ยามอยู่ใกล้ ขอห่างพันลี้.... ตอนนี้ครูอยู่ไกลกว่าพันลี้ กลับอยากหวนไปอยู่ใกล้ชิดด้วย

แต่วันนี้ วันที่นั่งคิดถึงครูอยู่นี้ กลับมีแต่ความรักความเคารพให้ครูอย่างเหลือล้น มานั่งนึกขำ ๆ ว่า...ทำไมถึงได้กลัวครูซะขนาดนั้นนะเรา? ทั้ง ๆ ที่ครูไม่เคยทำโทษฉันแม้แต่ครั้งเดียว แค่ตวัดสายตามองมาปราดเดียว...นพพรก็..กุ้ง..แล้วค่ะ ขนาดเวลาครูยิ้มให้ ฉันยังหายใจไม่ปลอดโปร่งเลย แต่ก็น่ะ ครูไม่ค่อยยิ้มให้ฉันเห็นเท่าไรหรอกค่ะ พยายามนึก ๆ ๆ นับไปนับมา ไม่เกิน 1 หนที่เห็นครูยิ้ม จริงจริ๊ง....นี่พูดถึงตอนฉันเป็นนักเรียนนะคะ
ในบล็อก Noppaul’s Dream นี้ ได้เอ่ยถึงครูภิญโญมาหลายครั้งหลายหน ในบทความนี้ฉันอาจจะมีรีเพลย์บางเรื่องราวอีกครั้ง ก็ถือซะว่าคนมันแก่แล้ว เลยย้ำคิดย้ำทำบ้าง ขอให้ถือซะว่า... คนบางคน เรื่องราวบางเรื่องราวก็ทรงคุณค่าเพียงพอให้เราเอ่ยถึงได้ไม่รู้เบื่อ
ก่อนอื่น...ขออนุญาตว่า...สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ อาจจะยาวและวกวนไปมาบ้าง นั่นเป็นเพราะฉันอยากพูดถึงครูให้สมกับความคิดถึงที่มี เป็นสิ่งที่ฉันอยากให้ครูได้รับฟัง ฉันเชื่อว่าถ้าวิญญาณมีจริง ครูคงมายืนอ่านอยู่ข้างหลังฉันขณะที่ฉันกำลังพิมพ์อยู่เป็นแน่ ฉันอยากให้ครูรับฟังความรู้สึกของฉันที่มีต่อครู อยากให้ครูรู้ว่า...ครูจากไปก็เพียงร่างกาย แต่ครูไม่เคยอยู่ไกลจากใจฉันเลย ชักน้ำตาซึมแล้วตรู....จะเขียนจบไหมเนี่ย
ฉันไม่ใช่เด็กดี หรือเรียบร้อย แต่สมัยอยู่วัฒนาไม่เคยทำผิดกฎ (โดยไม่จำเป็น) ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกลัวโดนส่งตัวไปหาครูภิญโญนี่แหละค่ะ พูดจริง ๆ นะคะ ฉันเคยโดนครูหลายคนทำโทษ แต่ไม่กลัวเท่าครูภิญโญเลย อย่างครูประพิธนี่ก็กลัวค่ะ แต่บางอารมณ์ก็ยังกล้าดื้อ เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันอยากกลับบ้านมาก คุณแม่มารับแล้ว แต่ครูประพิธไม่อนุญาตให้กลับ เพราะไม่มีเหตุสมควรที่จะกลับ...ฉันยั้วะมากค่ะ ร้องไห้ประท้วงอยู่หน้าบ้านนั่นแหละ จนเวลากินข้าวก็ยังไม่ยอมไปไหน ต่อยาวจนถึงเวลาอาบน้ำด้วยเอ้า...จำความรู้สึกตัวเองตอนนั้นได้ดีเลยว่า...จะเอาชนะให้ได้ แต่พอเวลาผ่านไป ๆ มีไหวหวั่นแล้วค่ะ เนื่องจากคุณแม่กลับบ้านไปนานแล้ว ช่างไม่ห่วงลูกเล้ย....นพพรยังนั่งร้องไห้อยู่นั่นแหละ ครูที่ใจดีมาชวนให้ไปกินข้าวก็ทำสะบัดสะบิ้งโวยวายไม่ยอมไป แต่แวบเล็ก ๆ ในใจ...แอบกลัวว่าครูภิญโญจะเดินออกมาจากห้องทำงาน แล้วจะทำยังไงเนี่ยะ...คิดไม่ออกค่ะ 55555 ระหว่างครูยังไม่ปรากฏตัวขอประท้วงก่อน ครูประพิธคงขึ้นไปพักผ่อนแล้วมั้งคะ แบบว่าพอใจแล้วที่นพพรไม่ได้กลับบ้าน ครูอื่น ๆ ทั้งดุทั้งไม่ดุเดินมาพูดกับฉันหลายคน แต่ไม่ได้ผลสักคน นพพรปักหลักดื้อจนมืด ตอนนี้หัวใจเล็ก ๆ ชักกลัวแล้ว...ฉานยังไม่ได้กินข้าว+อาบน้ำเลย...55555555 จำได้ว่าในที่สุดครูผินเดินมาค่ะ คงได้ข่าวจากใครมั้งคะ มาถึงก็เรียก...นพพรมานี่มา... ตอนเด็ก ๆ ฉันรักครูผินมาก ๆ ก็เดินไป ฮือ ๆ ไป ครูผินให้นั่งตัก แล้วก็พูดว่า “เอ้า..ฉันให้หอมแก้มทีนึง” ฉันก็หอมแก้มครู พอครูหัวเราะ ฉันก็หัวเราะด้วย หายเศร้าเลย ครูหลาย ๆ คนที่เป็นห่วงอยู่พลอยหัวเราะไปด้วย จบด้วยครูวรรณดีจูงมือไปกินข้าว แล้วครูเวรพาไปอาบน้ำ...ไม่มีแม้แต่เงาของครูภิญโญ
เอาอีกฉากจะได้เห็นว่าครูภิญโญนั้น เป็นความน่ากลัวเด็ดขาดของฉันจริง ๆ คือพอขึ้นนอนแล้ว ฉันก็ร้องไห้ต่อ ครูเวรมาปลอบแล้วก็ไม่ยอมเงียบ เลยจูงมือไปส่งห้องนางพญา....5555555....เหมือนทีวีเปลี่ยนช่องเลย จากหนังโศก ไปเป็นหนังสยองขวัญ...น้ำตาเหือดแห้ง อารมณ์คิดถึงบ้านหายวับเป็นปลิดทิ้ง แต่พอเจอครู...ครูกลับไม่ดุสักคำ ไม่ถามอะไรด้วย นอกจากให้นั่งดูทีวี แล้วครูก็ชงไมโลให้กินกับขนมปังเค็ม...ฟังดูใจดีนะคะ แต่นพพรขอแค่ครั้งเดียวพอ 5555555 นับจากนั้นไม่กล้าร้องไห้บนตึกนอนอีกเลย กลัวครูเวรจูงไปหาครูภิญโญอีก
ฉันเป็นคนชอบโต้เถียง แต่เว้นไว้กับครูภิญโญ ไม่เคยได้อ้าปากสักแอะ...ต่อให้ครูดุทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็ก้มหน้านิ่งเงียบโดยดุษฎี ซึ่งมีไม่กี่ครั้งหรอกค่ะ ถ้าเป็นครูอื่น ลองมาดุแล้วฉันไม่ผิด หรือไม่ยอมรับว่าผิดซิ...นพพรเถียงตลอดค่ะ 5555555 แต่ไม่ได้ก้าวร้าวนะคะ แค่ถามว่าทำไมทำงั้นไม่ได้ ทำงี้ไม่ได้ หรือหนูไม่ได้ทำ ฯลฯ แต่กับครูภิญโญ..นพพรบำเพ็ญตบะเป็นเตมีย์ใบ้อย่างเดียวค่ะ เช่น..เวลาที่อยู่ในแถว แล้วโดนครูดุมาว่าฉันคุย ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้คุย ไม่ได้แม้แต่ฟังเพื่อนคุยด้วย...ครูเข้าใจผิดน่ะค่ะ แต่ฉันหรือจะกล้าเถียง? ได้แต่บ่นตัวเองอยู่ในใจว่าทำไมวันนี้ซวยจริง?
ทั้งหลายทั้งปวง...ฉันไม่เคยคิดว่าจะเข้าไปใกล้ชิดครูภิญโญเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งได้รู้จักครูชัชว์ ครูชัชว์เป็นครูที่ไม่เคยสอน แต่ทำไมสนิทกับฉันได้ก็ยังงง ๆ อยู่ 5555555 ครูชัชว์มักจะบอกฉันตอนที่ฉันจบจากโรงเรียนแล้ว ฉันไปหาครูจินตาบ่อย ๆ แล้วได้เจอครูชัชว์บ้าง ครูชัชว์บอกว่า...นพพร ครูภิญโญน่ะรักเธอมากรู้ไหม? ชมเธอให้ครูฟังตลอด...ฉันจำไม่ได้แล้วว่าครูชัชว์เล่าว่าครูภิญโญชมอะไรฉัน แต่ออกจะงงค่ะว่าฉันมีอะไรให้ครูภิญโญรัก และนำไปคุยกับคนอื่นด้วยเหรอ? พี่ตุ้มก็เล่าเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าพี่ตุ้มเองก็รู้ว่าครูภิญโญรักฉัน เพราะครูพูดกับพี่ตุ้มถึงฉัน...ทำให้พี่ตุ้มไปรับฉันแล้วพาไปเที่ยวสวนสนุกหลังจากที่พี่ตุ้มจบไปแล้ว พี่ตุ้มเองก็รักครู และได้รับความรักจากครูเป็นพิเศษเช่นกัน พี่ตุ้มเล่าให้ฟังเมื่อวันที่ฉันไปนอนเล่นบ้านพี่ตุ้มว่า ครูภิญโญเคยไปพักบ้านพี่ตุ้มตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ แล้วฝากพี่ตุ้มแลกเงินสิงคโปร์ให้ 200 เหรียญ ซึ่งพี่ตุ้มเห็นว่านิดหน่อยแค่นั้น จึงได้เอาเงินสิงคโปร์ให้ครูตามที่ครูต้องการ โดยไม่ยอมรับเงินไทย แต่ก่อนที่ครูจะกลับเมืองไทย ครูได้วางซองสีขาวไว้ พี่ตุ้มก็รู้ค่ะว่าเป็นเงินไทยแน่ ๆ แต่ไม่ได้เปิดซอง เก็บเข้าตู้เซฟ แล้วลืมมันไปเลย จนกระทั่งครูเสียชีวิต พี่ตุ้มจึงนึกได้ มาเปิดซองดูเผื่อจะมีจดหมายอะไรจากครู แต่สิ่งที่อยู่ในซองไม่ใช่จดหมาย ตอนที่พี่ตุ้มเล่าได้หยิบซองออกมาเปิดให้ฉันดูด้วยค่ะ...เป็นแบ้งค์สมัยเก่า (รุ่นที่ใบใหญ่ ๆ ) แต่ใบเอี่ยมแถมเรียงเบอร์อีกต่างหาก ! ฉันเองยังขนลุกด้วยความซาบซึ้ง ไม่ต้องพูดถึงตัวพี่ตุ้มจะรู้สึกมากกว่าฉันแค่ไหน
ครูไม่เคยแสวงหาสิ่งใด ๆ จากศิษย์คนไหน ๆ ทั้งสิ้น เคยมีเพื่อน (จำไม่ได้แล้วว่าใคร) เอาเงินให้ครู รู้สึกว่าจะเป็นวันเกิด ครูก็บอกว่าได้ส่งเงินที่ให้มานั้นบริจาคไปกับโบสถ์ หรือมูลนิธิอะไรสักอย่าง ...จำไม่ได้อีกเหมือนกัน...เอาเป็นว่าเงินที่ศิษย์ให้ ครูไม่ได้นำมาใช้ แต่นำไปทำบุญต่อ เพื่อให้ผลบุญตกอยู่กับตัวศิษย์นั้น ๆ ครูบอกค่ะว่าครูไม่ต้องใช้เงิน มีรายได้จากสวนยางเพียงพอกับการดำรงชีวิตแล้ว ไม่ต้องรบกวนให้ใครเอาเงินมาให้ครู ไม่เพียงแต่ไม่เคยเรียกร้องสิ่งของเงินทองจากศิษย์แล้ว ครูกลับเป็นผู้ให้เสียเอง...ทุกปีครูจะส่งฟรุตเค้กแสนอร่อยมาให้
ฉันไปเยี่ยมครูที่นครครั้งแรก ... ผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ฉันยังจำได้ดีค่ะ จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่าจะไปนครหลายหนแล้ว แต่จนใจ ไม่รู้จักใคร แล้วไม่เคยไปใต้เลย จนกระทั่งได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนพัทลุง ปีหนึ่งเขาก็ชวนฉันไปเที่ยวบ้านเขา คำแรกที่ฉันเรียกร้องก่อนรับคำชวนคือ... เธอต้องพาฉันไปหาครูที่นครนะ ต้องช่วยหาบ้านให้เจอด้วย... 5555555 แล้วเป็นโชคของฉันที่มีเพื่อนดี ๆ ตามใจฉันมากมาย พอไปถึงพัทลุง ฉันก็ยืมรถที่บ้านเขา ขับรถจากพัทลุงไปนครทันที ตอนนั้นตื่นเต้นมากค่ะ เพราะไม่ได้บอกครูล่วงหน้าด้วย กะว่าจะเซอร์ไพร้ส์ครู...ไปถึง ครูเพ็ญเพ็ชรกำลังจะออกไปธุระข้างนอกพอดี เจอกันที่หน้าประตูบ้านค่ะ หลังจากนั้นไม่นาน ครูเพ็ญเพ็ชรก็ล้มป่วย และจากพวกเราไป...เร็วมากค่ะ ฉันก็เข้าบ้านไปนั่งรอในห้องรับแขก มีคนขึ้นไปตามครูภิญโญลงมาค่ะ ครูถามว่า มายังไง หาบ้านครูเจอได้ยังไงเนี่ยะ ฉันก็บอกครูว่าเพื่อนพามาค่ะ แต่ฉันเป็นคนขับรถมาจากพัทลุง ครูภิญโญก็ให้ฉันขับรถไปร้านขนมจีน แล้วเลี้ยงขนมจีนฉัน ครูสอนให้ฉันกินขนมจีนแบบปักษ์ใต้ คือผสมน้ำยา น้ำพริก แกงต่าง ๆ จำได้ว่า 7-8 ชนิดในจานเดียวกัน! ที่จริงก่อนที่จะมานคร ที่บ้านพัทลุง เพื่อนก็ชวนให้ฉันกินแล้ว แต่ฉันไม่ยอมกิน แบบว่าไม่ใช่พระ 5555555 พอครูภิญโญบอกให้กิน ฉันก็...กลัวท้องเสียก็กลัว แต่กลัวครูมากกว่า 5555555 (ยังหลงเชื้อความกลัวอยู่ค่ะ) พอกินแล้วก็ ...อร่อยดีแฮะ ติดใจอีกต่างหาก จากนั้นครูก็พาไปเที่ยววัดพระธาตุซึ่งเป็นวัดประจำจังหวัด ครูบอกว่าให้ฉันเข้าไปเดินดูกับเพื่อน ครูเดินไม่ไหว จะนั่งรอตรงนี้ ฉันเป็นคนไม่ชอบทัวร์วัด แต่ก็น่ะ ไม่กล้าบอกครู 5555555 เลยเดินไปดู ๆ สองทีก็ออกมา ฉันจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับครูบ้าง แต่ขากลับ เพื่อนฉันบอกว่า “ครูพี่อ่องใจดีจัง” 55555555 ถ้าเพียงเธอรู้จักครูในวัฒนา...เธอจะไม่พูดแบบนี้ 5555555
จากครั้งแรกที่ไปบ้านครู ฉันก็ยังไปอีกหลายครั้ง เรียกว่าโฉบไปทางใต้ทีไร ต้องหาเรื่องไปนครเพื่อไปเยี่ยมครู ไม่นับที่เจตนาไปนครเพื่อไปบ้านครูโดยเฉพาะ คือครั้งที่พาครูจินตากับครูชัชว์ไป และไปงานศพครูไพจิตร และครั้งสุดท้ายที่ไปด้วยหัวใจสลาย...คือไปงานศพของครูภิญโญเอง และนี่คือครั้งสุดท้ายที่ฉันไปนคร จากนั้นจนวันนี้ไม่เคยคิดจะกลับไปอีก เพราะไม่มีใครให้ไปหาอีกแล้ว
หลายครั้งที่ไม่ได้ลงใต้ ฉันก็จะโทรศัพท์ไปคุยกับครู (ตอนนั้นยังพอคุยโทรศัพท์ได้บ้าง ก็หากันไป หากันมาระหว่างครูกับศิษย์ หาเจอมั่ง ไม่เจอมั่ง หูตึงพอกัน 55555) บางทีก็ส่งนิยายที่แต่งไปให้ครูอ่านบ้าง เขียนจดหมายไปเล่าอะไร ๆ ให้ครูฟัง ฉันได้รับจดหมายตอบจากครูหลายฉบับ แต่ความที่ฉันย้ายบ้านบ่อย เดี๋ยวไปโน่นมานี่ จดหมายต่าง ๆ เหล่านี้จึงได้สูญหายไปสิ้น ซึ่งน่าเสียดายมาก
หลายครั้งที่ไม่ได้ลงใต้ ฉันก็จะโทรศัพท์ไปคุยกับครู (ตอนนั้นยังพอคุยโทรศัพท์ได้บ้าง ก็หากันไป หากันมาระหว่างครูกับศิษย์ หาเจอมั่ง ไม่เจอมั่ง หูตึงพอกัน 55555) บางทีก็ส่งนิยายที่แต่งไปให้ครูอ่านบ้าง เขียนจดหมายไปเล่าอะไร ๆ ให้ครูฟัง ฉันได้รับจดหมายตอบจากครูหลายฉบับ แต่ความที่ฉันย้ายบ้านบ่อย เดี๋ยวไปโน่นมานี่ จดหมายต่าง ๆ เหล่านี้จึงได้สูญหายไปสิ้น ซึ่งน่าเสียดายมาก
วันสุดท้ายที่ฉันได้อยู่ใกล้ชิดครู คืองานศพครูไพจิตร ฉันจำได้ว่านั่งติดกับครูตลอดเวลา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะใจหายด้วยที่เห็นครูผมสีขาว ปกติครูจะย้อมค่ะ แต่ครั้งหลังสุดที่ไป ครูไม่ได้ย้อม ดูแปลกตาไปเลย แล้วครูดูเศร้ามาก ไม่เคยเห็นครูร้องไห้ก็ได้เห็น ครูบอกว่า..ครูไพจิตรกลับบ้านเพื่อจะมาดูแลครู แต่คนดูแลไปซะก่อน.... ฉันร้องไห้เลยแหละค่ะด้วยความสงสารครู เวลาที่เราสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป คำพูดใด ๆ ก็ไม่สามารถปลอบโยนได้...คงต้องให้กาลเวลาเป็นสิ่งคลายความหมองเศร้า และความเข้มแข็งของเราเองที่จะผ่านพ้นไปให้ได้
วันที่ครูภิญโญจากไป แล้วฉันเดินทางไปงานศพ ครูบำเพ็ญขอให้ฉันขึ้นไปพูด แต่ฉันบอกว่าฉันคงพูดไม่ได้ เพราะฉันแพ้สาธารณชน 5555555 แต่ฉันจะเขียนอะไรสักอย่าง เพื่อให้ครูบำเพ็ญนำไปอ่านแทนฉัน ครูก็ตกลง ...และนี่คือสิ่งที่ฉันเขียนให้ครูภิญโญค่ะ มันสั้น และไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ เท่าไร เพราะมัวแต่เศร้าจนสมองไม่ทำงาน
ในสวนของพระเจ้า มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งซึ่งสวยสดงดงาม แต่มีผลอยู่เพียงไม่กี่ผล ต้นไม้ต้นนั้นพระเจ้าได้ทรงเรียกว่า “ต้นสร้างคนดี” หนูแหงนมองดูด้วยความรัก ชื่นใจและหวงแหน แต่ก็สลดหดหู่ เพราะบัดนี้ในจำนวนผลที่มีอยู่น้อยนั้น ผลหนึ่งซึ่งสุกและงอมจัดมานาน ก็ค่อย ๆ หลุดและล่วงหล่นลงมาท่ามกลางความเสียดายเป็นล้นพ้น
ผลนั้นมีชื่อว่า “อาจารย์ภิญโญ ณ นคร” ครูผู้มีความเป็นครูอยู่ในทุกหยาดหยดของเลือด ทุกอณูของเนื้อที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกาย และทุกลมหายใจ และบัดนี้แม้ทุกอย่างจะค่อยสลายไปตามวิถีทางของธรรมชาติแล้วก็ตาม สิ่งหนึ่ง..จะยังคงอยู่เสมอ
สิ่งนั้นคือวิญญาณแห่งความเป็นครู ที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของมวลศิษย์ตลอดไป
หนูรู้จัก “ตัวตน” ของครูภิญโญน้อยมาก ยิ่งสมัยเด็กยิ่งแทบไม่รู้จักเลย เพราะความดุของครูนั้นขึ้นชื่อลือชาจริง ๆ กระทั่งว่าแม้ครูภิญโญจะยิ้มให้ นักเรียนที่กำลังเดินเข้าไปหาก็ยังไม่ค่อยจะปลอดโปร่งใจนัก
ครูชัชว์เล่าให้หนูฟังว่าครูภิญโญเป็นคนที่ใจอ่อนมาก เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถปกครองนักเรียนได้ เลยต้องทำดุไว้ หากเป็นอย่างที่ครูชัชว์พูดจริง ก็นับว่าครูภิญโญประสบความสำเร็จอย่างสูงทีเดียว เกราะที่ครูสร้างนั้นทั้งสูง ทั้งหนาเสียจนไม่มีใครสามารถมองทะลุไปถึงหัวใจของครูได้เลย
แต่หนูยังโชคดี เพราะคำพูดของครูชัชว์ที่พูดให้ฟังเสมอ ๆ (หลังจากจบจากวัฒนาฯแล้ว) ว่า
“ครูภิญโญรักเธอรู้ไหม? พูดถึงเธอให้ครูฟังเสมอ ๆ”
โอ้โห ครั้งแรกที่ฟัง..บอกตรง ๆ เลยว่าไม่ค่อยจะเชื่อ ไม่ใช่จะว่าครูชัชว์ปดหนูหรอก แต่..ไม่เชื่อหูตัวเองว่าฟังถูกหรือเปล่า เพราะสมัยเรียนไม่เคยเห็นครูภิญโญจะมีทีท่าว่าเมตตาหนูเลย มีแต่ส่งสายตาดุ ๆ มาให้ล่ะบ่อย
แต่เมื่อแน่ใจว่าฟังถูกต้องแล้ว..ก็ต้องพิสูจน์
จริงของครูชัชว์ เนื้อแท้ของครูภิญโญนั้น ใจดีมาก เมื่อครั้งแรกที่หนูไปหาครูที่นครฯ ครูได้กรุณาเป็นไกด์พาหนูไปเที่ยววัดพระธาตุ และพาไปกินขนมจีนที่อร่อยมาก ๆ ด้วย ซ้ำยังบอกเพื่อนของหนู (ซึ่งไม่ใช่นักเรียนวัฒนาฯ แต่เป็นคนพาหนูไปหาบ้านครูเพราะเคยเรียนอยู่นครฯ) ว่า
“เรียกฉันว่าป้าเถอะ ฉันออกจากครูแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นครูแล้ว”
เพื่อนนั้นก็ชื่นชมกับคุณป้าภิญโญ ถึงกับบอกว่า
“ครูพี่อ่องนี่ใจดีจังเลย”
และเมื่อหนูได้ไปหาครูอีก ครูซึ่งสุขภาพไม่สู้ดี แต่จำได้ว่าหนูชอบขนมจีนร้านนั้น ก็ได้กรุณาจัดหามาต้อนรับเสียเต็มโต๊ะ เลี้ยงคนได้นับสิบทั้ง ๆ ที่มากันแค่ 3 คน
ขากลับ ครูก็กรุณามีของฝากให้หอบหิ้วมากรุงเทพฯ อีกทุกครั้ง
และถึงอยู่กรุงเทพฯ บางปีที่ครูราศรีไม่ยุ่งนัก ครูภิญโญก็จะให้ทำขนมฟรุตเค้กแสนอร่อยแล้วส่งมาให้ทางไปรษณีย์
หนูจึงได้ตระหนักว่า แท้จริงแล้ว ครูภิญโญรักและเมตตาหนูอย่างที่ครูชัชว์ว่าไว้จริง ๆ
หนูไม่สามารถจะบอกได้ว่าความอาลัยที่มีต่อครูภิญโญ..มากเพียงไหน เมื่อครูวารุณีแจ้งข่าวให้ทราบ ก็รู้สึกใจหาย เพราะได้เคยอยากจะไปเยี่ยมครูตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ไป พักหลังนี้แม้แต่จดหมายก็ไม่ค่อยได้เขียน แต่หนูดีใจที่ได้เคยเรียนบอกครูภิญโญด้วยตัวเองว่า
“หนูรักครู”
และที่ครูได้บอกหนูเมื่อวันฝังครูไพจิตรว่าจะพยายามดูแลรักษาตัวเองเพื่อเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่หนูนั้น หนูก็เชื่อค่ะว่าครูได้พยายามเต็มที่แล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น..มีที่สิ้นสุด
ล่วงลงแล้ว..อีกหนึ่งผล..คนสร้างชาติ
ผู้องอาจในวิชชาและหน้าที่
ผู้เปี่ยมล้นผู้งดงามด้วยความดี
ความดีที่ยังคงอยู่คู่โลกา
ขอก้มกราบแทบเท้าด้วยเคารพ
ครูเช่นนี้ในผืนภพยากจะหา
ถือเป็นเพชรพิสุทธิ์น้ำล้ำราคา
ขอกราบลาครูภิญโญ ณ นคร
ตอนที่อยู่นคร สมองไม่ปลอดโปร่ง เลยแต่งกลอนไม่ค่อยออก เขียนได้แค่นั้น แต่พอได้กลับมากรุงเทพ แล้วโรงเรียนมีพิธีไว้อาลัยจัดที่โบสถ์วัฒนา เพื่อน ๆ ขอให้ฉันแต่งกลอนในนามรุ่น ฉันจึงได้เขียนเพิ่ม
หากจะมีที่ผูกใจไว้ให้ติด
ให้ใกล้ชิดวัฒนากัลปาวสาน
สิ่งหนึ่งคือความผูกพันอันยาวนาน
คือรักผ่านจากครูสู่นักเรียน
ครูภิญโญแม้ภายนอกบอกได้ยาก
เพราะดุมากยามสั่งสอนวอนอ่านเขียน
ทั้งเข้มงวดกวดขันเราให้พากเพียร
เพื่อนักเรียนเป็นคนดีมีวินัย
วันนี้หนูคิดถึงครู...คิดถึงมาก
อาจเคยกลัวและไม่อยากอยู่ใกล้ใกล้
เพราะเดียงสายังน้อยด้วยเยาว์วัย
พอเติบใหญ่จึงเข้าใจในคุณครู
แท้จริงแล้วครูรักหนูอยู่ลึกลึก
เพราะสำนึกในหน้าที่มีต่อหนู
ความหวังดีมีแฝงทั่วทุกอณู
ในใจครูไม่รู้หมดไม่รู้คลาย
“จงเป็นเกลือรักษาเค็มให้เข้มไว้”
ครูสอนไว้ขอใส่ใจไม่เสื่อมสลาย
อาจจะยากแต่จะเพียรไม่วางวาย
สิ่งสุดท้ายมอบแด่ครูบูชาคุณ
กราบแทบเท้าอำลาอาลัยล้น
ขอกุศลผลกรรมดีจงเกื้อหนุน
สวรรค์โปรดให้ครูได้ใช้เป็นทุน
เสวยบุญเสวยสุข ณ เมืองแมน.
วันที่ 1 พฤษภาคมปีนี้ หากครูยังอยู่ ฉันคงได้ชวนพี่เจน พี่ตุ้ม พี่เก็จ ป๊าก และหลาย ๆ คนล่องใต้เพื่อไปกราบครูเนื่องในวันเกิดกัน น่าเสียใจและเสียดายที่เรามาสนิทสนมกันช้าไป แต่วันที่ 1 พฤษภาคมต่อนี้ไป...ก็คงเป็นแค่วันแรงงานแห่งชาติธรรมดา ๆ วันหนึ่ง
ถึงฉันจะไม่ได้ไปหาครู แต่ครูกลับมาหาฉัน ครูเข้ามาอยู่ในความคิดถึงของฉัน ไม่ใช่แค่วันที่ 1 พฤษภาคม... แต่เป็นวันนั้น วันนี้ และวันโน้น ความเมตตา ความดีของครูได้แวะเวียนเข้ามาให้ฉันรำลึกถึงอยู่เนือง ๆ
ถึงฉันจะไม่ได้ไปหาครู แต่ครูกลับมาหาฉัน ครูเข้ามาอยู่ในความคิดถึงของฉัน ไม่ใช่แค่วันที่ 1 พฤษภาคม... แต่เป็นวันนั้น วันนี้ และวันโน้น ความเมตตา ความดีของครูได้แวะเวียนเข้ามาให้ฉันรำลึกถึงอยู่เนือง ๆ
วันนี้เป็นวันพิเศษหน่อย เนื่องจากวันก่อนที่เจอพี่ตุ้ม เราได้คุยกันถึงครูมากสักหน่อย แล้ววันที่ 19 ที่ผ่านมาก็มีงานรำลึกถึงอาจารย์อายะดา ฉันเลยคิดถึงครูภิญโญมากเป็นพิเศษ
ครูขา...ถ้าครูได้อ่านบทความนี้ด้วยญาณวิถีใด ๆ หนูหวังว่าครูจะมีความสงบสุข หนูหวังว่าวันหนึ่งในโลกหน้า หนูจะได้พบครูอีก แล้วในวันนั้น...หนูจะไม่กลัวครูอย่างโง่ ๆ แบบในวัยเด็กของหนูอีกต่อไป แต่หนูจะกอดครู และบอกครูอีกครั้งและอีกหลาย ๆ ครั้งค่ะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี หนูก็จะยังจดจำ และรำลึกถึงแม่เสือแห่งวัฒนา ด้วยความเคารพ บูชา และด้วยความรักอย่างยิ่งเช่นนี้...ตลอดไปค่ะ
ครูขา...ถ้าครูได้อ่านบทความนี้ด้วยญาณวิถีใด ๆ หนูหวังว่าครูจะมีความสงบสุข หนูหวังว่าวันหนึ่งในโลกหน้า หนูจะได้พบครูอีก แล้วในวันนั้น...หนูจะไม่กลัวครูอย่างโง่ ๆ แบบในวัยเด็กของหนูอีกต่อไป แต่หนูจะกอดครู และบอกครูอีกครั้งและอีกหลาย ๆ ครั้งค่ะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี หนูก็จะยังจดจำ และรำลึกถึงแม่เสือแห่งวัฒนา ด้วยความเคารพ บูชา และด้วยความรักอย่างยิ่งเช่นนี้...ตลอดไปค่ะ