วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตามรอยแผลเก่ากับตลาดใหม่-ตลาดน้ำขวัญเรียม

ทีแรกคิดว่าจะให้รอพ้นหน้ามรสุมก่อนค่อยออกไปท่องเที่ยว แต่คืนวันเสาร์คุยกับจำปาลาวเพื่อนรักโลกไซเบอร์ เขาเล่าว่าไปเที่ยวตลาดน้ำมาทำตุ้มหูเพชรตกหายไปข้างนึง ก็จัดแจงถามอากู๋ถึงพิกัดของเพชร เอ๊ย ตลาดน้ำชื่อโรแมนติกทันที ดู ๆ แล้วน่าจะเดินทางไปสะดวกอยู่ ดูรูปต่าง ๆ ก็น่าไปสำรวจไม่น้อยเหมือนกัน วางแผนว่าถ้าเช้ามาฝนไม่ตก ก็จะไปหาเพชรล่ะ มาตรว่าจะไม่ได้เพชร ก็น่าจะมีเรื่องมาเขียนเล่าสู่กันฟังบ้าง
เพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยพูดเสมอว่าน้ำชาเป็นคนมีบุญ มานึก ๆ ดูแล้วก็น่าจะใช่ เพราะฝนตกติดกันทุกวันแต่วันเสาร์น้ำชามีนัดกับเพื่อนตอนสาย ฝนก็ตกเช้า ๆ พอใกล้เวลาเดินทางก็หยุด เช้านี้ก็เช่นกัน ตื่นมาแสนสดชื่น เพราะฝนเพิ่งหยุดไป อากาศดีเหมาะแก่การเดินทาง หลังจากกินนมสด กาแฟไม่มีไข่มุก และก็คุ้กกี้ 3-4 ชิ้นแล้ว ก็พร้อมออกเดินทาง
ขึ้น 207 กะจะไปลงที่รพ.รามคำแหง เพื่อข้ามฟากไปขึ้น 113 แต่ไงไม่รู้พอถึงสี่แยกลำสาลีก็ลงเลย แล้วเดินลอดใต้สะพานข้ามแยก สกปรกมาก..แต่มันสายเกินกว่าจะหันหลังกลับ พอเดินไปถึงฝั่งแล้ว อ้าวไม่มีป้ายรถเมล์ ต้องเดินขึ้นไปถึงป้ายตรงข้ามรพ.อยู่ดี เฮ้อ คนเรา หาเรื่องเดินเยอะแต่เช้าเลยนะ
นั่งรถเมล์เพลิน ๆ ยังไม่ทันเบื่อ ทางขวาเห็นมิสทีน ก็เตรียมตัวลงได้ วัดบำเพ็งใต้อยู่ในซอยรามคำแหง 187 เดินเข้าไปอย่างมั่นใจ จนกระทั่งเจอป้ายพิศวงที่สามแยก ป้ายซ้ายชี้ให้ไปทางขวา ป้ายขวาชี้ให้ไปทางซ้าย แล้วจะเอาไงเนี่ยะ ถ้าเอาตามลูกศร ก็บรรจบที่หน้าศาลพระภูมิ จริง ๆ แล้วมันไปได้ทั้งสองทางแหละ โยนเหรียญหัวก้อย หวยออกที่ทางซ้าย ก็เดินมาเรื่อย อากาศเช้า ๆ กำลังสบาย เดินไปดูวิวไป ชาวบ้านแถวนี้เลี้ยวแมวดีจัง แต่ละตัวหุ่นการ์ฟิลด์ทั้งนั้น ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว
ตลาดน้ำขวัญเรียมกินอาณาบริเวณสองฝั่งคลอง อีกฝั่งคลอง มีวัดบำเพ็ญเหนืออยู่ตรงข้ามกันเด๊ะ ไม่แน่ใจว่าเดิมทีเป็นวัดเดียวแต่ถูกผ่ากลางด้วยคลองเลยเรียกวัดเหนือวัดใต้หรือเปล่า ทั้งสองวัดเชื่อมด้วยสะพานสร้างใหม่เป็นรูปกระดูกเรือ แข็งแรง ขึ้นลงง่าย แต่ถ้าหัวเข่ามีปัญหา เขาก็มีลิฟท์ไว้บริการ
 ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนั่งเรียงรายเต็มสองฝั่งคลอง เขารอใส่บาตรพระที่จะพายเรือมาบิณฑบาตร จัดเป็นธรรมเนียมดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพราะพระก็ไม่ได้มาจากไหนไกล ก็พระในวัดเหนือวัดใต้นั่นแหละค่ะ พระจะลงเรือประมาณ 7.30 น. ยังมีเวลาเหลือเฟือ น้ำชาเลยเดินหาเพชร เอ๊ย สำรวจสถานที่ไปเล่น ๆ ก่อน ดูเหมือนจะมีนาข้าวแปลงกระจิ๋ว ลองเดินไปเรื่อย ๆ สุดปลายนาก็มีฝูงห่าน เลยชักไม่แน่ใจว่าตกลงเป็นแปลงข้าวหรือว่าต้นหญ้า เพราะเขาอาจจะปลูกหญ้าไว้เลี้ยงห่านก็ได้~~ห่านดินกินหญ้า ห่านฟ้ากินยุง~~
ริมน้ำมีเรือขายอาหารจอดเพียบค่ะ เป็นเรือขนาดใหญ่ มีโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าไปนั่งกินเอาบรรยากาศได้ แต่เรือไม่เคลื่อนที่นะ อาหารก็มีหลายอย่าง-ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ข้าวแกง สเต๊ก ฯลฯ เยอะแยะบานตะไทค่ะ สำหรับคนที่ไม่อยากนั่งกินในเรือ ฝั่งวัดเหนือก็มีเป็นศูนย์อาหารให้นั่งกินสะดวกสบาย มีห้องน้ำใหม่เอี่ยมไว้บริการอีกด้วย
สัก 7 โมงครึ่งพระก็พายเรือมาละ ก็ลงจากปลายวัดพายมาหัววัด 555555 แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว ก็แค่หน้าวัดสองฟากฝั่งคลอง แต่คนใส่บาตรเยอะดีค่ะ เดินสำรวจอาหารกันดีกว่า อาหารน่ากินมากทั้งคาวทั้งหวาน มีสารพัดแหล่ะค่ะ เดินไปเดินมาเขาเข็นปลาทูทอดมา เห็นแล้วน้ำลายไหล อยากซื้อกลับไปกินกับข้าวที่บ้าน เรียกถามไถ่ราคา แต่คนเข็นเขาเป็นแค่เด็กส่งของ เลยเดินตามปลาทูต้อย ๆ ไปจนถึงร้านในเรือ เจ้าของร้านดันยังมาไม่ถึง อดซื้อ..ประหยัดตังค์แต่เสียอารมณ์ ก็อยากกินง่ะ
เดินเล่นไปมาเจอป้ายโปรแกรม เห็นว่ามีล่องเรือด้วย กิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวกับน้ำ..เป็นถูกโฉลกกับน้ำชาทั้งสิ้น ก็เลยคิดว่าจะล่องสักหน่อย สอบถามสนนราคาค่านั่งเรือเที่ยวก็แสนจะทู้กถูก-10 บาท มีเด็กนักเรียนเป็นมัคคุเทศก์อาสาแต่งตัวย้อนยุคด้วยโจงกระเบน เลยโต๋เต๋รออยู่แถวนั้นจะได้ลงเรือเที่ยวแรก
กำลังเก็บภาพริมน้ำอยู่ ทันใดนั้นก็มีหนุ่มน้อยวัยขบเผาะเดินเตาะแตะมาริมท่า เห็นว่ายังเล็กนักก็ห่วงว่าจะตกน้ำตกท่า เลยจับตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้ขอนไม้ตรงนั้น หนุ่มน้อยหันมามอง มียิ้มมุมปากอย่างเท่ ๆ ส่งมาให้ ~~ปิ๊ง! สัญญาณจากอดีตชาตกาลทำงาน ฤานี่จะเป็นพี่ขวัญที่เรียมรอมาครึ่งชีวิต??? ฮ่า ๆ ๆ
เลยได้นั่งกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มฆ่าเวลา เยื่อใยรักแผลเก่าน่าจะยังเหลืออยู่ เพราะขวัญน้อยช่างให้ความร่วมมือกับป้าเรียมเต็มพิกัด อยากถ่ายรูปอารมณ์ติ๊สแค่ไหน สั่งได้-จัดให้ มันช่างน่าทึ่งน่ะค่ะ ที่เด็กตัวแค่นั้น ให้ความร่วมมือกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบหน้าไม่ถึง 15 นาที พอถ่ายรูปเสร็จ ก็ยังตามมานัวเนียป้าเรียมประหนึ่งจะงอนง้อขอโทษที่มาช้าไปหน่อย..ไม่หน่อยล่ะ 50 ปีอย่างน้อย!!!
ห้วงเวลาชื่นมื่นแสนสั้นนัก เพราะถึงเวลาที่เรียมต้องจากขวัญน้อยไปลงเรือแล้ว ชาติหน้าพบกันใหม่นะจ๊ะพี่ขวัญ ชาตินี้วาสนาของเรามีต่อกันเพียงเท่านี้...
ใครที่เคยไปล่องเรือที่เกาะเกร็ด และดำเนินสะดวกมาแล้ว ไม่ต้องมาล่องเรือที่ขวัญเรียมนะคะ เพราะว่าที่นี่เขาสำหรับคนที่ไม่เคยลงเรือในคลองมาก่อน ได้ลงไปนั่งเล่นเพื่อจารึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยลงเรือ เนื่องจากเรือแล่นไปมาห่างจากวัดไม่เกิน 500 เมตรไปกลับแค่นี้เอง มีมัคคุเทศก์นักเรียนเจื้อยแจ้วจำนรรจาท่าทางคล่องแคล่ว ตอนน้ำชาอายุเท่านี้ทำไม่ได้ ส่วนหนูน้อยทั้งสองจะพรรณนาว่าอะไรบ้างนั้น...น้ำชาลืมหูไว้ที่บ้านเลยไม่สามารถนำมาถ่ายทอดได้
ตอนนี้แดดก็เริ่มร้อนแล้ว พอขึ้นจากเรือก็ตรงไปกินไอติมกะทิแถมเรือ ขอซื้อเรือเปล่ากลับบ้าน 5 ลำ ๆ ละ 10 บาทเอง ถูกมากค่ะ เลยซื้อมาหัดทำดีคูผาดเล่น ๆ เดินมาหน่อยเจอข้าวเหนียวมูลสีรุ้ง เขาโฆษณาไว้ว่าอร่อยขนาดสุลต่านของบรูไนยังโปรดปราน หน้าตาก็ดูไฮโซน่ากินพอประมาณ เลยซื้อมา 1 กล่อง 30 บาท ใส่ข้าวเหนียว 6 คำ 6 สี หน้าสังขยา 2 ปลา ป่น 2 กุ้ง 2 หิ้วมาถึงบ้านทั้งหมดไหลมารวมกันเป็น 1 ก้อนสีรุ้งจริง ๆ และหน้าทั้งหมดก็ปนเปกัน เหมือนกินจากบาตรพระป่า
นอกจากอาหารแล้วก็มีขายสินค้าเหมือนตลาดนัดบ้าน ๆ ทั่วไป มีสอนทำดีคูผาดด้วยนะ ซื้ออุปกรณ์แล้วเขาจะสอนให้ฟรี ยังไม่ 9 โมงเลยเดินเสร็จแล้ว เร็วเกินกว่าที่จะกินข้าวมื้อเที่ยง แต่ก็หมายมั่นไว้ว่าจะชวนใครต่อใครมาเที่ยวอีก อยากกินปลาทูทอด ใครจะไปกินปลาทูทอดรสแผลเก่าที่ตลาดน้ำขวัญเรียมกับน้ำชา...ยกมือขึ้น!
ขากลับ น้ำชากลับทางวัดบำเพ็ญเหนือ เรียกมอเตอร์ไซด์ไปส่งที่ป้ายรถเมล์ ดีที่เรียก ไม่งั้นเดินตากแดดหน้าเกรียมแน่กว่าจะไปถึง ไกลพอสมควร ใครที่อยากมาตลาดน้ำขวัญเรียมโดยรถส่วนตัว สามารถมาได้สะดวกทั้งสองทาง ถ้าอยู่ไกลก็ขึ้นทางด่วนมาลงถนนเสรีไทยเลย เลี้ยวขวามาถึงนิคมบางชัน แล้วก็จะเห็นวัดอยู่ขวามือ ใกล้นิดเดียว ตลาดน้ำนี้เปิดเฉพาะเสาร์อาทิตย์ทั้งแต่เช้าถึงค่ำ เย็น ๆ มีเทศนาธรรมด้วย มาวัดตักบาตร ฟังธรรม นั่งชิล ๆ กินของอร่อย ๆ ริมคลอง ก็น่าจะเป็นการใช้เวลาในวันหยุดอย่างมีคุณค่านะคะ.