วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทิ้งปลาทูไปเท็กซัส

happy rhytm in the rain..

ช่วงนี้ชีวิตดูจะอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ท่ามกลางแวดวงวัฒนาจริง ๆ ตั้งแต่เป็นสาววัยทองขึ้นมาเนี่ยะ เหมือนแสงทองจะฉายฉานให้แต่ละวันของฉันอร่ามเรืองด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ชีวิตอยู่ในช่วงขาขึ้น เช่นเดียวกับราคาทองคำเลยแหละ

เมื่อวานก็เป็นอีกวันที่ฉันได้ไปเที่ยวเยาวราชแบบไม่ได้วางแผนไว้ก่อนเลย แผนของฉันกับพี่เก็จมีแค่ว่าวันนี้เราจะทำปลาทูต้มเค็ม(ที่โคตรเค็ม) กินกัน แต่ในระหว่างที่กำลังเคี่ยวปลานั้น เป็นไงมาไงก็ไม่รู้ เกิดการตกลงใจกันว่าเราจะทิ้งปลาทูที่ใช้เวลานานเกินเหตุ แถมชิมแล้วเค็มเหลือใจ เพราะฉันดันประเคนลงไป 1 นาเกลือ เลยจะแก้เซ็งด้วยการไปหาของอร่อย ๆ กินที่เท็กซัสดีกว่า

ว่าแล้วก็จองเครื่องบิน....5555555 เว่อร์ไปนิดจิตเกือบตก ไม่ใช่เท็กซัสอเมริกาซะหน่อย ถึงจะได้นั่งเครื่องบินไปแต่เป็นเท็กซัสที่เยาวราชค่ะ นั่งรถใต้ดินไปโผล่ที่หัวลำโพงแล้วก็ต่อตุ๊ก ๆ ค่ะ ทีแรกฉันบอกพี่เก็จว่าขึ้นสาย 73 จากแถวบ้านไปเลยก็ได้ แต่พี่เก็จบอกไม่เอา เพราะรถติด สิ่งที่พี่เก็จไม่ได้พูดแต่ฉันรู้ คือพี่เก็จหิวแล้ว 555555 เนื่องจากก่อนออกจากบ้าน พี่เก็จออกกำลังกาย และยังแถมเล่นเปียโนให้ฟังตั้งนาน เคลิ้มเชียวค่ะ ไม่ได้ฟังตั้งนานแล้ว แกรนด์เปียโนบ้านพี่เก็จเนี่ยะ ฟังไม่รู้เบื่อจริง ๆ แต่คนเล่นอาจจะเบื่อนิดหน่อย เพราะคนฟังชอบ request เพลง...ตะละเพลงเนี่ย...5555555 ไม่รู้ไปขุดมาจากปิรามิดไหน เก๋ากึ้กเชีย...สิ่งที่ฉันประทับใจในพี่เก็จคือ พี่เก็จตบท้ายด้วยเพลงวัฒนาที่ฉันโปรดปรานทุกครั้ง ทั้ง ๆ ที่พี่เก็จเริ่มเบื่อแล้ว จะไม่ให้เบื่อไงไหว ก็คุณเธอมากี่รอบ ๆ จะขอแต่เพลงนี้อ่ะนะ ถึงเบื่อยังไง พี่เก็จก็ยังใจดีเล่นให้ฟังอยู่ดี ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ

ไปถึงเท็กซัส กระโดดลงจากรถสามล้อปุ๊บ เจอปาท่องโก๋ยักษ์ พี่เก็จก็ซื้อทันที 555555 แปลว่าหิวจริง ๆ แต่ซื้ออันเดียวแล้วแบ่งกันค่ะ เพราะเดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน แล้วเดินตลอดซอยไม่เจอร้านอาหารที่น่าสนใจ เลยเดินไปเข้าถนนแปลงนาม มีหลายร้านให้เลือก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเข้าไปกินร้านข้าวต้มเป็ด เกิดมาฉันก็เพิ่งเคยกินข้าวต้มเป็ดกับเขานี่แหละ อร่อยดีเหมือนกัน อร่อยกว่าที่นึกไว้ เพราะตอนแรกฉันคิดว่าเป็ดไม่น่าจะเข้ากับข้าวต้ม แต่ที่ร้านนี้ทำอร่อยค่ะ ของพี่เก็จสั่งแบบเต็มยศ ใส่ทั้งเป็ดทั้งเครื่องในหมู กินไปก็นึกถึงพี่เจน พี่หนิงไป ตั้งใจว่าครั้งหน้าจะชวนมาชิมค่ะ ระหว่างที่เรากำลังกินกันอยู่ ฝนก็โปรยสายซ่า ๆ ลงมา แต่เราสองคนก็ไม่เดือดร้อนอะไร นั่งปรึกษากันว่าเดี๋ยวจะเดินไปหาอะไรกินที่ไหนเป็นเป้าหมายต่อไปดี?

