วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก

วัฒนา...เรือนแห่งความผูกพัน
เพราะว่าสมองเริ่มถึงเวลาปลดประจำการ จึงขอรวบยอดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับมวลมิตรวัฒนาไว้เป็น 1 บันทึก พูดง่าย ๆ ว่าเดือนนี้มีอะไรมั่ง ทุกเรื่องอยู่ในบทความสีชมพูนี้แหละค่ะ ที่จะเล่ามีด้วยกัน 4 เหตุการณ์ค่ะ
เหตุการณ์ที่ 1 เกิด ณ  วันที่ 14 ก.พ. แก๊งสุโค่ยรวมพลเจ๊าะแจ๊ะจอแจจูจุ๊บกันที่ออฟฟิศพี่เจน
วันแห่งความรัก...เราควรจะได้เจอหน้าคนที่เรารัก และรักเราใช่ไหมคะ? งานนี้ชาว GSG ก็เลยรวมตัวกันเพื่อ give – get & share love กัน....สีชมพูแจ๋นเชียวใช่ไหมคะบทความนี้ 55555 นี่แค่เริ่มต้นนะเนี่ยะ อิอิ  ทีแรกก็คิดว่าจะตรงไปออฟฟิศพี่เจนเลย อยากจะไปนั่งฟังเพลงดอกไม้แห่งสยามผ่านลำโพงคุณภาพ แต่ไหงมาลงที่ไปเจอพี่เก็จก่อนก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงเหรอ? 555555 คือจำได้ไม่ค่อยชัดค่ะ พี่เก็จกำลังเห่อดีคูผาด ทำของแจกผองพี่น้องอย่างเมามันส์  ระลึกถึงเวลาเก่า ๆ ที่ฉันเคยคลั่งบาติก แล้วไม่กล้าเรียนรู้เจ้าผาดนี่ กลัวเกิดหลงใหลขึ้นมาจะยุ่ง เพราะไม่มีตังค์ซื้ออุปกรณ์ ก็ได้แต่ดูผ่าน ๆ แต่หัวก็แล่นไปแล้วว่าจะหาทิชชู่ลายสวย ๆ จากไหนมาฝากพี่เก็จได้บ้าง?
พี่เก็จรดน้ำเสร็จในเวลาไม่นาน ด้วยหัวฉีดมหัศจรรย์ยืนที่เดียวฉีดได้ทั้งบ้าน 555555 จริง ๆ นะคะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปบ้านพี่เก็จตอนพี่เก็จรดน้ำต้นไม้ดู.. เห็นยังมีเวลาก็เลยเล่นเปียโนให้ฟัง เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ที่ถูกใจมาก แต่เช่นเคย ฉันยังคง
request เพลงชวนหาวนอน พี่เก็จเห็นว่าขืนเล่นต่อไปอีกนาน ๆ คงได้หลับคาเปียโนก่อนไปมีตติ้งแจกจ่ายความรักของแก๊ง เลยตัดสินใจว่า...เราออกเดินทางกันเถอะอ่อง...
เห็นชุดพี่เก็จแล้ว...โห พี่เจนจะไม่รักได้ไง มีทั้งหมวกทั้งกระโปรงที่พี่เจนให้ ถึงจะเป็นเสื้อขาวดำผิดกาละเทศะวาเลนไทน์ พี่เก็จก็แก้ด้วยมีผ้าคลุมไหล่สีชมพู ทั้ง ๆ ที่ร้อนออกจะตาย ถ้าไม่ใช่อยากให้พี่เจนดีใจแล้วอะไร? พ่วงด้วยกำไลสุโค่ยที่แก้วเอามาแจกอีก เลือดสุโค่ยเข้มข้นมากค่ะคุณเก็จวรงค์ สุโค่ยรุ่นบุกเบิกยังยอมแพ้เลย
ไปถึงออฟฟิศ พี่จี๋ควงสามีสุดเลิฟมารออยู่ก่อนแล้วพร้อมพี่นุ้ย มีพี่เจนกำลังง่วนอยู่หน้าเตาเช่นเคย บนโต๊ะมีไก่แจ้..เอ๊ยไก่อบหนังสีน้ำตาลมันวาวน่าฉกกินก่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่ต้องข่มใจไว้ไม่มองค่ะ ไม่มอง ...พี่จี๋มอบหัวใจช็อกโกแลตให้คนละเม็ด อร่อยมากกกก อยากเบิ้ลอ่ะ ขอแล้ว พี่จี๋บอกว่าไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีแจกคนหลัง ๆ พี่นุ้ยจูงไปดูพายสตอเบอรี่ในตู้เย็น บอกว่าจริง ๆ แยมสีแดงพี่บรรจงให้เป็นรูปหัวใจนะ แต่มันดันละลายก่อนมาถึงนี่ ไม่เป็นไรค่ะพี่นุ้ย ถึงไงอีกไม่นานมันก็ละลายในกระเพาะอยู่ดี และมันอร่อยมากค่ะ พี่นุ้ยทำมาเยอะ เลยได้หิ้วกลับไปกินต่อที่บ้านอีก 1 ถาด
นอกจากไก่อบตัวอ้วนพีแล้ว พี่เจนก็ทำข้าวผัดหนำเลี้ยบที่พี่เก็จบอกว่าอร่อยกว่าอ่องทำอีก แหงล่ะ ...พี่เจนเขาแม่ครัวอาชีพนิ  อ่องมันสมัครเล่น และก็ต้มยำปลาทูที่แสนเปรี้ยวซ่าสะใจต้องซดน้ำต้มยำเปล่า ๆ เบิ้ลอีก 1 ชาม
แก้วมาพร้อมกิมจิ ได้มาเป็นกับข้าวสำรองในตู้เย็นอีกหลายมื้อเลย อร่อยค่ะ บอกแก้วไปว่าทำอีกเมื่อไรเรียกไปด้วย จะไปขโมยสูตรมาออกอากาศซะหน่อย พี่หนิงเอาบราวนี่ที่บรรจงตัดเป็นหัวใจสีน้ำตาล วางเรียงรายเต็มกล่อง พี่พัชกับสุดเลิฟวันนี้มาช้า หิ้ว m&m มาถุงใหญ่ พี่วุฒิใจดีมาก มอบช็อกโกแลตหัวใจของพี่จี๋ให้ เห็นน้ำลายหยดเลยสงสารมั้ง 5555555 จะตะกละไปไหมยัยอ่อง ปิดท้ายรายการด้วยนางเอกศรีราชา มาพร้อมขนมเปี๊ยะรสสตอเบอรี่  พี่ ๆ น้อง ๆ แลกเปลี่ยนขนม-ข้าวของกัน รวมทั้งพี่เจนให้คุ้กกี้รูปหัวใจ จะมีก็แต่ข้าพเจ้า...ขอมอบบันทึกนี้ให้พี่น้องละกันนะคะ แหะ ๆ
ตามเคย กินกันอิ่มหนำสำราญปากและฟัน เสร็จแล้วก็ไปนอนแผ่ผึ่งพุงกัน แต่พี่พัชเอางานวารสารมาให้พี่หนิงกับพี่เก็จช่วยตรวจปรู๊ฟ ช่างเป็นการย่อยอาหารที่น่าสนใจยิ่ง พี่เจนเสนอวาระอันน่าตกใจว่า...ตำแหน่งหัวหน้าแก๊งควรจะหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ แบบระบอบประชาธิปไตย .... ม่ายอาววววค่า เสียงมติจนชนชาวสุโค่ยค้านเป็นเอกฉันท์ ให้พี่เจนเป็นหัวหน้าตลอดชีพแหละดีแล้ว เราเป็นประชาธิปไตยแบบสุโค่ย ๆ  นายกเราต้องมีผมสีม่วงเท่านั้น 5555555
วันนี้พี่เจนมีประชุมต้องไปร่วม แต่บอกน้อง ๆ ที่กำลังนอนพุงอืดกันอยู่ว่า ผึ่งพุงต่อได้นะจ๊ะ ตามสบาย พวกเราเลยนอนแผ่เกลือกกลิ้งทั่วฟลอร์อยู่นาน จนพี่หนิงบอกว่าขอนอนก่อนนะ ง่วงจัง ฉันก็ถามขึ้นมาว่า...ทำไมไม่กลับไปนอนที่บ้านกันล่ะคะ? เออ ใช่! ทุกคนเพิ่งรู้ตัว 55555555 แยกย้ายกันกลับบ้านโดยพลัน
เหตุการณ์ย่อย – โฆษณาคั่น 5555555 บทความก็มีโฆษณากับเขาด้วย?
เพราะเมื่อวานพี่เก็จฝากตะกร้าดีคูผาดพร้อมช่อดอกไม้กุหลาบน่ารัก ๆ มาขอบคุณพี่ตุ้มสำหรับบัตรละครดอกไม้แห่งสยาม และวันนี้เผอิญว่ามีงูบุกบ้านพี่ตุ้ม ฉันจึงได้แวะเอาตะกร้าพี่เก็จไปให้ แล้วก็อยู่ดูเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการล่างู ปรากฏว่าเป็นงูเห่าค่ะ ท่าทางจะมีเป็นครอบครัวเลย  ตอนที่อยู่ยังหารังไม่เจอค่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าคงจะเรียบร้อยไปแล้ว...มั้ง?????
เหตุการณ์ที่ 2 วันที่ 16 กพ. สามสหาย watch flood ตะลุยบ้านศิลปิน ณ คลองบางหลวง
วันก่อนตั้งใจว่าจะทำ avocado sour cream ไปให้ชาวสุโค่ยได้กินกัน แต่ว่า...ไม่รู้มาก่อนว่าต้องใช้อะโวคาโดสุก ผิดสูตรไปหน่อย คราวนี้เลยไปซื้อลูกนิ่ม ๆ มาทำ อร่อยมากค่ะ เอาไปฝากพี่เก็จโลด เนื่องจากวันนี้มีนัดกับพี่เก็จ พี่ตุ้มวัลลภว่าจะไปบ้านศิลปิน และชุมชนบ้านคลองบางหลวงถิ่นของแม่พลอยแห่งสี่แผ่นดิน พี่เก็จถามว่าทำไมจะไปที่นี่? อ้าว..ไหงคุณพี่ความจำสั้นแข่งกับอ่องซะแล้ว ก็พี่เองไม่ใช่เหรอคะที่บอกว่าอยากไปง่ะ? สงสัยจะนานเนิ่นเกินเมมโมรี่สติ๊กเป็นแน่ เนื่องจากตอนที่พี่เก็จพูดน่ะ ก่อนน้ำท่วมอีกค่ะ นี่ข้ามมาอีกปี..
เราสองคนนั่งรถใต้ดินจากห้วยขวางไปอโศกเปลี่ยนรถไฟฟ้า แล้วไปเปลี่ยนสายที่สยามเพื่อไปกรุงธน พี่เก็จบอกว่าน่าจะเปลี่ยนที่ศาลาแดงนะ พูดช้าไปหน่อยค่ะคุณพี่ ระหว่างทางพี่ตุ้มก็โทรเข้ามาว่าถึงที่นัดหมายแล้ว น้อง ๆ อยู่ไหน? วันนี้พี่ตุ้มทำตัวเป็นชายหนุ่ม มาก่อนหญิงสาว คราวก่อนปล่อยให้สาว ๆ มารอหนุ่ม เจ๊ากันไป...
นั่งรอพี่แดงอยู่พักใหญ่ ติดต่อก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจนั่ง taxi ไปกันเอง ตอนแรกที่ไปถึงชุมชนคลองบางหลวง ฉันผิดหวังนิดหน่อย ความที่เคยไปตลาดน้ำ และชุมชนริมคลองมาหลายที่หลายแห่ง ที่นี่เล็กมากค่ะ และมีร้านค้าน้อยมาก ๆ จุดขายของที่นี่คงเป็น “หุ่นละครโรงเล็ก”ที่เล่นที่บ้านศิลปิน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดูไม่น้อย ทั้งยังมีเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวโฉบผ่านไม่ขาดสาย เรียกว่าทุก ๆ 10 นาทีก็ว่าได้ค่ะ
ถึงจะเป็นชุมชนเล็ก ๆ แต่ก็สะอาดสะอ้าน ไร้ฝุ่น และยุง ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ติดน้ำแต่ไม่มียุงเนอะคะ คงเป็นเพราะมีปลาสวายนักเขมือบทุกอย่างที่ขวางปาก ทีแรกไม่รู้หรอกค่ะว่ามีฝูงปลาสวาย ระหว่างนั่ง ๆ นอน ๆ เล่น พี่เก็จเห็นเขาขายอาหารปลา ก็เลยซื้อมาให้อาหารปลาแก้เซ็งหน่อย อุตส่าห์เบิกตังค์มาเตรียมช็อปกระหน่ำ ดันมีอยู่ร้านเดียว แถมไม่มีของถูกใจให้เสียเงิน อย่ากระนั้นเลย เลี้ยงปลาดีกว่า ได้อาหารมาก็นั่งเนือย ๆ โปรยอาหารเม็ดลงไป
พรึ่บ! ฝูงปลาโผล่ขึ้นมามะรุมมะตุ้มอาหารซะพี่เก็จร้องว้ายตกใจ 5555555 ดีที่มันไม่ใช่พันธุ์กระโดด มิฉะนั้นพี่เก็จอาจจะกระโดดตามปลาด้วย แค่นี้ก็สะดุ้งโหยงเกือบลอยแล้ว สีหน้าปรับเปลี่ยนโหมดจากเนือย ๆ ง่วง ๆ เป็นสดใสขึ้นทันที อีตอนแรกที่มาถึง พี่เก็จคงเบื่อถึงกับไปนอนเลยล่ะค่ะ บอกว่าเย็นสบายดี แต่นอนไม่หลับเพราะเรือหางยาวที่วิ่งผ่านทุก ๆ 10 นาทีนี่แหละ ฉันเห็นพี่เก็จเริ่มสดใสขึ้นหลังจากให้อาหารปลา เลยชวนพี่ไปถ่ายกับหุ่นริมน้ำ มีหุ่นตัวนึง สีแดงก่ำ นั่งทอดอารมณ์ทะมึน ๆ อยู่ริมท่า ฉันบอกให้พี่เก็จไปนั่งคู่ พี่เก็จบอกไม่เอาง่ะ  ขอนั่งรักษาระยะห่างได้ป่ะ กลัว...55555555
ข้างพี่ตุ้มก็เที่ยวคุยกับคนนั้นคนนี้ไป ถ่ายรูปบรรยากาศไป ผิดกับฉันที่ถ่ายแต่รูปพี่เก็จ 555555 จนได้เวลาเที่ยงก็เดินไปกินข้าว แถวนั้นมีร้านเดียวมั้งคะ คนเต็มร้านเลย ก๋วยจั๊บก็อร่อยดีค่ะ ตามด้วยข้าวเหนียวหน้าสังขยาและปลาป่น พี่เก็จเบิ้ล 2 ชุด ส่วนพี่ตุ้มสั่งข้าวเหนียวมะม่วง...แง้ว ไม่รู้ว่ามีข้าวเหนียวมะม่วงอ่ะ พี่ ๆ บอก..ก็สั่งดิ  ไม่มีกระเพาะใส่ อิ่มแล้วอ่ะ
เราเลือกที่นั่งริมน้ำ ระหว่างนี้ก็มีเรือพานักท่องเที่ยวผ่านมาตลอดเวลา เราสามคนโบกมือ แต่ไม่ได้ถือธง ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองกันเป็นที่หนุกหนาน ตอนนี้อิ่มท้องแล้ว ก็เดินกลับไปที่บ้านศิลปินรอดูการแสดงค่ะ ฉันชวนพี่เก็จไปถ่ายรูปกับหุ่นเชิด พี่เก็จเริ่ดมาก จับหุ่นปุ๊บ ยกขาขึ้นปั๊บ...เอ้า—เชิด... สงสัยอดีตชาติกาลเคยเป็นนักโขนมาก่อน
เสร็จแล้วก็มานั่งรอต่อ ไม่มีอะไรทำฉันเลยชวนพี่เก็จร้องเพลงซะเลย ทีแรกพี่เก็จปฏิเสธ บอกว่าคนเยอะ แต่ทนลูกตื้อไม่ได้ ร้องซะหน่อยก็ได้ ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ มานั่งใกล้ ๆ  เปิดหูฟังดัง ๆ ล่ะจะได้ได้ยิน มิวสิคขึ้น...5555555 เว่อร์นิดหน่อยพอเป็นกระสาย ทายดิ๊เพลงอะไรเอ่ย?..
~~ดอกไม้ที่แสนสวยงาม...~~ โอ้วเย่...คนบางคนยังอินกับ musical ไม่เลิก พี่เก็จร้องแบบจำเนื้อได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะนักร้องเขาซ้อมกันแค่ท่อนฮุค ฉันต้องคอยป้อนเนื้อเพลงให้ ก็จำได้มั่งไม่ได้มั่งพอกัน 5555555 ฉันเห็นฝรั่งที่นั่งใกล้ ๆ สนใจฟังด้วย แต่พี่เก็จไม่รู้เพราะหลับตาร้องเพลง 5555555 เลย request เพลงสากล พี่เก็จก็จัดให้ค่ะ หลวมตัวร้องไปแล้วก็เอาให้สุด ๆ เลย ~~such a feeling coming over me~~ ทีนี้เลยขยายวงเลย ฝรั่งร่วมร้องด้วยค่ะ งานนี้เรียกว่าดนตรีกระชับมิตร ได้ฟังเพลง close to you จากฝรั่งหญิง และ oh holy night จากฝรั่งชาย มีพี่เก็จเป็นเสียงประสาน 5555555 ตอนนี้คนเริ่มเต็มบ้านแล้ว ไม่ได้เข้ามาฟังเพลงหรอกค่ะ ใกล้เวลาแสดงหุ่นเชิดแล้วต่างหาก
เวลาผ่านไป ได้รับความรู้พอสังเขปเกี่ยวกับบ้าน เจดีย์และหุ่นเชิด เพลิดเพลินกับละครหุ่นเชิดตอนหนุมานตามล่านางเบญจกายที่จำแลงเป็นนางสีดา เสียงปรบมือ และรอยยิ้มของทุกคนคงเป็นคำตอบที่ดีถึงความสำเร็จของคณะหุ่นละครโรงเล็ก แต่ความที่เขาพูดแต่ภาษาไทย พี่เก็จก็เลยทำหน้าที่คนไทยเจ้าบ้านที่น่ารัก ทำการพากษ์ให้ฝรั่งเพื่อนใหม่ฟัง พี่ตุ้มช่วยถ่ายรูปกับหุ่นให้หลายรูปทีเดียว ขอบคุณนะคะตากล้อง
ขากลับพี่ตุ้มชวนไปวัดต่อ แต่เราสองคนไม่ถนัดเที่ยววัด เลยขอแยกกันตรงนี้ค่ะ ขากลับตอนลงสะพาน สะพานข้ามคลองขนาด 2 คนสวนเขาแบ่งเป็นเลนสำหรับมอเตอร์ไซด์ และบันไดสำหรับคนเดิน พี่เก็จนึกสนุก อยากเดินลงทางดิ่งเลนมอเตอร์ไซด์ด้วย บอกให้ฉันเดินลงบันไดตีคู่ แล้วจับมือฉันเดินแกมวิ่งลงสะพานชัน ๆ ลงไป ทดสอบความแข็งแรงของขาเหรอคะพี่เก็จ?
เหตุการณ์ที่ 3 ขอยื้มชื่อจากพี่เมตตาหน่อยนะคะ ...Blu-O โบวล์กลิ้ง 18 กพ.
เห็นได้ว่าอาทิตย์นี้ออกจากบ้านเกือบทุกวัน อยู่บ้านพักผ่อนแค่วันศุกร์วันเดียวเท่านั้นเอง ที่จริงพอรู้ว่าพี่เก็จจะไม่ไป แถมป๊ากก็บอกไปเองได้ไหม? ก็งอแงละ ทำท่าจะไม่ไป ป๊ากเลยถอนหายใจเฮือก ๆ ไปรับก็ได้ฟระ 5555555 แถมมาซะสายเชียว รถก็ติด ทำให้ไปไม่ทันเจอพี่เจน คนอื่น ๆ เขาก็เล่นกันจะจบเกมอยู่แล้ว เหลือทีมนางเอกโผล่มาเป็นทีมสุดท้าย โดดเด่นแต่ไกลแบบว่ามาโยนโบว์ลแต่ดันใส่หมวกปีกบานมาอย่างเก๋ไก๋ ถ้าไม่เกรงใจคงมีคนอยากเข้ามาถามว่ามาผิดงานป่ะจ๊ะ เท่านั้นยังไม่พอ คุณแก้วเอากางเกงชาวนามาให้ใส่อีก โอ๊ว... ดูรูปแล้วนึกสรรเสริญตัวเองอยู่ครันว่าช่างกล้าบ้าบิ่นจริง ๆ 5555555 แต่ก็น่ะ blu-o มีแสงอึมครึมสีฟ้า คงไม่มีใครสังเกตสนใจใครเท่าไร
หลังจากทักทายพี่ ๆ ที่รู้จัก อาทิพี่โอ๊ะพี่เอ๊ะ พี่หน่อยพี่แดงพี่ป้อม ตอนนี้ขำพี่ป้อมมาก เพราะฉันดีใจที่เจอพี่หน่อยออกหน้าออกตาไปหน่อย วิ่งไปกอดพี่หน่อย แล้วบอกว่าดีใจจังงั้นงี้ พี่ป้อมเลยประท้วงว่า..ดีใจแค่เจอพี่หน่อยเหรอ แล้วพี่ล่ะ? 5555555 พี่หนิงและผองเพื่อนรุ่น 100 พี่อะไรต่อมิอะไรอีกเพียบแล้ว ก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาล้างท่อกันอย่างขะมักเขม้น คนที่ล้างท่อสะอาดที่สุดในทีมคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉันเอง ว่าว่าง ๆ จะไปช่วยกทม ลอกท่อซะหน่อย แต่ก็มีดีนะเออ ทำ 3 strikes ติดกันได้ด้วย วิธีนับคะแนนไม่เหมือนโบวลิ่งที่คุ้นเคย โยนทีเดียว ถ้าขวดล้มจำนวนคู่เป็น strike หมด เหมือนง่าย แต่ก็ไม่ง่ายเท่าไร ก็ยังดีกว่าให้โยนหมดพิน ซึ่งคงไม่มีทางทำสไตรค์ได้แน่ ๆ เพราะเป็นทีมที่มาถึงสาย เลยเล่นได้แค่ 2 เกมก็หมดเวลา ไม่ครบเซ็ทค่ะ แต่คะแนนก็ไม่ขี้เหร่ ในทีมมีป๊ากทำคะแนนดี แก้วตามมา แล้วทิ้งแบบไม่เห็นฝุ่นคือฉัน ที่ว่าทิ้งคือทิ้งท้ายนะคะ
มีเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ คือฉันหาพี่ตุ้ย 101 ไม่เจอค่ะ เนื่องจากตอนเช้ามาพี่ตุ้ยบอกใน fb ว่าจะทำบราวนี่มา ฉันก็เลยอยากกิน (อ้อที่หาเพราะอยากกินบราวนี่นี่เอง) เลยได้รับข่าวที่น่าตกใจว่าพี่ตุ้ยลื่นล้มแขนหัก ไปรพ.แล้ว พี่เมตตาถ่ายรูปหลังจากเหตุการณ์ได้ทัน เอารูปให้ดูแล้วเล่าว่าพี่หมอพรทิพย์วิ่งเข้าไปดูอาการรวดเร็วมาก ในขณะที่คนอื่น ๆ มัวตกตะลึง ส่วนพี่เมตตามัวถ่ายรูปเก็บเหตุการณ์ สงสัยเคยเป็นนักข่าว พี่ตุ้ยยังบอกเลยว่า take every shot 5555555 หลังจากตรวจอาการคร่าว ๆ ก็คาดว่าแขนน่าจะหัก จึงนำส่งรพ.จุฬา พี่โอ๊ะเล่าในเมลว่าทีแรกคุณพ่อพี่โอ๊ะก็เล่นด้วย พอเห็นพี่ตุ้ยล้มเลยหยุดเล่นทันที
มิน่าตอนที่ฉันทำเล่น ๆ แล้วเหมือนจะลื่น แต่ก็แค่ไถลนิดหน่อยไม่ถึงกับล้ม พี่เอ๊ะหน้าตื่นเลย แบบว่าคงเพิ่งผ่านเหตุการณ์มาหมาด ๆ ไม่อยากเห็นอีกรอบสอง
ผลการแข่งขัน พวกเราได้รางวัลกับเขาด้วย 55555555 ไม่ใช่รางวัลบู้บี้หรอกค่ะ เพราะป๊ากตั้งใจเล่นเกินไป ทีมเลยคะแนนไม่น่าเกลียด แต่ที่ได้รางวัลคือชุดทีมดีเด่นค่ะ เพราะหมวกสุโค่ยแท้ ๆ ฉันว่านะกรรมการเขาคงให้เพราะความใจถึงของ 3 สาวมากกว่า 555555 ตอนนี้เริ่มหิวข้าวแล้ว แต่เขาก็จะประกาศรางวัล จะถ่ายรูปหมู่กัน ฉันแว่บไปกินก่อน แบบว่าหิวอ่ะ ทันกลับมาถ่ายรูปหมู่บ้างนิดหน่อย
สักพักพี่ตุ้ยก็กลับมาค่ะ พร้อมกับแขนที่เข้าเฝือก ดีที่เป็นข้างซ้าย ยังพอทำกิจกรรมได้หลายอย่างยกเว้นทำฟัน งานนี้คนไข้ช่วง 6 อาทิตย์นี้จะทำไงเนี่ยะ พี่ตุ้ยเอาฟิล์มให้ดู ขำอ่ะ..ในฟิล์มมีทำมือโอเคด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่โอเค พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ รุมกันเอาอกเอาใจ แล้วก็อ่านฟิล์มกันเป็นที่หนุกหนานประสาวัฒเนี่ยน
พี่เจนเห็นรูปฉัน แก้ว ป๊ากใน fb ก็สั่งการลงมาทันที...เด็ก ๆ จ๊า วันที่ 31 มีค.มาโยนอีกทีนะจ๊ะ งานนี้พี่เจนเป็นประธานหาทุนสร้างตึกพระอาจวิทยาคม หัวหน้าสั่งก็ต้องไปซิคะ ไม่งั้นจะเรียกแก๊งสุโค่ยได้ยังไงกัน? จริงไหมคะ? จริงจ้ะ ๆ ๆ  55555555 พี่เก็จ...ห้ามขาดนะงานนี้ ไม่โยนก็มาเป็นกองเชียร์ แบบพี่ ๆ รุ่น 100 ที่เหนียวแน่นกันเสมอมา ได้รับรางวัลทีมเชียร์ด้วย เพราะคนเยอะ แถมหลายคนเป็นนักร้องด้วยเลยเสียงดังฟังชัดกว่าทีมอื่น ๆ
โบว์กลิ้งรอบนี้มีวัฒนาหลากรุ่นมากันอย่างคับคั่งกว่าครั้งก่อนค่ะ เสียงดังมาก ๆ ทั้งเสียงของโบว์ลิ่งและเสียงทักทายกันของพี่น้องวัฒนา มีบางคนที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน – พี่ดอลลี่ เห็นพี่โอ๊ะบอกว่ารุ่น 80 ดูพริ้งมากค่ะ ไม่น่าเชื่อว่ารุ่นเดอะขนาดนั้น พี่หมอนายไม่คิดว่าจะเจอก็เจอ สงสัยมีลางสังหรณ์ว่างานนี้จะเป็นโบว์กลิ้งเลยมา stand by เป็นแพทย์ภาคสนาม
