วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พี่เจน นายกผู้สอนให้ฉันรักพี่น้องวัฒนา

จากใจน้อง ๆ Gang of Sukoy Girls

ตลอดเวลา 1 ปีที่ได้รู้จัก และได้ติดตามพี่เจนไปตามบ้านศิษย์เก่าวัฒนา เป็นช่วงเวลาดี ๆ น่าประทับใจช่วงหนึ่งในชีวิต ฉันยังจดจำเรื่องราวความเป็นมาของความสัมพันธ์ระหว่างพี่เจน กับน้องอ่องน้องจ๋อน้องป๊ากได้ทุก ๆ ฉาก  ฉากแรก ๆ อาจจะน่าเบะปากสักหน่อย แต่ฉากต่อ ๆ มาเป็นสิ่งที่จุดรอยยิ้มที่มุมปากได้ทุกครั้งที่นึกถึง
โดยพื้นฐานแล้ว ฉันจัดว่าเป็นคนที่รักและผูกพันกับโรงเรียนคนหนึ่ง แต่เมื่อได้มารู้จักพี่เจน ฉันว่าไอ้ความรักที่ฉันมีต่อวัฒนานี่..เด็ก ๆ ไปเลย เนื่องจากเพราะพี่เจนทั้งรักทั้งผูกพันทั้งทุ่มเทให้กับวัฒนาจริง ๆ ในโอกาสที่พี่เจนหมดวาระจากตำแหน่งนายกสวว. ฉันจึงอยากรำลึกถึงพี่สาวที่น่ารัก น่าเคารพศรัทธาคนนี้ในบล็อกเป็นการส่วนตัวสักหน่อย แล้วก็ถือโอกาสบันทึกเรื่องราวดี ๆ ระหว่างเราไว้เป็นความทรงจำถึงวันวานอันแสนหวาน
ฉันรู้จักผมสีม่วงของพี่ลานทิพย์มานานแล้ว นอกจากว่าความรู้สึกว่าพี่คนนี้ช่างกล้าไว้ผมสีประหลาดแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรกับรุ่นพี่คนนี้อีก จนกระทั่งวันหนึ่งที่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ดึงฉันเข้ามาพัวพันในภารกิจเป็นไปไม่ได้ แล้วฉันก็โวยวายเสียงดัง จนร้อนไปถึงอาสน์นายกสวว. ตอนนั้นฉันจึงเริ่มรู้จักพี่เจนผ่านอีเมล เราติดต่อกันในบรรยากาศร้อนระอุอยู่พักใหญ่ ในตอนนั้นฉันยอมรับว่าไม่เข้าใจ และไม่ยอมรับว่าการวินิจฉัยของพี่เจนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าพี่เจนจะเพียรชี้แจงมา ถึงจะไม่เข้าใจในเหตุผลของพี่เจน แต่ฉันก็ให้ความเชื่อฟังและเคารพการตัดสินใจของพี่เจนในฐานะที่พี่เขาเป็นผู้ใหญ่ และเป็นนายก
สิ่งที่พี่เจนพูดย้ำในตอนนั้น ถึงตอนนี้...คือ ความสามัคคีปรองดองในหมู่พี่ ๆ น้อง ๆ ซึ่งแม้ว่าคู่กรณีของฉันเขาจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแนวคิด แม้จนทุกวันนี้ก็ยังทำสิ่งที่ขัดหูขัดตาฉันหลายประการ แต่ฉันก็อยู่นิ่งได้เพราะพี่เจนคอยสอนอยู่ตลอด ว่าการให้ความรักและอภัยเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำงานกับสวว.  ฉันทำได้คือการให้อภัย แต่เรื่องความรักนี่...5555555 ขอสงวนไว้เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลนะคะคุณพี่นายกเจน ฉันพยายามยึดหลักปฏิบัติว่าให้เราทำงานให้โรงเรียน ไม่ใช่ให้ตัวบุคคล แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความอดทนและพยายามโน้มน้าวของพี่เจน ฉันก็คงกราบลาบ๊ายบายงานโรงเรียนไปตั้งแต่ครั้งกระโน้นแล้ว
ครั้งแรกที่ได้เริ่มงาน ติดตาม นายกไปเที่ยวคือเมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านป้าจีรวัสส์ค่ะ จำได้ว่าตอนแรกที่มีการนัดหมายกัน ฉันอยู่ในภาวะสองจิตสองใจ จะไปดีไม่ดีหว่า เพราะไม่รู้ว่าพี่เขาเรียกให้ไปทำอะไร แต่เดาไว้ก่อนว่าคงจะให้เราไปดึงเอาบรรยากาศมาเล่าสู่กันฟังในวารสารเจ้าปัญหาเสียกระมัง ความที่เขาเป็นนายก ฉันก็รู้สึกเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธ ประกอบกับความชอบการเมือง พอรู้ว่าป้าจีรวัสส์เป็นธิดาของจอมพลป. ก็นึกอยากเจอตัวจริงอย่างใกล้ชิด ในครั้งนั้นฉันแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับพี่เจนเลย เจอและจากกันที่บ้านป้าจี ไม่ได้แม้แต่รับประทานอาหารด้วยกัน ฉันค่อนข้างจะได้คุยกับพี่หน่อยมากกว่า เนื่องจากพี่หน่อยเป็นตัวแทนนายกมาประชุมในทีมวารสาร แล้วหลังจากนั้นฉันก็ประกาศแตกหักไม่ยอมร่วมงานกับสาราณียกร 
เหตุการณ์ก็ล่วงไปเรื่อยจนวันที่ 19 กพ. พี่เจนก็โทรให้ฉันกับป๊ากตามไปเยี่ยมครูผกายที่บ้านพักคนชรา ตอนนั้นฉันก็...อะไรว้า...ไม่เห็นอยากไปเลย ครูผกายเป็นใครไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ แต่ก็น่ะ เกรงใจเลยต้องไป 55555 ยังจำได้ดี ในรถพี่จ๋อก็คุยเรื่องปัญหาต่าง ๆ ที่พวกเราประสบมาและรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน แน่นอนว่าในรถตู้คันไม่ใหญ่โต การจะพูดให้ฉันได้ยินคนเดียว ทุกคนย่อมยิ่งกว่าได้ยิน 5555555 ครูวรรณดีสรุปสั้น ๆ กับฉันเป็นการส่วนตัวว่า...นพพร เราต้องอดทนนะ... ฉันก็หน้าบูดรับฟังคำ แต่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าจะแย้งหรือรับ  จนเมื่อได้เยี่ยมครูผกายและบรรยากาศวันนั้นสนุกสนานดีค่ะ ครูผกายตลกโดยไม่ได้ตั้งใจในเรื่องของพี่จ๋อ ทำให้ฉันอารมณ์ดีมาก มาดีขึ้นมาก ๆ ก็อีตอนที่พี่แดงได้ติดต่อพี่ตุ้มให้ ตอนนี้อารมณ์เบิกบานประมาณฝรั่งเจอแสงอาทิตย์แรกหลังฤดูหนาวอันยาวนาน แล้วพี่เจนก็ส่งเสียงมาจากหัวรถตู้ ถึงฉันซึ่งนั่งอยู่ท้ายรถตู้  อ่องจ๋า เขียนเรื่องวันนี้ด้วยนะจ๊ะ  อ่ะนะพี่เจน.....ถึงฉันจะเป็นคนดื้อรั้น แต่จะให้ฉันปฏิเสธข้ามศีรษะครู ๆ 3 ท่านไป มันก็ไม่ใช่ อีกอย่างครูวรรณดีก็เพิ่งจับมือขอให้อดทนไปเมื่อตะกี้ ฉันก็แอบเซ็งนิดหน่อยที่เหมือนจะแพ้...แต่มาคิดอีกทีในวันนี้ มันไม่ใช่ความพ่ายแพ้เลย ตรงข้ามมันเป็นการเอาชนะใจตัวเองด้วยซ้ำ การฝืนทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบก็คือการฝึกฝนจิตให้มีสติ...สติมา ปัญญาเกิด...
จากนั้น พี่เจนได้ดึงฉันกับป๊ากเข้าไปร่วมงานต่าง ๆ มากขึ้น อาทิ งานระลึกถึงอาจารย์อายะดา พาไปบ้านท่านผู้หญิงสุมาลี, อจ.คุณหญิงมาลัยวัลย์, พี่ผ่องลักษณ์ หรือแม้แต่บ้านพี่เจนเอง ... จนฉันเริ่มคุ้นเคยกับพี่เจนมากขึ้น ๆ
พี่เจนเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจค่ะ เพราะพี่เจนเป็นคนสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี ฉันไม่เคยได้ยินพี่เจนพูดถึงใคร ๆ ในทางลบ หลายครั้งที่ฉันเม้าพี่บางคน เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่เขาทำ แต่พี่เจนก็มักจะพูดให้ฉันฟังในด้านดี ๆ แก้ไขความคิดในแง่ลบนั้นเสมอ ๆ  พี่เจนจะไม่บังคับให้ฉันต้องเขียนในสิ่งที่ฉันไม่อยากเขียน หรือคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรด้วยความเข้าใจในอารมณ์ศิลปินของน้อง...มันทำให้นับวันที่ฉันรู้จักพี่เจน ฉันก็มีแต่เพิ่มความรักความเคารพพี่สาวผมสีม่วงคนนี้จริง ๆ  พี่เจนมีคำว่ารักใคร่ปรองดองเป็นหัวใจ และพยายามหล่อหลอมน้อง ๆโดยเฉพาะอ่องตัวปัญหาให้เข้าใจและยอมรับในหลักการ หลายครั้งที่ฉันกับพี่จ๋อจิกกันแซวกันแรง ๆ ใน FB พี่เจนก็เข้ามาไกล่เกลี่ยเหมือนทนไม่ได้ที่น้องสองคนนี้กัดกัน ถึงจะแค่เจ็บ ๆ คัน ๆ ไม่ถึงขั้นแผลเหวอะหวะก็ตามที แต่กระนั้นก็เถอะ ระหว่างฉันกับพี่จ๋อก็ยังคงมีจิก ๆ กัด ๆ กันประจำเป็นยาชูชีวิต เป็นยาแก้เบื่อ 5555555
วันหนึ่งพี่เจนก็บอกฉันว่าเรามาตั้งชื่อแก๊งค์กันดีกว่า พี่เจนคงไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจและภูมิใจมากแค่ไหนที่พี่เจนให้เกียรติพวกเราขนาดนี้ เป็นปลื้มอย่างมากค่ะ แต่ฉันไม่ถนัดเรื่องตั้งชื่อแก๊งค์ ประมาณว่าเป็นเด็กดีมาตลอดชีวิต ...เหรอ??? 5555555 ในที่สุดพี่เจนก็ตั้งชื่อแก๊งค์เองว่า แก๊งค์สุโค่ย ไอ้ฉันก็ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอิหยัง พี่เจนแปลจากไทย (ญี่ปุ่น?) เป็นอังกฤษว่า cool  ตั้งแต่นั้นมาเราชาวสุโค่ยก็เจอกันบ่อยขึ้น พอห่าง ๆ ไปไม่นานพี่เจนก็มักจะเมลมานัดรวมพลไม่ใช่เพื่อทำงานอย่างเดียวอีกแล้ว หลาย ๆ ครั้งเราก็เพียงแต่เจอกันให้หายคิดถึง เฮฮากันให้หายเครียด
เพราะพี่เจนทำให้ฉันมีความกล้าที่จะเข้าไปสัมผัสพี่ ๆ รุ่นต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจมากขึ้น และก็รู้สึกดี และอบอุ่นอยู่ในสายสัมพันธ์ ความรักความผูกพันแห่งชาววัฒนา หลายครั้งหลายหนที่ฉันทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน ในความเป็นจริงแล้วฉันค่อนข้างขี้อาย ไม่ค่อยกล้าเข้าไปทักพี่ ๆ ก่อน แต่วันดีคืนดีก็ได้ติดตามพี่ ๆ รุ่น 100 ไปทอดกฐินและช่วยซับน้ำตาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ลพบุรี วันดีคืนดีฉันก็ชวนป๊ากไปแจกบัตรเชิญแกมตื้ออ้อนป้าจีให้มาฟังคอนเสิร์ตนักร้อง หรือแม้แต่เข้าไปกราบทักทายท่านผู้หญิงสุมาลี และหลาย ๆ วันจันทร์ฉันก็สนุกสนานกับการทักทายพี่ ๆ น้อง ๆ ที่มาซ้อมเพลงทุก ๆ วันจันทร์ ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน  แต่การที่ได้ใกล้ชิดพี่เจน ได้พูดคุยและเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากนายกคนนี้ มันทำให้ฉันเปลี่ยนไปมากในชั่วเวลาเพียง 1 ปี
คงไม่มีคำขอบคุณใด ๆ ที่มากพอสำหรับสิ่งที่พี่เจนได้มอบให้กับฉัน จนวันนี้ฉันอยากจะบอกพี่เจนว่า... I love you because you make me love wattanians in the way it should be…true and tender.

3 ความคิดเห็น:

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

It is so very touching u r a good writer kha. Thank u for having me in part of ur story . Be sweet be cool and be yourself I lv u for u and nothing should change. Phi Tum
Sent via BlackBerry® from AIS

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

ต่อไปนี้ คือเมลโต้ตอบกันระหว่างพี่เจนกับฉันเกี่ยวกับบทความนี้
Ong ja:Thank you so much for your nice thoughts that you have for me. I am so honoured that you think I am your good friend and sister. Let us remain this way forever. I love you and all our Sukoi members alot. Thanks a lot. Love you all ..... Jane

Well, I couldn't say nice things about you, if you were not that nice. All I do is...write the whole truth…Ong

55555 I never know that I am that nice. You know may be because of love when we love a person, we tend to look at the good parts and forgive that lousy parts. That is why we see each others nicely.You and Jor fight but for fun because you love each other.Paque care about every body because she loves all of us.So, everything goes to one word "love" .5555555 Big Love for all of you Sukoi...... Jane

No, in our case, because you are a very nice sister so I can't help falling in love with you...really! One more thing, where is your lousy part? I haven't seen any!...Ong

อ่อง นพพร กล่าวว่า...

อ่อง...ซาบซึ้งจริงๆ...ขอเอาไปอ่านในวันที่1 ให้พี่เจนฟัง...(และอีกหลายๆคนได้ม๊ะ...นะนะ...ถ้าใครอีกหลายคนได้ยิน...เขาจะเข้าใจพวกสุโค่ยขึ้นอีกเยอะ...เขาจะเปลี่ยนความคิดและเข้าใจพี่เจนมากขึ้นกว่าที่คนอื่นๆพูดอีก...นะอ่องนะ)..Jor+