นึกว่าเดี๋ยวฝนก็หยุด แต่ฝนไม่หยุดค่ะ ฉันว่ามันดีใจเหมือนฉันที่มาเที่ยวกับพี่เก็จ เราเลยตัดสินลุยฝนออกไป เพราะคะเนดูแล้ว ไม่มีทางที่ฝนจะหยุดง่าย ๆ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ มากับพี่เก็จ มีอุปกรณ์พร้อมสรรพไม่แพ้มากับป๊าก มีร่มค่ะ การเดินก็ค่อนข้างทุลักทุเลสักหน่อย ปกติไม่มีฝน..เยาวราชก็เดินแบบสบาย ๆ ยากเพราะคนเยอะ นี่คนก็เยอะแถมน้ำฝนอีก เดิน ๆ อยู่...พี่เก็จพูดขึ้นมา ตอนนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาด 5555555

ถามพี่เก็จว่าจะไปเดินดูอะไรกันดี - สำเพ็งไหม? พี่เก็จบอกเดินดูของกินดีกว่า แต่สิ่งที่ฉันยังไม่รู้คือพี่เก็จไม่อิ่ม 55555555 เห็นนั่นก็น่ากิน นี่ก็น่ากิน ซื้อของเดินกินกันไป แบกกันไป มีความสุขกันน่าดู ฉันแนะนำหลายอย่างในฐานะคนที่ช่ำชองตลาดเก่ากว่าพี่เก็จ เช่นกุยช่ายก้วย ขนมกุยช่ายของจีนจะมีสีชมพู ที่แป้งจะคนละอย่างกับสีขาว ฉันไม่รู้ละเอียดหรอกค่ะว่าสีขาวทำมาจากแป้งอะไร และสีชมพูแป้งอะไร ถ้าป๊ากมาด้วยเราอาจจะได้ปริญญาสาขาขนมกุยช่ายกลับบ้านด้วย มากับพี่แจ้อาจจะกลับไปทำเองได้เลย แต่มากับอ่องก็...ขามารู้แค่ไหน ขากลับก็รู้แค่นั้น 55555555 อย่างไรก็ตาม ฉันก็เชียร์ให้พี่เก็จลองกุยช่ายสีชมพู พี่เก็จส่ายหัวดิก...ม่ายอาว พี่กลัวสี  ขอดนตรีค่ะ ทำนองเพลงไข่เจียวของวงเฉลียงนะคะ....~~เพราะมานม่าย-ออ-แก-นิก~~

แต่ก็ไม่ใช่ว่าพี่เก็จจะอนามัยจัดจนหมดสนุก เพราะเราสองคนก็แวะซื้อขนมจีบหมู เนื่องจากมีคนซื้อเยอะ พี่เก็จเลยมั่นใจว่ามันต้องอร่อย พี่เก็จขา...แม่อ่องบอกว่าในตลาดเก่าเนี่ย อร่อยทุกเจ้าค่ะ เดินหลบฝนได้มั่ง ไม่ได้มั่งมาจนถึงเจริญกรุง ยังแวะซื้อขนมหัวไช่เท้า หรือคนไทยเรียกขนมผักกาด แต่ขนมผักกาดทั่วไปจะไม่อร่อยอย่างของจีน และไช่เท้าก้วยที่ขายก็ไม่อร่อยเท่าที่อาม่าฉันทำด้วย พี่เก็จถามว่าทำยากไหม? ขอบอกว่ายุ่งยากน่าดูค่ะ ถ้าเอาแบบเต็มยศอย่างที่คนจีนสมัยก่อนเขาทำไหว้เจ้าน่ะนะ

เราสองคนเดินกันไกลมากกว่าจะไปถึงป้ายรถเมล์ที่เลยแยกพลับพลาไชยไป แวะซื้อต้นไม้ กับน้อยหน่าอีก แบกกันซะให้พอ 555555 ทีแรกฉันชวนว่าให้ขึ้น 73 กลับบ้านเลย แต่ยืนรออยู่นาน ฝนก็ยังไม่หายตก เลยตัดสินใจขึ้นคันหนึ่ง จำสายไม่ได้ แต่เพื่อไปต่อรถใต้ดินที่หัวลำโพง

ไม่น่าเชื่อว่าขึ้นรถเมล์ธรรมดา ๆ ก็มีเรื่องให้ฉันได้หัวเราะได้อีก เพราะมากับพี่เก็จแท้ ๆ เลย...เรื่องของเรื่องคือเราก็นั่งคุยกันมาเรื่อย จนรถเลี้ยวเข้าหัวลำโพง แต่ฉันไม่รู้ว่ามีทางลงรถใต้ดินตรงหัวลำโพงเลย คิดว่าจะไปลงป้ายพระราม 4  จนเมื่อกระเป๋าบอกว่ามันสุดสายแล้ว รถจะกลับไปเยาวราชใหม่ อ้าวงั้นก็ต้องลงซิ แต่มีขบวนคนขึ้นเพียบ สองคนพี่น้องก็จะลง กว่าจะลงมาได้ก็เล่นเอาทุลักทุเลพอสมควร พี่เก็จหน้างอ เพราะมีผู้โดยสารที่สวนทางขึ้นรถเมล์พูดว่า..เฟอะฟะนัก ไว้ลงทีหลังละกัน....55555555

ฉันเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่ามีทางลงรถใต้ดินที่หน้าหัวลำโพงเลย โง่มานาน เพิ่งฉลาดวันนี้ เมื่อได้กลับมาเหยียบหัวลำโพงอีกในรอบไม่ต่ำว่า 10 ปีมั้ง ทำให้ฉันนึกถึงวันวานอันแสนสนุกที่ฉันพาครูจินตา และครูชัชว์ล่องใต้ http://noppaul.blogspot.com/2010/10/blog-post_24.html จึงได้มีการนัดแนะกับพี่เก็จว่าไว้เรานั่งรถไฟไปเที่ยวกัน

กลับมาถึงบ้านพี่เก็จฝนก็ยังตกอยู่ ไหนลองรื้อดูดิ๊ ซื้ออะไรมาบ้าง โอ้...ของกินเยอะมาก อาทิ หมูตั้ง เกาลัด วุ้นข้าวต้ม ขนมจีบ ไช่เท้า-กุยช่ายก้วย  ฯลฯ  มีของที่กินไม่ได้อย่างเดียว คือต้นไม้ ไม่รู้ชื่อเหมือนกันว่าต้นอะไร เป็นกิ่งไม้ที่เอามาปักก็ขึ้นน่ะค่ะ ฉันก็ด้วยความอยากกินขนมไช้เท้าก้วยกับกุยช่ายก้วย เลยเอามาทอด ถามพี่เก็จว่าจะกินไหมจะได้ทอดเผื่อ พี่เก็จบอกว่าไม่นิยมของทอด พอฉันทอดเสร็จก็ตื้อให้พี่เก็จลองชิม พี่เก็จติดใจทอดไช่เท้าก้วยที่เหลือ บอกจะทำให้ก็ไม่ยอม เอามานั่งกินไปบ่นไป ทำไมไม่อร่อยเหมือนอ่องทอด 5555555 ก็คุณพี่ใจร้อนเหลือเกินนิ ยังไม่ได้ที่เลยก็เอาขึ้นแล้ว

คืนนั้นกลับถึงบ้านเกือบ 3 ทุ่ม ฝนตกตลอดตั้งแต่เยาวราชถึงบ้านที่อ่อนนุช แต่ใจฉันฉ่ำชื่นกว่าแผ่นดินเสียอีก.


2 ความคิดเห็น:

Rarin กล่าวว่า...

หนุกจังเลย .. เหมือนเดินตามหลังเก็จกะอ่องไปเยาวราชด้วยล่ะ .. เพียงแต่ไม่ได้ชิมของอร่อยๆ เนอะ .. ไว้คราวหน้า จะไปด้วยจ้ะ ...

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

ketvarong says
อ่านแล้วหนุกมาก ขำกลิ้ง เขียนอีกนะ เอาเรื่องของรักของหวงนะ

sutthawadee says
พี่อ่องขาสนุกมากค่ะเหมือนไ​ด้ไปเอง ถ้าจอเป็นแบบมีกลิ่นมีควันโ​อคงได้อร่อยด้วย:))