วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560

ห้องทำงานของหมอหัวใจ

วันนี้เป็นอีกวันที่ได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ได้ความรู้และประสบการณ์ในสถานที่ที่น้อยคนนักจะได้เข้าไปทัศนา นั่นคือห้องผ่าตัดโรคหัวใจค่ะ ได้รับความกรุณาจากพี่หมอบี๋เป็นกรณีพิเศษค่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายภาพในห้องผ่าตัดมา เพราะมือถืออยู่ในล็อกเกอร์🙄. ขอบรรยายเป็นตัวอักษรนะคะ จินตนาการเป็นการออกกำลังสมองที่ดีค่ะ 
ก่อนจะเข้าไปในห้องผ่าตัด ต้องเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อของโรงพยาบาลค่ะ เสื้อผ้าและกางเกงถอดออกหมด รองเท้าก็เช่นกัน เสื้อผ้าและกระเป๋าเก็บในล็อกเกอร์คุณหมอ จากนั้นพี่หมอบี๋ก็พาไปทัศนาห้องผ่าตัดใหญ่ 2ห้อง เล็ก1ห้อง เรียกว่าห้องเล็กก็ไม่ใช่พื้นที่ห้องเล็ก แต่อุปกรณ์ไม่ครบครันเหมือนอีก2ห้อง ไว้สำหรับผ่าตัดได้บางเคสค่ะ สุดท้ายก็พามาห้องที่คนไข้พี่หมอบี๋นอนอยู่ ห้องนี้มีห้องสังเกตการณ์ มีคอมพิวเตอร์หลายตัว และมีกระจกกั้น สามารถเห็นการผ่าตัดได้ค่ะ
ในห้องผ่าตัดพี่หมอบี๋ได้บรรยายเครื่องมือทั้งหลายว่ามีอะไร และใช้ทำอะไรบ้าง และได้แนะนำให้รู้จักทีมงานทุกคน แล้วก็พักเบรก พาออกไปนั่งกินข้าวกลางวันที่ห้องหมอ คงให้เวลาเตรียมใจ ระหว่างที่กินข้าว ทีมหมอก็ทำการผ่าอกเรียบร้อย ที่พี่หมอบี๋พาออกไปกินข้าว อาจจะเพราะ1.การเปิดทรวงอกน่าจะเป็นอะไรที่หวาดเสียว กลัวน้องช้อกมั้งคะ 2.กินข้าวซะก่อน เผื่อจะกินไม่ลง และใช้เวลาอีกนานกว่าการผ่าตัดจะเสร็จ 3.ให้เวลาเปลี่ยนใจ5555. 
เมื่อเห็นน้องไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจ จึงพากลับเข้าไปในห้องสังเกตการณ์ ตอนนี้เปิดทรวงอกเรียบร้อยแล้ว พี่หมอบี๋บรรยายแบบย่อๆว่าตอนนี้หมอกำลังทำอะไรกับคนไข้ และเดี๋ยวในส่วนของพี่จะทำอะไร. อ่องก็ฟังรู้บ้างไม่รู้บ้าง(ตามปกติ) พี่หมอบี๋คงเดาได้จากสีหน้า. เฮ้อ เอาแรงไว้ผ่าตัดดีกว่า ระหว่างนี้เราก็นั่งดูหมอๆทำงานผ่าจอทีวี. ออกปากว่า..เพิ่งรู้ว่าหัวใจเป็นสีเหลือง. พี่หมอบี๋บอกว่าสีเหลืองน่ะไขมัน ไม่ใช่ตัวหัวใจ 😳 หัวใจมีสีแดง 

