The proof of ‘Love is beyong conversation..’
เปื่อยมาตั้งแต่วันเกิด ด้วยอาการปวดหัวที่หาสมมติฐานไม่ลงตัวว่าเพราะ 1.โดนฝน หรือว่า 2.สายตายาวเกินเลนส์แว่นตา หรือว่า 3.ลมกำลังจะมาแทนเลือด แต่ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากข้อ 1,2,3, ถูกทุกข้อ หรือ ผิดทุกข้อ !?!? ก็ตามแต่ ฉันก็อยู่บ้านทุกวัน และไม่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีกับร้านใหม่ของพี่พัชตามที่ตั้งใจไว้
เช้าวันศุกร์ปลุกตัวเองขึ้นมาก่อนสุริยาเบิกฟ้า อากาศดี สูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่มีกลิ่นไอฝนในรัศมี 10 กิโลเมตร แต่ฉันก็ยังคงเอาร่มใส่กระเป๋าไปกับอุปกรณ์ยังชีพอื่น ๆ - กล้องถ่ายรูปที่โปเลโปเกใกล้ปลดวาระเต็มที (หลายคนมีเฮแน่ 55555), เครื่องช่วยฟัง ซึ่งแม้จะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะ (ก็ยังดีเนอะ..), MP3 ฟังซะขณะที่ยังได้ยินบ้าง เผื่อว่าสักวันเมื่อโลกนี้สงัด ก็ยังมีเสียงแกรนด์เปียโนแล่นอยู่ในกลไกที่เรียกว่า “ความทรงจำ”
รีบจัดการเสิร์ฟอาหารเช้าที่เป็น routine ประจำทุกเช้า นมสด ขนมปัง แล้วดื่มด่ำกับกาแฟทองคำใส่ไข่มุกดำจากทะเลลึก 555555 หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางเวลา 7 นาฬิกาตรง มาถึงสี่แยกห้วยขวางเกือบ 9 โมง เฮ้อ คนกรุงเทพสิ้นเปลืองเวลาในชีวิตให้กับการเดินทางประจำวันมากมายจริง ๆ ว่าจะหาซื้อผลไม้แอกอนิกส์ไปให้บี้จิ้มก้องไหว้ครูดีคูผาดซะหน่อย ร้าน max value ดันไม่มีขาย ห้างก็ยังไม่เปิด บี้มาถึงตรงเวลา เพราะบ้านอยู่ลาดพร้าว เลยกะเวลาง่ายหน่อย หิ้วเค้กจากม.เกษตรมาฝากพี่เก็จด้วย
เมื่อไปถึงบ้าน พี่เก็จเตรียมสถานที่รอเรียบร้อยแล้ว การเรียนการสอนเริ่มต้นและดำเนินไปอย่างไร ใส่หูฟังมาก็เหมือนใส่ตุ้มหู 55555555 แต่เผอิญว่ามีอัจฉริยภาพบวกกับประสบการณ์เล็ก ๆ ที่เคยไปนั่งทำกับกลุ่มสุโค่ยและหาความรู้เสริมเพิ่มเติมจากเน็ต ก็เลยสามารถเข้าใจได้โดยตลอด เริ่มแรกเลย พี่เก็จได้เตรียมตระกร้าหวายขนาดกระทัดรัด ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป เพื่อว่างานชิ้นแรกจะได้ประหนึ่งปูด้วยกลีบกุหลาบไร้หนามปลอมปน ..กำลังแต่งนิยายอยู่เหรอยัยอ่อง ไดอารี่นี้ถึงได้กลิ่นอาย Shakespeare เชีย.. งี้แระ คนมีความรักอยู่ในหัวใจเสมอ 555555
รีบกลับเข้าเรื่องก่อนที่เรือจะออกสู่มหาสมุทรแห่งรักดีกว่า..ไม่วายนะ.. แหะ ๆ เมื่อมีวัตถุดิบแล้ว พี่เก็จบอกว่าจริง ๆ ควรเลือกวัสดุที่จะมาทำสีขาว จะได้ไม่ต้องลงสีให้เปลืองเงินค่าสี และแรงทาสี สงสัยพี่เก็จอยากให้บี้ทาสีเป็นเลยเลือกหวายสีน้ำตาลมาให้ทำ สีที่ใช้หลัก ๆ เลยก็จะเป็นสีขาว มีแม่สีให้ผสม เพื่อที่จะได้ขาวหลายเฉด ไม่ใช่ขาวโอโม่ สำหรับงานชิ้นแรก พี่เก็จผสมสีเปลือกไข่สาวแรกรุ่นให้บี้ เคยเห็นกันไหมคะ? ไข่ไก่บางฟองจะมีสีเหลืองนวลอ่อนเกือบขาว แต่ไม่ขาวจัดอย่างไข่เค็มอ่ะค่ะ ขั้นตอนการทาสี ต้องปกปิดร่องรอยชรา-อุ๊บส์...ร่องรอยสีเดิมให้หมดทุกซอกทุกมุมนะคะ ไม่งั้นงานออกมาจะมีตำหนิให้ขุ่นข้องหัวใจ ทาสีเสร็จก็ปล่อยให้แห้งก่อนค่ะ ระหว่างรอแห้งพลิกดูให้ทั่วว่าสีเรียบดีไหม? มีช่องไหนรูไหนยังโหว่อยู่บ้าง จัดแจงอุดเสียให้เรียบร้อย แล้วไปเลือกลายสำหรับตระกร้าใบแรกกัน สองคนไปนั่งรื้อกรุสมบัติกระดาษทิชชู่ ฉันก็ตามเคย เก็บภาพมั่งเก็บวิดีโอมั่ง จนพี่เก็จถามว่าจะถ่ายไปทำไม (นักหนาวะ) ฉันก็อ้างว่าถ่ายสารคดี ...สารคดีเก็จวรงค์อ่ะดิ 55555555 เลือกกันอยู่ไม่นาน ได้ลายตัวอักษรการ์ตูนมา อย่างน่ารัก...คนไม่ใช่ทั้งศิษย์ทั้งครู ออกความเห็นว่าให้เรียงตัวอักษรเป็น O N G K E T R U B Y ....ตัวหนังสือไม่ซ้ำกันซักตัว... แต่พูดไปเหมือนสายลมพัดผ่าน
การสอนดำเนินต่อไป..สำหรับชั้นอนุบาลดีคูผาด..ครูสอนให้ฉีกทิชชู่ค่ะ เนื่องจากกรรไกรเป็นของมีคม รอไว้ระดับประถมค่อยจับกรรไกร..แต่การฉีกทิชชู่ก็ไม่ใช่งานหมูเท่าไรหรอกนะคะ ไม่ได้ฉีกง่ายอย่างกระดาษ ทิชชู่มีความเหนียวและย่น ..คุ้น ๆ นะ 55555555 อนิจจังสังขารหนอไม่เที่ยงหนอ... พูดผิด ฉีกทิ้ง-ฉีกไม่ยากหรอกค่ะ แต่ถ้าจะฉีกเพื่อเอามาวางลาย ก็ต้องพิถีพิถันนี้ดนุงส์ จะให้ดี งานชิ้นแรก ควรเลือกลายที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน มีความชัดเจน แยกแยะง่ายหน่อย จะได้ไม่ท้อไปซะก่อน
ตอนนี้สีแห้งแล้ว บี้ลงสีชมพูอ่อนแต่งขอบ โดยมีเสียงจอมจุ้นวิจารณ์และกำกับตลอดเวลา ฝึกตบะบี้ให้แก่กล้า 5555555 ระหว่างนี้พี่เก็จก็ไปยืดเส้นสายบริหารร่างกาย แต่ก็ทำได้เล็กน้อย เพราะเป็นห่วงลูกศิษย์ ต้องคอยเวียนมาดูอยู่เนือง ๆ เมื่อแต่งคิ้วเรียบร้อย ก็ถึงเวลาลงกาว ครูสอนว่าอย่าจุ่มกาวเยอะ แค่แตะ ๆ ปลายพู่กันแล้วเกลี่ยไปให้ทั่ว สำคัญมากที่ต้องทากาวให้ทั่ว ไม่งั้นเวลาติดลายแล้ว พอแห้ง ส่วนที่ไม่มีกาวรองไว้จะเกิดฟองอากาศขึ้น หลังจากที่ทากาวแล้วก็ต้องทิ้งไว้ให้กาวแห้ง ตอนนี้ก็นานนิดหน่อย พี่เก็จเลยเอางานตัวเองมานั่งทำด้วย
เห็นพี่เก็จตัดดอกไม้ แม้กระทั่งก้านเล็ก ๆ ผอม ๆ ก็ยังเก็บอยู่ นึกถึงตอนที่ฉันทำพัดที่ออฟฟิศพี่เจน ตัดตุ้มหูตุ๊กตาทิ้งหน้าตาเฉย 5555555 พอวางลายแล้ว ดอกไม้มันสูงไป พี่เก็จก็จัดแจงหั่นก้านดอกออกหน่อยนึงแล้วตัดต่อลงไปใหม่ให้ลงตัวพอดิบพอดี หัวคิดพลิกแพลงดีเยี่ยม เท่านี้ยังไม่พอ หาลายจากแผ่นอื่นมาแนมให้กล่องเล็ก ๆ มีชีวิตชีวา ด้วยผีเสื้อตัวเท่าขี้ตา กับลูกเจี๊ยบมาหาหนอนกินเอง แม่ไก่มาไม่ได้ ตัวใหญ่เกิน
พี่เก็จบอกว่าของพี่ใช้กาวอีกอย่าง ถ้าไม่พอใจตำแหน่ง สามารถเคลื่อนย้ายได้ตามใจชอบ อันนี้ต้องรอระดับมัธยมค่อยใช้ ตอนนี้ใช้กาวห้ามเปลี่ยนใจไปก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาวางลายของบี้แล้ว ครูเก็จสอนว่าเอาฟองน้ำแช่น้ำ แล้วบีบไม่ให้มีน้ำเหลือ ฉันอยากยกมือถามจังว่า...แล้วจะแช่น้ำไปทำไมคะนั่น? กลัวโดนชี้ทางออกจากบ้านเลยสงบปากสงบคำไว้ก่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ กดฟองน้ำลงบนลายให้ติดแนบสนิทอย่างอ่อนโยน ห้ามรุนแรงเด็ดขาด ไม่งั้นลายจะถลอกเพราะทิชชู่ขาด แก้ยาก decoupage นอกจากฝึกให้เราเป็นคนอดทน ใจเย็นแล้วยังต้องใจดีอีกต่างหาก ...มิน่าฉันถึงทำไม่ค่อยได้ เพราะเป็นคนใจร้อน-ใจเร็วด่วนได้ และใจร้าย 555555
เฮ้อ นอกเรื่องเก่งจริง ๆ ถึงไหนละเนี่ยะ...ที่จริงตั้งใจจะเขียนให้เป็นวิทยาทานว่าด้วยการทำ decoupage นะเนี่ยะ แต่ท่าทางอ่านจบแล้ว น่าจะยังทำไม่ได้ 5555555555 งั้นเป็นไดอารี่ก็พอ 5555555555
พอติดลายได้เรียบร้อยแล้ว ตรวจตราดูจนพอใจแล้วว่าจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่ขยับเขยื้อน ก็ทิ้งไว้ให้แห้งอีกที แต่ถ้าใจร้อนก็เอาไปเป่าพัดลมไม่ต้องถึงขนาดแห้งสนิทนะคะ เพราะยังไงมันก็จะเหนียว ๆ นิดหน่อยเพราะเป็นกาว ขั้นตอนสุดท้ายคือเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบเงา หรือเรียกภาษาอังกฤษว่า vanish เวลาทาน้ำยาเคลือบก็เหมือนกันกับตอนทากาว ค่อย ๆ ทาค่ะ อ่านในเน็ต เขาบอกว่าควรเคลือบชิ้นงาน 2-3 ชั้น แต่ละชั้นให้ทิ้งไว้ให้แห้งก่อนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงแล้วจึงเคลือบอีกชั้น ยิ่งเคลือบหลายชั้นก็ยิ่งเงาค่ะ แล้วก็ปกป้องฝุ่นได้มากขึ้น – น่าจะหมายความว่าเวลามีฝุ่นมาเกาะ ก็เช็ดออกได้ง่าย..รึป่าว?
ผลงานชิ้นแรกของบี้ออกมาสวยงามดังใจ ดีกว่าผลงานชิ้นแรกของฉันเยอะ แต่ก็น่ะ ฉันชอบพัดหนึ่งเดียวในโลกของฉันมากกว่าอยู่ดี 55555555 หลายคนที่อ่านบล็อกฉัน หรือรู้จักฉันมาพอสมควรคงจะรู้ว่าฉันเป็นคน “บ้าผลงานตัวเอง” หรืออีกนัยคือ “หลงตัวเอง” เป็นที่สุด 555555555 รู้ตัวค่ะ แต่ก็น่ะ งานเรามันเลิศนิ (น่านนนนน ยังอีก 555555)
หลังจากกินก๊วยเตี๋ยวที่ฉันเดินไปซื้อปากซอยเรียบร้อยแล้ว พี่เก็จจัดอุปกรณ์เบื้องต้นที่จำเป็นให้ (เว้นทิชชู่) บี้ก็ถามพิกัดร้านในจตุจักรเพื่อจะได้ไปหาซื้อไปนั่งฝึกหัดที่สุราษฎร์ส่วนฉันมีเวลาถึง 1 ทุ่ม ก๊วน wwa105 นัดกินข้าวกันที่สุขุมวิท 39 ขี้เกียจกลับบ้านแล้วออกมาอีก ก็เลยว่าจะไปดูด้วย เผื่อต้องพาศิษย์คนอื่นไปซื้อวัตถุดิบ
เราสองคนไม่เชี่ยวชาญเจเจทั้งคู่ แต่ร้านป้าหวายนี่ดังพอควร ถามใคร ๆ ก็รู้จัก จึงหาได้ไม่ยาก (แต่เหงื่อหยดไปลิตรครึ่ง) ร้านที่พี่เก็จแนะนำคือร้านบางไทร อยู่ใกล้ ๆ ร้านป้าหวายค่ะ ไปถึงบี้เลือกซื้อทิชชู่อย่างเมามัน แทบจะนอนค้างที่ร้านทีเดียว ฉันเห็นเพื่อนซื้อ ก็มันตาม ซื้อบ้าง...ลืมไปว่าเราไม่ได้ทำดีคูผาด 5555555 ไม่เป็นไรเอาไว้ไปฝากพี่เก็จแล้วกัน
ออกจากจตุจักรก็ไปเดินเล่นพักเหนื่อยที่เซ็นทรัลพระราม 9 เพราะยังไม่เคยไป ใหญ่โตดีเหมือนกัน สรุปแล้วเหนื่อยกว่าเดิมอีก 555555 แต่ติดใจขนมน้ำแข็งไสที่หน้าซุปเปอร์ชั้นใต้ดิน อร่อยมากค่ะ พออู๋บอกว่าจะนัดเจอพี่สาวกินข้าววันเกิด ก็เลยบอกให้น้องไปที่นี่ เพราะอยากจะไปกินอีก
กว่าจะได้เวลาเย็น ก็แทบหมดแรง ฉันนั่งรถใต้ดินต่อด้วยรถไฟฟ้ามาพร้อมพงษ์ เพื่อนนัด 1 ทุ่ม แต่มาถึงตั้งแต่ 6 โมงเย็น ดีที่โอ๋จองห้องไว้ ที่จองห้องไว้เพราะกลุ่มนี้เสียงดังมาก จะว่าไปวัฒนาก็เสียงดัง(แต่ฟังไม่รู้เรื่อง555555)ทุกกลุ่มแหละเนอะ สงสัยเก็บกดจากการอยู่ประจำ มีเวลาห้ามพูดเยอะ พอออกจากโรงเรียนเลยใช้เสียงซะให้หายอึดอัด ออกจากโรงเรียนมา 30 กว่าปีแล้วยังไม่หายอึดอัดอีกเหรอ 5555555
เพราะมีห้องให้ไปนั่งรอ เลยสบายหน่อย เอาหนังสือพิมพ์แจกฟรีของ aday มานั่งอ่าน ยังอ่านได้ไม่เท่าไร ป้อมก็เข้ามา คุยกันสองที ป้อมโทรไปตามจิ๊บ บอกรีบมาหน่อยชั้นอยู่กับอ่องสองคน 55555555 เพื่อนก็ทยอยกันเข้ามา ทีแรกเสียงแทบไม่มีเพราะอยู่กับป้อมสองคน..เดี๋ยวนี้หูฟังก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไร ทำให้ใคร ๆ ลำบากในการจะสื่อสารด้วย แต่พอมีมากกว่า 2 คน ในห้องก็เริ่มมีวิญญาณนกกระจอกมาสิงสู่ แน่นอนว่า..ฉันกินซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้เพื่อน ๆ ใจดี ยอมให้ถ่ายรูปไม่มีปริปากบ่นอย่างเคย อาจจะเพราะรู้ว่าบ่นไปก็เท่านั้น ช่างมันเถอะ 555555555 กล้องตัวเองถ่ายไม่สวย ก็เอาไอโฟนของป้อมถ่าย ยิงไป 30 กว่ารูป เพื่อนกดส่งเมลซะเมื่อย 55555555 โอ๋ใจดี เห็นอยากถ่ายตุ้มหู ลงทุนรวบผมให้ถ่ายโดยเฉพาะ ขนาดนั้นแล้วก็ยังถ่ายอยู่นานกว่าจะลงตัว
เสียงหัวเราะเฮฮาห้องแทบแตกตอนถ่ายรูปกลุ่ม ฉันโดนเพื่อนแซวเพราะเป็นตากล้อง เนื่องจากแสงไม่ค่อยสว่างมาก แล้วฉันไม่ชอบถ่ายรูปใช้แฟรช ดังนั้นนอกจากกำกับบทแล้วยังต้องคอยกำชับนางแบบทั้งหลายให้อยู่นิ่ง ๆ
“อยู่นิ่ง ๆ นาจ๊า...งั่ก ๆ ๆ” งั่ก ๆ ๆ นี่คือเสียงกระดูกเคลื่อนที่ 5555555 แบบว่ามือสั่นไหวน่ะค่ะ เพื่อน ๆ ก็เลยขำกันถ้วนหน้า เหมือนโบว์ลิ่งโดนสไตรค์ ล้มระเนระนาด 5555555 ฉันรีบเก็บภาพอย่างเงียบ ๆ เพราะปกติแล้วเหล่าคุณเธอจะวางฟอร์มกันน่าดู ไม่ค่อยยอมหลุดหัวเราะหน้ากล้องกันเท่าไร กินและเม้ากันตั้งแต่ 1 ทุ่มยัน 5 ทุ่มได้มั้ง เซ็งแซ่มากขึ้นคือตอนที่มีสายเรียกเข้าจากภูเก็ต แล้วเปิด hand free ฉันล่ะนึกทึ่งเช้งที่คุยรู้เรื่อง เท่าที่เห็น เดี๋ยวคนนั้น เดี๋ยวคนนี้พากันตะโกนคุยเข้ามา โทรศัพท์ก็ส่งเวียนไปทั่วห้อง ขนาดฉันอยู่ในเหตุการณ์ยังฟังเอาศัพท์จับมากระเดียดอะไรไมได้สักอย่าง แล้วปลายสายจะสักแค่ไหน ป้อมเมนต์ไว้ใน fb ว่าขาออก..พนักงานเรียงคิวส่ง สงสัยโล่งใจ ไปซะที 5555555
“อยู่นิ่ง ๆ นาจ๊า...งั่ก ๆ ๆ” งั่ก ๆ ๆ นี่คือเสียงกระดูกเคลื่อนที่ 5555555 แบบว่ามือสั่นไหวน่ะค่ะ เพื่อน ๆ ก็เลยขำกันถ้วนหน้า เหมือนโบว์ลิ่งโดนสไตรค์ ล้มระเนระนาด 5555555 ฉันรีบเก็บภาพอย่างเงียบ ๆ เพราะปกติแล้วเหล่าคุณเธอจะวางฟอร์มกันน่าดู ไม่ค่อยยอมหลุดหัวเราะหน้ากล้องกันเท่าไร กินและเม้ากันตั้งแต่ 1 ทุ่มยัน 5 ทุ่มได้มั้ง เซ็งแซ่มากขึ้นคือตอนที่มีสายเรียกเข้าจากภูเก็ต แล้วเปิด hand free ฉันล่ะนึกทึ่งเช้งที่คุยรู้เรื่อง เท่าที่เห็น เดี๋ยวคนนั้น เดี๋ยวคนนี้พากันตะโกนคุยเข้ามา โทรศัพท์ก็ส่งเวียนไปทั่วห้อง ขนาดฉันอยู่ในเหตุการณ์ยังฟังเอาศัพท์จับมากระเดียดอะไรไมได้สักอย่าง แล้วปลายสายจะสักแค่ไหน ป้อมเมนต์ไว้ใน fb ว่าขาออก..พนักงานเรียงคิวส่ง สงสัยโล่งใจ ไปซะที 5555555
ออกจากร้าน ฝนตก เพื่อน ๆ หลายคนพากันขึ้นรถจิ๊บเพื่อไปแยกย้ายกันกลับที่นั่น รถเก๋งข้างหน้านั่ง 2 แต่ข้างหลังซิ ...ไม่รู้ขึ้นไปได้ไงกันตั้ง 5 นาง 55555 อัดเข้าไปจนฉันติดเบาะคนขับ ยังมีคนอารมณ์ดีถ่ายรูปตุ๊กแกอ่องไว้อีกแน่ะ อยากบอกจิ๊บว่าช่วยซิ่งทีได้ไหม? เหาะได้ยิ่งดี ขนาดว่าดึกแล้ว ถนนก็ยังไม่ค่อยเท่าไร พอมาเปลี่ยนขึ้นรถป้อม สงสัยว่าทำไมไม่เอารถคันนี้ไปขนคนแทน? 5555555 แค่ที่มันใหญ่และกว้างมาก เรียกว่านอนแผ่เต็มที่ก็ยังไม่เต็มรถ...
ฉันกลับถึงบ้านท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เหนื่อยและง่วงจัด แต่พออาบน้ำ ตาก็สว่างขึ้นหน่อย เลยมาเปิดคอมพิวเตอร์ลงภาพไว้สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ได้มา จะได้ไม่พลาด meeting นับว่าดีที่ฉันถ่ายรูปไว้หลายใบ ทำให้เพื่อน ๆ ที่พักนี้โดนทั้ง line ทั้ง whassup ฉกตัวไปจาก facebook ปล่อยให้คนไม่มีมือถือนั่งหง่าว งงว่าเกิดไรขึ้นกับ wwa105 เรตติ้งตกฮวบมากกว่า 200%!!!
ตลอดทั้งวัน from 9 am to 11 pm ช่วงเวลายาวนานที่อยู่กับพี่ และเพื่อน ๆ คนอื่นคงจะได้สื่อสารมีเรื่องราวมากมาย แต่ฉันได้แต่ใช้ดวงตาที่ตอนนี้ก็ประสิทธิภาพน้อยลง แต่ยังดีกว่าหูที่มีแล้วเหมือนมีเห็ด...แม้จะสื่อสารไม่ได้ความเต็มร้อย แต่มิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง และระหว่างเพื่อน ๆ ที่คบกันมาตั้งแต่เบ่บี๋..มันมีสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าความรัก เจ้าสิ่งเล็ก ๆ นี้อยู่เหนือเสียงและภาพ เจ้าสิ่งเล็ก ๆ นี้เหมือนอากาศ ที่เมื่อใดก็ตามที่เราสูดเข้าไปในหัวใจ ก็ทำให้เลือดได้สูบฉีดหล่อเลี้ยงไปกระตุ้นให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงาน
5555555 ไหงจบแบบสุขศึกษาได้เนี่ยะ...อย่างว่าคนมีความสุขง่ะ 55555555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น