วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

วัฒนาโฮมคัมมิ่ง

พลังความสุข ความรัก ความผูกพันอันยิ่งใหญ่
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอะไรที่...เล่าไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนดี เพราะมันช่าง อื่น ๆ อีกมากมาย จริง ๆ ค่ะ งานวัฒนาโฮมคัมมิ่งที่จัดขึ้น เป็นงานแรกที่พาพวกเราคัมมิ่งโฮมอย่างเต็มรูปแบบ คณะทำงานก็เหน็ดเหนื่อยกันถ้วนหน้า เหนื่อยเพราะมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ งงเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้มีการจัดกัน ก็พยายามสุมหัวกันระดมความคิดเพื่อให้งานนี้ สามารถพาพวกเราย้อนกลับไปสู่บรรยากาศเก่า ๆ ที่คุ้นเคยกันให้มากที่สุด เท่าที่พวกเราจะสามารถทำได้ 

หลังจากที่เหนื่อยกันมามากมาย ผ่านมา 3 วัน ทุกคนก็หายเหนื่อยแล้ว แต่มาเพลียตาแทน เนื่องจากคลื่นรูปที่ถาโถมลงใน FACEBOOK นับเป็นพันเป็นหมื่นรูปได้มั้งคะ ดูกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ฉันเองนั่งดูตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์จนเช้าวันนี้ คิดว่าจะพัก และเริ่มบันทึกเหตุการณ์ความสุข ความรัก ความผูกพันอันยิ่งใหญ่ก่อนที่จะสับสน  ไอ้ลืมน่ะไม่มีลืมง่าย ๆ อยู่แล้วค่ะ เพียงแต่การเล่า...โดยเฉพาะเล่าให้ผู้ที่ไม่ได้มาได้ฟังท่ามกลางผู้ที่มาเนี่ยะ...มันยากนะคะ เพราะจะทำเนียน มั่ว ๆ ไปบ้างก็ไม่ได้

เกริ่นกันมานาน กว่าจะเข้าเรื่อง...เกริ่นถ่วงเวลาค่ะ...งานนี้มี big surprises สำหรับฉันหลายรายการ และขีดความปลาบปลื้มดีใจก็มากเท่า ๆ กันจนต้องบอกก่อนว่า เล่าก่อนเล่าหลังไม่ได้แปลว่าจัดอันดับนะคะ เพราะทุกคนที่ได้มางานเพราะฉันออดอ้อนให้มานั้น...คือเบื้องหลังรอยยิ้มอันเบิกบานของฉันเท่าเทียมกันค่ะ...

ตอนเช้าก่อนงานเริ่ม เอ็มได้เชิญครูเวรมาประชุมบริ๊ฟท์บทบาทหน้าที่ว่าครูจะต้องทำอะไรบ้าง ภาพที่ครูตั้งอกตั้งใจฟังอดีตนักเรียนทำให้พวกเราต้องได้อายเชียวค่ะ เพราะสมัยเรียน พวกเราไม่ได้ตั้งใจฟังครูสอนเท่านี้เลยค่ะ จริง ๆ..

หลังจากที่เจอพี่อ้น (พี่อ้อนขา อ่องขออนุญาตเรียกอย่างเคยนะคะ) ที่ร้านอาหารแถวสมิติเวชเมื่อวันเกิดปีที่แล้ว ฉันก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอพี่อ้นอีกโดยเฉพาะในวันนี้ (แต่สารภาพว่าแอบหวัง เพราะอยากเจอพี่หัวโต๊ะในวัฒนาอีก) เมื่อได้เจอเข้าจริง ๆ ในวันวัฒนาโฮมคัมมิ่ง  ฉันก็รู้สึกยินดีจนกล้าที่จะพูดคุย (จนต่อยหอยแตกไปหลายตัว) กับพี่อ้น แถมขอให้พี่อ้นช่วยโทรตามพี่ตุ้มมาให้ด้วย พี่ตุ้มก็อยากมา แต่ติดภารกิจจริง ๆ ฉันก็เศร้าแป๊บเดียว เพราะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมายในวันดี ๆ เช่นนี้  บางทีการที่พี่ตุ้มไม่มา พระเจ้าอาจจะอยากให้ฉันร่อนไปร่อนมาทั่ว ๆ มากกว่ามาเกาะติดพี่ตุ้มคนเดียวก็เป็นได้ เพราะถ้าพี่ตุ้มมานี่...ยัยอ่องติดหนึบกับพี่ตุ้มคนเดียวและก็พลาดกับทุก ๆ รายการแน่ ๆ ขนาดพี่ตุ้มไม่มายังพลาดไป 2 รายการเลยค่ะ คือตอนเคารพธงชาติกับตอนครูวรรณดีปลูกต้นไม้

เข้าเรื่อง ๆ ..... พูดถึงพี่สาวที่รักทีไร เป็นได้กางใบออกทะเลอันดามันทุกที..... สมัยอยู่โรงเรียน ฉันก็ไม่กล้าพูดคุยกับพี่อ้นเลย (พี่ไหน ๆ ก็ไม่กล้าเว้นพี่ตุ้ม) จริงไหมคะ? เป็นพี่หัวโต๊ะนพพรมา 1 ปี พี่อ้นเคยเห็นดอกพิกุลไหมคะ ฮ่า ๆ พอมาเจอกันวันนี้ ด้วยความดีใจอย่างมหาศาล ความกล้าหาญก็บังเกิด ได้พูดคุยกับพี่อ้น ได้ถ่ายรูปร่วมกันหลายใบ พี่อ้นเหมือนเดิมเลยค่ะเว้นสีผม ส่วนนพพร เปลี่ยนไปแม้แต่สีผม ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยนอกจากหัวใจ ฮิ้ว~~~~~ ความปิติมีมากจนล้น ตอนที่ไปนั่งถ่ายรูปกันสองคน มีแอบหอมแก้มพี่อ้นด้วย พี่อ้นเลยทำเอ็ดมาว่า มากไป ๆ ช่างกล้าเนอะ แล้วยังได้นั่งโต๊ะเดียวกับพี่อ้น เป็นพี่หัวโต๊ะให้พี่อ้นอีก โอ้โห...อะไรจะสุขสันต์วันโฮมคัมมิ่งปานนี้

เหมียวบอกว่า ยัยอ่องหน้าบานเป็นจานดาวเทียม...เห็นเพื่อนรุ่น105 เป็นนางฟ้า... อันนี้ไม่ผิดจากความจริงเลย เพราะจนวินาทีสุดท้ายก่อนออกจากบ้านมาเข้าค่าย เพื่อน ๆ รุ่นนี้ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองให้เห็นว่าสนใจที่จะมาร่วมงาน...แต่พอมากันก็มาถึง 15 คน!!! แม้ว่าฉันจะต้องลงทุนบนว่าถ้ามาเกิน 5 คนจะเต้นให้ดู แต่ก็น่ะ...คุ้มค่าทุกนาที... ฉันอยากจะบอกรุ่น 105 ว่าพวกเธอทำให้หัวใจที่แป้วเหี่ยบแฟ่บของฉันพองโตขึ้นจนคับแทบปริเลยทีเดียว เกิดความมั่นใจขึ้นอย่างสุด ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้มาอยู่ในกลุ่มเพื่อน ๆ  เพราะมัวร่อนไปทางนี้ที ทางนั้นที แยกร่างไม่ได้แต่ร่อนได้ ฮ่า ๆ ๆ แต่ก็อยากจะบอกเพื่อนว่าขอบคุณ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และขอบคุณ!!!! บอกแล้วใช่ไหมว่างานนี้สนุกแน่นอน ?  ติดใจกันเป็นแถวเลยใช่ไหมล่ะจ๊ะ? รุ่น 106 ก็ไม่น้อยหน้าเลย มากัน 15 คน  งานนี้รุ่น นพพร แชมป์ค่ะ 15+15+1=31 คน เท่ากับ 1 ห้องเรียนพอดี ว้าว !!!  แต่เพื่อน ๆ จ๋า...ความสนุกที่ได้ พอจะชดเชยให้ฉันไม่ต้องเต้นได้หรือเปล่า? แหะ ๆ ขอบอกว่าคืนวันพฤหัสที่พวกเธอโพสต์ลง fb ว่าจะมาเกิน 5 คนเนี่ยะ สร้างความเครียดให้ฉันอย่างมากนะ ดีที่ไม่บอกว่าจะร้องเพลงให้ฟัง หวิดไปแล้ว เหอ ๆ ๆ ๆ

ตอนที่ครูวัชรินทร์เดินมาทักฉัน ฉันก็ยกมือไหว้ ปากก็กำลังจะถามว่า พี่.....? ดีที่ครูชิงแนะนำตัวก่อนว่าครูวัชรินทร์จ้ะ.... ฉันถึงกับต้องปรับสมอง ปรับสายตาอย่างเร่งด่วน....โอ้ว นี่ฉันเบลอขนาดแยกครูออกจากรุ่นพี่ไม่ได้แล้วเหรอเนี่ยะ? ครูวัชรินทร์ยังจำได้ดีว่าฉันชอบเขียนนิยายในชั่วโมงเลขของครู ทั้ง ๆ ที่นั่งหน้าห้อง แถมครูก็ยืนสอนอยู่ติด ๆ โต๊ะฉันนี่แหละ ครูบอกว่าเพราะเหตุนี้ ทำให้ครูมาทบทวนว่า...คงไม่เหมาะที่จะเป็นครู เพราะไม่สามารถทำให้นักเรียนสนใจสิ่งที่สอนได้  ครูขา หนูผิดไปแล้ววววว.....

อดีตนายกผมสีม่วงมาในชุดน้องเจน ใส่ชุดนักเรียนเดินหน้าบานเข้ามาท่ามกลางเสียงกรี๊ด เสียงโห่รับลั่นหน้าบ้าน  ฉันงี้ตะลึงจนลืมถ่ายรูปไปเลย คิดดูซิว่าน่าตะลึงขนาดไหน ฮ่า ๆ  น้องเจนเลยเป็นดาราประจำงานไป ใคร ๆ ก็อยากถ่ายรูปด้วย สุโค่ยมากค่ะ ข้าน้อยขอคารวะท่านหัวหน้า

ศิษย์เก่าและแก่ (คำของท่านผู้หญิงสุมาลีเองค่ะ) มาอย่างสง่างามเหมือนเคย ฉันยืนอยู่บนหน้าบ้านพอดีตอนที่ท่านผู้หญิงลงจากรถ โดยไม่รู้ตัว ฉันเข้าไปกราบสวัสดีถึงตัวท่านด้วยความลิงโลด เพราะก่อนหน้าวันโฮมเพียงไม่กี่วันยังฝันว่าเจอ และในฝันก็ได้ถามว่าท่านจะมาหรือไม่? ซึ่งตอนนี้...ฝันนั้นก็เป็นจริงแล้ว.... ท่านยังสร้างความปิติยินดีให้ฉันด้วยการชูโปรแกรมและจดหมายที่ฉันเขียนไปเชิญแกมอ้อนให้ท่านมา ฮ่า ๆ ช่างกล้าเนอะ อ้อนกระทั่งท่านผู้หญิงสุมาลี ท่านมาในฟอร์มเสื้อขาว กางเกงขายาวสีแดง ท่านบอกว่าแวะมาได้แป๊บเดียวเพราะต้องไปประชุมที่อื่นต่อ ฉันอยากจะเรียนท่านว่า...เท่าที่ท่านได้มา พวกเราทุกคนก็ปลาบปลื้มกันสุด ๆ แล้วค่ะ แล้วท่านก็มอบซองแสดงความยินดีกับการจัดงานต่อสวว.ให้ไว้กับฉัน ซึ่งได้ส่งต่อถึงนายกแดงโดยเรียบร้อยแล้ว....

ท่านผู้หญิงมาได้เวลาดีจริง ๆ  เพราะได้เวลาที่ฉันต้องขึ้นไปตีระฆังให้ทุกคนไปกินข้าวเที่ยงกัน  พี่อ๋องบอกไว้ว่าตีนาน ๆ ๆ ๆ ๆ เลยนะ แต่ตีอยู่นาน มองมาข้างล่างก็ไม่เห็นมีใครได้รู้เรื่องเล้ย?  ไอ้นาน ๆ ๆ ๆ ของพี่อ๋องเนี่ยะ มันต้องกินเวลาเท่าไรล่ะเนี่ย  หรือจะต้องตีจนเป็นผีเวรเฝ้าระฆัง?

หลังจากตีแก๊ง ๆ ๆ ๆ (รู้สึกมันจะดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ มากกว่า ฮ่า ๆ) ฝูงนกกระจอกก็ค่อย ๆ รู้ตัว เพราะพี่อ๋องพี่เก็จพี่ตุ้มช่วย ๆ กันประกาศและต้อนนกกระจอกร่วม 300 คนไปห้องกินข้าวที่ต้องไปกินกันที่ตึกใหม่ (แถว ๆ ตึกประถม) ฉันก็เดินไปสมทบทีหลัง ในห้องอาหารเต็มไปด้วยเด็กนักเรียนคนเก่าคราบใหม่ จับจองโต๊ะกันเป็นที่อลหม่าน ไอ้ที่พวกเรานั่งจัดโต๊ะกันไม่ได้หลับได้นอนไม่เป็นผลแม้แต่น้อย เพราะทุกคนอยากนั่งกับเพื่อนกันหมด ส่วนฉันหาเพื่อนไม่เจอ ไปนั่งกันตรงไหนมั่งเนี่ยะ กำลังยืนมองงง ๆ พี่หนิงเห็นก็เรียกให้มานั่งโต๊ะรุ่น 100 ก่อน แต่พอมองเห็นพี่อ้น ก็วิ่งไปนั่งกับพี่อ้นซะงั้น ฮ่า ๆ

ตอนแรกบอกพี่อ้นว่าให้พี่เป็นพี่หัวโต๊ะอีกรอบ พี่อ้นเสนอไอเดียดีกว่านั้น ให้อ่องเป็นพี่หัวโต๊ะมั่ง เขินมาก เพราะมองไปทั้งโต๊ะรุ่น 99 ทั้งโต๊ะอ่ะ  แต่พี่ ๆ ทุกคนน่ารักมากค่ะ ไม่ทำให้อึดอัดขัดเขินเลย แถมกินข้าวกันคนละ 2 จาน แปลว่าพี่หัวโต๊ะทำหน้าที่ได้ดีมากใช่ไหมคะ ลูกโต๊ะเลยกินได้เยอะ น่าน...เอาความดีความชอบใส่ตัวซะเฉย ๆ อย่างนั้นเลยนะนพพร....

ก่อนกินข้าวก็มีการร้องเพลง โดยพี่โอ๋บุปผา เป็นคนเล่นเปียโน ....อา วันวานยังหวานอยู่ ~~~~

ตอนที่ฉันกินข้าวอิ่มแล้ว ป้าจีรวัสส์ก็เข้ามาในโรงอาหารพอดี  เหตุผลที่ป้าจีมาสาย เป็นเพราะต้องแวะไปโรงพยาบาลก่อน ป้าจีบอกตอนที่ฉันเข้าไปกอดและกราบสวัสดีว่า ป้าพยายามโทรหาแล้วแต่โทรไม่ติด เพราะมือถือฉันไม่มีคลื่นค่ะ ป้าจีเป็นที่เคารพรักของวัฒนาทุกรุ่นจริง ๆ สังเกตจากจำนวนคนที่ทยอยกันเข้ามาทัก  ไม่ขาดสายจริง ๆ จนป้าจีแทบไม่เป็นอันได้กินยำทวายของโปรดเลยทีเดียว

ตอนกินข้าวเสร็จ นายกแดงได้เชิญ 3 แม่ครัวผู้รังสรรค์อาหารให้พวกเรากินกันมาตลอด 40 ปีนี้มาอวดโฉมอย่างเป็นทางการ แสงแฟรชวูบวาบราวกับดาราฮอลลีวูดปรากฏตัว เสียงปรบมือดังและยาวนานจนฉันเองรู้สึกตื้นตัน  พวกเราหลายคนยกมือไหว้ขอบคุณแม่ครัวสำหรับอาหารดี ๆ ที่ได้บำรุงพวกเราตลอดมา โมทนาอาหารประจำวัน ทั้งผู้จัดสรรและบริการ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

เมื่ออิ่มแล้วทุกคนก็ทยอยมุ่งไปตึกเรียน แต่ฉันไปถึงช้า เพราะต้องคอยดูแลพาป้าจีไปด้วยความรับผิดชอบในฐานะพี่เวร และคนไปอ้อนป้าจีมางาน ก็พาป้าจีไปหน้าบ้านก่อนเพื่อเปลี่ยนยูนิฟอร์ม แล้วจึงมุ่งหน้าไปตึกเรียนกัน จึงได้พลาดตอนน้องเจนกับพี่แอ๊ะชักธงอย่างน่าเสียดาย

เห็นทุกคนนั่งกันเต็มห้องประชุมแล้ว ฉันแอบถามตึกเรียนว่า...ดีใจไหมคะที่ทุกคนกลับมาทักทายกันอีกครั้งหนึ่ง?.... ฉันว่าฉันได้ยินคำตอบนะ เพราะห้องประชุมที่เคยอึมครึม เงียบเหงาในหลายครั้งที่ฉันแวะเวียนมาถ่ายรูป บัดนี้กลับสว่างไสวด้วยรอยยิ้ม มีชีวิตชีวาด้วยเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของฝูงนกวัฒนาฝูงใหญ่ กระทั่งครูวรรณดีก็แทบต้องซดยาชวนป๋วยบวกยาเสือดำเพื่อบำรุงหลอดเสียง แต่ที่สะกดห้องประชุมให้เงียบงันได้จริง ๆ กลับเป็นเสียงร้องเพลงของพี่น้อย จันทนีย์ สะกดทุกคนให้ตกอยู่ในภวังค์จนป้าจีต้องชะโงกมาดูหน้าคนร้องเชียวแหละค่ะ สุดยอดมากสำหรับนักร้องเสียงเพชรสิบกะรัตคนนี้

หนึ่งในกิจกรรมที่ไฮไลต์ และสนุกที่สุดของงานนี้คือการประมูลโต๊ะเก้าอี้เรียน ที่เริ่มต้นจาก 2 พัน ค่อย ๆ ขยับ ๆ ท่ามกลางการลุ้นของคณะทำงานว่าจะถึงเป้าที่คุยกันไว้ 2 หมื่นหรือไม่? แต่ในที่สุดก็สามารถเกิน 2 หมื่นจนได้ ตอนนี้เหล่าผู้ประมูลเริ่มคึกคัก คณะทำงานก็หน้าบาน ส่วนคนเชียร์ไม่ต้องพูดถึง ....นานแค่ไหนแล้วที่ห้องประชุมไม่เคยมีเสียงกรี๊ดดังขนาดนี้  ดีที่กำลังจะปิดซ่อมพอดี 555555 เพราะป่านนี้คงกระเทือนด้วยพลังเสียงจนปูนกระเทาะไปหลายจุดแล้วม้าง ตัวเลขมานิ่งอยู่ที่ 6 หมื่นนานพอสมควร จนครูวรรณดีใกล้ทุบค้อนสรุปราคา ทันใดนั้นน้องเจนก็ยกมือลุกขึ้น...1 แสนบาทค่ะ สำหรับการบูรณะตึกเรียนอันเป็นที่รักและภาคภูมิใจของวัฒนามาตั้งแต่ปี 1919..... เสียงกรี๊ดระเบิดอย่างยาวนาน ๆ พร้อมๆ กับการปลุกชีพผู้ประมูลให้ฮึกเหิม จาก 1 แสนจึงขึ้นพรวด ๆ เหมือนราคาทองคำ ขึ้นแล้วไม่มีลง ยิ่งแพงก็ยิ่งยวนใจให้ไขว่คว้า 55555555 เหตุการณ์ตอนประมูลฉันคงไม่สามารถถ่ายทอดได้ครบ เพราะหูไม่ดี 5555555 ผู้ได้มาอยู่ในห้องประชุมวันนั้นคงไม่ลืมไปอีกนาน ส่วนผู้ที่ไม่ได้มาอยู่ก็...จงใคร่รู้ใคร่เห็นต่อไป   5555555  เอาบทสรุปก็แล้วกันนะคะ สรุปว่าโรงเรียนเพิ่มโต๊ะเก้าอี้ให้อีก 2 ตัว เป็น 3 ตัวค่ะ ผู้ชนะการประมูลได้แก่น้องปริญดา รุ่น 111 ประมูลได้ในราคา 1 แสนห้าหมื่นบาท !!!! หมอฟันจงเจริญ!!!!! ที่สองคือจอย นิลเนตร รุ่นฉันเอง 555555 ประมูลได้ 1 แสนสามหมื่น และพี่ ๆ รุ่น 101 นำโดยพี่หมอตุ้ย 1 แสน2 หมื่น  หมอฟันจงเจริญอีกรอบ 55555555

และที่หลาย ๆ คนชอบ จนรุ่น 105 ที่ไม่ได้จองล่วงหน้าอดกระจองอแงอยากได้มั่งไม่ได้คือ บัตรแดงรุ่นลิมิตเตด โฮมคัมมิ่ง ซึ่งครูวรรณดีลงทุนเขียนด้วยลายมือครู พร้อมกับเซ็นชื่อให้ทุกใบค่ะ! กว่าจะเขียนหมด นิ้วมือข้างขวาแทบขึ้นกล้าม ฮ่า ๆ ๆ บัตรแดงนี้พอฉันกลับมาถึงบ้านก็รีบวิ่งไปให้คุณแม่เซ็น ไม่เท่านั้น ยังเอาบัตรเก่าไปให้เทียบให้เหมือนอีกด้วยค่ะ เท่สะไม่มีล่ะนพพร !! ตอนแจกบัตรแดงแรก ๆ ครูก็แจกทีละคนทีละใบ หลัง ๆ ชักเมื่อย ฮ่า ๆ มาเริ่มที่ฉัน..เอ้านพพร เป็นตัวแทนละกัน รับไปแจกเพื่อน ๆ  เมื่อรับบัตรแดงกันจบแล้วก็ร้องเพลงปิดท้าย วัฒนาต้องร้องเพลง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าฉันจบจากวัฒนาได้ไงไม่ชอบร้องเพลง ฮ่า ๆ ๆ ฉันได้เดินไปฟังพี่อ้นร้องเพลงด้วย เสียงหวานเพราะเชียว... พี่อ้นน่าจะเข้า wwa alumni glee club นะคะ หลังจากนี้เราได้ไปถ่ายรูปกันหน้าตึกเรียนค่ะ

จากนั้นป้าจีกับคุณแม่พี่อ๋องก็ได้เวลากลับแล้วค่ะ ฉันเข็นรถไปส่งป้าจี กลับมาครูวรรณดีปลูกต้นไม้เสร็จไปแล้ว จึงเดินเตร่ไปดูกีฬาสีและได้คุยกับเพื่อน ๆ บ้างเล็กน้อยช่วงนี้ หลายคนทยอยกันกลับบ้าน แต่ก็มีหลายคนที่ยังยืนหยัดอยู่โรงเรียน ที่ไม่ได้ดูกีฬาก็เตร่ไปทัวร์โรงเรียน เพราะสำหรับบางคนแล้ว การที่ห่างโรงเรียนไป 20 ปีขึ้น โรงเรียนเปลี่ยนไปมากมายจริง ๆ  มีคนถามฉันเยอะแยะว่าตึกนี้ตึกอะไร ใช้ทำอะไรมั่ง ฯลฯ ฉันก็ตอบเท่าที่รู้ เพราะบอกตามตรงว่าถึงจะมาโรงเรียนบ่อย ๆ ก็ไม่ค่อยสนใจตึกใหม่ ๆ เท่าไร ความรู้จึงจำกัดอยู่ในวงแคบค่ะ

พี่ไก่แก้วมาถึงในตอนเย็น ซึ่งนับว่าดี เพราะผู้ใหญ่กลับไปกันหมด มีพี่ไก่แก้วเข้ามาเป็นตัวแทนผู้อาวุโส แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่าพี่ไก่แก้วได้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันหรือไม่? เพราะถึงตอนนี้แบตตารี่อ่อนแรงใกล้หมดเต็มที  ฮ่า ๆ ฉันแอบขึ้นไปอาบน้ำหลังกินข้าว แล้วลงมาตามหาพี่เก็จ ด้วยความเป็นห่วงว่าพี่เก็จจะไหวไหม? พี่เก็จสปิริตวัฒนาแรงดีค่ะ บอกว่าเหนื่อย แต่ไม่ยอมขึ้นนอน เพิ่งมารู้ทีหลังว่ากลัวผี ฮ่า ๆ เลยอยู่ร่วมกิจกรรมกลางคืนด้วย มีประกวดโฮมคัมมิ่ง หลายคนบอกว่ากลางวันสนุก แต่กลางคืนเนือยไปหน่อย ไม่ได้แก้ตัวนะคะ...แต่คณะทำงานก็แรงน้อยถอยลงไปตาม ๆ กัน เพราะคืนที่ผ่านมากว่าจะจัดทุกอย่าง เตรียมความพร้อมสำหรับความสนุกสนานของพี่ ๆ น้อง ๆ ชาววัฒนาด้วยกัน ก็แทบไม่เหลือเวลานอนแล้วค่ะ แต่งานหน้า คณะทำงานตั้งใจกันว่าจะฟิตร่างกายมาให้ปั๋งกว่านี้  เพื่อความสุข ความรัก และความผูกพันของพี่น้องวัฒนาค่ะ ขอสัญญา...ลงชื่อ...เอ็ม ฮ่า ๆ ๆ

การประกวดโฮมคัมมิ่งควีนไม่มีรุ่นไหนส่งตัวแทนมา จึงต้องใช้วิธีเชิญแกมบังคับเลือกมาร่วม ถึงจะเหนื่อยมาทั้งวัน และไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่เหล่าผู้ประกวดก็ร่วมกิจกรรมกันอย่างไม่มีอิดออดแต่อย่างใดค่ะ และเราก็ได้โฮมควีนคนแรกของประวัติศาสตร์น้องกฤตยา ล่ำซำ (น้องปัด) รุ่น 107 ค่ะ ปิดท้ายงานด้วยเพลงวัฒนาที่เอ็มเดินมาบอกฉันว่า...ร้องให้แล้วนะพี่อ่อง ฮ่า ๆ ๆ เนื่องจากฉันขอไว้ว่างานนี้ควรมีการร้องเพลงประจำโรงเรียน

พวกเดย์แคมป์ก็ร่ำลาเพื่อน ๆ กลับบ้านกัน ยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ฉันไม่ไหวแล้ว กับพี่เก็จแว่บขึ้นไปนอนกันก่อน เตียงที่ตอนแรกจัดเรียงกัน ฉันกับพี่เก็จอยู่ห่างกันหลายเตียงอยู่ พี่เก็จบอกให้ย้ายมานอนติด ๆ กัน เพราะทั้งห้องใหญ่ตอนนี้มีคนนอนแค่สองคนมันโหวงเหวงชวนหวิว ฮ่า ๆ นอนได้ซักพัก ไนท์แคมป์ก็ทยอยกันขึ้นมาทีละคนสองคน พร้อม ๆ กับเสียงพูดคุยกันระหว่างทำเตียง พี่เก็จกับฉันนอนไม่หลับ จึงชวนกันย่องกลับไปนอนตึก 4 ตามเดิม โดยมีป๊ากนำทาง นับเป็นประสบการณ์ข้ามตึกครั้งแรกในชีวิตนพพรเลยทีเดียว

เช้ามาฉันหลับสนิท จริง ๆ แล้วตื่นตี 4 มานั่งดูทีวีสักพักแล้วกลับไปนอนต่อเพราะพี่อ๋องบอกว่าไม่ต้องตีระฆังปลุกเลยหมดภาระ หลับได้สนิทจนพี่เก็จต้องมาปลุกตอน 8 โมง ฮ่า ๆ  ถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว นอกจากคณะทำงานมาช่วยกันเก็บตกสิ่งต่าง ๆ ในระหว่างที่บางคนไปโบสถ์ บางคนก็กลับบ้านไปหลังจากกินกล้วยน้ำว้าและนมสดส่งท้าย

.....นี่คือเรื่องราว เหตุการณ์เท่าที่สามารถรวบรวมมาเรียบเรียงเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ แม้จะไม่ครบถ้วนเท่าไร แต่ก็หวังว่าจะได้รับอรรถรสกันเพียงพอที่จะทำให้งานครั้งหน้า จะได้รับการตอบรับจากเพื่อน ๆ และพี่ ๆ น้อง ๆ ไม่น้อยกว่าครั้งนี้นะคะ....  จนกว่าเราจะพบกันใหม่ที่วัฒนาที่รักของเรา....เฝ้าคิดติดแด เฝ้านึกแต่โรงเรียน.....


5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้มากค่ะ
และขอบคุณสำหรับความประทับใจ สนุกสนาน ในงานโฮมคัมมิ่ง
.. ยกนิ้วให้เลยค่ะ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

พี่หมอตุ้ยฝากมาบอกค่ะว่า
Mulliga wrote:"I would like to write something in your blog of home coming but could not do it. So low tech ja.For the table of 101, it is 120,000 baht from Dr. Dow( Suleewan ) and me ka."

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

น้องน้ำพริกอ่องจ๋า

พี่นึกภาพตามที่อ่องบรรยายไปทุกขั้นตอน ทำให้รู้สึกประดุจมาร่วมงานด้วย

ขอบอกว่าเล่าได้เจ๋งจริงๆ ไม่เยิ่นเย้อ ไม่ตกหล่น (ถึงตกถึงหล่น พี่ก็คงไม่ทราบเนอะ)

แต่ได้อ่านเท่านี้ ก็เต็มอิ่มแล้วจ้ะ ขอบคุณจริงๆ ...น้ำพริกอ่องถ้วยน้อยๆ ผู้น่ารัก.....

(พี่) เฉิดศิริ.

อ่องคะ



เขียนได้น่าอ่านมากเลย รื่นและพริ้วไหว เห็นภาพ พี่ขออนุญาตนำไปลงในวารสารได้มั้ย โดยจะขอเพิ่มเติม ชื่อจริง ของท่านที่ถูกกล่าวถึงนะคะ หากโอเคก็ตอบมานะคะ



Pongtip (Dang) Thesaphu

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

Parichard Kasemsuwan ถึงไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ได้ดูรูปและอ่าน Blog แล้วสนุกไปด้วย ตอนอยู่ร.ร. ได้วิชาเรียงความเต็มรึเป่าเนี่ย.. ยายอ่อง..

Chararin Yarnnon อ่องเขียนเมื่อไหร่เนี่ย .. อ่านแล้ว .. ชอบ มาก มาก จ้ะ ... มีอะไรจะเขียนเพิ่มเติมอีกมั้ย?? อยากอ่านอีกจ้ะ ..

Kritaya Lamsam อ่าน Blog แล้วค่ะ ชอบบทความมากค่ะ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

มีความเห็นที่ให้กำลังใจจากอีกหลาย ๆ คน แต่ไม่ได้นำมาลงทั้งหมด ขอขอบคุณชาววัฒนาทุกคนค่ะ ทั้งที่อ่าน+ไม่ได้อ่านบทความนี้ ทั้งที่มา+ไม่ได้มางานโฮมคัมมิ่ง แต่ทุกคนคือเบื้องหน้าเบื้องหลังของบทความนี้ค่ะ

อ่อง