ที่จริงก็เคยดูการผ่าตัดหัวใจผ่านซีรีย์เกาหลีมาหลายหน มาดูของจริง ไม่ค่อยแตกต่างเท่าไรนะคะ แปลว่าการถ่ายทำเขาทำการบ้านดี จึงเหมือนของจริง เพียงแต่บรรยากาศไม่เครียดแบบในหนัง. ถึงเวลาพี่หมอบี๋ก็พาเข้าไปในนั่งในห้อง แต่ดูจากจอทีวีนะคะ. รอบๆเตียงห้ามเข้าไปเด็ดขาด. ถึงไม่ห้ามก็ไม่เข้าหรอกค่ะ มีหมอและพยาบาลตั้งหลายคนยืนทำงานอยู่ จะเข้าไปเกะกะเขาได้ไง 
 พี่หมอบี๋สมาธิดีมากๆ ระหว่างทำการเตรียมต่อเส้นเลือด ก็ให้คนมาอธิบายด้วยโน้ตว่าเดี๋ยวจะทำอะไร. และที่สำคัญคือเดี๋ยวจะมีการทำให้หัวใจหยุดเต้นชั่วคราว (สงสัยกลัวน้องตกใจ😅) ชั่วเวลาเป็นชั่วโมงที่เฝ้าดูพี่หมอบี๋ทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือด หรือที่เรียกกันว่าby pass เป็นความประทับใจ ประทับใจในความสามารถของมนุษย์ที่คิดค้นหนทางที่จะเอาชนะโรคร้าย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถจับมีดหมอ คีม และด้ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ภูมิใจในตัวพี่หมอบี๋เป็นอย่างยิ่ง ดูอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งใจดูราวกับเป็นนักศึกษาแพทย์ ถ้าสมัยเรียนวัฒนาเอาใจใส่ขนาดนี้ก็คงจะไม่ได้เป็นคน2รุ่น ยืนดูสักพักก็มีคนเอาเก้าอี้มาให้นั่ง กำลังเมื่อยพอดีค่ะ แต่ก็ไม่อยากละจากจอ. พี่หมอบี๋คงเห็นว่าสนใจจริงสนใจจัง. พอเสร็จหน้าที่ในส่วนของพี่หมอบี๋ ก็ออกมานั่งพักที่ห้องสังเกตการณ์ ใช้เวลาช่วงนี้อธิบายว่าคนไข้รายนี้มีปัญหาเส้นเลือดที่หัวใจตีบ จึงต้องทำการบายพาส ความที่เคยอ่านหนังสืออยู่กับโรคหัวใจที่พี่หมอบี๋เขียน 2-3 รอบ พอจะจำได้บ้าง แต่วันนี้กระจ่างเลยทีเดียว 
เมื่อได้กลับออกมา คิดว่าประสบการณ์ที่พบเจอวันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นอุทาหรณ์ว่าคนเราพึงระลึกเสมอว่าการไม่มีโรคนั้นคือลาภอันประเสริฐ จริงอยู่ว่าการผ่าตัดวันนี้ผ่านไปด้วยดี แต่ไม่ถูกผ่าน่าจะดีกว่า เพราะไม่เจ็บตัว 
สุขภาพดีนั้นไม่มีขาย. เป็นของฟรี แต่ไม่ใช่ได้มาเปล่าๆ ต้องหมั่นดูแลตัวเอง มีวินัยในการใช้ชีวิต. พี่หมอบี๋บอกว่าอ่องโชคดีที่ไม่มีโรคร้าย แค่ไม่ได้ยิน🙄🤣 
อ่องเองก็รู้ค่ะว่าตัวเองโชคดี ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นภัยต่อชีวิต แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็ไม่ขัดสน อยากกินอะไรก็มีปัญญาซื้อ และร่างกายก็สามารถรับได้ทุกอย่างที่ใจอยากกิน ไม่เคยมีปัญหาด้านเบาหวาน คอเลสตอรอล ความดันฯลฯ มีปัญหาอย่างเดียวคือฟันผุ5555
ขอบคุณพี่หมอบี๋สำหรับประสบการณ์สุดพิเศษนะคะ. วันนี้ได้เห็นอีกด้านของเหรียญ ซึ่งก็ยังคงน่าประทับใจ และรู้สึกภูมิใจในพี่หมอบี๋...ภาษาชาวบ้าน...รักและเห่อพี่มากขึ้นไปอีก😆🤣😆😍

ไม่มีความคิดเห็น: