วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

โอ้ว่ารักเรานั้นสุขเกินใคร

สายใยใดจะอุ่นหัวใจเท่าสายใยวัฒนา?
วันก่อน ชวนพี่เจน-พี่เก็จไปกินข้าวหมูแดงที่ถ.แปลงนาม วันนั้นอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะมีเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ แล้ววันนั้น ข้าวหมูแดงก็ดันไม่ค่อยอร่อย ฉันเลยยิ่ง unhappy พี่เจนพาไปกินเกาเหลาจอมยุทธ ก็ไม่ยอมกิน ไม่กินไม่ว่า แถมนั่งหน้าหงิกบอกบุญก็ไม่รับ ถามหาแต่กรรม  (นิสัย...เนอะ 555555) ทำเอาบรรยากาศมาคุขึ้นมาในบัดดล เท่านี้ยังไม่พอ ยังล้างสต๊อกครั้งมโหฬารลดแลกแจกแถมปัญหาให้พี่ ๆ ห่วงด้วยการบอกให้พี่ ๆ กลับไปก่อน เดี๋ยวขอเดินเล่นต่อแล้วจะขึ้นรถเมล์กลับบ้านจากตรงนี้เองค่ะ ไม่ว่าพี่เก็จจะชวนให้กลับพร้อมกัน ฉันก็ยังดื้อเงียบ นิสัยแย่สุด ๆ นะเนี่ยะ 5555555 พอพี่ ๆ กลับไปแล้วฉันก็เดินดูผลไม้ เดินไปคิดไป ทำไงดี ๆ ๆ ฟ้าก็มืดเชียว ด้วยอารมณ์สับสนอลหม่านหลายฟีลลิ่ง ฉันก็กระโดดขึ้นรถสาย 40  พอขึ้นปุ๊บ รถวิ่งไปได้ไม่ถึง 50 เมตร ฝนก็กระหน่ำลงมา ช่างโชคดีเสียกระไรนี่? แต่นึกไปถึงพี่ ๆ ที่รักทั้งสองว่าป่านนี้คงห่วงฉันเป็นแน่แท้ ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกค่ะ กลับมาถึงบ้านเจอเมลจากพี่เจนถามอย่างห่วงใยว่าฉันเป็นอะไรไปวันนี้? แล้วโดนฝนไหม? อ่านเมลแล้วยิ่งรู้สึกผิดที่ทำบรรยากาศเสียไม่พอ ยังทำให้พี่ต้องเป็นห่วงเป็นใย
จึงได้เมลตอบไปพร้อมกับขอโทษพี่เจนเป็นการใหญ่ แล้วก็ถือโอกาสนี้ปรึกษาพี่สาวที่ใจดีที่สุดในโลกของฉันว่า..ฉันควรจะทำยังไงดี? หลังจากปรึกษาพี่เก็จมาแล้วเช้านั้น แต่ยังคิดไม่ตกจนทำให้บรรยากาศมาคุไปแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าคุณแม่ของพี่ตุ้มป่วยต้องเข้าไอซียูค่ะ แต่พี่ตุ้มบอกว่าไม่ต้องไปเยี่ยม แถมไม่บอกอีกว่าอยู่โรงพยาบาลไหน ความลับไม่มีในโลกนี้ วันจันทร์ที่ผ่านมาป๊ากเล่าให้ฟังว่าจะโทรหาพี่จุ๋มอรุณี แต่ดันไปกดเบอร์พี่ตุ้มอารุณีเข้า ไหน ๆ ก็กดผิดแล้ว...อย่างคุณนายป๊ากต้องขอคุยอีกหน่อย ก็เลยได้ความมาฝากฉันว่าคุณแม่พี่ตุ้มอยู่รพ.รามคำแหง
ไอ้ฉันก็..ตอนแรกไม่รู้โรงพยาบาลก็ยังนั่งไม่เป็นสุข ตอนนี้รู้แล้ว..อาสน์ก็เลยยิ่งร้อน เพราะพี่ตุ้มบอกว่าไม่ให้ไป ถ้าไปเนี่ยะ พี่ตุ้มจะไม่พอใจหรือเปล่า? แต่ในขณะเดียวกันพี่เก็จก็บอกว่าควรไปนะ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้พี่ตุ้ม ถ้าเกรงใจพี่ตุ้มก็ไปแป๊บเดียวซิ ...แต่ฉันก็ยังคิด ๆ ว่าจะทำไงดี แต่พอพี่เจนเมลคำปรึกษามาให้อย่างละเอียดลออ ฉันก็ตัดสินไปทันที ไปถึงโรงพยาบาลแบบไม่มีข้อมูลใด ๆ แม้แต่ชื่อคุณแม่พี่ตุ้ม แต่ประเทศไทยแม่กับลูกส่วนใหญ่นามสกุลเดียวกัน ก็เลยหาไม่ยากค่ะ
ไปวันแรก ไม่ได้อยู่นาน เพราะว่าเพิ่งรู้จักกัน ไม่รู้จะคุยอะไร แล้วพี่เจนกับพี่เก็จก็แนะนำมาว่าให้อยู่แป๊บเดียว แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะหาโอกาสมาเยี่ยมอีก
เมื่อวานอยู่บ้าน ป๊ากก็โทรมาหาให้ออน skype คุย เพราะถ้าคุยโทรศัพท์คงได้แต่เล่นซ่อนหาที่หาอะไรไม่เจอ 5555555 ได้ความว่าป้าจีอยากได้ปากกาแบบที่ไปซื้อกับฉันตอนงานวัฒนาแฟร์ปีที่แล้วไว้แจกเป็นของชำร่วย ฉันก็เลยบอกป๊ากให้โทรเรียนป้าจีว่าฉันจะไปซื้อให้เอง ต้องการกี่ด้าม เอาเหมือนกันหมด หรือคละลาย และอีก 2 ข้อพิเศษคือ 1.อ่องคิดถึงป้าจี 2.อยากชวนป้าจีไปกินข้าวต้มเป็ด ทีแรกป๊ากไม่ยอมพูดให้ ต้องส่งเสียงขู่ฟ่อด ๆ จึงสรุปออกมาว่าป้าจีจะไปกินข้าวที่แปลงนามด้วยกันในวันนี้
แต่เช้ามา ฉันก็นึกได้ว่าน่าจะแวะไปหาครูปุ๊สักหน่อย เพราะไม่ได้เจอมานานแล้ว กะจะนั่งคุยกับครูสัก 2-3ชั่วโมงแล้วค่อยเดินทางไปบ้านป้าจี ก็เลยนั่งมอเตอร์ไซด์ไปบ้านครูปุ๊ ไปถึงครูปุ๊กำลังจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว ก็เลยเดินไปด้วยกัน ไม่ค่อยได้คุยกันมากเท่าไร เพราะครูทำธุระทางทันตกรรมเยอะไปหน่อย เจ็บไปหมดทั้งปาก คุยกับฉันต้องอ้าปากมาก ๆ 555555 หลังจากที่แยกย้ายกับครูปุ๊ ก็นั่งรถเมล์ไปบ้านป้าจี ไปถึงเที่ยงกว่าเล็กน้อย ป้าจีนัดไว้บ่ายโมงค่ะ ก็นั่งรอป้าจีกลับจากญาติมิตร  ดีใจมาก ๆ ที่ป้าจีบอกว่าจะไปเดินสำเพ็งด้วย ถึงแม้จะแอบกังวลเล็กน้อยเพราะฉันไม่รู้ว่าร้านไหนมี ต้องเดินหา แต่ป้าจีบอกว่าอยากไปและไปได้ไม่มีปัญหา ขนาดว่าใส่รองเท้าสำหรับเดินเยอะ ๆ ไว้พร้อมสรรพ ระหว่างที่รถติด ป้าจีก็ถามฉันว่าหิวไหม? ฉันก็บอกตรง ๆ ว่าหิวค่ะ 55555555 ก็มันจะบ่าย 2 แล้ว ยังอยู่หน้าคลองเตยอยู่เลย ป้าจีปรารภว่า ป้าก็หิวจัง เราสองคนหิว ๆ กัน กินข้าวต้มจะอิ่มเหรอ? 55555555 พอดีพี่บุษโทรมาบอกว่าตอนนี้อยู่สำเพ็ง กำลังจะซื้อปากกาอยู่ ป้าจีก็บอกให้ซื้อมา 1 ห่อ 10 แท่งก่อน ไม่ได้บอกพี่บุษว่ากำลังจะเดินทางไปซื้อเอง แต่ความที่รถติด แล้วฟ้าก็อึมครึม ฉันก็เลยบอกป้าจีไปว่า ให้พี่บุษซื้อมา 100 แท่งเลยดีกว่าค่ะ ป้าจีจะได้ไม่ต้องไป เพราะไหน ๆ พี่บุษเขาก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว สรุปว่าเราสองคนก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายจากถนนแปลงนามมายุติลงแค่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปเดินเที่ยวสำเพ็งกับป้าจีตามที่ตื่นเต้นไว้ (..ตื่นเต้น??? 55555555) แต่หลายชั่วโมงที่ได้อยู่กับป้าจี ฉันก็ได้คุยกับป้าจีมากมายหลายเรื่อง และจบลงที่ป้าจีชวนฉันไปงานวันเกิดที่มิตรสหายท่านจะจัดให้ที่สปอร์ตคลับ ฉันเลยต้องปูดความลับบางประการ คือวันนั้นฉันกับพี่เจนแอบนัดว่าจะมาเซอร์ไพร้ส์ป้าจีที่บ้าน ป้าจีบอกว่าไม่ต้องมาเพราะป้าจะไปแข่งบริดจ์ตอนเช้า ไปที่นั่นเลย เชิญพี่เจนไปด้วย และก็วัฒนาอื่น ๆ นะ ช่วยจัดการเชิญให้หน่อย ฉันก็...55555555....บอกป้าจีว่าถ้าให้ฉันเป็น organizer เนี่ย ป้าจีจำกัดจำนวนแขกไหมคะ? ป้าจีบอกไม่ ... ฉันเลยรับงานมาทันใด โอ้ลัลล้า~~~ 55555555 ป้าจีได้เอาบัตรเชิญมาให้ 1 ใบเพราะฉันบอกว่าจะส่งเทียบเชิญทางอินเตอร์ ขอ 1 ใบก็พอ แล้วป้าจีก็ยังเขียนคำเชิญด้วยตัวเองด้วยค่ะ จะได้ดูน่าเชื่อถือ ป้าจีถามว่าจะเขียนชื่อใครดี ยามนั้นชื่อแรกและชื่อเดียวที่ผุดขึ้นมาคุณลานทิพย์ค่ะ จึงได้กลายเป็นคุณลานทิพย์ ทวาทศินและน้อง ๆ เพื่อน ๆ วัฒนาที่รัก ป้าจีบอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้นะ ฉันเลยบอกว่าฉันสั่งเค็กแล้วอ่ะค่ะ ป้าจีบอกให้ไปยกเลิกซะ เพราะที่สปอร์ตคลับจัดเค้กให้ก้อนใหญ่แล้ว ฉันก็เลยบอกว่าอยากให้ป้าจีได้ชิมเค้กพี่หนิง สูตรครูผินเชียวนะคะ ได้ยินชื่อครูผิน ป้าจีเลยต่อรองว่าเอามาให้วันหลังแล้วกัน...ก็นัดกันว่าจะเอาไปให้วันหลังแทนค่ะ คือวันจันทร์ถัดไป เพื่อที่ป้าจีจะได้กินกับเพื่อน ๆ ที่จะมาญาติมิตรกันในวันอังคาร
พอกินข้าวเสร็จ ป้าจีก็มีโปรแกรมไปฉีดยาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนฉันก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมคุณแม่พี่ตุ้มอีกที ..เป็นคนที่ถ้าออกจากบ้านแล้ว ขอให้ทำธุระให้ครบทีเดียว..พี่เก็จเคยถามว่า...อ่องนี่กลับบ้านเร็วไม่เป็นใช่ไหม? 555555555 จึงขอให้ป้าจีส่งริมถนนสุขุมวิท ป้าจีบอกว่าป้าฉีดยานาน กว่าจะรอคิว กว่าจะเจอหมอ กว่าจะหายามาฉีด ระหว่างนี้ให้รถไปส่งที่รพ.รามคำแหงแล้วค่อยกลับมารับป้าก็ได้ ฉันรู้สึกตื้นตันยิ่งแต่ก็ปฏิเสธไป เพราะ4-5 โมงรถจะติดหนัก อันว่ารพ.รามคำแหงก็ไม่ได้อยู่ใกล้ ๆสมิติเวชสักหน่อย ขณะกำลังอยู่ในรถ ป้าจีก็บอกฉันว่า “อ่อง มือถืออ่องดังแน่ะ ... ส่งมา ป้าคุยให้” 55555555 ปรากฏว่าเป็นคุณแม่โทรมาค่ะ ดีที่เป็นคุณแม่ ถ้าเพื่อนโทรมาตอนนี้คงอัศจรรย์ใจจนพูดไม่ออก
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลก็ 5 โมงกว่ามั้ง ไมได้ดูเวลาค่ะ คุณแม่พี่ตุ้มกำลังนอนหลับ เลยนั่งคุยกับพี่สะใภ้พี่ตุ้มอีกห้อง สอบถามอาการป่วยของคุณแม่ ระหว่างนั้นพี่ตุ้มก็โผล่หน้ามา ดีใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ตุ้มวันนี้ กะว่าหลังจากคุยกับพี่สะใภ้เสร็จก็จะกลับแล้ว พอเจอพี่ตุ้มเลยเหมือนเท้าถูกถ่วงไว้ด้วยลูกตุ้มหนัก 1 ตัน 5555555 ก็เลยได้นั่งเจ๊าะแจ๊ะกับพี่ตุ้มอยู่นาน ประมาณไม่ไล่ไม่กลับ 555555 หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว..ตั้งแต่แม่กลองมั้ง  นอกจากได้คุย ได้ออดอ้อนพี่ตุ้มซะชุ่มปอดแล้ว ยังได้ฟังพี่ตุ้มร้องเพลงให้ฟังอีกหลาย ๆ เพลงด้วย ฮ้า~~ มีความสุขชะมัด ฉันบอกว่าอยากให้พี่ตุ้มไปร้องเพลงเคล้าเสียงเปียโนที่บ้านพี่เก็จ... พี่ตุ้มร้อง..”นึกแล้ว!! 555555555 เหมือนพี่เจนเลยอ่ะ ถามพี่ ๆ ทั้งหลายจริง ๆ เถอะค่ะ อ่องเนี่ยะ...เดาง่ายขนาดนี้เลย?????
อีกบริบทหนึ่งของสายใยรักวัฒนาหลากรุ่นที่มีต่อฉัน ครูปุ๊ผู้ซื้อแบตตารี่ long lasting สำหรับเครื่องช่วยฟังมาฝากจากอเมริกาแล้วไม่ยอมรับเงิน บอกว่าแชร์กับพี่ปุ่นให้เป็นของขวัญวันเกิดโดยที่ฉันเองก็ยังไม่เคยได้เจอค่าหน้าค่าตาพี่ปุ่นด้วยซ้ำ.... ความอบอุ่นอย่างเหลือล้นจากคุณป้าจีรวัสส์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นแม่ย่านางผู้ทรงเกียรติของวัฒนาโดยที่เราไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ ทางสายเลือด และฉันเองก็ไม่เคยได้ทำคุณประโยชน์ใด ๆ ให้กับป้าจีโดยตรง แต่กลับได้รับความรัก ความเมตตามาตลอด...แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสาหัส เพราะงานที่บริษัทแล้วพี่ตุ้มก็อดหลับอดนอนเฝ้าคุณแม่มาหลายวัน แต่พี่ตุ้มก็ยังร้องเพลงให้ฟัง พูดคุยกันนานหลายชั่วโมงเพราะรู้ว่าน้องคิดถึง และยังให้รถแวะมาส่งฉันถึงบ้านอีก.... ความไม่ถือสาแม้ว่าน้องจะมีอารมณ์เหวี่ยง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดจากพี่เจน และพี่เก็จ ทั้งหลายทั้งปวงนี้...คือสิ่งที่ตอกย้ำความจริงอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันอาจจะไม่มีความร่ำรวย ไม่ได้ประสบความสำเร็จใด ๆ ในชีวิต แต่ฉันว่าฉันโชคดีนักหนา ที่ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ได้ตัดสินใจเลือกวัฒนาให้เป็นสถานศึกษาของฉัน ทำให้ฉันได้มหาสมบัติอันประเมินค่าไม่ได้ – นั่นคือความรักของพี่น้องชาววัฒนา

3 ความคิดเห็น:

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

ketvarong says เขียนได้ซาบซึ้งมาก แต่จะรักวัฒนาอะไรกันนักหนาเนี่ยจ๊ะ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

p'Jane says -my dearest ong i will definitely go ja.tomorrow i will tell pi panmaha and pi sermsri naja for ajarn wandee i will call her tonite naja.I am glad that you manage to pay 2 visits to hospital. very good indeed. pi tum will be very happy that you carebfor her family naja.after reading your blog i feel glad that you know you are loved by all the friends ja.yse most important is love. and i beleive in love. remember we have to love others as much we love ourselves.that was what welearn since school days.just to let you know that i am proud of my girl ja.

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Dear Nopporn,
Thanks for your last e-mail,Nopporn's dream,it was so good. But you should not take my picture to put there at all. I would like to be quiet,simple life,I do not want people to know my business so much,about your batteries,you should not write it down but it is too late now. I love to keep quiet and simple. Pee Poon will be the same like me.
You should not act so bad with those 2 sisters who are very nice to you,you have your own way too,do you know that? We all have to control our emotions at all times,since you are younger than them you should act with respect. You can blame me if I am wrong. Because I was your teacher so I can say something to you,will you listen or not,it is up to you.
You see when people tell you not to do something but you want to do it,somtimes you will cause problems on yourself,it was good that you asked Pee Jane what to do.
Thank you so much for the books which you brought for me and thanks for going to Lotus with me and carrying so many things.
I have to use Sim-Net with my old computer and sometimes,it takes so long to open the e-mails so I will not use this old computer at home everyday. I mostly use to send news to my family in Cayman. I am very sorry about it.
Hope you will understand my point,because I will not harm or hurt your feelings at all. Because I was your teacher so I can say something right?
All the best and take care.
Kru Pu.