พี่โอ๊ะเล่าว่างานนี้หาเงินให้ครูวรรณดีเพื่อนำไปถวายโบสถ์สำเหร่ได้ถึง 2 แสนกว่า เพราะบางคนที่ไม่ได้มาก็ฝากเงินมาทำบุญหลายคน สิ่งนี้ฉันไม่ค่อยใส่ใจเท่ากับความรักความสามัคคีระหว่างพี่น้องวัฒนาหรอกค่ะ ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาจะเอาสระน้ำมาไว้ที่ศาลาโคล์ที่ทำการของสมาคมศิษย์เก่า โดยจะทำเป็นอาคาร แล้วให้สำนักงานสมาคมไป 1 ห้อง หรือ 1 ชั้นก็ไม่แน่ใจ และมี in door swimming pool แต่พวกเราศิษย์เก่าคัดค้านค่ะ เพราะเกรงว่าจะถูกกลืนหายไปจากพื้นที่โรงเรียนไปไม่รู้เนื้อรู้ตัว ฉันจึงอยากให้พวกเรานอกจากรักกันเองแล้ว เผื่อแผ่ความใส่ใจมาให้โรงเรียนแหล่งกำเนิดสายใยระหว่างพวกเราด้วย เพื่อลูกหลาน และเด็กไทยรุ่นหลัง ๆ จะได้มีที่ถักทอสายใยอันอบอุ่นเปี่ยมคุณภาพนี้ตลอดไป บางคนคงรู้แล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่รู้..ว่าความผูกพันระหว่างชาววัฒเนี่ยนเป็นที่จับตามองด้วยความอิจฉาจากโรงเรียนอื่นแค่ไหน ฉันล่ะภูมิใจในความเป็นวัฒนาเป็นที่สุดเลยค่ะ
เหตุการณ์ที่ 4 เกิด ณ วันที่ 22 กพ. วันที่ฉันรู้ว่าตัวเองเลือดจาง แต่แอบดีใจ 55555555 เรื่องของเรื่องคือคืนวันจันทร์พี่ต้อยปาริชาต msg มาชวนไปบริจาคเลือดที่สมิติเวชค่ะ นัดกัน 11 โมง แต่ไหน ๆ ออกจากบ้านแล้ว ก็กวาดธุรกรรมที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นทีเดียว เริ่มต้นไปวัฒนาเพื่อซื้อ dvd + cd ดอกไม้แห่งสยามให้เพื่อนที่ไม่สะดวกเดินทางมาเอง รวมทั้งพี่ต้อยด้วย จากนั้นก็ไปเจอพี่ต้อยที่สมิติเวช
ขั้นตอนการบริจาคเลือด ก็กรอกแบบฟอร์ม มีเรื่องขำเล็กน้อย คือมันจะมีคำถามยาวเหยียดประมาณว่าเคยเป็นโรคนั้นนี้ไหม? บลา ๆ ๆ เกือบทุกข้อเราต้องตอบว่าไม่ไง ฉันกับพี่ต้อยก็อ่านลวก ๆ ผ่าน ๆ แล้วกาไม่ๆ  ๆ ๆ หมด 5555555 งานเข้าสองพี่น้องวัฒนาเลย เจ้าหน้าที่ถามว่าข้อนี้...จำไม่ได้ชัดนะคะ แต่คำถามประมาณว่าร่างกายพร้อมที่จะบริจาคเลือกหรือไม่? 555555 แล้วดันตอบว่าไม่ทั้งสองคนเนี่ยะนะ  เป็นแบบสอบถามดักจับคนไม่อ่านแหง ๆ 5555555 ที่สำคัญคือพี่ต้อยน่ะมาครั้งที่ 2 นะคะ หรือครั้งแรกไม่ได้กรอกแบบฟอร์มนี้?
อย่างไรก็ตามก็ไปถึงขั้นตอนการตรวจสอบเลือด ตอนเขาเจาะนิ้วเพื่อตรวจกรุ๊ปเลือด และตรวจสอบคุณภาพของเลือด พี่ต้อยผ่านฉลุย กรุ๊ปเลือดก็เป็นกรุ๊ปที่หายากซะด้วยค่ะ RH+ สำหรับฉันคนดาษดื่นทั่วไป กรุ๊ปเลือดเลยพื้น ๆ สามัญ ๆ O ค่ะ สัญลักษณ์ความรักไม่รู้จบ มาตกม้าตอนเขาหยดเลือดลงในน้ำสีน้ำเงิน...ถ้าเลือดเราพร้อมพลีให้คนอื่น มันก็จะจมและละลายไปกับน้ำนั้น แต่เลือดฉันดันลอยตุ๊บป่อง....เลยต้องตรวจสอบเจ้าเลือดมีปัญหาอีกหน่อย เรื่องของเรื่องคือขาดธาตุเหล็ก เลยทำให้เลือดจางไปหน่อย ต้องเอายาบำรุงเลือดไปกิน 3 เดือน แล้วค่อยมาว่ากันใหม่อีกที ว้า...เสียเที่ยวแฮะ แต่ครั้งหน้าคงได้บริจาคแน่ ๆ เพราะเจ้าหน้าที่บอกให้ฉันกินวันละ 3 เม็ด จากที่ปกติคนอื่นกินกันวันละเม็ด เท่านั้นยังไม่พอ สั่งให้กินไข่แดง ตับ และผักเยอะ ๆ แสดงว่ากาชาดคงอยากได้เลือดฉันมากเลยซินะ
ในเมื่อมาแล้วเลยดูพี่ต้อยหน่อยว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ฉันเป็นคนที่ไม่กลัวเข็มฉีดยาเท่าไร แค่เกรงใจเล็กน้อย สมัยเด็ก ๆ เวลาเขามาฉีดวัคซีนให้ ฉันจะอยู่หัวแถวเสมอ เคยประสบอุบัติเหตุไม้เจาะเท้าเป็นรูโหว่ ก็ยังนั่งดูหมอเขาเย็บได้ แต่ยอมรับเลยว่าอีตอนแรกที่เห็นเข็มสำหรับดูดเลือด..ตกใจและหวั่นใจ...โอ้ว..นั่นมันเข็มฉีดยาหรือท่อน้ำประปาคะ?  แบบว่ามันจะอ้วนไปไหมคะนั่น? เข้าใจว่าเพื่อเลือดจะได้ไหลคล่อง ๆ ใช้เวลาน้อย ๆ แต่มันจะหวาดเสียวตอนเจาะน่ะซิคะ พี่น้องเพื่อนพี่ต้อยเม้นใน fb ว่าโดนครั้งแรกเห็นดาวเลย ชักเครียด 555555 ดีที่ได้กลับมาทำใจก่อน เวลาทำใจตั้งสามเดือน ตอนนี้ผ่านไปแล้วสามวัน หัวใจยังตึกตักอยู่เลย
พี่ต้อยบอกว่าเจ็บเหมือนกันตอนที่โดนท่อประปาทิ่มเข้าเส้นเลือดแต่พยายามนึกถึงคนที่เขาจะได้ประโยชน์จากเลือดถุงนี้แล้ว ก็ทำให้ผ่อนคลายลง มีใจเป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้เลยพี่ต้อย แต่ฉันนี่ซิ 5555555 ไม่ได้อารีขนาดนั้น เปรียบท่อประปาอาจจะเว่อร์เกินไปหน่อย เอาเป็นว่าถ้าเข็มฉีดยาทั่วไปคือหลอดยาคูลท์แล้ว เจ้าเข็มนี่ก็คือหลอดชานมไข่มุก! อยากจะต่อรองขอหลอดกาแฟก็พอ แบบว่าเลือดฉันไม่มีไข่มุกหรอกค่ะ แม้จะชอบกินก็ตาม..
อันที่จริงตอนเล็ก ๆ เคยได้รับการถ่ายเลือดเหมือนกันค่ะ แบบว่าแบเบาะอยู่นะคะ ไม่รู้เจอเข็มแบบไหนเพราะจำความไม่ได้ นานเนิ่นมา 50 ปี 5 เดือน ในเมื่อเราเคยรับเลือดจากผู้อื่น บัดนี้ก็ถึงเวลาเป็นผู้ให้บ้างแล้ว ว่าแล้วก็...ออกไปซื้อไข่ต้มมากินดีกว่า มะรืนนี้ค่อยออกหาตับกิน ..เหอะ ๆ ปี๋ฟ้ามาแล้ว~~
บันทึกนี้ยาวเหยียดซะหน่อยนะคะ เพราะฉันเล่นปรุงเป็นเกาเหลารวมมิตรชามพิเศษ อร่อยหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าอิ่มยาวอีกไปนาน 5555555 สุขสันต์เดือนแห่งความรักค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน .

วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดอกไม้แห่งสยาม the great musical ever….

Very good - so good - too good
คิดว่าจะไม่ได้เขียนบล็อกเสียแล้ว หลังจากใช้เวลานานเพื่อปรับลดอุณหภูมิอารมณ์ปิติ และเพิ่มเลเวลสมอง พักหลังนี้รู้สึกโง่ ๆ ไงไม่รู้ – ไม่ใช่คนฉลาด แต่เคยฉลาดกว่านี้ 5555555  ไม่แน่ใจว่าในชีวิตเคยดูละครเพลงหรือเปล่า? สมัยเด็ก ๆ เคยดูอันตราคนีที่พี่อ้อนเล่นที่ธรรมศาสตร์ จำได้อย่างเดียวว่าพี่หัวโต๊ะเราผมยาว และสวย...5555555 เลยไม่แน่ใจว่าอันนั้นเป็นละครพูด หรือว่าเป็นละครเพลงด้วย?...พอพูดถึงพี่อ้อนแล้วนึกได้...ทำไมพี่ไม่มาดูคะ????
ฉันดูดอกไม้แห่งสยามตั้งแต่มันยังเป็นเมล็ดถูกหว่านลงในห้องซ้อมเพลง ได้ฟังดอกไม้ที่แสนสวยงาม...จนร้องท่อนฮุคได้ ตอนนี้ร้องได้ทั้งเพลง แต่อย่าขอให้ร้องให้ฟังนะ ...ไม่มีวันเสียล่ะ 555555 ได้ดูการซ้อมตั้งแต่ตัวละครวัยกระดูกอ่อน(แรง)ยังวิ่งพล่านทั่วศาลาโคล์อย่างมึน ๆ เพราะจำบทได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ...ที่พูดนี่คือนักแสดงตัวประกอบที่รักของฉันนะคะ นักแสดงเอกทุกคน...ค่อนข้างแม่นยำ เพราะตั้งใจทุ่มเทแรงใจแรงกายมาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะแหม่มคิลแพทริก ถึงกับหลอดเสียงป่วย...แต่ก็ไม่ย่อท้อ รอบแรก รอบที่สองผมดำ....รอบสุดท้ายเริ่มขาว แก่เท่าแหม่มโคลทีเดียว 555555
ดูหลายรอบซะขนาดนี้ บางคนอาจจะนึกว่าฉันขึ้นไปเล่นเองได้เลยมั้ง แต่ขอบอกว่าไม่ได้ค่ะ เพราะฟังไม่รู้เรื่องเลย 55555 มารู้เรื่องบ้างเล็กน้อยตอนกลับบ้านดูจาก dvd อีกที แต่ก็ยังมีหลายฉากที่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไรกัน กำลังรอบทละครที่พี่จุ๋มรับปากจะส่งมาให้อ่าน...(ทวงออกอากาศซะเลย 55555) จั๊ดง่าวไปหรือเปล่า...ดูเป็นร้อยรอบแต่ไม่รู้เรื่องเนี่ยะนะ ก็ไม่รู้จะว่าไง 5555555 เหมือนดูชาลี แชปปลิ้นแบบไม่มีซับ
แต่การที่ดูแบบใช้ตาอย่างเดียว หูไม่ใช้ก็เลยมีสมาธิจับจ้องการแสดงของนักแสดงทุกคน โดยมากจะโฟกัสที่ชาวนาก่อน 555555 พอชาวนาลงจากเวทีแล้วถึงมีโอกาสให้ความสนใจตัวละครอื่น ๆ  ตอนที่ซ้อมกันที่ศาลาโคล์ น้องที่เล่นเป็นไอด้าตอนเด็ก...ร้องไห้จริงทุกครั้ง ทำเอาฉันทึ่งมาก จะซ้อมฉากนี้กี่รอบ ก็สามารถบีบน้ำตาหยดแหมะ ๆ ได้ทุกนัดไม่มีพลาด ฉันดูน้องร้องไห้หลายวัน..ยังไม่รู้เลยว่าน้องเล่นเป็นใคร 5555555 ก็ดูเอาละกันว่าจั๊ดง่าวขนาดนี้แหละ
การที่ละครได้เลื่อนมาแสดงเดือนมกราเพราะเหตุน้ำท่วมใหญ่ ก็เป็นการดีเหมือนกัน เพราะทำให้หลายคน(ที่ฉันรู้จัก) ได้มีโอกาสตัดสินใจใหม่ นั่นคือก๊วนจิ๊บ...เป็นเพื่อนที่ฉันเพียรพยายามชวนอย่างหนักหน่วงให้มาโรงเรียน เพิ่งจะสำเร็จครั้งนี้ .. ตอนแรกนั้นคุณเธออ้างว่าต้องไปเมกาพอดี ซึ่งก็เป็นความจริง เดินทางก่อนวันแสดงเพียง 1 วัน ยังบอกจิ๊บเลยว่า เลื่อนออกไปอีกหน่อยไมได้เหรอ จิ๊บบอก...จะบ้าเหรอ เค้าจองตั๋ว จองโรงแรม นัดหมายคนทางโน้นหมดแล้ว ...ตอนนั้นเศร้าไปเลย แต่คงเพราะเพื่อนมีบุญจะได้กลับมาโรงเรียนอีกครั้งเพื่อมาดูละครเพลง เลยเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ละครเพลงเลื่อนออกมาถึง 2 เดือน ตอนนี้เองที่ก๊วนจิ๊บตัดสินใจซื้อบัตรเพิ่ม 5 ใบ
พี่ตุ้มบอกว่าคงไม่ไปดู เพราะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์คุณแม่ ฉันก็แอบเซ็งเล็กน้อย พี่ตุ้มถึงกับยกบัตรที่จองไว้ให้ฉันไปให้ใครก็ได้ที่อยากดู  พอดีว่าพี่อู่น้องพี่เก็จยังไม่ได้ซื้อบัตร ฉันเลยเอาบัตรพี่ตุ้มให้ไป แต่ด้วยอารมณ์ประมาณอยากให้พี่สาวได้อั๊พเดตเหตุการณ์ครั้งสำคัญโดยตลอด เวลาที่ฉันไปดูการซ้อมไปถ่ายรูป ก็จะส่งไปให้เรื่อย ๆ ทุกอย่างก็เหมือนสายลม..พัดไปในทะเลทราย แต่แล้ววันซ้อมใหญ่ ฉันได้ไปดูและให้กำลังใจโอ๋ในการรำครั้งแรก หลังจากทิ้งชุดนางรำมาหลายสิบปี ถ่ายรูปโอ๋ไว้หลายท่า เห็นว่าสวยดีเลยส่งให้พี่ตุ้มดูด้วย...it worked very well, indeed!!! พี่ตุ้มตอบเมลมาบัดดลว่าเปลี่ยนใจแล้ว ช่วยหาบัตรให้พี่ 4 ใบ พี่จะพาเพื่อนที่ทำงานไปดูด้วย เยส!!! แทบอยากบินไปเอกมัยเพื่อไปจุ๊บนางรำ 5555555 จริง ๆ แล้วช่วงนี้อารมณ์เริ่มนอยด์เล็กน้อย เพราะสงสารพี่เก็จ ซ้อมดึกทุกคืนจนผ่ายผอม หน้าเหลือนิ้ดเดียว ทั้งยังเป็นห่วงพี่หมอกัลยาว่าจะไหวไหม? กลัวเหนื่อยจนตกบันได ไหนจะป๊ากผู้ขับรถไกลทุกคืน ๆ มาตัวเปล่าก็เหนื่อยจะแย่ ยังต้องจัดน้ำท่าไว้บริการพี่น้องนักแสดงด้วยกันอีก จำนวนเท่าไร...ก็บนเวทีนั่นกี่คนล่ะคะ
พอช่วยขายบัตรได้เพิ่มอีกหน่อย ก็เลยดี๊ด๊าขึ้น...อารมณ์ขึ้นลงเร็วประสาสาวน้อย 5555555
ฉันเพิ่งรู้ในรอบซ้อมใหญ่ว่ามีนักเรียนชายจากวชิราวุธมาร่วมแสดงด้วย เป็นทหารญี่ปุ่นค่ะ วิ่งตึง ๆ โผล่มาจากไหนไม่รู้ 55555555 อารมณ์ประมาณผีหลอก แบบว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีฉากนี้ด้วย ขลังสุด ๆ ตอนที่แม่ทัพโกโบริ..เอ๊ย มายาโมโต้(รึเปล่า???) ขึ้นไปแผดเสียงกึกก้องกัมปนาทแสดงแสนยานุภาพหลานครูภิญโญเพื่อยึดโรงเรียนเป็นโรงพยาบาลกองทัพญี่ปุ่น
รอบแรกที่ไปดู เป็นรอบนักเรียนแต่มีคณะครูอาวุโสมานั่งดูด้วย แม้ว่าจะดูซ้อมมาหลายร้อยหน แต่ก็เป็นอะไรที่อึ้งทีเดียวกับการแสดงจริงรอบแรก คุณแม่ของแก้วคึกมาก ลุกขึ้นเต้นด้วย ซึ่งในบทไม่มีค่ะ ป๊ากเล่าว่าพี่บุษเครียดไปเลย กลัวคุณแม่หกล้มจะเป็นเรื่องใหญ่ ...เลยบอกไปว่าคุณแม่ออกกำลังกายเรื่อย ท่านต้องรู้ว่าท่านทำอะไรได้แค่ไหน ไม่ต้องห่วงหรอก... ฉันตะลึงตึง ๆ กับฉากแหม่มโคลกลับบ้าน ตอนที่เรือพาแหม่มโคลลาโรงไปนั้น เจ้าพันธุ์ทิพสองต้นข้างเวทีก็สลัดดอกโปรยปรายลงมา...อินเลยค่ะงานนี้ น้ำตาซึมเล็ก ๆ!  พักการแสดง 15 นาที ฉันไปรายงานตัวกับครู ๆ ทั้งหลายพร้อมซาวเสียงฟี้ดแบ็ค ที่จริงไม่ต้องถามก็ได้ค่ะ ครู ๆ หลายท่านตาแดงก่ำ โดยเฉพาะครูปรานี ณ นคร ยังเช็ดน้ำตาที่ไหลพราก ๆ อยู่เลย ได้รับนิ้วโป้งหลายสิบนิ้วมาประเดิม ซาวเสียงจนครูเสริมศรีแซวว่า..เป็นผู้กำกับเหรอ? เปล่าค่ะ หนูเป็นผู้อำนวยการสร้างตะหาก 5555555 น่าน...ไม่รู้ตัวอีก สมควรให้คนเขาหมั่นไส้แล้วยัยอ่อง!
รอบที่สอง รอบผู้ปกครอง รอบนี้ฉันไม่เจอคนรู้จัก และชาวนาทั้งหลายเหมือนจะเกี่ยวข้าวหนักไปหน่อย เลยดูเหนื่อย ๆ เล่นไม่เต็มที่เท่าไร อาจจะอยากเก็บแรงไว้ระดมในวันรุ่งขึ้น...รอบสุดท้าย  พอถึงวันรอบสุดท้าย ฉันตื่นเต้นมาก 555555 เพราะว่าวันนี้จะได้เจอผู้คนที่ฉันรักเพียบในโรงเรียนวัฒนาใน 1 วัน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีง่าย ๆ นะคะ  แต่เช้ามา..ค้นตู้เสื้อผ้าจะใส่ตัวไหนดี? ทีแรกจะใส่เสื้อยืดดอกไม้แห่งสยามแหละค่ะง่ายดี แต่ว่าเสื้อยืดสองตัวส่งไปซักยังไม่กลับมาเลย ไม่อยากใส่กระโปรง-รองเท้าส้นสูงเพราะคะเนดูแล้ววันนี้ต้องเดินเยอะแน่ ๆ เอาเสื้อเชิร์ตแขนยาวลายดอกไม้เล็ก ๆ ดีกว่า ไม่หลุด concept ดอกไม้แห่งสยาม ที่ใส่แขนยาวจะได้กันยุงค่ะ เพราะยุงชุมมาก ๆ (เอาเข้าจริงคืนนั้น เพื่อน ๆ บอกว่าไม่เห็นยุงเยอะเลย สงสัยยุงมันมึนกลิ่นน้ำยาทากันยุงที่หลาย ๆ  คนคงทากันมา 5555555)
คนเยอะจริง ๆ ค่ะ หาเพื่อนไม่เจอเลยแหละ พี่ตุ้มก็ไม่เห็น อุตส่าห์ไปยืนดักรอตรงทางเข้าแล้วนา เลยได้ช่วยจูงผู้อาวุโสลงจากรถหลายคน เพราะยืนตรงนั้นพอดี ได้พบกลุ่มวัฒนารุ่นพี่ ๆ ที่มากันเยอะ ๆ อาทิรุ่น 96  รุ่น 100 รุ่น 102 และรุ่น 105-106 แต่ก๊วนจิ๊บหายไปไหนล่ะเนี่ยะ ว่าแล้วก็โทรหาดีกว่า...อร๊ายยยย มือถือหาย!!! เสร็จเลยงานนี้ จะได้เจอจิ๊บ ได้เจอพี่ตุ้มไหมนั่น? แว่นตาที่ใส่มาก็ดันกรอบกระจุยตอนเจ้าปอมน้องสาวป๊ากโผเข้ากอด รักมากไปหน่อย..แว่นกระจาย เฮ้อ .... เริ่มเซ็งเล็ก ๆ 55555555
ตอนมานั่งที่ที่นั่ง เจอใครไม่รู้มานั่งในกลุ่ม 105 มาได้ไงเนี่ยะ? พอนั่ง ๆ ไปสักพัก สมองเริ่มรันค่ะ เอ้อใช่!!! บัตรพี่ตุ้มให้พี่อู่ไปนี่นา 5555555 หันขวับไป ...พี่อู่ป่าวคะ พี่อู่ตอบรับ ....แหะ ๆ เพิ่งนึกได้ค่ะสวัสดีค่ะ  ละครเริ่มพอดี เลยไม่ได้คุยกันเลย ถึงได้ก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี เพราะไฟดับ หูฉันก็ดับตามไฟไปด้วย
พอละครพักครึ่ง ฉันก็ลุกไปที่ ๆ ที่คิดว่าพี่ตุ้มนั่ง แต่ที่นั่งว่างเปล่า ...สงสัยพี่ตุ้มจะไม่มาซะแล้วมั้ง เฮ้อ เซ็ง ไปหาป้าจีดีกว่า คุยกับป้าจีและพี่หมอปิยรัตน์ได้ 2 คำ มีคนมาทักทายป้าจีหลายคน เลยหลบไปสวัสดีครูวรรณดี และท่านผู้หญิงสุมาลี ตอนนี้ท่านผู้หญิงก็จะไปห้องน้ำพอดี เลยอาสาพาไป เนื่องเพราะได้ยินพี่นุกูลบอกว่าจะพาไป ไอ้เราก็นึก...พี่นุกูลเป็นผู้ชาย...เลยจูงท่านผู้หญิงไป โดยมีพี่นุกูลเดินตามมาเป็นบอดี้การ์ด 555555 ท่านผู้หญิงก็พูดคุยด้วย แต่อย่างที่บอก ไฟไม่มา หูไม่มี ..พอช่วงมีไฟ หูก็มา ตอนนั้นก็คุยกันรู้เรื่องหน่อย
ส่งท่านผู้หญิงกลับมาที่เก้าอี้แล้ว ก็ยังไม่เจอจิ๊บ ไม่เจอพี่ตุ้ม เฮ้อ...วันนี้จะได้เจอไหมเนี่ยะ? แวะไปหาป้าจี เผื่อจะหาอาหารและน้ำท่าให้ได้ พบว่าป้าจีนั่งกินขนมครกอยู่ เลยว่าจะไปซื้อน้ำมาให้แต่ป้าจีไม่เอา เพราะกลัวต้องเข้าห้องน้ำ พอดีพี่หมอกลับไปแล้ว ละครเริ่มเลยทำเนียนนั่งข้างป้าจีไปเลย ทิ้งพี่เจนหน้าตาเฉย 5555555 ดูละครได้ชัด ๆ ตอนนี้เอง ที่นั่งเดิมมีผู้ชายตัวโต ๆ นั่งหน้าค่ะ เลยดูไม่ถนัด พี่เจนคงเซ็ง ฉันอุตส่าห์สละที่นั่ง VIP เพื่อมานั่งกับกิ๊ก แต่โดนกิ๊กหักหลังทิ้งกลางอากาศซะได้ คบเด็กสร้างบ้านซะแล้ว.....

พอละครเลิก โอ้โห ชุลมุนสุด ๆ ป้าจีซื้อกุหลาบมาไว้สำหรับให้นักแสดงด้วย แต่ป้าจีให้คนรอบ ๆ ไปยื่นแทน ฉันก็ได้มาเหมือนกัน เอาไปให้พี่เก็จ 555555 แล้วจากนั้นก็วิ่งหาเพื่อนและพี่ตุ้มต่อ สายตาก็แย่มากค่ะ ไม่เห็นใครเลย เดินไปเดินมาเห็นท่านผู้หญิงจะกลับแล้ว เลยช่วยจูงไปส่งที่รถ อยากจะซาวเสียงท่านอีกคนหลังจากที่ฟังป้าจีชมเปาะมาแล้ว ก็นั่งกับป้าจีตลอดละครครึ่งหลัง
ท่านผู้หญิงก็พูดหลายอย่าง แต่ความที่ทางมันมืด แล้วต้องคอยระวังพื้นตลอดทางเลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร 5555555 ตอนที่เดินจูงท่านผู้หญิงออกไป พี่ตุ้มก็เข้ามาสะกิด...เจอพี่ตุ้มแล้ว บอกพี่ตุ้มว่ารอแป๊บนะคะ ไปส่งท่านผู้หญิงก่อน เดินไปได้อีกหน่อย จิ๊บกับป้อมมาสะกิด....นี่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มาสะกิดนี่ ฉันคงไม่เจอใครเลย อารมณ์เบิกบานมากค่ะตอนนั้น ปลื้มที่ละครจบลงอย่างสวยงาม ปลื้มที่จิ๊บป้อมมา ปลื้มที่พี่ตุ้มมา ....ตอนที่ยืนรอรถเป็นเพื่อนท่านผู้หญิงเลยต่อยหอยเป็นพิเศษ แถมยังริอ่านขอกอดท่านทีนึง 5555555 แอบชื่นชมมานานหลายสิบปีแล้ว ประทับใจไหวพริบท่าน คือตอนลาครั้งสุดท้ายก็บอกขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง จะได้มางานโรงเรียนอีก 10 ปี  ท่านตอบกลับมาทันที ..10 ปีน้อยไปค่ะ ขอ 30 ปี โอ้ว...เอาใจไปเลยค่ะ
เดินกลับมาหาพี่ตุ้มไม่เจอซะแล้ว เพื่อน ๆ ก็กลับกันไปแล้ว กำลังคิดว่าสงสัยต้องกลับเองแหง ๆ ก็เจอพี่ตุ้ม ถามพี่ตุ้มว่าทำไมไม่รอตรงที่บอกล่ะคะ พี่ตุ้มบอก...ใครจะไปรอไหว ไปนานเหลือเกิน อ้อนพี่ตุ้มซื้อ cd เพลงให้ด้วย พี่ตุ้มก็ซื้อให้ไม่มีอิดออด ส่วน dvd ซื้อไว้แล้วตั้งแต่แรกมาถึงค่ะ ระหว่างทางกลับบ้านในรถ เปิด cd เพลง พี่ตุ้มร้องตามให้ฟังหลายเพลงเลย ทำให้ช่วงรถติดไม่น่าเบื่อสักนิด
กลับมาถึงบ้านก็ยังอินกับดอกไม้แห่งสยามไม่เลิก เปิด dvd ดูดีกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ concentrate กับภาพรวมของละคร 5555555 ดูแล้วน้ำตาไหลพราก ๆ ปิ๊งเพลงความหวังจนต้องเมลหาพี่น้อยขอเนื้อเพลงมาร้องตาม ประทับใจกับเสียงใส ๆ ของน้องแอ๋มน้องแน้ตในเพลง morning has broken และเพลงออกกำลังกายที่ยังไม่รู้ชื่อ แต่ชอบ... ยังจะเพลงตอนก่อสร้างตึกเรียนอีก สรุป..ชอบทุกเพลง 555555555
ยิ่งมานึกเสียดายแทนเพื่อน ๆ หลายคนที่ไมได้ดู บางคนซื้อบัตรแต่มาดูไม่ได้ อยากจะโฆษณาจริง ๆ ค่ะว่าให้ซื้อ dvd ไปดูกัน แค่ 500 บาท แต่รับรองค่ะว่าจะประทับใจเกิน 500 แถมอีก 200 ค่า cd เพลง 5555555


ถึงเป็นแค่ความหวัง ฉันยังหวังว่า...ตึกเรียนของเราจะกลับมา และอยู่ยืนยาวไปชั่วชีวิตของฉัน ตึกเรียนแห่งนี้เป็นตึกที่ฉันรักมากที่สุดในบรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหมด เพราะเป็นคลังความทรงจำดี ๆ และร้าย ๆ แต่น่าประทับใจมากมาย เป็นที่ซึ่ง...พวกเราหลายคนได้เติบโตขึ้นมาอย่างสวยงามบนดินอันสมบูรณ์ มีเหตุผลอีกล้านแปดที่ฉันอยากให้ตึกเรียนกลับมาเปิดให้ใช้งานได้ดังเดิม...รักเธอนะเจ้าตึกเรียน.