วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

การตลาดพาเพลิน

What a day!
การขายของเจ็ดวรงค์ เริ่มสนุกขึ้นเมื่อพี่ติ๋ว-รุ่งนภากรุณาสั่งซื้อรองเท้าใส่อยู่ในบ้าน 1 คู่ เพราะไม่แน่ใจว่าคู่ที่พี่เขาชอบมันจะใหญ่ไปหรือเปล่า จึงสำรองอีกคู่ติดไปด้วย มีทั้งเนื้อทั้งตัวแค่ 2 คู่แหละค่ะ 555555 พูดซะยังกับมีเยอะนะ พี่ติ๋วบอกว่าบ้านอยู่ปากซอยเข้าบ้านอาจารย์อายะดา ฉันเคยไปค่ะ แต่สิบปีที่แล้ว เลยจำไมได้ต้องว่าจ้างมอเตอร์ไซด์ไปส่ง ไปถึง พี่ติ๋วนั่งรอในห้องทำงาน หลังจากลองรองเท้า เลือกได้แล้ว พี่ติ๋วก็พาชมงานฝีมือของพี่บ้าง มีปักเสื้อ เพ้นท์เซรามิค ฝีมือดีมากค่ะ ก็คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฉันจึงเอาพัดดีคูผาดที่ทำที่บ้านพี่เจนมาอวด กล้าอวดเนอะ แต่พี่ติ๋วกลับสนใจ..ถามว่าถ้าสั่ง 100 อันจะคิดเท่าไร จะแจกในงานวันเกิดคุณพ่อ ฉันถามว่าวันเกิดเมื่อไร พี่ติ๋วบอกว่าเดือนพฤศจิกายน นึกถึงหน้าพี่เก็จทันที 5555555 เลยให้เบอร์พี่เก็จแล้วบอกให้พี่ติ๋วโทรคุยกับพี่เก็จเองดีกว่า กล่องทิชชู่ 15 ใบออเดอร์พี่อ้อยยังทำไม่เสร็จเลย 5555555 แต่ความที่ไม่อยากเสียลูกค้า ฉันเลยเลียบเคียงถามพี่ติ๋ว ว่าจะเป็นไรไหม ถ้าฉันจะเป็นคนทำให้ 55555555 พี่ติ๋วมองหน้า คงนึก..มันจะสวยแบบพัดที่เอามาให้ดูไหม? (สวยแบบเด็ก ๆ ทำน่ะ หัวหมียังถลอกเลย) 
เสร็จจากบ้านพี่ติ๋ว ฉันก็นั่งรถเมล์ไปหาป้าจี ป้าจีบอกว่าจะไปจตุจักรด้วย ป้าจีบอกวันก่อนตอนให้จิ๋มโทรคุยว่าจะไปเดินเที่ยวด้วย...แม้ฉันจะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ก็ดูไปก่อน ครั้งก่อนก็บอกว่าจะไปเดินสำเพ็งด้วย แล้วมีเหตุจบแค่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ ครั้งนี้จะเป็นยังไงก็ต้องติดตามดู ระหว่างรอป้าจีเตรียมตัว ฉันก็ลองกล้องใหม่เป็นที่เพลิดเพลิน ให้เด็กบ้านป้าจีช่วยถ่ายให้หลายรูป ลองเทคนิคใหม่ที่มีมากับกล้อง สวยไม่น้อยหรอกค่ะ พอป้าจีลงมาก็จัดแจงเปลี่ยนร่วมยาให้ป้าจีใหม่ ป้าจีชมว่าสวยมาก แพงไหม? ฉันบอกว่าอันนี้ฉันกับพี่เก็จทำให้ป้าจีวันเกิด ไม่คิดเงิน ป้าจีขอบใจ แล้วก็ถามว่าทำยังไง ฉันก็เล่าให้ฟังซะละเอียดยิบ  แถมบอกว่าถ้าป้าจีอยากเห็น ไว้จะขนของมานั่งทำให้ชม จะพาป้าจีไปบ้านพี่เก็จก็นะ 5555555 หยิบรองเท้าในเป้ออกมาให้ดูด้วย ผล-ป้าจีบอกขอซื้อรองเท้าประเดิมให้ และยังสอบถามว่าถ้าสั่งอีก 8 คู่จะคิดราคาเท่าไร ฉันนึก..พี่เก็จจะทำไหวไหมเนี่ยะ วันก่อนสามียังบอกเลยว่าพี่เก็จแก่แล้วทำไม่ไหว ไม่ต้องหาลูกค้ามาให้แล้ว แต่พี่เก็จเขียนโน้ตให้ฉันว่า...”หาลูกค้าต่อไปเหมือนเดิม” ไม่รู้จะว่าไงวันเดียว เจอลูกค้าขอใบเสนอราคาพัด 100 อัน รองเท้าอีก 8 คู่ 5555555
แล้วป้าจีก็เล่าให้ฟังวันก่อนตัดต้นไม้เพราะมันล้ม แล้วท่อนไม้กระเด็นมาเกือบโดนป้าจี พี่สำเนา(แม่บ้าน)ร้องลั่น โชคดีมาก เพราะถ้าโดน..ไม่อยากจะคิด เดือนก่อนป้าจีก็หกล้มเพราะจะจับหมาไม่ให้ไปกัดแมวเลยหงายหลังเลย เดชะบุญว่าเป็นคนกระดูกแข็ง ไม่มีอะไรแตกหรือหัก แต่ก็เจ็บหลังอยู่ร่วมเดือน
แล้วเราก็ออกเดินทางไปจตุจักรค่ะ วันอาทิตย์นี้รถค่อนข้างติด ไปเกือบถึงแล้ว ประมาณพหลโยธิน ป้าจีบอกว่าเราหาอะไรกินกันก่อนไหม? ที่จริงป้าจีไม่หิวหรอกค่ะ แต่ห่วงฉัน เนื่องจากบ่ายโมงแล้ว ฉันบอกว่าไปกินส้มตำที่เจเจก็ได้ ป้าจีบอกว่าไม่เอา กลัวสกปรกเดี๋ยวท้องเสีย อยากกินร้านอาหารจีนมากกว่า ขับมาถึงอารีย์สัมพันธ์ ฉันก็ไม่ค่อยได้มาแถวนี้เลยไม่รู้จะเสนอแนะยังไง ขับวนไปวนมา หาไม่มีร้านอาหารจีน เลยแวะร้านส้มตำเลิศรส 5555555 ไปถึงก็สั่งผัดไทวุ้นเส้น ไก่ย่างครึ่งตัว ส้มตำไทย อาหารร้านนี้อร่อยมากค่ะ กินอย่างมีความสุข กินเสร็จฝนตก 5555555 ทีนี้เลยสบายเลย ฉันได้ทีบอกป้าจีว่าอย่าไปเดินจตุจักรเลยค่ะ เพราะฉันว่ายังไง ๆ ป้าจีไม่น่าจะเดินไหว แถมฉันก็จำร้านไม่ค่อยได้อยู่ ครั้นจะพาผู้ใหญ่ไปเดินเข้าตรอกแคบ ๆ เบียดคนเยอะ ๆ ท่ามกลางฝนตก...ไม่น่าจะรอด 55555 ขำป้าจีว่าคงอยากไปเดินด้วย เพราะป้าจีบอกว่า ป้ามีรถช่วยเดินนะ ฉันก็ยังไม่เคยเห็นอุปกรณ์ที่ว่า แต่นึกภาพถนนซอกซอยที่จอแจในจตุจักร ของที่จะซื้อพะรุงพะรัง และคนแก่อายุ 91 ปี กับฉันที่ขนาดตัวคนเดียวยังเดินสะเปะสะปะ...มันไปกันได้เหรอนั่น 5555555
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ป้าจีขอแวะอตก.ก่อน คงขอเวลาคิดให้รอบคอบ 5555555 ฉันก็ว่าอตก.พอให้ป้าจีเดินไหว เพราะเล็กกว่า แล้วพื้นก็เรียบ คนแก่เดินได้ ลงไปถึงตลาด ป้าจีแวะร้านคุ้นเคย แม่ค้ากรี๊ดกร๊าดดีใจบอกว่าไม่เห็นป้าจีมาหลายปีแล้ว แต่ท่าทางจะเป็นลูกค้าวีไอพีเลยจำได้ กุลีกุจอมาจูงป้าจีไปนั่ง แล้วป้าจีก็ใช้ปากช็อปปิ้ง 55555555 มีลุกเดินบ้างค่ะ แต่ก็แค่ 2 ร้านตรงนั้นแหละ อ่ะนะ...งี้จะไปเดินจตุจักรกับอ่อง จะไหวเหรอคะคุณป้า 555555 แต่เดี๋ยวก่อน...เจเจมอลล์ก็น่าจะไหวนะ ป้าจีบอกว่าโอเคงั้นไปเจเจมอลล์ แต่ระหว่างนั่งรถจะไปเจเจมอลล์รถติดมาก ท่าทางคนจะเยอะมาก กลัวป้าจีจะเหนื่อยเกินไปน่ะค่ะ เลยบอกว่า ถึงเวลานอนกลางวันของป้าจีแล้วไม่ใช่เหรอคะ 555555 วันนี้อย่าไปเดินเลยนะคะ รถเยอะมาก กว่าจะจอดรถกว่าจะอะไร จะเหนื่อยเกินไปนะคะ ป้าจีก็บอกให้ฉันไปซื้อของแล้วป้าจีจะรอ โห...ป้าจีขา อ่องยังไม่รู้จะหาร้านสารพัดร้านที่จะต้องไปซื้อเจอตอนไหนเลย มันจะใช้เวลานานมากค่ะ สรุปป้าจีให้คนรถไปส่งที่เจเจมอลล์ค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้ คงเข้าใจแล้วนะคะว่าทำไมฉันถึงรักป้าจีนัก?
นับว่าตัดสินใจถูกแล้วที่ขอให้ป้าจีกลับ เนื่องจากคนเยอะมากค่ะ ฉันเดินงง หลงไปหลงมา ของที่จดรายการมาซื้อได้ไม่ครบ แต่ได้ของที่ไม่จดมาเพียบ รองเท้า กับพัด 5555555 ซื้อไปหัดทำ เผื่อช่วยพี่เก็จผลิต ไม่งั้นพี่เก็จต้องบวกค่าเจ็บตา กับปวดหลัง เกรงว่าราคาจะสูงเกินไป แต่จะให้พี่เก็จคิดราคาถูก ๆ ก็ไม่คุ้มเหนื่อยของพี่เก็จ  เลยว่าจะช่วยทำส่วนออเดอร์ที่พี่เก็จทำไม่ไหว  พูดซะดิบดี ยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าเลยค่ะ 55555555 ที่แน่ ๆ ยังไง ๆ ก็ต้องรักษาลูกค้าไว้ให้ได้ เดินเพลินจน 5 โมงกว่ายังหาร้านรองเท้าพี่เก็จไม่เจอ 555555 เฮ้อ ให้ร้านกะลาช่วยโทรหาพี่เก็จถามรายละเอียดร้านรองเท้า กว่าจะเจอเล่นเอามึน ร้านนี้แม่ค้าน่ารักค่ะ มีน้ำใจช่วยจัดเป้ และทิ้งร้านพาฉันไปส่งถึงทางออกที่จะไปขึ้นรถเมล์ ฝนตกแล้ว แต่ฉันเห็นองุ่น เขาขายไม่แพงค่ะ องุ่นนอก กก.ละ59 บาท ซื้อ 2 กก. 555555 ยังกับว่าของที่มีอยู่ยังไม่เยอะพอนะ ที่ต้องเดินตากฝน ไม่ใช่ว่าไม่มีร่ม แต่ร่มมันอยู่ส่วนไหนของเป้ก็ไม่รู้ 555555 ตอนที่แม่ค้าช่วยจัดเป้ก็ลืมเอาร่มออกมา เลยเดินเร็ว ๆ (เท่าจะที่เร็วได้) ก็มีเป้ตุง ๆ อยู่บนหลัง ในมือยังมีองุ่นอีกถุงใหญ่ ยืนรอ 145 อยู่นาน ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยตัดสินใจขึ้น 44 เพราะมาเยอะดี ว่าจะไปต่อรถแถวแฮปปี้แลนด์ ตรงนั้นมี 207 รถถี่กว่า 145
แม้ว่ารถจะติดมาก และท้องเริ่มหิวนิดหน่อย แถมยังเหนื่อย แต่เมื่อถึงเรื่องราวที่พบเจอ ความอารีของป้าจี – พี่ติ๋ว และสีหน้าของพี่เก็จแล้ว ฉันก็อมยิ้มได้ตลอดทาง การขายของเจ็ดวรงค์..มันไม่ได้ทำรายได้ให้ฉันมากมายหรอกค่ะ แต่มันให้ความสุขมากมายบานตะไท ครั้งก่อนโน้น พี่เก็จถามว่าชอบขายของมากเหรอ มีเพื่อนรุ่นน้องของพี่เก็จเขาก็ทำ อยากเอางานมาให้ช่วยขาย ฉันบอกว่า...ฉันขายเฉพาะของที่พี่เก็จทำ 5555555555555

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

A never ending story of napkin

สมบัติสุดขอบฟ้า...กระดาษเช็ดปาก?!?!?!
ขอเล่าเป็น 2 ภาคใน 1 เรื่องนะคะ 5555 มีอะไรแปลก ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ
ภาคแรก หลังจากที่ฉันตื้อขอติดตามพี่เก็จไปช็อปปิ้งที่เจเจหลายรอบ ในที่สุดตื้อก็ครองโลก พี่เก็จยอมพาฉันไปเจเจ เย้~~ดีเอ๋ยดีใจ พี่เก็จบอกให้ไปถึงบ้านก่อน 8 โมงเช้า เรื่องให้ไปถึงเช้า ๆ ของถนัดค่ะ ชอบเป็น early birds ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ หนอนเยอะดี เอ๊ย..การจราจรลื่นไหล และรถเมล์ก็หลวม ๆ ดีค่ะ มาถึงบ้านพี่เก็จด้วยใบหน้าดี๊ด๊าไม่เก็บอาการ เลยได้ยินคำคุ้นหูจากปากพี่เก็จ w e r .. พี่เก็จแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แวะเก็บใบโหระพา แม้จะงงแต่ก็ไม่ได้ถาม ระหว่างนี้ก็นั่งรอเพื่อนพี่เก็จ สักพักหนึ่งเพื่อนพี่เก็จก็มาถึงค่ะ พี่อ้อยเขามารับกระเป๋าที่สั่งทำ แล้วพี่เก็จก็ให้กล่องทิชชู่เสื่อกกลายการ์ตูนเป็นของขวัญ พี่อ้อยชมว่าน่ารักถูกใจมากแล้วเลยออเดอร์ 15 ใบสำหรับแจกปีใหม่
จากทีแรกพี่เก็จตั้งใจว่าจะพาฉันเดินเที่ยวเฉย ๆ ไม่ซื้ออะไร ก็เลยต้องไปหาซื้อวัตถุดิบมาทำงานตามออเดอร์พี่อ้อย พี่อ้อยให้ติดรถไปลงที่ MTR ห้วยขวาง การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าช่วยทุ่นเวลา และทุ่นพลังงานดี เมื่อไรมันจะไปโผล่แถวอ่อนนุช-ศรีนครินทร์ซะที ทุกวันนี้มาบ้านพี่เก็จลำเค็ญ...ขนาดลำเค็ญยังขยันไปซะบ่อย ถ้าไม่ลำเค็ญสงสัยเหมือนอยู่คนละบ้านแต่รั้วเดียวกัน 555555  มาถึงเจเจเช้า ๆ นี่ดีค่ะ ถึงแม้ร้านรวงจะยังเปิดกันไม่ครบ แต่ก็เดินสบายดี มาถึงก็ตรงไปที่ร้านบางไทร พุ่งไปงมหาไข่มุกใน napkin sea พี่เก็จคงลืมไปแล้วว่า...บอกว่าจะไม่ซื้ออะไร 5555555 พี่เก็จเลือกเร็วมากค่ะ คงจะเพราะถ้าเลือกช้า เดี๋ยวจะเยอะ  ส่วนฉันก็...พี่เก็จเอาอันนี้ดิ พี่เก็จอันนี้สวย  พี่เก็จเหลือบมองแว้บเดียว ฟ้าแล้บยังนานกว่าเลย 555555 แล้วบอกว่าno-k ฉันเลยไปยืนดูพี่เก็จเลือก บางทีพี่เก็จกำลังพิจารณาอยู่ ถ้าฉันบอกว่าไม่เห็นสวยเลย เหมือนผ่านQC + อย.คุณพี่เลือกลงตะกร้าเฉย ให้มันได้อย่างนี้ซิ! แล้วยังซื้อกรรไกรอันที่เท่าไรไม่รู้ได้ ซื้อน้ำยาเพิ่มด้วยค่ะ สรุปว่ามาถึงเจเจได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ได้ของมาถือพอประมาณแล้ว สีหน้าพี่เก็จเริ่มมีความสุข 5555555 ตอนแรก ๆ หน้าไม่ค่อยเสบยค่ะ บอกว่านอนน้อยไป
หน่อย จะไม่ให้น้อยได้ยังไง เล่นทำดีคูผาดตอนกลางคืน แล้วตอนกลางวันตั้งแต่เปิดร้านเจ็ดวรงค์ ก็มีคนมาขอเรียนมั่ง มาปรึกษามั่ง มาเจ๊าะแจ๊ะมั่งทั้งวัน ...ฮอตฮิตอย่างรวดเร็ว แต่ยอดขายยังไม่ค่อยเขยิบ อยากรู้วิธีสร้างแบรนด์จัง 55555555
พอซื้อ napkin เสร็จพี่เก็จก็เดินแบบมีวัตถุประสงค์ พยายามไม่วอกแวก แต่คงพยายามมากไป เดินย้อนไปย้อนมา 3 รอบก็ยังหาควาย เอ๊ย ร้านไม่เจอ เลยโทรถามพิกัดร้านอีกที ไปถึงร้านขายกกปรากฏว่าของมีไม่พอ พี่เก็จเลยสั่งไว้ค่ะ แล้วไปอีกร้านเพื่อไปเอากล่องเปียโนที่สั่งไว้ มีโฆษณาคั่นรายการค่ะ เดิน ๆ อยู่พี่เก็จก็หันมาถามโดยที่ไม่ได้หยุดเดินนะ...ว่า “ทำไมถึงรักพี่?” 5555555 มันใช่เวลาและสถานที่ที่เหมาะจะถามเหรอคะเนี่ย 55555555 สงสัยถามเพื่อไม่ให้น้องเบื่อ ถามฆ่าความเซ็งที่หาร้านไม่เจอซะที 55555555 เป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ทันท่วงที แต่ก็ทำให้ฉันอารมณ์ดี ลืมไปเลยว่าเรากำลังหลงทางอยู่ จริง ๆ พี่เก็จออกจะเป็นห่วงเพื่อนร่วมทางมาก เพราะจะคอยหันมาดูอยู่เสมอ ๆ แล้วส่งเสียงอันห่วงใยสุด ๆ เป็นระยะ ๆ ว่า “อ่อง..ระวังของ” 555555555 คือพี่เก็จเขากลัวว่าฉันจะทำของข้างทางเขาตกลงมาแตกหักเสียหายน่ะค่ะ ไม่ได้หมายถึงให้ระวังคนล้วงกระเป๋าแต่อย่างไร ในที่สุดก่อนตะวันตกดิน..เว่อร์อีกแระ ก็เจอร้านแล้วค่ะ ระหว่างที่พี่เก็จกำลัง QC สินค้ากล่องเดียวอยู่ คุณน้องก็เดินดูนั่นนี่ในร้าน บทสรุปสองคนออกจากร้านด้วยเปียโน 1 หลังและหนังสือ 1 เล่ม 5555555
เดิน ๆ มาอีกเจอร้านขายกะลา ฉันติดใจผลงานกะลาของพี่เก็จมากที่สุด ถึงกับตั้งชื่อรุ่นผลิตภัณฑ์จากกะลาของพี่เก็จไว้ว่า “gala-Ket” อ่านแบบไทย ๆ ก็เป็นการะเกด 5555555 อะไรที่เพี้ยน ๆ ล่ะของถนัดนักล่ะ ชวนพี่เก็จแวะดู พี่เก็จก็คงชื่นชอบด้วยเหมือนกัน  สองคนพี่น้องจมอยู่ในร้านเกือบชั่วโมง ได้กะลาออกมา 1 ถุง 3 ชิ้น 55555555 หน้าพี่เก็จเริ่มเบิ่งบาน เหมือนดอกไม้ต้องแสงอรุณและหยาดน้ำค้างตอนใกล้รุ่ง พี่เก็จพาไปนั่งกินขนมจีน บอกว่าร้านนี้อร่อย แต่ไปถึงพี่เก็จก็จัดแจงล้างจานเป็นค่าอาหารก่อนเลย เปล่าหรอกค่ะ ...555555 ล้างเองก็ค่อยวางใจหน่อยไงคะ แล้วเปิดกระเป๋าหยิบผักมากินกับขนมจีน อืม อร่อยแอกอนิกส์มาก ๆ
ตอนนี้ก็เริ่มอยากกลับแล้ว เพราะว่าท้องหนักแต่ตัว (กระเป๋า) เบาแล้ว และคนก็เริ่มเยอะแล้วค่ะ แต่ต้องเข้าห้องน้ำก่อน พี่เก็จไปเข้าห้องน้ำ ฉันเข้าร้านขายหมวก 55555555 เดาได้ถูกต้องแล้วค่ะ...จบลงด้วยหมวกอีก 2 ใบ เอิ๊กกกกก ดีที่ร้านหมวกอยู่ใกล้ทางลง MTR จึงปิดฉากภาค 1 ด้วยประการฉะนี้.
ภาคหลัง ขอเท้าความจากภาค 1 เล็กน้อย เพราะสั่งกกไว้จำนวนหนึ่งใช่ไหมคะ ฉันก็เลยบอกพี่เก็จว่าจะตามไปช่วยหอบของ ทีแรกพี่เก็จไม่ให้ไปด้วย แต่แล้วก็เปลี่ยนใจในวันพฤหัสว่า..อ้ะ อยากไปก็ไป ลัลล้า~~~ พอดีฉันไปเจอหนังสือสอนทำดีคูผาดดี ๆ เล่มหนึ่ง อ่านแล้วชอบมากเลยซื้อมาว่าจะเอามาฝากพี่เก็จ แต่ระหว่างที่หนังสืออยู่บ้านก็เปิดอ่าน อ่านไปอ่านมา น่าสนใจมากค่ะ ต่อมกิเลสดีคูผาดถูกสร้างขึ้น 55555555 เลยว่าจะไปสอยของมาลองทำมั่ง ชิ้นแรกที่จะทำคือ “ของขวัญวันเกิดพี่เจน” 55555555 พี่เก็จนัดวันศุกร์ แต่ฝนตกหนักทั้งวันติด ๆ มา 3 วันแล้ว แอบกังวลนิดหน่อยว่ารถจะติดไหม? แล้วฝนจะตกไหม? แต่ก็มิได้หวั่นไหว ขอให้ได้ไปกับพี่เก็จ ที่ไหน ๆ ก็ไปหมด 555555555 คราวนี้เตรียมความพร้อมด้วยเป้ใหญ่ 1 ใบ ถุงผ้าขนาดจัมโบ้อีก 1 ถุง ไว้ใส่สัมภาระที่พี่เก็จจะซื้อเอาไปเผื่อ ๆ .. ย้ำค่ะว่า “เผื่อ ๆ”
งวดนี้ออกจากบ้านเช้ากว่าเดิมอีก เพราะติดรถสามีพี่เก็จไปลง MTR ค่ะ ก่อนออกจากบ้าน พี่เก็จถามว่าอ่องจะเอาผักเท่าไร 5555555 เตรียมผักไว้กินกลางวันแล้วพี่เรา มาถึงเจเจเช้ามากกว่าที่เคยมา ท้องฟ้าเป็นใจค่ะ ครึ้มพอประมาณ แต่ไร้กลิ่นไอฝน เป็นมิติหมาย เป็นฤกษ์ดีเหมาะต่อการช็อปปิ้งเป็นที่สุด สิ่งที่ไม่เข้าใจในพี่เก็จมีอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และหลายคำถาม 5555555555 เรื่องนั้นคือเรื่อง N A P K I N ถ้าใครเห็นคลัง napkin ที่บ้านพี่เก็จแล้วจะต้องบอกว่ามันเยอะมากกกก และมีอย่างละ 1-2 แผ่นเท่านั้น แต่พอมีออเดอร์ที ก็ต้องออกมาซื้อใหม่ที 55555555 ประมาณลายที่มีอยู่เป็นร้อย ๆ ลายล้วนแล้วแต่หาฮวงจุ้ยดี ๆ ลงในผลิตภัณฑ์ไม่ได้ ฉันล่ะกลัวใจตัวเองเหมือนกัน เพราะตอนนี้ริจะทำมั่ง ที่จะทำไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ บางทีลูกค้าถามหาของชิ้นใหญ่ ๆ กำหนดสเป็คมา พี่เก็จไม่ค่อยชอบใจ ประสาศิลปิน อารมณ์อ่อนไหว ฉันเป็นกับงานเขียน ส่วนพี่เก็จเป็นกับงานดีคูผาด ฉันก็เลยเข้าใจพี่เก็จดี แต่ก็ไม่อยากเสียลูกค้า เพราะกว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเคาะระฆังสั่งซื้อของแต่ละราย มันง่ายอยู่หรือ?
จริง ๆ ฉันไม่ได้หวังจะร่ำรวยจากธุรกิจนี้มากไปกว่าความสุขของฉันและของพี่เก็จ ขอแค่ไม่ขาดทุนก็ปลื้มแล้วค่ะ และจะปลื้มมากขึ้นเรื่อย ๆ กับจำนวนเงินที่ได้มาสำหรับซื้อ napkin 5555555555 จริง ๆ นะ ดีคูผาดน่ะ อะไร ๆ ก็ไม่จรรโลงใจเท่า napkin เลยให้ตายซิแบทแมน
ดูอย่างวันนี้ซิคะ ไปถึงเจเจก็ตรงดิ่งไปร้านบางไทร แล้วก็งมหาสมบัติอยู่ในทะเล napkin ก่อนใครเพื่อน ยิ่งไปเช้า ๆ ไม่มีคน ยิ่งเพลินอุรากันใหญ่ ฉันเองก็เลือกซื้อกับเขาด้วย ก็ตั้งใจจะหัดแล้วนิ เลือกแป๊บเดียวได้นับสิบแผ่น ขนาดยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร แล้วจะทำได้ไหม? ไอ้ที่ขอปันซื้อจากแตนก็ยังมีอยู่หลายสิบแผ่น เฮ้อ~~คิดแล้วให้หนักอก 5555555 ฉันซื้อชุดเริ่มต้นด้วย แปรง กาว น้ำยาเคลือบ กรรไกร สีต่าง ๆ ซื้อครบหมดยกเว้นสีขาว 55555555 ที่ไม่ซื้อเพราะกลัวว่ามันจะหนักค่ะ เนื่องจากต้องไปเอาของ ๆ พี่เก็จอีก อีกอย่างคิดว่าแรก ๆ จะยังไม่ทาสีค่ะ
หลังจากไปเอากล่องทิชชู่ที่สั่งคราวที่แล้ว เดินออกมา ผ่านร้านก๋วยเตี๋ยว พี่เก็จชวนว่ากินกันไหม? 10 โมงเนี่ยะนะ? มื้ออะไรคะคุณพี่? 5555555 พี่เก็จบอกว่ามื้อเที่ยง แต่ถ้ามาตอนเที่ยงคนเยอะ ร้านนี้พี่เก็จยกนิ้วว่าอร่อยมาก อีกอย่างคือวันนี้พี่เก็จจะพาไปเดินเที่ยวเจเจมอลล์ กินให้อิ่มซะทีเดียวจะได้ไม่ต้องพะวักพะวง ฉันคิดอยู่ 0.17 วิ....ก็ได้ค่ะ กินก็กิน ร้านนี้สะอาดสะอ้านกว่าร้านขนมจีน ตั้งอยู่ริมถนน พอนั่งปุ๊บ พี่เก็จก็สั่งเกาเหลา ฉันสั่งเส้นใหญ่แห้ง คนขายถามว่าปรุงเลยไหม? เอาเผ็ดแค่ไหน? ฉันบอกว่าไม่ต้องจะปรุงเอง แต่พี่เก็จบอกว่า ให้เขาปรุงให้ดิ เขาปรุงอร่อยนะ 5555555 สีหน้าท่าทางเชิญชวนจริงจังจริงใจสุด ๆ ฉันก็เลย เอ้า งั้นให้ร้านปรุงมา แต่ไม่ต้องเผ็ดมากนัก ระหว่างนั่งรอ พี่เก็จก็หยิบผักมาเตรียมพร้อมเต็มอัตรา 555555 วันนี้พกผักมาเยอะมากค่ะ ประมาณว่าเราสองคนกินไม่หมด พี่เก็จเลยแบ่งปันให้ลูกค้าที่เดินเข้ามา ทั้ง ๆ ที่ร้านก็มีผักชนิดเดียวกันปักอยู่ตรงหน้ากอบะเฮิ่มนี่แระ ผักใบใหญ่กว่าด้วย แต่พี่เก็จบอกลูกค้าคนนั้นว่าผักนี้อะฮั้นปลูกเองค่ะ ผักอนามัยแอกอนิก สะอาดปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน ฉันแซวพี่เก็จว่า ทำไมไม่เอาข้าวสวยที่บ้านมาด้วยล่ะคะ สั่งแต่เกาเหลาอย่างเดียว ผักกับข้าวพกมาเอง พี่เก็จบอกว่าเดี๋ยวร้านเขาไล่ 55555555
มื้อหรรษาเล็ก ๆ ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ก็มีพลังงานเต็มขีด พร้อมจะไล่ล่าสะสม napkin กันแล้วค่ะ ที่จริงพี่เก็จเขาแค่คิดจะพาไปเดินเล่น ไปรู้จักสถานที่ใหม่ ๆ อีกที่ ไม่ได้มีโปรแกรมจะตามล่ามหาสมบัติแต่อย่างใด แต่ไม่รู้อะไรเข้าสิง พอเห็นกระบะขาย napkin วางอยู่ ร้านไหนร้านนั้น ไม่มีพลาด คุณเก็จวรงค์วิ่งเข้าใส่ทุกกระบะ 555555 แล้วก็...ขี้หมูขี้หมาอย่างน้อย ๆ ต้อง 5 แผ่นออกจากร้าน ซื้อจนปวดหลัง-ตังค์หมดแหละ คิดดู!!!!