วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

Bike@กระเพาะหมู กทม.

ผู้อ่านอาจจะคิดว่าฉันชวนไปกินกระเพาะหมูเจ้าเด็ด ไม่ใช่หรอกค่ะ ชวนไปขี่จักรยานต่างหาก ที่สวนบางกะเจ้า พระประแดง หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่ากระเพาะหมูเพราะรูปทรงพื้นที่
สวนนี้มีพื้นที่มากทีเดียว แล้วอยู่ไม่ไกลจากกทม. นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักดีค่ะ โดยเฉพาะนักปั่นจักรยานเที่ยว พวกเขาได้ยกย่องให้เป็น
urban OASIS เลยทีเดียว
ฉันเองเป็นคนชอบขี่จักรยานเที่ยวอยู่แล้ว ถึงขี่แบบสะเปะสะปะ แต่ก็ชอบน่ะนะ แล้วเพราะความที่ขี่สะเปะสะปะเลยไม่ได้ขี่ในเมือง เนื่องจากเกรงใจผู้ใช้ถนนร่วมกันรายอื่น ๆ พออ่านเจอกระเพาะหมู...ก็สนใจ อยากจะไป ได้น้องชายใจดีเป็นไกด์พาไปครั้งแรก
นัดกับน้องชายที่ BTS บางนา 9 โมงเช้าค่ะ เช้าวันนี้ฝนตกตั้งแต่ 6 โมง อุณหภูมิเลยไม่สูงเหมือนหลายวันที่ผ่านมา เรานั่ง taxi จากฺ Bts ไปท่าน้ำบางนา ไปทางถนนสรรพาวุธ เพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปบางกะเจ้า นับว่าใกล้ทีเดียว แต่ถ้าไปทางรถยนต์จากบ้านก็ไกลมากค่ะ
เรือข้ามฟากนี้มีมอเตอร์ไซด์ข้ามด้วย เขาก็จัดระเบียบให้คนขึ้น-ลงก่อน แล้วรถตามทีหลังค่ะ ค่าข้ามฟากคนละ 4 บาท ส่วนรถไม่ได้ถาม ชาตินี้คงไม่ได้ขี่รถข้ามฟากเจ้าพระยา เลยไม่รู้จะถามไปเพื่อ?
พอลงจากเรือก็เจอที่ให้เช่าจักรยานเลยค่ะ จำอัตราเช่าไม่ค่อยได้แล้วค่ะ ไม่แพงหรอกค่ะ จักรยานก็มีสภาพโอเค ขี่ได้ปลอดภัย เบรกดี หัวไวมาก 555555 ทีแรกน้องชายบอกให้เอาคันโต ขี่ ๆ ไปต้องย้อนมาขอเปลี่ยนที่ร้าน คะเนดูแล้วไม่น่าจะรอด ดีที่เปลี่ยน แต่กระนั้นก็ยังไม่รอด...
แรกเริ่มก็ขี่ไปตามทางเล็ก ๆ กว้างไม่เกิน 1 เมตร ทีแรกคิดว่าทางแบบนี้คงระยะสั้น แต่ที่ไหนได้... เป็นทางวิบาก(สำหรับฉัน)ที่ทอดยาวไกลไม่รู้จักจบจักสิ้น โอ้ว..ถนนเป็นแบบนี้ทั้งบางกะเจ้าเหรอไงเนี่ยะ? ขี่ไปบ่นไปค่ะ
พื้นแผ่นซีเมนต์ยกสูงจากน้ำไม่ต่ำกว่าเมตร แต่ตัวแผ่นซีเมนต์ดันกว้างไม่เกินเมตร ตลอดทางมีรั้วเหล็ก 1 ด้านค่ะ อีกด้านเปิดโล่งตลอดล่อให้คนขี่จักรยานอย่างฉันตกหรือไงเนี่ยะ ขอบอกว่าขี่ด้วยความเครียดจริง ๆ ค่ะ ขี่ไปจูงไป 55555
แต่พอขี่ไปได้สักพักใหญ่ ๆ (มาก ๆ) จากความเครียดก็กลายเป็นความเคยชิน เลยพอจะขี่ได้บ้าง ขี่ไปก็พักถ่ายรูปไป ขี้เกียจจอดหยิบกล้องจากกระเป๋าเป้บ่อย ๆ เลยเอากล้องแขวนไว้หน้ารถ เนื่องจากจักรยานเล็กไม่มีตะกร้าไว้ของ
เจอคนขายล็อตตารี่ เอ้า..อุดหนุนสักหน่อย มีเลขท้ายที่ต้องการด้วยค่ะ ตามทางที่ขี่ไปก็จะมีสวนบ้าง บ้านคนบ้าง บางบ้านก็สวย เก๋กระทั่งประตูบ้าน มีบ้านหนึ่งเลขที่บ้านตรงกับเลขท้ายล็อตตารี่เลยแหละค่ะ ประตูบ้านสวยมาก
ไกด์นำทางมั่วสุด ๆ เจอทางตันบ่อยมากค่ะ บางทีก็ลุ้นระทึกเนื่องจากมีหมามาเห่าต้อนรับ ไม่ได้มาตัวเดียวนะเออ อีนี้ไม่รู้จะเลือกโดนหมาฟัดหรือว่ายอมลงน้ำดี? จะบ้าตาย... พอเจอทางตันที ก็ต้องกลับรถทีใช่ไหมคะ ทาง 1 เมตรนี่เอาจักรยานมาวางขวางยังไม่ได้เลย กลับรถทีก็ต้องลง แล้วค่อย ๆ ยกจักรยานให้กลับหลังหัน เห็นความลำบากของทางวิบากหรือยังคะ?
ไม่นับความจริงอีกอย่างหนึ่งว่าถึงฉันจะเป็นคนชอบขี่จักรยาน แต่ฉันนั้นเป็นนักขี่เจ้าถนนอ่ะค่ะ คือชอบที่กว้าง ๆ จะได้สะเปะสะปะได้สบาย ๆ นี่อะไร..มาขี่บนทางแคบ ๆ บางช่วงก็แคบลงไปอีกประมาณครึ่งเมตรมั้งคะ อย่าถามว่าแล้วขี่เข้าไปทำไม? ก็คุณไกด์นำไปยังไง ก็ต้องตามไปยังงั้นอ่ะค่ะ จะกลับไปเองก็จำทางไม่ได้แล้ว
พอมาเจอถนน (ในที่สุด) ก็เกิดความลิงโลด ขี่ด้วยความสุขสำราญเป็นที่ยิ่งจนน้องชายต้องตีรถคู่มาบอกว่า...ขี่ชิดในหน่อยเจ๊ แล้วยังบอกว่าจะกลับไปทางเดิมดีกว่า แต่หัวเด็ดตีนขาด ฉันไม่ยอมกลับไปใช้ทางเล็ก ๆ นั้นอีกแล้ว ถ้าจะต้องตาย ขอตายบนถนนกว้าง ๆ นี่ดีกว่าตายเพราะตกถนนแคบ ๆ
ขี่มาด้วยความสำราญสักพักเพิ่งรู้ตัว...จ๊ากกล้องถ่ายรูปที่หน้ารถจักรยานหายไปไหนเนี่ยะ ตะโกนบอกน้องชาย แล้วสองศรีพี่น้องก็ปั่นย้อนทางกลับไปหากล้อง น้องปั่นเร็วมากค่ะ แป๊บเดียวหายไปไหนไม่รู้ ไอ้เราก็เลยต้องรีบปั่นไปด้วย ปั่นไปมองหากล้องตามถนนไป รู้ตัวอีกที...ลงไปนอนบนฟูกธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณเจ้าวัชพืชที่ขึ้นหนาแน่นตรงจุดนั้นพอดี ถ้าไม่มีเจ้า..ลงได้ลงอาบน้ำในคูแน่ ๆ ค่ะ แต่ไหน ๆ เจ้าจะมาช่วยแล้วทำไมต้องเป็นพันธุ์ที่โดนแล้วคันด้วย???? เหลียวมองไปรอบ ๆ โอ้วววว นี่ฉันเป็นดารานำในเรื่อง home alone หรือไงเนี่ยะ? ไม่มีผู้คนเลย? ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่กับอีก 1 คันรถต้องพากลับขึ้นมาบนถนน โชคดีนักหนาที่ไม่มีบาดแผล กระดูกกระเดี้ยวไม่แตกหัก แต่..แต่..คันโครต ๆ อ่ะ แล้วฉันจะเอาน้ำที่ไหนล้างตัวล่ะเนี่ยะ?
ขี่ ๆ ไปสักพักเจอบ้านค่ะ เหมือน ๆ จะเป็นร้านอาหารรึเปล่า? เข้าไปกะจะขอเขาใช้น้ำประปาล้างตัวหน่อยนึง แต่ไม่มีผู้ใดอยู่เลย จำต้องถือวิสาสะเปิดน้ำ (อยู่หน้าบ้านค่ะ) พอได้ล้างจนหมดความคันแล้วก็ไปต่อค่ะ ออกมาถึงทางแยก เอ๊ะ..ซ้ายหรือขวาหว่า? ตัดสินใจเลี้ยวซ้าย เพราะจิมมี่ เหลี่ยวบอกว่าผู้หญิงต้องเลี้ยวซ้าย (ผู้ชายเลี้ยวขวา) ได้เรื่องซิคะ เลี้ยวผิด พอดีน้องชายกลับพอดี รีบปั่นตามพี่สาวที่เลี้ยวผิด 55555
สรุปว่าหากล้องไม่เจอค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ถ้ากล้องยังอยู่กับรถก็เสียหายตอนที่ตกคูอยู่ดี คิดบวกค่ะ คิดบวก แล้วพี่น้องก็ขี่เที่ยวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง แต่ไม่ได้แวะเพราะเคยมาแล้ว อาหารไม่อร่อยค่ะ
ขี่ได้สักพักหนึ่งก็วนกลับมาที่ท่าเรือแล้ว เป็นการจบทริปผจญภัยครั้งนี้ ถามว่าปอดได้สูญโอโซนบริสุทธิ์รู้สึกอย่างไรบ้าง ตอบไม่ได้ แต่ช่วงขี่จักรยาน 3 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่ได้ปลด-ปล่อยและวางทุกเรื่อง เพราะต้องมาโฟกัสกับเส้นทางแทน เป็นความประทับใจค่ะ ถ้ามีโอกาสก็คงกลับไปขี่รถเล่นอีก แต่คงไม่ไปทางแคบ ๆ นั่นแล้วค่ะ เครียดจริงไรจริง เหอ ๆ แล้วก็คงไม่แขวนกล้องไว้กับหน้ารถจักรยานอีก บทเรียนมีไว้ให้หลากจำ จำไว้ ๆ

ไม่มีความคิดเห็น: