วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

31 ชั่วโมง กับช่วงเวลาที่หายไป 37 ปี

พระเจ้าต้องรักฉันมากแน่ ๆ เลย

ขอเล่าเรื่องพี่ตุ้มต่ออีกสักบทความเถอะ เพราะความตื่นเต้นยังไม่จืดจางไปเลย มันอิ่มเอม เปรมปรีดิ์ในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกกับการได้เจอพี่สาวคนนี้อีกครั้ง  ไม่เสียแรงที่ฉันเฝ้าคิดถึง แล้วเพียรพยายามในการจะค้นหาพี่ตุ้มบนโลกใบนี้จริง ๆ

พี่ตุ้มนัดฉันไว้ 10 โมงที่ออฟฟิศถนนเอกมัย แต่ฉันไปถึงก่อนเวลาร่วมครึ่งชั่วโมง ก็ไปนั่งอ่านหนังสือรื้อฟื้นภาษาอังกฤษรอ  ออฟฟิศพี่ตุ้มมีแต่หนังสือ วารสารภาษาอังกฤษ - -'   แต่ความเป็นเด็กวัฒนา...ภาษาอังกฤษต้องดีอยู่แล้วล่ะ ฮี่ ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นนักเรียนระดับปลายแถวของวัฒนา แต่พอออกมาอยู่ข้างนอกเนี่ยะ..ก็ผงาดอยู่แถวหน้า ๆ ได้เหมือนกันน้า 555555 ขี้คุยจริง ๆ เล้ยยัยนพพรเนี่ยะ

ระหว่างอ่านไปก็คิดไปว่า...เดี๋ยวเจอพี่ตุ้มนี่เราจะทักทายกันแบบไหนน้อ? พี่เขาจะตื่นเต้น หรือเฉย ๆ ใส่เรา?ถ้าเขาเฉย ๆ เนี่ยะ ฉันจะรู้สึกหน้าแตกไหม? จะเจื่อนไหม? แล้วฉันควรจะสวัสดีเขาสวย ๆ และแนะนำตัวแบบเก็บอาการ หรือว่าควรจะกอดเขาแล้วกระดี๊กระด๊าตามที่หัวใจเรียกร้องดี?  เพราะอันตัวเราก็เกือบ 50 แล้ว สมควรอย่างมากที่จะทำตัวให้สมวัยซะที  คิดมากขนาดนี้เลย 55555555555 แล้วนี่ 10 โมงแล้วทำไมพี่ตุ้มยังไม่มาซะทีอ่ะ?????

และแล้วเวลานี้ที่รอคอยก็มาถึงจนได้  พี่ตุ้มปรากฎร่างในชุดสีแดง เลือดวัฒนาข้นครั่ก จริง ๆ ตอนแรกก็ว่าจะใส่เสื้อยืดสีแดงอยู่เหมือนกันแหละค่ะ พี่ตุ้มไว้ผมบ็อบอย่างเคย แต่ทรงทันสมัยขึ้น รูปร่างท้วมขึ้นเล็กน้อย แต่ความสวย ความน่ารักยังคงเจิดจรัสไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสาว ๆ กี่มากน้อย ไม่เหมือนฉันที่แปลงจากหนูน้อยหมวกแดง ใสซื่อ บริสุทธิ์ มาเป็นยัยแม่มด หนังเหนียวเหี่ยวยับย่นไปทั้งตัว -"-   แต่ก็มีข้อดีนะ ...ใครที่ยังคบหาฉันอยู่ ก็แปลว่าพวกเขาคบหาฉันด้วยตัวตนของฉันเองล้วน ๆ หาใช่เปลือกนอกอันสวยงามไม่?

แล้วนพพรล่ะ คบหาพี่ตุ้มเพราะเปลือกนอกที่น่ารักของพี่ตุ้มหรือ?  เอิ่มมมม....ไม่แน่ใจแฮะ  อยากรู้พี่ตุ้มก็ต้องทำตัวแก่ ๆ แบบหนูก่อน 555555555 แล้วจะรู้เองว่าหนูจะรักพี่ตุ้มอยู่หรือเปล่า....

ยังไม่ทันทีที่ฉันจะได้ทักทายอะไร พี่ตุ้มก็เข้ามากอดแล้ว เขิลลลล 5555555 แต่โต..เอ๊ย แก่แล้ว เลยข่มความเขินอายได้ดีกว่าเมื่อก่อน  เดี๋ยวนี้ฉันตัวโตกว่าพี่ตุ้มแล้ว แต่ก็ยังเดินตามพี่ตุ้มต้อย ๆ ไปที่ห้องทำงานพี่ โอ๊วววว วิวเจ๋งจริง พอหย่อนตัวนั่งลง พี่ตุ้มก็ยิ้มหวาน ๆ ให้ ภาพเก่า ๆ ของพี่ตุ้มวิ่งกลับมาในมโนภาพแล้วภาพเล่า ก่อนหน้านี้นั่งนึกอยู่นานว่าพี่ตุ้มหน้าตายังไง เพราะไม่ได้เห็นกันมา 37 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจำได้  ยิ่งฉันยิ่งประเภทปลาทองอยู่ด้วย

ฉันจำได้เพียงเรื่องราวระหว่างกัน แต่พี่ตุ้มจำได้มากกว่านั้นอีก จำได้กระทั่งว่าฉันขี้อายม้วนไปม้วนมา 5555555 เดี๋ยวนี้ก็ขี้อายบ้าง แต่น้อยลง  แล้วก็อย่างหนาแล้ว..เลยไม่ม้วน 555555555 พี่ตุ้มบอกว่าสนิทกับพี่อ้น พี่หัวโต๊ะฉัน  ฉันก็งงเพราะเคยเจอ แล้วจำได้ว่าถามหาพี่ตุ้ม แต่ทำไมไม่ได้คำตอบ

ก็คงไม่ใช่เวลาที่ "ใช่" ล่ะกระมัง เราจึงได้อยู่ไม่ไกลกันแต่ไม่เคยแลเห็นกันซะที ฉันไปอเมริกา พี่ตุ้มก็ไปเหมือนกัน แล้วอยู่เพนซิลวาเนียด้วย ที่สำคัญคือพี่ตุ้มเคยมาเที่ยว Pittsburgh ด้วยซ้ำไป 

อยู่เมืองไทย พี่ตุ้มอยู่บนถนนสายเดียวกัน ..อ่อนนุช..  เราอยู่ไม่ไกลกันเลยตลอดเวลา 37 missing years  มันเป็นความจริงที่ฉันอาสาทำทะเบียนศิษย์เก่าทั้งหมดเพื่อจะค้นหาว่าพี่ตุ้มอยู่ไหน  ปรากฎว่าฉันเจอชื่อเขา แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว เปลี่ยนนามสกุล เฮ้อ....เห็นไหมว่า..เส้นผมบาง ๆ เล็ก ๆ มันบังดอยอินทนนท์ได้ยังไง

ยิ่งไปออฟฟิศพี่ตุ้ม ฉันก็ยิ่งงง เพราะใกล้ ๆ บ้านจิ๊บ ใกล้ออฟฟิศพี่เจริญ ฉันเดินบนถนนเอกมัยบ่อย ไปกินร้านคอฟฟี่บีนก็หลายหน  พี่ตุ้มเล่าว่ารู้จักกันกับคุณดาวด้วยซ้ำ

ฉันไปอยู่ระยอง พี่ตุ้มก็มีบ้านอยู่ที่นั่นเหมือนกัน 

อะไรกันเนี่ยะ แล้วทำไมเราไม่เจอกันซะที เหมือนนิยายเรื่องดวงตะวันส่อยฉาย..ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวาเลย นิยายภาพแสนโรแมนติกของจิมมี่ เหลี่ยว  เพียงแต่เราสองคนเป็นนางเอก vs นางเอก 5555555555555  ว่าแล้วก็ต้องหาหนังสือเล่มนี้ไปให้พี่ตุ้มอ่านซะแล้ว 

ในเมื่อค้นหากันมาถึง 37 ปี ฉันก็เลยขลุกอยู่กับพี่ตุ้ม 31 ชั่วโมงเป็นการชดเชยแรก ๆ ได้กินไข่เจียวทอดแสนอร่อยฝีมือพี่ตุ้มถึง 2 มื้อ  อยากจะบอกว่า...บางครั้งอาหารพื้น ๆ แสนธรรมดาก็เลิศรสประมาณอาหารหรูหราได้ เพียงอยู่ที่เรากินกับใคร และใครเป็นคนทำให้เรากิน เพราะความเสน่หาเป็นเครื่องปรุงรสที่เพอร์เฝ็คที่สุดในโลก ฮิ้วววววว~~~~~~

พี่ตุ้มบอกว่าไม่ค่อยได้เชื้อเชิญใครมาเที่ยวบ้าน ฉันงี้ปลื้มจนแทบจะลอยเรี่ย ๆ แทนการเดินอยู่แล้ว  เรานั่งคุย นอนคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย พี่ตุ้มเล่าว่าได้ไปเยี่ยมครูภิญโญด้วยซ้ำไป  โห...อะไรเนี่ยะ ฉันเองก็ไปเยี่ยมครูภิญโญอยู่หลายหน แต่ไม่ได้ถามถึงพี่ตุ้ม เพราะไม่คิดว่าพี่ตุ้มจะติดต่อครู  พี่ตุ้มไปงานศพของครูผินด้วยซ้ำไป ฉันเองก็ไปทุกคืน ...แล้วทำไมเราไม่เจอกันว้า?

แล้วในจังหวะที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกทิ้งอยู่ในโลกแห่งความเหงาหงอยนี่เอง  พี่ตุ้มก็กลับเข้ามาได้จังหวะเหมาะเหม็ง อาจจะไม่ถึงขนาดมาซับน้ำตาให้ เพราะฉันอายเกินกว่าจะร้องไห้ให้คนอื่นเห็นง่าย ๆ  แต่การได้พบเจอพี่สาวคนนี้ก็เป็นเครื่องปลอบประโลมใจที่ดีมาก ๆ แล้ว ขอบคุณนะคะ ขอบคุณพี่ตุ้มจริง ๆ ที่เดินเข้ามาถูกเวลาสุด ๆ.


ไม่มีความคิดเห็น: