วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Bike@Banglumpoo

ตกลงเขาจะใช้ภูเภา รึพูพานกัน?

ชอบท่องเที่ยวมาตั้งแต่ยังเป็นน้ำชาใส ๆ ถ้วยน้อย ๆ จนยามนี้เป็นน้ำชาแก่-เข้ม ถ้วยใหญ่ ก็ยังชอบที่จะไปเที่ยวแบบซุกซน ซอกซอน ซ่อกแซ่ก สะเปะสะปะ แม้ว่าสังขารจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย ก็ยังชอบที่จะผจญภัยยันตรายด้วยถือคติว่า..คนเราถ้ามันถึงที่แล้ว นั่งอยู่บ้านเฉย ๆ ก็สามารถไปรายงานตัวกับยมทูตได้
หลายปีก่อน..ไปเที่ยวเชียงรายกับน้องชาย น้องชายพาไปขี่จักรยานค่ะ เป็นครั้งแรกที่ขี่จักรยานร่วมถนนกับสารพัดยานพาหนะ ตอนนั้นลุ้นน่าดูว่าจะได้รอดชีวิตกลับมาบ้านหรือไม่? แต่ก็สนุกดี สองคนพี่น้องขี่จากตัวเมืองเชียงรายไปไกลถึงไร่แม่ฟ้าหลวง ดีที่ตอนนั้นหน้าหนาว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหนื่อย
มาคราวนี้ ก็ชวนน้องเหมือนกันแต่เขาไม่ว่าง เอาวะ..ลองดูสักตั้ง ไปขี่คนเดียวก็ได้ แต่จะไปขี่ที่ไหนดีล่ะ? เข้าเน็ตหาข้อมูลค่ะ ด้วยความที่ช่วงนี้กำลังฮิตกินข้าวแช่ ร้านแม่สิริอยู่ในเป้าหมายที่อยากลองชิม เลยคิดว่า...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ไปเที่ยวบางลำพู-ภู (ไม่รู้ว่าอันไหนสะกดถูกขอเรียกควบเป็นเสียงเอ๊คโค่แล้วกันนะคะ) ท่าจะไม่เลว
เกิดมาจนครึ่งชีวิต ยังไม่เคยไปเดินบางลำพู-ภูเป็นเรื่องเป็นราวมาก่อน เลยนึกภาพไม่ออกว่าอะไรอยู่ตรงไหน? คิดวาดภาพซะหรูหราว่าจะขี่จักรยานเที่ยวไปให้ทั่วเลย แผนกับความจริง..บางทีก็สวนทางกัน 55555555 เพราะไปบางลำพู-ภูพร้อมข้อมูล 2 ข้อ 1.ร้านเช่าจักรยานอยู่ถนนสามเสน ซอย 4  2.ร้านข้าวแช่แม่สิริอยู่ตรอกไกรสีห์  ด้วยข้อมูลแค่นี้ อิป้าก็พร้อมจะไปเที่ยวแล้ว การเที่ยว โดยไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการบางทีก็ตื่นเต้นดี แต่ครั้งนี้จะตื่นเต้นหรือห่อเหี่ยว ก็ไม่อาจจะคาดเดาได้ ลองตามมาติด ๆ นะคะ
ตื่นตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อกินอาหารเช้า อันประกอบด้วยนมสดไขมัน 0% แคลเซี่ยมสูง กาแฟทองคำใส่ไข่มุก และขนมปังลูกเกดชิ้นโต ด้วยเหตุว่าจะไปปฏิบัติภารกิจ mission impossible ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาครบชิ้นส่วนหรือไม่ จึงร่ายเมลคุยกับผู้เป็นที่รักซะหน่อย ไม่เชิงสั่งเสียหรอกค่ะ เรียกว่าส่งท้ายดีกว่า รอบคอบไหมคะ..ทีเรื่องนี้ล่ะรอบคอบนะ  เข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้วก็พร้อมออกเดินทาง ขึ้นรถเมล์แล้ว..ถึงได้นึกได้ว่าลืมทาโลชั่นกันแดด เง้อ~~ เครื่องช่วยฟังก็ไม่ได้เอาไป แว่นตาอ่านหนังสือก็ไม่ได้เอาไป (ตกลงเอาอะไรไปบ้าง? ก็..เสื้อผ้า รองเท้า เงิน กล้องถ่ายรูปและ MP3)
จากข้อมูลเบื้องต้น ต้องไปต่อรถสาย 15 ที่สยามเพื่อไปบางลำพู-ภู แต่พอมาถึงสยาม ยืนรอสาย 15 เห็นสาย 25 มาโล่ง ๆ อิป้ากระโดดขึ้นหน้าตาเฉย เลยต้องเสียค่าแท็กซี่จากเฉลิมกรุง เพราะจากตรงนี้ไปบางลำพู-ภูไม่ถูกแล้ว เหอ ๆ หาเรื่องตั้งแต่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลย ขนาดเรียกแท็กซี่ว่าให้ไปส่งถนนสามเสนซอย 4 ยังลงผิดต้องเดินหาเลย มีภัยให้ผจญตั้งแต่ก้าวแรกของทริปเลยทีเดียว โชคดีที่วันนี้ร้านให้เช่าจักรยานเปิดเช้า ปกติร้านเขาเปิด 11 โมงค่ะ วันนี้พอดีมีฝรั่งนัดจะขี่ไปฝั่งธนโดยใช้ไกด์ของร้าน ทีแรกก็นึกว่าจะไปด้วย แต่พอบอกว่าข้ามไปฝั่งธน..อั้ยย่ะ..ไว้โอกาสหน้าดีกว่า หลังจากเลือกและลองจักรยาน ไปถูกใจจักรยานสามล้อมีตระกร้าทั้งหน้าทั้งหลัง แต่ร้านบอกว่าคันนี้ไม่ได้มีไว้ให้เช่า เจ้าของหวง เลยต้องเลือก 2 ล้อที่ดูแล้วน่าจะเก้กังพอสมควร แต่ก็..ไม่ลองไม่ตาย เอ๊ยไม่รู้ 555555
เมื่อได้รถที่ถูกใจแล้วก็วางบัตรประชาชนเป็นประกันไว้ จากนั้นก็ขี่รถไปได้เลย เมื่อแรกออกมาถึงถนนใหญ่..รถราขวักไขว่แม้ว่าจะเป็นวันอาทิตย์ หันซ้าย-ขวา ชั่งน้ำหนัก...เสี่ยงภัยพอกันทั้งคู่ คิดว่าจะเลี้ยวกลับเอาจักรยานไปคืนร้านเขาดีไหม? 555555555 แต่ถ้าถอดใจง่ายขนาดนั้นคงไม่ใช่น้ำชาผู้ซุกซนคนนี้แล้วล่ะ ตัดสินใจขี่ไปเรื่อย ๆ กระจกมองหลังก็ไม่มี มีหูก็เหมือนมีเขา (แย่กว่าหางอีก อย่างน้อยหางยังกระดิกได้) ขี่เป๋ไปเป๋มา หลบทั้งรถทัวร์คันมหึมา รถเมล์ รถเก๋ง มอเตอร์ไซด์และคนเดินถนน (สรุปว่า—หลบหมด และโชคดีเหลือเกินที่หลบพ้น หรืออีกทีพวกเขาหลบเราหว่า? 555555)
มาถึงวัดบวร ลองขี่เข้าไปสักหน่อย ขี่เข้าไปนึกว่าจะดี จะปลอดภัยกว่าถนน แต่การณ์กลับเป็นว่าต้องคอยประคองรถไม่ให้ตกคลองในวัด เครียดหนักกว่าอีก ก็ขี่ออกมาเรื่อย ๆ เจอตรอกเจอซอยที่พอเข้าได้ เข้าหมด มีตรอกหนึ่งแคบมาก ขนาดคนเดินยังต้องเรียงเดี่ยว สรุปอิป้าเดินจูงจักรยานตลอดตรอก ชาวบ้านชาวช่องมองด้วยความงุนงง มาจากไหนเนี่ยะ  แถมเข้าไปแล้วหลงอยู่ในนั้นอีกต่างหาก มันส์จริง ๆ ชีวิต..อะไรไม่เท่าเข้าตรอกไปแล้วพอออกมาถึงถนนกลับมาที่จุดเริ่มต้น  ขี่ไปถึงป้อมพระสุเมรุ มีสวนหย่อมเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่ากระนั้นเลย แวะเข้าไปถ่ายรูปสักหน่อย ตอนอยู่ในสวนพอหาตากล้องได้บ้าง แต่พอไปถึงริมน้ำไม่มีคนเดินผ่านเลยตั้งกล้องออโต้ถ่ายเองก็ได้ โชคดีที่รูปออกมาดูดี
หลังจากขี่แบบพักผ่อนในสวนเล็ก ๆ 2-3 รอบแล้วก็ฮึดออกถนนอีกที เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ใช้เลนจักรยานตามวัตถุประสงค์ของมัน รู้สึก proud ยังไงก็ไม่รู้ซิ คริคริ เลยว่าจะถ่ายรูปไว้สักหน่อย สมัยนี้ทำอะไรเขาต้องอั๊พเฟสตลอด เราก็คนอินเทรนด์เหมือนกันนิ  ตอนนี้แดดก็แรงขึ้น ร้อน แล้วก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ที่เหนื่อยไม่ใช่ขี่จักรยานเหนื่อยหรอกค่ะ แต่หลงกับระวังรถราจนเหนื่อย เลยว่าเอารถไปคืนร้าน แล้วเดินเอาดีกว่า ขี่มาตั้งนานยังหาร้านข้าวแช่ไม่เจอเลย อันนี้เรื่องรอง เรื่องด่วนสำคัญกว่าในนาทีนี้คือ...ร้านจักรยานอยู่ไหนอ่ะ? 55555555 เฮ้อ
ตอนเอาจักรยานไปคืนนึกว่าใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมง แต่จริง ๆ เพิ่งผ่านไปได้ 45 นาทีเอง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่โหดมันฮาเล็ก ๆ เติมสีสันลงในชีวิตที่ย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 51 ได้ไม่เลวทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ก็สมัยยังเด็ก ๆ แม่พาไปขี่ 3 ล้อที่ท้องสนามหลวง ยังสามารถทำให้แม่งงด้วยว่าลูกสาวขี่สามล้อคว่ำมาแล้ว
หลังจากเดินหาร้านข้าวแช่จนเจอ และได้กินข้าวแช่ถ้วยกระจิ๊ดริ้ดพอล้อเล่นกับน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร (แต่อร่อยมาก) และเดินหลงไปหลงมาหาป้ายรถเมล์กลับบ้าน หมดแรงขนาดกลับถึงบ้านแทบจะคลานขึ้นห้องที่บังเอิญอยู่ชั้น 4 แล้วดันไม่มีลิฟท์ ถามว่าเข็ดไหม? ไม่มีศัพท์นี้ในพจนานุกรมของน้ำชาค่ะ ตอนนี้ก็คิดแล้วว่าครั้งหน้าจะไปผจญภัยแบบไหนอีกดี?

ไม่มีความคิดเห็น: