วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ฝันแรกของปี 2010



เราจะทำอะไรให้กับโรงเรียนอันเป็นที่รักได้บ้าง?

นับตั้งแต่ได้มีโอกาสเข้าไปคลุกคลีกับโรงเรียนหลังจากเรียนจบมา อันที่จริงจะว่าห่างเหินโรงเรียนไปเสียเลยก็คงพูดไม่ได้ เพราะจบออกไปแล้ว ก็ยังกลับเข้าไปเดินเล่นอยู่บ่อย ๆ ไปสวัสดีคุณครูที่รู้จัก ไปเดินสูดไอกลิ่น วัฒนา ที่คุ้นเคย  ไปลิ้มรสอาหารที่คุ้นลิ้น 55555555 อันนี้ชอบมาก นับจากวันที่ครูเสริมศรีฉุดไปกินข้าวในห้องอาหารครูซึ่งสมัยนั้นยังมีบรรดาครูผู้ยิ่งใหญ่นั่งกันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว (ครูผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ได้แก่ อจ.ประพิธ อจ.ภิญโญ อจ.เพ็ญเพ็ชร เป็นอาทิ) เมื่อผ่านเวลากลืนอาหารลำบากนั้นมาได้แล้ว ก็หาญกล้ามากขึ้น 555555555 ทีนี้เลยไปกินข้าวโรงเรียนบ่อย ๆ บางทีไปไม่เจอครูเสริมศรี ก็มีครูวารุณีจูงไปกินข้าวโรงเรียนแทน เพราะมักเลือกไปตอนที่ถึงเวลากินข้าว 55555555

แต่จริง ๆ แล้วมีความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่นับไม่ถ้วน แต่ละความทรงจำ ตอนที่เกิดก็ขมขื่นน่าดู พอมานั่งย้อนกลับไปกลับได้นั่งอมยิ้ม ได้ความสุขอย่างบอกไม่ถูกข้างในหัวใจ (แก่ ๆ เหี่ยว ๆ) ดวงนี้  คนที่มีเลือดวัฒนาทุกคน จะเข้าใจคำพูดของฉันนี้ว่าไม่ได้โอเว่อร์ประการใด 

วันหลัง ๆ จะมาเขียนเล่าให้ฟังถึงวันเก่า ๆ ที่ตราตรึง แต่วันนี้ เราจะขอคุยเรื่อง ฝันแรกแห่งปี 2010 ก่อน  เดี๋ยวหาทางกลับมาไม่ถูก 55555555

ปีที่แล้ว วันหนึ่งจะเป็นวันที่เท่าไรไม่ปรากฏ(ใน memory) อยู่ ๆ ป๊าก สรีวิมล รุ่น 106 ก็เข้ามาหาที่บ้าน ชวนไปฟังการซ้อมร้องเพลง  เราก็...จะชวนไปทำมะหยังเนี่ยะ เพราะยังไงเสีย ชาตินี้ไม่มีวันร้องเพลงให้บุคคลที่ 4 อั๊พได้ฟังเด็ดขาด แต่ด้วยความที่เห็นแก่ อาหารโรงเรียน แท้ ๆ จึงตกลงไปเพราะได้ยินว่าจะได้กินข้าวโรงเรียน เหอ ๆ

แล้วต่อมา ป๊ากก็พาไปรู้จักพี่เต่า พร้อมกับสรรเสริญเยินยอฉันอย่างโอเวอร์ว่าเก่งงั้น เก่งงี้  ยัยป๊ากเอ๋ย ก็ถ้าฉันเก่งจริงอย่างที่เธอว่า...ฉันจะตกงานอย่างทุกวันนี้เหรอ? เฮ้ออออออ  คุยกันไปคุยกันมา ไม่รู้ได้เข้ามาทำวารสารได้อย่างไร  ไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ  เริ่มแรกเดิมทีก็ได้จัดระเบียบทะเบียนรุ่นทั้งหมดก่อน กว่าจะทำเสร็จ (แต่ยังไม่สมบูรณ์นัก) เจ้าหืดก็วิ่งไปออแถวลำคอ

ขอสารภาพว่าเกิดมาไม่เคยทำงานสังคมใด ๆ ทั้งสิ้น  พอได้เข้ามาแล้ว พบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งถูกใจ-คือได้รู้จักพี่ ๆ มากขึ้น ได้จับงานหนังสือโดยไม่คาดฝัน และไม่ถูกใจ-คือมีปัญหาในการทำงานตั้งแต่ต้น จนจบ กว่าจะจบปิดฉบับกันได้เนี่ย  ...หืดวิ่งจากคอฉันไปอาละวาดที่คอคนอื่น ๆ ด้วย!  แม้ว่าได้เข้ามาอยู่แค่ตะเข็บแนวชายแดนของสมาคมฯ ก็พอจะเห็นว่าสมาคมศิษย์เก่าวังหลังวัฒนาของเรานั้น มีความอ่อนแอ 

ก็ได้พูดคุยกับพี่ ๆ หลาย ๆ คน (คงต้องของสงวนนามอันทรงเกียรติของทุกคน คงผิดจรรยาบรรณถ้าเอามาเปิดเผยตอนนี้)  ปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าโรงเรียนอันเป็นที่รักอยู่ทุกวันนี้ ส่วนตัวแล้วคิดว่า...ถ้าสมาคมมีความเข้มแข็งพอ เราจะผนึกกำลังต่อต้านภัยให้วัฒนาได้ แม้ว่าภัยนั้นจะเป็นซึนามิอันมหิทธานุภาพสักแค่ไหนก็ตามที 

เข้าเรื่องสักที ....ความฝันแรกของปี 2010 ฉันอยากทำให้สมาคมมีความเข้มแข็ง สมเกียรติภูมิความเป็นสมาคมศิษย์เก่าวังหลังวัฒนา  ลองมาคิดกันดูนะคะ  ชื่อเสียงของโรงเรียนมาจากไหน? ตัวโรงเรียนเองก็เป็นเพียงสถาปัตยกรรมที่ถึงแม้ว่าจะสวย แต่ก็ไม่ได้สวยขนาดว่าจะเลื่องลือไปทั่ว  แต่สิ่งที่ทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงนั้นมาจาก นักเรียนที่จบจากโรงเรียน หรือที่เรียกว่า ศิษย์เก่า ไงคะ ศิษย์เหล่านี้ได้นำคุณสมบัติที่ถูกปลูกฝังโดยครูอาจารย์วัฒนาฯ ไปทำประโยชน์จนเป็นที่ยอมรับของสังคมนอกโรงเรียน  จนเกิดการชื่นชมในตัวศิษย์เหล่านั้น และความชื่นชมเหล่านั้นก็สะท้อนกลับมาที่สถาบันที่หล่อหลอมความเป็นคนขึ้นมา 

การก่อกำเนิดสมาคมเกิดขึ้นจากเหตุผลใด ฉันไม่รู้  แต่ฉันคิดว่าวัตถุประสงค์ของสมาคมน่าจะมีอยู่ว่าเพื่อโยงใยสายสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่าทุกรุ่นกับสถาบันการศึกษา  การโยงใยนั้นแน่นอน...ว่าต้องเป็นบุคคลสู่บุคคล  รุ่นพี่-รุ่นน้อง ในโลกทุกวันนี้ กาลเวลาที่ผ่านมา จำนวนน้อง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย และความเปลี่ยนแปลงในสังคม ก็ปรับเปลี่ยนไปมากมายไม่แพ้กัน ความเจริญ (หรือเสื่อมถอย?) ของสังคมได้ก่อเกิดแนวคิดที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  เป็นเรื่องธรรมดา เพราะในโลกเรา ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน

การที่สมาคมจะเข้มแข็งได้นั้น ก็ต้องเติบโต และปรับตัวไปตามกระแสที่ผันไปเรื่อย ซึ่งไม่น่าจะยากอะไรถ้าเรามี ความรัก ของทุกคนที่มีต่อวัฒนาเป็นตัวขับเคลื่อน ความยากมันอยู่ที่จะทำอย่างไรให้ความรักของศิษย์เก่าทุกคนคงอยู่ และทำงาน (remains and effective)?  เพราะความรักไม่ต่างจากต้นไม้นั้นเกิดได้ ก็ตายได้ ถ้าไม่หมั่นรดน้ำดูแลรักษา  ดังนั้นภารกิจแรกของสมาคม น่าจะเป็น..การทำให้ความรักนั้นคงอยู่ และพร้อมจะผลดอกออกผลด้วย


สิ่งแรกที่คิดเลยคือ ออฟฟิศสมาคม ได้คุยไปกับหลายคนว่าทำไมสมาคมเราจึงมีออฟฟิศที่ไม่พร้อมในหลาย ๆ ด้าน แล้วอย่างนี้งานจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไรกัน?  เพราะสำหรับฉันแล้ว การจะมีศิษย์เก่าที่จะเข้ามาทำงานในสมาคมอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีห้องทำงานที่ดูดี เอื้อประสิทธิภาพให้กับการทำงานในยุคสมัยนี้  เนื่องจากหลาย ๆ คนไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ โรงเรียน การเดินทางมาโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องสะดวกสำหรับหลายคนนัก แต่ก็ยังมีคนอยากทำประโยชน์ให้กับโรงเรียนอยู่หลายคน ดังนั้น ถ้าสมาคมมีออฟฟิศอย่าง PTA แล้ว ฉันเชื่อว่าสมาคมจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ไม่ยากเย็น

มีเสียงจากรุ่นพี่คนหนึ่งบอกมาว่าฉันไม่ควรเปรียบเทียบกับ PTA เพราะเหตุว่า PTA นั้นมีเงินสนับสนุน แต่เราไม่มี  ก็แล้วทำไมคนที่จ่ายเงินสนับสนุน PTA จึงไม่สนับสนุนสมาคมด้วยเล่า?  ทั้ง ๆ ที่ลำดับความสำคัญ ฉันมองว่าสมาคมน่าจะมีความสำคัญไม่เป็นรอง PTA เลย  ที่แล้วใหญ่ไปอีกคือ มีข่าวแว่วว่า สมาคมอาจจะต้องระเห็จหกเหิรไปตั้งออฟฟิศนอกโรงเรียนวัฒนา  โอ...พระเจ้า...โปรดอย่าให้ลูกต้องออกไปอยู่นอกสวนวัฒนาเลย แค่คิดก็วังเวงแล้ว ฉันคิดว่า ออฟฟิศสมาคมศิษย์เก่าฯ สมควรตั้งอยู่ในอาณาเขตโรงเรียนวัฒนาฯ เท่านั้น  ถ้าอยู่นอกโรงเรียนเสียแล้วจะชื่อว่าสมาคมศิษย์เก่าวังหลังวัฒนาได้อย่างไรกัน?

ฉันอยากให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนช่วยกันคิดว่าทำอย่างไร สมาคมจึงจะรักษาฐานมั่นไว้ในวัฒนาฯ ได้?  จากปัญหาต่าง ๆ ที่โรงเรียนกำลังประสบอยู่ เราต้องร่วมมือกันค่ะ จึงเกิดพลังที่เข้มแข็งพอจะรักษาวัฒนาฯ อันที่เป็นรักของเราไว้ได้.





~~วัฒนา...เกียรติคุณล้ำค่าเกินสิ่งใด
รักปักในหทัยทุกหมู่เคยอยู่มา~~

~~แม้อยู่ถึงแห่งไหนใจฉันยังคงมั่น
ไม่ห่างแม้ยามแก่เฝ้าคิดติดแด...
เฝ้านึกแต่โรงเรียน~~~

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

อ่อง ศาลาโคล์ยังอยู่ละเปล่าฮะ จำได้ว่ามีป้ายสมาคมศิษเก่าแปะอยู่ นั่นแหละออฟิศสมาคมล่ะ
เห็นด้วยจริงๆว่าควรจะมีสมาคมที่เข้มแข็งและคงความเป็นวัฒนาไว้ ชั้นกำลังทำโปรเจ็คสังคมสงเคราะข้ามชาติช่วยเหลือผู้ยากไร้ กับ วว รุ่น105 เพิ่งจะเริ่มต้นแค่นับหนึ่งเองแหละ ดีใจมากที่อ่องเขียนใส่บล็อก วัฒนาสอนบทเรียนที่สำคัญมากให้กับเราคือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นและช่วยเหลือผู้อื่น ยังติดอยู่ในหัวสมองแห้งๆอยู่จนทุกวันนี้ อ่องมีไรให้ช่วยบอกนะ เต็มที่เลยจ๊ะ ชอบที่อ่องเขียนทุกเรื่องเลย เจ๋งจริงๆเร็ย
แซ 105

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

เย้ ๆ ดีใจจังมีคนเห็นด้วยเป็นทางการแล้ว 1 คน ศาลาโคลก็ยังอยู่ดี และตอนนี้ก็ยังเป็นออฟฟิศอยู่ เพียงแต่..มันยังลูกผีลูกคน ขาดบุคลากรประจำออฟฟิศ และอุปกรณ์ที่จะทำงาน เชื่อไหม ตอนที่ทำวารสารที่เพิ่งปิดต้นฉบับไป ทีมงานต้องไปทำงานที่ออฟฟิศน้องชายฉันอ่ะ ตลกไหมล่ะ?

จริงเหรอ ว่าเพื่อนเรากำลังจะมีโปรเจ็คนั้น ฉันล่ะดีใจที่ได้รับทราบ แต่แซจ๋า เป็นไปได้ไหมที่รุ่นเราส่งตัวแทน
ไปเป็นกรรมการ แล้วทำงานสังคมในนามของรุ่น เสริมทัพสมาคมศิษย์เก่า การที่เราอยู่ใน"ชุด"ของสมาคม น่าจะทำอะไรได้ง่ายกว่า กว้างกว่า และประสิทธิภาพสูงกว่าในวัตถุประสงค์นะ เดี่ยวฉันจะลองชวนรุ่น 104 และ 106 มาร่วมด้วย รุ่น 106 เองตอนนี้เขามีกองทุนที่จะสำหรับทำอะไร ๆ พวกนี้อยู่เหมือนกัน แต่เป็นในลักษณะเอื้ออาทรครูบาอาจารย์มากกว่า คือครูวัฒนาก็มีโรงเรียนดูแลอยู่แล้วก็จริง แต่นี่เป็นน้ำใจจากศิษย์โดยตรง และฉันว่าเมื่อรวมตัวกันหลายรุ่น กำลังก็จะกล้าแข็งขึ้น ความรักสามัคคีในหมู่วัฒนาเลือดใหม่ (55555ก็ไม่ใหม่ซะทีเดียว กลางเก่ากลางใหม่ละกัน) จะได้จุดประกาย ปลุกรุ่นหลัง ๆ ให้เกิดความสนใจที่จะตอบแทนโรงเรียน ด้วย "คนละไม้ละมือสร้างสรรโลกในโสภา" ^______^

Unknown กล่าวว่า...

ทำในนามสมาคมก็ได้ ช่วยเหลือสังคมเราไม่กีดกันใครมีความตั้งใจที่ดีก็มาร่วมด้วยช่วยกันนะ จะก่อตั้งความแข็งแกร่งเราต้องมีเป้าหมายนะ ว่าสมาคมนี้มีหน้าที่ทำอะไร ตอนนี้ต้องสุมหัวกันคิดก่อนว่า เป้าหมายคืออะไร แล้วเราก็กระจายข่าว ถ้าเป้าหมายฟังดูเข้าท่า มาจอยสมาคมแล้วฟังดูเก๋นิดๆเดี๋ยวขี้คร้านจะขอเว้ตติ้งลิสต์กันให้วุ่น ของอย่างนี้เด็กวัฒนาถนัดที่ซู้ด ใช่ไม้อ่อง เดี๋ยวกลับ กทม คราวนี้จะช่วยเป็นผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุมให้นะ ตอนนี้ทำได้แค่ส่งกำลังใจจ๊ะ
แซ

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

You are so COOL!!!!! ดีใจมากมายที่ได้รับฟังความคิดเห็นของเพื่อนเช่นนี้ ว่าแต่จะกลับมาเป็นผู้ใหญ่แซ...มาตุ้งแช่ ๆ ประกาศข่าวเมื่อไรดี ?

เป้าหมายของสมาคม เด๋วจะหามาบอกแซอีกทีนะ เพราะตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลย