วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

วังสระปทุม

คงเสียดายแย่ถ้าไม่ได้มา

เก็บตัวอยู่กับบ้านส่วนใหญ่ช่วงนี้ เพราะไม่มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย จนถึงเวลาที่ต้องส่งต้นฉบับให้พี่เจน การรับค่าเรื่องมาล่วงหน้านี่ไม่ดีเลยแฮะ...เงินใช้หมดไปแล้ว แต่งานยังไม่สิ้นสุด จะไม่ส่งงานก็ไม่มีเงินคืน 555555 ต้องเค้นพลังสมองกันสุดฤทธิ์ ไหนจะหาสถานที่ ๆ ที่น่าเขียน ไหนจะต้องออกไปเที่ยวอีก  เรื่องหน้าจะไปเจอพู อัญชลีที่ตลาดน้ำ ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเงินจากไหนไปกินข้าวผัดปลาทูของเพื่อน
จริง ๆ แล้วบ่นไปงั้น เพราะเพื่อน ๆ ก็ดี พี่น้องวัฒเนี่ยนก็ดี ล้วนแต่อารีกับฉันทั้งสิ้น ทุกคนยินดีออกตังค์ให้ฉันได้ไปสนุกด้วยตลอด แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ เพราะเป็นแต่รับอย่างเดียว ไม่ได้ตอบแทนกลับ ประมาณหมูไป แต่ไก่ไม่มา ไปทั้งหมูทั้งไก่ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ และขอสัญญาว่าหากมีอะไรที่ฉันสามารถตอบแทนได้ จะไม่รีรอค่ะ แต่อาจจะกระบิดกระบวนบ้างก็เป็นธรรมชาติของคนชื่ออ่องแหละนะ 55555 บางคนบอกว่าฉันเล่นตัว มันดูเป็นอย่างนั้น แต่ความจริงไม่ใช่ ฉันเหมือนคนไม่ค่อยคิดมากเหมือนคนทั่วไป แต่เรื่องที่ชาวบ้านเขาไม่คิด นพพรคิด--นี่ซิ 55555555
เข้าเรื่องดีกว่า ฉันไปถึงวังสระปทุมบ่ายโมงกว่า นัดกับจุ๊บไว้บ่ายสอง แต่จุ๊บเบี้ยวซะงั้น บอกว่าติดธุระเลยเที่ยวคนเดียว วันนี้มีคนน้อยมากกกกก ทั้งช่วงมีฉันกับอีก 2 แม่ลูก ซึ่งนับว่าเป็นโชคดี เพราะจะได้มีมัคคุเทศก์ส่วนตัว จริง ๆ เขามีเครื่องให้ฟัง แต่พอบอกว่าหูไม่ดี เจ้าหน้าที่ก็ใจดีเป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัวให้ ทำให้การชมวังได้สาระความรู้เต็มที่ตามที่ต้องการ
เพราะอยากให้ผู้ที่อ่านบล็อกได้ตามไปเที่ยวชมด้วย ดังนั้นจะขอบอกรายละเอียดนิดนึงนะคะ ก่อนอื่นต้องโทรไปแจ้งที่วังก่อนค่ะ 02-252-1965-7 ทางเข้าให้เข้าทางหลังพารากอน เดินเข้าทางโรงแรม จะเจอศาลปู่โสม มีป้ายบอกค่ะว่า”พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ใครที่นำรถมา น่าจะจอดที่พารากอนนะคะ หรือยังไงลองถามตามเบอร์ข้างบนได้ ฉันไม่มีปัญหา เดินมาจาก BTS สยามค่ะ
เมื่อเข้าไปข้างในก็จะเจอเจ้าหน้าที่ต้อนรับ ถ่ายรูปทำบัตรค่ะ เขาให้มาเป็นที่ระลึกด้วย จากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปชมห้องพิพิธภัณฑ์ก่อน มีเรื่องราวของสมเด็จพระพันวัสสาฯ และความเป็นมาของวังสระปทุม รวมถึงการบูรณะพระตำหนักใหญ่
จากนั้นจึงเดินไปชมพระตำหนัก ระหว่างทางผ่านต้นไม้ที่ปลูกมาเป็นร้อยปี อากาศร้อน แต่แดดก็ไม่สามารถแผดเผาได้เต็มที่ เพราะร่มไม้เล็กใหญ่ตลอดทาง
ทันทีที่พระตำหนักสีเหลืองเข้มปรากฏต่อหน้า ขอบอกว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามจริง ๆ ค่ะ เขาให้ถอดรองเท้า มีช่องเก็บอย่างเรียบร้อย และก่อนเข้าวัง กระเป๋าตังค์ทุกอย่างถูกขอให้เก็บไว้ในถุงซิบมีกุญแจล็อคด้วย ก่อนจะเข้าประตูชั้นใน เขาแจกวิทยุไว้ให้ฟัง เป็นมัคคุเทศก์ส่วนตัว แต่ฉันปฏิเสธบอกว่าขี้เกียจถือ เพราะเอาไปก็ฟังไม่รู้เรื่อง สรุปเลยได้มัคคุเทศก์สาวส่วนตัวเป็นกรณีพิเศษ 5555555
เจ้าหน้าที่พาขึ้นชั้นบนก่อนเลย ลืมบอกไปอย่าง ก่อนขึ้นบันได มีภาพผ้าปักเป็นรูปฝูงนกกระเรียนค่ะ เป็นงานฝีมือทรงปักของพระพันวัสสา ขนาด 5 ฟุต นึกถึงนิยายที่ชอบอ่าน ว่าเจ้านายสมัยก่อนจะนั่งเย็บปักถักร้อย ทำอาหาร หรืองานประดิษฐ์อื่นๆ  ด้วยความประณีต เพิ่งได้เห็นจะ ๆ ตาวันนี้เองค่ะ
ทีนี้เดินขึ้นข้างบนเสียที ห้องแรกคือห้องพระบรรทมของเจ้าฟ้ามหิดลฯ พระบรมราชชนก สมัยยังไม่ได้อภิเษก ทุกอย่างถูกบูรณะซ่อมแซมและจัดวางไว้ตามอย่างสมัยที่เจ้านายทรงยังพระชนม์อยู่ มีรูปพระบรมราชชนกกับสมเด็จย่า ซึ่งฉันเคยเห็นแล้วก็เฉย ๆ กำลังมองผ่าน มาสะดุดตรงเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นฝีพระหัตถ์ของร.6  จริงดิ๊! อุทานแบบนี้เลยค่ะ 5555555 แล้วต้องมองใหม่ ขอบอกว่าสวยและเหมือนมากค่ะ ถัดมาเป็นห้องทรงงาน เขาให้ยืนชมแค่นอกห้อง ไมได้ให้เข้าไปเที่ยวสำรวจละเอียดถึงข้างใน แต่ห้องไม่ลึกค่ะ ยืนอยู่หน้าห้องก็มองเห็นได้ชัดเจนดี หนังสือเก่าจนปกหนังผุร่อน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นได้รับการบูรณะใหม่หมด สมัยก่อนพระพันวัสสาทรงสั่งทำและนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น ด้วยเหตุผลว่าต้องให้สมพระเกียรติโอรสของพระมหากษัตริย์ ในขณะที่ของพระองค์เองเป็นของที่สั่งทำในประเทศ ถนัดจากห้องทรงงานก็เป็นห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องเสวยห้องพระ และก็ห้องพระบรรทมของพระพันวัสสา แต่ช่วงปลายพระชนม์ชีพ ทรงโปรดบรรทมที่ห้องพระค่ะ พอตื่นบรรทมก็จะมานั่งที่เฉลียงประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่ ๆ ในหลวงเรามารับน้ำสังข์คราวอภิเษกสมรสค่ะ
ทีนี้ก็ลงมาชั้นล่าง มีห้องพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงของเล่นส่วนพระองค์ของร.8 และในหลวง พาสปอร์ตของพระพันวัสสา  น่าจะทรงเป็นพระราชินีองค์แรกของไทยที่เสด็จเยือนต่างประเทศค่ะ อีกทั้งโปรดอ่านหนังสือฝรั่ง อาทิ  the national geographic magazine  หลายชิ้นน่าทึ่ง น่าสนใจ
แต่สิ่งที่ฉันประทับใจและใช้เวลานานมากที่สุดคือจดหมายค่ะ จดหมายที่พระบรมราชชนกเขียนมาเพื่อ-ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้านนะคะ-ขออนุญาตแต่งงาน ยาวมากค่ะ หลายแผ่นทีเดียว แต่เป็นจดหมายที่น่ารักมาก ลายมือหวัดแต่ก็อ่านได้ค่ะ ได้ศัพท์สมัยก่อนหลายคำเลย ที่ชอบคือคำว่า “จูงแหม่ม” อยากรู้ว่าแปลว่าอะไร ไม่บอกค่ะ ไปอ่านเอง อิอิ
ไม่สามารถที่จะจารไนยได้ทั้งหมด เพราะติดขัดเรื่องคำราชาศัพท์ พูดมากไปเดี๋ยวจะโดนติงว่าไม่เหมาะไม่ควร สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ขอเชิญชวนนะคะ ภายในอาทิตย์นี้เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ไปเที่ยวชมสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าแห่งหนึ่งของคนไทย พิพิธภัณฑ์นี้มีกำหนดการเปิดให้เข้าชม 17 ธันวาคม – 31 มีนาคมของทุกปีค่ะ เว้นวันอาทิตย์ (ปีนี้จึงเปิดถึง 30 มีนาคมเท่านั้น) ถ้าพลาดก็คงต้องรอถึงสิ้นปีค่ะ ขออภัยที่มาชวนช้าไปหน่อย แต่ฉันก็เพิ่งรู้และเพิ่งได้ไปมา และอิ่มหัวใจจนอยากชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆได้เข้าไปชมกันค่ะ เป็นการเข้าชมวังที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยไปมาในชีวิตก็ว่าได้

ไม่มีความคิดเห็น: