีก แล้วในวันนั้น...หนูจะไม่กลัวครูอย่างโง่ ๆ แบบในวัยเด็กของหนูอีกต่อไป แต่หนูจะกอดครู และบอกครูอีกครั้งและอีกหลาย ๆ ครั้งค่ะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี หนูก็จะยังจดจำ และรำลึกถึงแม่เสือแห่งวัฒนา ด้วยความเคารพ บูชา และด้วยความรักอย่างยิ่งเช่นนี้...ตลอดไปค่ะ

12 ความคิดเห็น:

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

DearestOng: You made me cry . I miss Khun Kru Pinyo too. I also had chance to meet her few times in Nakorn and she was so kind.I was the one that she asked me to bring money to Caulfield Foundation.It is the foundation for the blind.You know that our teacher could only see with one eye that 's why she was concerned with blind people. She collected old coins and she wanted to sell and gave money to this foundation. the foundation is near my office if we want to think of her by giving money to this foundation,I am willing to do so.
She is a kind person with strong will and strong words that was why we were so scared of her.Her heart was real gold. P'Jane

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Jitsa-ang wrote:"พี่รักหมดเลยทั้ง 3 ท่าน.. ครูภิญโญ ครูเพ็ญเพ็ชร ครูไพจิตร .. จำยิ้มหวานๆของครูทั้ง 3 ได้ดี.. รู้ว่าคุณครูถึงจะดุแต่ที่จริงใจดี และมีความเป็นครูสูงมากๆ.. พี่ว่าครูทั้ง 3 ท่านยิ้มแล้วโลกสดใส เป็นยิ้มที่พี่ชอบดูมาก และปลิ้มใจที่เห็นทุกครั้ง เพราะดูแล้วรับรู้ถึงความเมตตา ที่อยู่ช้างในจริงๆ... และครูจะมีเหตุผลที่ดุทุกครั้ง โดยที่เราสามารถเข้าใจได้ โดยไม่มีข้อกังขา.. ถ้าผิดจริงก็รับไปเต็มๆเนื้อๆ .. พี่ว่าเราได้ดีเพราะสิ่งที่ครูเคี่ยวเข็ญกับเรา มากกว่า.. โรงเรียนวัฒนาฯของเราคงจืดสนิท ถ้าไม่มีครูภิญโญ .. และพี่คงไม่อยากไปโรงเรียนตอนเล็กๆ ถ้าไม่มีครูเพ็ญเพ็ชร ใส่กระโปรงบานๆที่มีลูกกะตาแมวกลิ้งได้ .. ให้พี่นั่งจ้อง! พี่จำได้ว่า ต่อให้พี่ไปสาย พี่ก็ไม่สนใจต้องเดินไปหาที่นั่ง นั่งใกล้ๆครูเพ็ญเพ็ชร ที่ดีดเปียนโนในห้องประชุมตึก 5 ตอนชั้นอ.๑ ให้พวกเราร้องเพลง เพื่อไปอยู่ใกล้ๆกระโปรงครู.. อิอิ ส่วนครูไพจิตรนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย.. เพราะพี่ป่วยเป็นประจำ .. เหมือนเป็นแฟนคลับห้องพยาบาล ตลอดเวลาที่อยู่วัฒนาฯ! ๕๕๕ ๕"

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Red wrote: "พี่อ่องคะ อ่านเรื่องครูภิญโญ ทำเอาเรดน้ำตาไหลพรากทีเดียว....ครูทั้ง ๓ ท่าน จิตใจบริสุทธิ์ เป็นเพชรน้ำเอกและวิญญาณความเป็นครูจริงๆค่ะ และหายากยิ่งจริงๆในปัจจุบัน......ใน ๓ ท่าน เรดจะใกล้ชิดครูไพจิตรที่สุดเพราะท่านเคี่ยวเข็ญทุกอย่างทำให้เรดกลัวแต่น้อยที่สุดในบรรดา ๓ ท่าน...ครูเพ็ญเพ็ชร...กลัวระดับ ๒....ส่วนครูภิญโญ...เรียกว่า...อันดับสูงสุด...ขณะที่เป็นนักเรียนวัฒนา....แค่แว๊บแรกที่ได้ยินชื่อครูภิญโญก็กลัวขนลุกทีเดียว....ภาพต่างๆของครูทั้ง ๓ ท่านยังตราตรึงในใจตลอดค่ะ.....รักครูและระลึกถึงครูทั้ง ๓ ท่านมากค่ะ.....ขอกราบเท้าครูผู้ยิ่งใหญ่...ด้วยความเคารพหมดใจ"

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

wasana asawakuk says
คิดถึงครูภิญโญด้วยค่ะ ครูจะดุจันทร์-ศุกร์ เสาร์อาทิตย์ครูจะใจดี ทำคุกกี้กะขนมให้ทาน โดยเฉพาะขอบขนมปังทาเนยน้ำตาลอบกรอบ ครูแจกให้เป็น จำได้ว่าเคยเดินอยู่บนทางเดิน ปรากฏว่าข้างหน้าคือครูภิญโญ ข้างหลังคือครูวรรณดี เอาล่ะสิ วาสนาจะหลบไปไหนดีหว่า ปรากฏเจอทั้งข้อหาเล็บยาว พกหวี ... จ๋อยยยยเลยอ่ะ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Nopporn Manoppong says
ไม่เคยกลัวครูเลย เพราะพ่อชาวนครฯและแม่ชาวตรังของเรารู้จักครอบครัวครู รู้สึกเหมือนมีญาติผู้ใหญ่ในวัฒนาฯ ท่านให้อ่านสมุดงานแปล งานเขียน เลยเกิดแรงบันดาลใจ เขียน ๆ ๆ จนได้ดีเพราะครู ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ครูแก่ฉันและชาววัฒนาฯ

Mulliga Limpianunchai says
She was our great teacher. You are lucky that you had a chance to be close to her. Very impressive.

Sutthawadee Tangsereesuksan says พี่อ่องขา เป็นบทความที่ดีที่สุด แล้วอบอุ่นที่สุดที่เคยอ่านมากเลยค่ะ

Jirawan Sriwattana says อ่านไปได้ครึ่งเรื่อง ขอพักเข้ามาชมก่อนว่าดีมาก เดี๋ยวจะกลับไปอ่านต่อน้าค้า...

Sujeepan Sangkhadul says อ่องโชคดีจังได้สัมผัสเนื้อแท้ความใจดีมากๆของครู สำหรับฉันครูภิญโญคือครูผู้ปกครองที่มีมาดดุดังเสือจริงๆ เสียดายที่ออกจากรร.ไปหน่อยนิ

Awe Waawwadee says ‎@ อ่อง ...อ่องเขียนเเละถ่ายทอดได้ดีมากๆๆๆๆค่ะ ...สัมผัสถึงความเป็นคุณครู ภิญโญ ได้ในทุกตัวอักษร ... ขอบคุณนะคะ อ่อง ....

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Juttima wrote:"เพิ่งคุยกับเพื่อนรุ่นเราคนไหนจำไม่ได้แล้วในงานhomecomingว่า ทุกวันนี้รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณครูภิญโญที่ปูพื้นฐานภาษาไทยให้พวกเรา ที่เห็นชัดคือ ในการเขียนภาษาไทย ไม่เคยมีปัญหาในการผันวรรณยุกต์ผิดเลย"

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะน้องอ่อง พี่ชอบมาก วันหลังน้องอ่องเขียนอะไรก็ส่งมาให้พี่อ่านอีกนะคะ
ขอบคุณค่ะ
พี่แดง

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

เขียนได้ดีมากจ๊ะอ่อง
ที่ห้องสมุดของโรงเรียน
ปัจจุบัน ยังมีรูปอ.ภิญโญ แขวนอยู่
เด็กๆสมัยนี้ แม้จะไม่รู้จักว่า
เป็นรูปใคร หากมองขึ้นไปแล้ว
ก็ยังเกรง ไปตามๆกันนะ...
ช๊านนนน.. ไม่เคยถึงกับกลัวอาจารย์
เพราะว่า เรามิได้ไปทำอะไรผิดมา
แต่จำได้ว่า อาจารย์ชอบทำ
Peanut butter cookies
บางทีเอาpeanut butter
ไปฝากอาจารย์ เราก็ลืมไปแล้วว่า
ไปสรรหา มาจากไหน
ท่านก็จะทำและแบ่งฝากให้
เอากลับไปทานที่บ้านด้วย

วัลลภา บุญ-หลง

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

อ่านจบแล้ว​ สนุกมากจ้ะ​ มีทุกรสนะ​ โศก​ สนุก​ ไพเราะ(บทกลอน)​ ส่งให้ครูอ่านอีกนะ​ พูดถึงเรื่องหู​ ตอนนี้ครูก็มีปัญหากับครูอยู่​2​ท่าน​ ที่ยังโทรคุยกันบ้าง​ คือครูราศีโทรคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะครูเขาหูไม่ดีแล้ว​ ถามเรื่องตอบไปอีกเรื่อง​ จะตะโกนดังก็กลัวข้างบ้านจะขว้างอะไรมา​ ส่วนครูสุมาน​โทรบ้าง​ไปหาบ้าง​ โทรไม่รู้เรื่องก็นั่งรถไปหาเลย​ แต่ครูอยู่ถึงจรัลสนิทวงศ์โน่น​ แต่ตอนนี้มีรถไฟฟ้าแล้ว​ อีกสัก​ 2-3 เดือนจะให้ลูกพาไปสักครั้งก่อน​แล้วจะได้ไปเองถูก​ นพพรเขียนเรื่องน่าอ่านมาก​ ครูชอบนะ​ พูดถึงคุณครู​สกุล​ ณ​ นคร​ ครูรักครูไพจิตรที่สุด​ นับถือและเคารพอ.เพ็ญเพ็ชรที่สุด​ เกรงอ.ภิญโญ​ที่สุด​ อย่าว่าแต่เด็กกลัว​ ครูๆก็กลัวเหมือนกัน​ สนิทกับครูอ่อนน้อมนะตอนที่ครูอ่อนน้อมสอนอยู่​ป. 6 และมาค่อนข้างสนิทกับครูปราณี​ ณ​ นครอีก​ หลายท่านเลยนะ​ รักคุณครูผินกับอ.วรรณดี​ อ.ปานใจด้วยค่ะ​ รักลูกศิษย์ทุกคน​ สมัยหลังๆนี่​เด็กไม่ค่อยน่ารักเหมือนสมัยที่ครูมาสอนสัก​ 10​ ปีแรก​ เด็กไม่ค่อยสนิทกับครู​ บางคนสนิทแต่ก็ไม่ค่อยจริงใจ​ ส่วนใหญ่หวังประโยชน์กันและกัน​ ไม่ดีเลย สมัยก่อนนะพอปิดเทอมไป ครูอยากให้รร.เปิดเร็วๆ​ อนากรู้ว่าเด็กคนไหนจะได้อยู่ห้องเราบ้าง​ ห้องเรียนมีน้อยห้องครูมักจะจำนร.ได้หมดทุกคน​ สอนมีความสุข​ งานเขียนมีไม่มาก​ ตรวจการบ้านนิดเดียวก็เสร็จ​ มีเวลาได้คุยกับนร.บ้าง​ กับเพื่อนๆ​ ได้ไปเดินเล่นทั้งในและนอกรร.​ บรรยากาศในรร.ก็อบอุ่น​ อากาศกี​ ตอนเย็นๆเมื่อนร.ประถมกลับแล้วได้เดินเล่นเหมือนเดินในสวน​ ผิดกับสมัยใหม่นี่​ ครูน่าสงสารมาก​ ทำงานกันแบบไม่เห็นท้องฟ้าเลย​ มีแต่เอกสาร​ เงยหนเาด๔นาฬิกาอีกทีปาเข้าไป​3ทุ่ม​ กว่าจะถึงบ้าน​4​ทุ่ม​ ได้นอน4​ ชม.​ ตื่นรีบไปรร.​ ถ้าออกช้ารถติด​ เตรียมการสอนไม่ทัน​ เครียด​ ยิ่งถ้ามีครอบครัว​ ไหนจะงาน​ ไหนจะลูก​ สามีเข้าใจก็ดี​ ไม่เข้าใจก็มีปัญหา​ หลายคนจึงโสดค่ะ
ครูปรานี กล่ำเจริญ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Peenut wrote
อ่องมี handicap หลายอย่าง
แต่ที่กระจ่างใสสุกสกาวมากๆคือใจดวงเล็กของเขา
ความคิดแบบตรงใสซื่อ บางทีก็ทำให้ใจเราหล่นหาย
บางทีก็ทำให้ชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยความหวัง
บทความเขียนถึงครูภิญโญเป็นหลักฐานสำคัญที่
ใจเล็กๆของอ่องทำให้คนอ่านที่รู้จักครูดีพอกัน
ฟื้นความหลังของตน

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

ประทับใจมากๆๆจะ ครูเสริมศรีก็รัก ครอบครัว ณ นคร 3 ผู้นำ ของ วว.มากจ่ะ อ่าน เ
รื่องเล่าของนพพร น้ำตาไหลจ่ะ คิดถึงท่านๆๆนะ ขอบใจนพพร.มากที่สุดพระเจ้าอวยพระพรจ่

Sermsri