วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อย่าถามว่าเขาให้อะไรคุณ แต่จงถามว่าคุณให้อะไรเขาบ้าง

ให้ “น้ำใจ” ผู้อื่น คือให้ “ความสุข”กับตนเอง
โลกเราจะร่มเย็นน่าเป็นอยู่  เพราะเชิดชูคุณธรรมทำเกื้อหนุน  เพราะเราต่างสำนึกในบุญคุณ เพราะเราต่างเกื้อการุณและตอบแทน
ฉันโตและดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อเช่นนี้มาตลอด ความเชื่อว่าชีวิตฉันที่เป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะบุญคุณ เพราะน้ำใจของใครต่อใคร ด้วยความเป็นหลานของอากง ฉันจึงค่อนข้างจะยึดหลักเมื่อกตัญญูแล้วก็ต้องกตเวทิตา  บางทีใช้คำยิ่งใหญ่ไปหน่อย เอาเป็นว่าเมื่อได้รับสิ่งดี ๆ จากใคร ก็ต้องหาโอกาสตอบแทนกลับไป
คนบางคนถนัดและสบายใจที่จะเอื้อเฟื้อข้าวของเงินทองให้ผู้อื่น ส่วนฉันนั้นไม่เชื่อว่าการให้เงินคือคำตอบสุดท้าย เพราะถ้าคิดงั้น ฉันคงตกนรกแน่ 5555555 เพราะเป็นคนที่มีเงินน้อย แถมไม่งอกอีกต่างหาก ฉันจึงเชื่อในการกระทำความดีตอบแทน แต่บางทีก็เป็นที่น่าน้อยใจยิ่งนักที่คนมักจะมองว่าฉันจะไปทำอะไรได้? บางคนก็มีคุณสมบัติผู้ดี ความเกรงใจ ค้ำคอ ก็เลยไม่ค่อยให้โอกาสฉันได้ รับใช้ เพื่อเป็นการตอบแทน
บางครั้งบางหน เคยมีบางคนบอกว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอ จะต้องมาตอบแทนอะไรนักหนา ฉันก็อยากจะตอบกลับไปว่า สิ่งที่ทำนั้นทำให้ชีวิตของฉันน่าอยู่- -ยังจะว่าไม่ได้ทำอะไรอีกไหม? จริงอยู่ว่ามนุษย์ดำรงชีวิตได้ด้วยอาหาร และอากาศ แต่นั่นจะทำให้อยู่อย่างแห้งแล้ง อยู่ไปอย่างแกร็น ๆ  ความสุขความอบอุ่นในหัวใจต่างหากที่แต่งแต้มสีสันให้กับวันเวลาที่เราหายใจ
ในยามที่เพื่อนร่วมชาติประสบภัยพิบัติร้ายแรง และเรื้อรัง ฉันจึงพยายามมองหาว่าอะไรที่จะทำได้ อะไรที่ช่วยกันได้ เคยมีเพื่อนบอกฉันว่ามีเงินน้อยก็ทำบุญน้อย ๆ ซิพี่ แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น สมมติว่าฉันบริจาคเงินไป 100 บาทโดยที่เงิน 100 บาทนั้นซื้อข้าวสารได้แค่ 2 กก. ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิซ้อมมืออย่างดีก็ 1 กก. กี่คนได้ประโยชน์กับเงิน 100 บาท? กับฉันเอาแรงงานเข้าช่วยทำงานอาสากี่คนได้ประโยชน์? 
หลังจากที่ไปกรอกกระสอบทราย ปั้นลูกอีเอ็ม  แล้ววันนี้ฉันอยากไปแพคถุงยังชีพมั่ง พอดีออนไลน์เจอน้องปุ้ม (รุ่น109) กัลยาณมิตรงานอาสา 555555 ก็เลยชวนกันไปแพคถุงยังชีพที่มูลนิธิของพระมิตซูโอะ ด้วยเหตุผลว่าใกล้บ้านเราสองคนมากที่สุดแล้ว แต่ฉันคงไปไม่ได้ถ้าไม่ได้ชวนปุ้ม เนื่องจากแม้ว่าจะใกล้แต่การเดินทางจากอ่อนนุชไปกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 โดยไม่มีรถส่วนตัว เป็นความซับซ้อนเกินกว่าจะรับไหว ขาไปอาจจะนั่ง taxi ไปได้ แต่ขากลับนี่ซิ ดูแล้วจะต้องเดินไกลมากเพื่อจะเรียก taxi แล้วด้วยความที่มีเงินจำกัดจำเขี่ย ยังจะต้องกันไว้ซื้อของกินอร่อย ๆ จะมาเสียเงินกับค่ารถก็นะ ....
อาคารของมูลนิธิดูใหญ่ สะอาด โปร่งโล่ง สมกับเป็นสถานที่ใช้ปฏิบัติธรรมตามโอกาส แต่ตอนนี้เป็นคลังสินค้าเก็บของบริจาค วันนี้ของค่อนข้างน้อย คนล้นของค่ะ เดินเข้าไปก็มีคนเข้ามาทักทายบ้าง ความที่ฉันหูไม่ดี พอมีคนเข้ามาพูดฉันรีบโบ้ยให้ปุ้มทันที จึงเป็นเหตุให้บางคนพูดภาษาอังกฤษด้วย เพราะนึกว่าคุณอ่องเป็นโยโกะจัง 555555 ทำไมถึงต้องโยโกะ? เรื่องนี้เกิดจากฉันนึกได้ถึงความหลังเก่าแก่ สมัยที่ไปเรียนที่พิกซเบิร์กค่ะ วันแรกที่เดินใน Point Park College ก็พลันมีญี่ปุ่นคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาจับไม้จับมือแล้วต่อยหอยด้วยเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างยาวเหยียด ฉันต้องเบรกเจ้าหล่อนว่า ช้าก่อนสหาย...อันตัวข้าหาได้มาจากเจแปนไม่... คุณเธอก็อุทาน อุบ๊ะ..แล้วทำไมหน้าตาเหมือนเพื่อนร่วมชาติฉันนัก ฉันก็..อุบ๊ะแล่วกัน..ชั้นจะไปรู้ไหมนั่น? 5555555 เธอคนนั้นชื่อโยโกะค่ะ ปุ้มก็เลยเรียกฉันว่าพี่โยโกะซะเลย
ไปถึงก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของสายสะพานลำเลียงน้ำจืดจากรถค่ะ ดูเหมือนง่าย เพราะแค่ยืนอยู่กับที่ รับและส่งต่อเป็นทอด ๆ ไป โยกไปย้ายมาเหมือนท่าบริหารร่างกายที่พี่เก็จทำทุกวันเลย 555555 เพียงแต่ต้องถ่ายโอนน้ำหนักของน้ำ 6 ขวดไปด้วย แรก ๆ ก็สนุกดีหรอก พอนาน ๆ ไป ทำไมรถกระบะมันจุขวดน้ำได้เยอะขนาดนี้เนี่ยะ?? ไม่หมดซะที เง้อออออ
เสร็จจากเป็นสายสะพาน ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยก็หายเมื่อยแล้ว มีอะไรให้ทำต่อ?ยืนงง ๆ อยู่แป๊บนึง เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกเราช่วยกันกรอกข้าวสารลงในถุงเล็ก มีคนเยอะแต่วัตถุดิบน้อย ทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว  เดินขึ้นไปชั้นสองก็มีงานหลายอย่างให้ทำ ฉันกับปุ้มเดินเวียนทำมันเกือบทุกอย่าง สนุกน่าดู 5555555 ก็มี
A-เตรียมเชือกไว้มัดถุงยังชีพ เป็นเชือก..เอิ่มเขาเรียกเชือกไรหว่า? 555555 เขาก็จะตัดเชือกจากม้วนใหญ่ ๆ ค่ะ แล้วเราก็ต้องทำปมที่เชือกแตกปลาย ทีแรกก็ใช้ไฟลน ด้วยความที่สถานที่นี้โปร่งโล่ง ลมโกรกดี ทำให้งานมีอุปสรรคนิดหน่อย มีคนเจ้าปัญญาบอกว่าให้ขมวดผูกปมแทน ก็เลยเสร็จเร็วขึ้น ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูปเล่นเป็นปกตินิสัย ขนาดไม่ได้เอากล้องมา ก็ยังไม่วาย...55555555
B-กรอกยาพารา ซึ่งเขาให้กรอกกันซองละ 12 เม็ด พอเหลือ 2 เม็ดฉันก็เลยบอกให้น้อง ๆ เขากรอกไปซองละ 13 บ้างก็ได้เพราะบางคนก็ปวดหัวจัด น้อง ๆ หัวเราะขำกัน – แกะทิชชู่จากห่อใหญ่ ใส่ถุงพลาสติคมัดให้แน่นถุงละ 1 ห่อ ที่ต้องใส่ถุงพลาสติคเพราะเพื่อกันน้ำค่ะ พื้นที่ ๆ ไปแจกเป็นพื้นที่ประสบภัย หลายพื้นที่ผู้ประสบภัยจะลุยน้ำระดับเอว ระดับอกมารับค่ะ
C-seal ฝาขวดแชมพู อันนี้ที่อื่นจะทำหรือเปล่าไม่รู้ แต่การที่มูลนิธิให้มีการปิดฝาแชมพูด้วยเทปเพื่อป้องกันการหกเลอะเทอะกรณีที่ฝาเกิดเปิดเองในถุง สำหรับฉันแล้วคือความเอาใจใส่ค่ะ ไม่ได้สักแต่ว่าแจก ๆ ไป จริง ๆ เขาเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ตอนที่มัดถุงข้าวสาร ต้องไล่ลมออกก่อน จะทำถุงพอง ๆ แบบถุงข้าวแกงไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใส่รวม ๆ กันถุงจะแตกได้ เชือกที่มัดปากถุง ก็ยังจัดการกับส่วนแตกปลายให้เรียบร้อย ฉันว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ส่อถึงการอบรมจิตใจของพระอาจารย์มิตซูโอะเป็นอย่างดีทีเดียว
เพราะความละเอียดลออทุกขั้นตอน งานจึงดำเนินไปค่อนข้างช้า ก่อนที่เราจะกลับ เจ้าหน้าที่ได้เชิญชวนมาอีกในวันรุ่งขึ้น บอกว่าจะมีของมาลงเยอะ โยโกะและยูกิปรึกษากันแล้วก็ตกลงจะมาอีกครั้ง โดยได้ชวนพี่นีย์น้องเขียนเพื่อนร่วมรุ่น em ball มาด้วย แต่เสียดายที่ทั้งสองติดภารกิจมาไม่ได้
วันรุ่งขึ้น ฉันและน้องยูกิไปถึงมูลนิธิช่วงบ่าย มีหลงเล็กน้อย เพราะเข้าทางมอเตอร์เวย์ เมื่อไปถึง แทบไม่มีคนมา เราสองคนเลยนั่งกรอกข้าวสารกันอย่างสะใจ 5555555 เมื่อวานได้ทำแค่ไม่กี่ถุง วันนี้เป็นร้อยถุงเลย บ้าพลังทำกันจนหมดวัตถุดิบ เอิ๊กกกกก จะว่าหมดก็ไม่เชิง เหลือที่อยู่ในกระสอบ 50 กก.ค่ะ ไม่สามารถยกเทเองได้
สักพักก็เริ่มมีรถทยอยขนของบริจาคมาลง เยอะมากค่ะ น้องยูกิบอกว่าสุขภาพหลังไม่ค่อยดี ขอบายงานกรรมกร ส่วนฉันเข้าไปช่วยเขาเรียงกล่อง มีขนมคุ้กกี้หลายสิบลังเป็นของบิณฑบาตรที่เดินทางมาจากมาเลเซียค่ะ และน้ำเปล่า เสร็จแล้วก็ช่วยกันแยกประเภทสินค้าเป็นกลุ่ม ๆ กว่าจะเสร็จก็เหนื่อยพอดู เจ้าหน้าที่มาบอกว่ามีกล้วยบวชชีนะคะ เชิญรับประทานได้ ไม่รอช้า—555555 อร่อยจนต้องเบิ้ลค่ะ
เมื่อกินกล้วยเติมพลังงานแล้ว ก็ต้องจ่ายคืนด้วยการทำงาน ขึ้นไปชั้นสองค่ะ เห็นเขาพับถุงดำสำหรับแจกให้ผู้ประสบภัยมัดละ 2 ใบ แต่เขาพับกันอย่างเรียบร้อยเหลือเกิน อันนี้ไม่ได้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้คนมาเยอะขึ้นแล้วค่ะ จำนวนคนล้นงานตรงนี้แล้ว เลยเดินไปดูจุดอื่น เขาแยกนมผู้ใหญ่ กับนมเด็กกันค่ะ ก็ไปนั่งช่วยกันคัด เพราะเขาจะแจกถุงละ 2 กล่อง พวกนมแพค 6 จึงต้องนำมาแกะออก
ระหว่างทำงานกันไป ปุ้มก็บ่นถึงพี่นีย์ น้องเขียน คงจะเพราะเหงาปาก เพราะฉันมีอีกฉายาคือซิ้มใบ้ 555555555  ส่วนฉันก็คิดถึงแก๊งสุโค่ย อยากให้มาสัมผัสบรรยากาศการทำงานอาสาของที่นี่ ก็เลยคุยกันว่าจะชวนพี่น้องวัฒนามากันดีไหม? ปุ้มขอให้เป็นเสาร์อาทิตย์เพราะอยากมีส่วนร่วม ฉันไม่แน่ใจว่ากว่าจะถึงเสาร์หน้า จะยังมีงานพวกนี้ให้ทำอยู่หรือเปล่า เพราะน้ำก็ลดลงไปเยอะแล้วในหลายพื้นที่ อีกอย่างของบริจาคจะมีมาเพิ่มหรือไม่? ถ้าที่เห็น ก็น่าจะเสร็จก่อนถึงวันเสาร์หน้า แต่ก็คงจะดีไม่น้อยหรอกถ้าได้ทำงานสาธารณกุศลกับแก๊งสุโค่ย เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้มาประสบคบกันเป็นแก๊งต่อไป 55555555
นึกว่าจะได้บรรจุของลงถุง แต่น้องปุ้มถามตอน 5 โมงว่าจะกลับหรือยัง? ฉันก็เห็นใจว่าน้องเขาเป็นคนทำงาน พรุ่งนี้ก็วันจันทร์ จึงต้องจากลาด้วยความเสียดาย ครั้นจะบอกให้ปุ้มกลับไปก่อน ก็น่ะ...แล้วฉันจะกลับยังไง?? 5555555
ถุงยังชีพที่นี่ ไม่เพียงแต่เป็นของบริจาค แต่เป็นของขวัญที่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่ และห่วงใยไปถึงผู้ประสบภัยทุกคน เป็นการ”ให้”ที่ชัดเจนถึงความตั้งใจที่จะ “ให้” การให้แบบนี้สำหรับฉันแล้ว เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจริง ๆ ค่ะ
ใครที่อ่านบทความนี้ แล้วมีความประสงค์จะบริจาคเงิน หรือสิ่งของเพื่อทำบุญ ฉันไม่ลังเลเลยที่จะแนะนำมูลนิธินี้เลยค่ะ รับรองว่าสมเจตนารมณ์แน่นอน หรือจะอุดหนุนหนังสือธรรม สินค้าผ้าทอซาโอริ ซึ่งยอดเงินที่ได้จากการจำหน่ายจะนำไปช่วยผู้ประสบภัยโดยไม่หักค่าใช้จ่ายค่ะ เวบไซต์เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ http://www.watpahsunan.org/index.html
ดังนั้น..weekend ของฉันและปุ้ม จึงหมดไปกับการให้ความสุขกับตัวเองดังนี้.
ปล. ภาพประกอบดูสวยงามจากอภินันทนาการของน้องปุ้มค่ะ ได้ถามปุ้มว่า..ลงรูปเปล่า ๆ ได้ป่ะ แบบไม่ต้องมีกรอบรูปน่ะ ปุ้มตอบว่า "ไม่ได้ค่ะ" 5555555555



1 ความคิดเห็น:

Rarin กล่าวว่า...

อนุโมทนาสาธุกับอ่องและปุ้มด้วยค่ะ .. น่ารักมากๆ ทั้งสองคน .. ขอให้หนูทั้งสองแคล้วคลาดจากน้ำท่วมตลอดไปนะคะ ..