วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อย่าถามว่าเขาให้อะไรคุณ แต่จงถามว่าคุณให้อะไรเขาบ้าง

ให้ “น้ำใจ” ผู้อื่น คือให้ “ความสุข”กับตนเอง
โลกเราจะร่มเย็นน่าเป็นอยู่  เพราะเชิดชูคุณธรรมทำเกื้อหนุน  เพราะเราต่างสำนึกในบุญคุณ เพราะเราต่างเกื้อการุณและตอบแทน
ฉันโตและดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อเช่นนี้มาตลอด ความเชื่อว่าชีวิตฉันที่เป็นสุขอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะบุญคุณ เพราะน้ำใจของใครต่อใคร ด้วยความเป็นหลานของอากง ฉันจึงค่อนข้างจะยึดหลักเมื่อกตัญญูแล้วก็ต้องกตเวทิตา  บางทีใช้คำยิ่งใหญ่ไปหน่อย เอาเป็นว่าเมื่อได้รับสิ่งดี ๆ จากใคร ก็ต้องหาโอกาสตอบแทนกลับไป
คนบางคนถนัดและสบายใจที่จะเอื้อเฟื้อข้าวของเงินทองให้ผู้อื่น ส่วนฉันนั้นไม่เชื่อว่าการให้เงินคือคำตอบสุดท้าย เพราะถ้าคิดงั้น ฉันคงตกนรกแน่ 5555555 เพราะเป็นคนที่มีเงินน้อย แถมไม่งอกอีกต่างหาก ฉันจึงเชื่อในการกระทำความดีตอบแทน แต่บางทีก็เป็นที่น่าน้อยใจยิ่งนักที่คนมักจะมองว่าฉันจะไปทำอะไรได้? บางคนก็มีคุณสมบัติผู้ดี ความเกรงใจ ค้ำคอ ก็เลยไม่ค่อยให้โอกาสฉันได้ รับใช้ เพื่อเป็นการตอบแทน
บางครั้งบางหน เคยมีบางคนบอกว่าฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอ จะต้องมาตอบแทนอะไรนักหนา ฉันก็อยากจะตอบกลับไปว่า สิ่งที่ทำนั้นทำให้ชีวิตของฉันน่าอยู่- -ยังจะว่าไม่ได้ทำอะไรอีกไหม? จริงอยู่ว่ามนุษย์ดำรงชีวิตได้ด้วยอาหาร และอากาศ แต่นั่นจะทำให้อยู่อย่างแห้งแล้ง อยู่ไปอย่างแกร็น ๆ  ความสุขความอบอุ่นในหัวใจต่างหากที่แต่งแต้มสีสันให้กับวันเวลาที่เราหายใจ
ในยามที่เพื่อนร่วมชาติประสบภัยพิบัติร้ายแรง และเรื้อรัง ฉันจึงพยายามมองหาว่าอะไรที่จะทำได้ อะไรที่ช่วยกันได้ เคยมีเพื่อนบอกฉันว่ามีเงินน้อยก็ทำบุญน้อย ๆ ซิพี่ แต่ฉันกลับไม่คิดอย่างนั้น สมมติว่าฉันบริจาคเงินไป 100 บาทโดยที่เงิน 100 บาทนั้นซื้อข้าวสารได้แค่ 2 กก. ถ้าเป็นข้าวหอมมะลิซ้อมมืออย่างดีก็ 1 กก. กี่คนได้ประโยชน์กับเงิน 100 บาท? กับฉันเอาแรงงานเข้าช่วยทำงานอาสากี่คนได้ประโยชน์? 
หลังจากที่ไปกรอกกระสอบทราย ปั้นลูกอีเอ็ม  แล้ววันนี้ฉันอยากไปแพคถุงยังชีพมั่ง พอดีออนไลน์เจอน้องปุ้ม (รุ่น109) กัลยาณมิตรงานอาสา 555555 ก็เลยชวนกันไปแพคถุงยังชีพที่มูลนิธิของพระมิตซูโอะ ด้วยเหตุผลว่าใกล้บ้านเราสองคนมากที่สุดแล้ว แต่ฉันคงไปไม่ได้ถ้าไม่ได้ชวนปุ้ม เนื่องจากแม้ว่าจะใกล้แต่การเดินทางจากอ่อนนุชไปกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 โดยไม่มีรถส่วนตัว เป็นความซับซ้อนเกินกว่าจะรับไหว ขาไปอาจจะนั่ง taxi ไปได้ แต่ขากลับนี่ซิ ดูแล้วจะต้องเดินไกลมากเพื่อจะเรียก taxi แล้วด้วยความที่มีเงินจำกัดจำเขี่ย ยังจะต้องกันไว้ซื้อของกินอร่อย ๆ จะมาเสียเงินกับค่ารถก็นะ ....
อาคารของมูลนิธิดูใหญ่ สะอาด โปร่งโล่ง สมกับเป็นสถานที่ใช้ปฏิบัติธรรมตามโอกาส แต่ตอนนี้เป็นคลังสินค้าเก็บของบริจาค วันนี้ของค่อนข้างน้อย คนล้นของค่ะ เดินเข้าไปก็มีคนเข้ามาทักทายบ้าง ความที่ฉันหูไม่ดี พอมีคนเข้ามาพูดฉันรีบโบ้ยให้ปุ้มทันที จึงเป็นเหตุให้บางคนพูดภาษาอังกฤษด้วย เพราะนึกว่าคุณอ่องเป็นโยโกะจัง 555555 ทำไมถึงต้องโยโกะ? เรื่องนี้เกิดจากฉันนึกได้ถึงความหลังเก่าแก่ สมัยที่ไปเรียนที่พิกซเบิร์กค่ะ วันแรกที่เดินใน Point Park College ก็พลันมีญี่ปุ่นคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาจับไม้จับมือแล้วต่อยหอยด้วยเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างยาวเหยียด ฉันต้องเบรกเจ้าหล่อนว่า ช้าก่อนสหาย...อันตัวข้าหาได้มาจากเจแปนไม่... คุณเธอก็อุทาน อุบ๊ะ..แล้วทำไมหน้าตาเหมือนเพื่อนร่วมชาติฉันนัก ฉันก็..อุบ๊ะแล่วกัน..ชั้นจะไปรู้ไหมนั่น? 5555555 เธอคนนั้นชื่อโยโกะค่ะ ปุ้มก็เลยเรียกฉันว่าพี่โยโกะซะเลย
ไปถึงก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของสายสะพานลำเลียงน้ำจืดจากรถค่ะ ดูเหมือนง่าย เพราะแค่ยืนอยู่กับที่ รับและส่งต่อเป็นทอด ๆ ไป โยกไปย้ายมาเหมือนท่าบริหารร่างกายที่พี่เก็จทำทุกวันเลย 555555 เพียงแต่ต้องถ่ายโอนน้ำหนักของน้ำ 6 ขวดไปด้วย แรก ๆ ก็สนุกดีหรอก พอนาน ๆ ไป ทำไมรถกระบะมันจุขวดน้ำได้เยอะขนาดนี้เนี่ยะ?? ไม่หมดซะที เง้อออออ
เสร็จจากเป็นสายสะพาน ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยก็หายเมื่อยแล้ว มีอะไรให้ทำต่อ?ยืนงง ๆ อยู่แป๊บนึง เจ้าหน้าที่ก็ให้พวกเราช่วยกันกรอกข้าวสารลงในถุงเล็ก มีคนเยอะแต่วัตถุดิบน้อย ทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว  เดินขึ้นไปชั้นสองก็มีงานหลายอย่างให้ทำ ฉันกับปุ้มเดินเวียนทำมันเกือบทุกอย่าง สนุกน่าดู 5555555 ก็มี
A-เตรียมเชือกไว้มัดถุงยังชีพ เป็นเชือก..เอิ่มเขาเรียกเชือกไรหว่า? 555555 เขาก็จะตัดเชือกจากม้วนใหญ่ ๆ ค่ะ แล้วเราก็ต้องทำปมที่เชือกแตกปลาย ทีแรกก็ใช้ไฟลน ด้วยความที่สถานที่นี้โปร่งโล่ง ลมโกรกดี ทำให้งานมีอุปสรรคนิดหน่อย มีคนเจ้าปัญญาบอกว่าให้ขมวดผูกปมแทน ก็เลยเสร็จเร็วขึ้น ระหว่างนี้ก็ถ่ายรูปเล่นเป็นปกตินิสัย ขนาดไม่ได้เอากล้องมา ก็ยังไม่วาย...55555555
B-กรอกยาพารา ซึ่งเขาให้กรอกกันซองละ 12 เม็ด พอเหลือ 2 เม็ดฉันก็เลยบอกให้น้อง ๆ เขากรอกไปซองละ 13 บ้างก็ได้เพราะบางคนก็ปวดหัวจัด น้อง ๆ หัวเราะขำกัน – แกะทิชชู่จากห่อใหญ่ ใส่ถุงพลาสติคมัดให้แน่นถุงละ 1 ห่อ ที่ต้องใส่ถุงพลาสติคเพราะเพื่อกันน้ำค่ะ พื้นที่ ๆ ไปแจกเป็นพื้นที่ประสบภัย หลายพื้นที่ผู้ประสบภัยจะลุยน้ำระดับเอว ระดับอกมารับค่ะ
C-seal ฝาขวดแชมพู อันนี้ที่อื่นจะทำหรือเปล่าไม่รู้ แต่การที่มูลนิธิให้มีการปิดฝาแชมพูด้วยเทปเพื่อป้องกันการหกเลอะเทอะกรณีที่ฝาเกิดเปิดเองในถุง สำหรับฉันแล้วคือความเอาใจใส่ค่ะ ไม่ได้สักแต่ว่าแจก ๆ ไป จริง ๆ เขาเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ตอนที่มัดถุงข้าวสาร ต้องไล่ลมออกก่อน จะทำถุงพอง ๆ แบบถุงข้าวแกงไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวใส่รวม ๆ กันถุงจะแตกได้ เชือกที่มัดปากถุง ก็ยังจัดการกับส่วนแตกปลายให้เรียบร้อย ฉันว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ส่อถึงการอบรมจิตใจของพระอาจารย์มิตซูโอะเป็นอย่างดีทีเดียว
เพราะความละเอียดลออทุกขั้นตอน งานจึงดำเนินไปค่อนข้างช้า ก่อนที่เราจะกลับ เจ้าหน้าที่ได้เชิญชวนมาอีกในวันรุ่งขึ้น บอกว่าจะมีของมาลงเยอะ โยโกะและยูกิปรึกษากันแล้วก็ตกลงจะมาอีกครั้ง โดยได้ชวนพี่นีย์น้องเขียนเพื่อนร่วมรุ่น em ball มาด้วย แต่เสียดายที่ทั้งสองติดภารกิจมาไม่ได้
วันรุ่งขึ้น ฉันและน้องยูกิไปถึงมูลนิธิช่วงบ่าย มีหลงเล็กน้อย เพราะเข้าทางมอเตอร์เวย์ เมื่อไปถึง แทบไม่มีคนมา เราสองคนเลยนั่งกรอกข้าวสารกันอย่างสะใจ 5555555 เมื่อวานได้ทำแค่ไม่กี่ถุง วันนี้เป็นร้อยถุงเลย บ้าพลังทำกันจนหมดวัตถุดิบ เอิ๊กกกกก จะว่าหมดก็ไม่เชิง เหลือที่อยู่ในกระสอบ 50 กก.ค่ะ ไม่สามารถยกเทเองได้
สักพักก็เริ่มมีรถทยอยขนของบริจาคมาลง เยอะมากค่ะ น้องยูกิบอกว่าสุขภาพหลังไม่ค่อยดี ขอบายงานกรรมกร ส่วนฉันเข้าไปช่วยเขาเรียงกล่อง มีขนมคุ้กกี้หลายสิบลังเป็นของบิณฑบาตรที่เดินทางมาจากมาเลเซียค่ะ และน้ำเปล่า เสร็จแล้วก็ช่วยกันแยกประเภทสินค้าเป็นกลุ่ม ๆ กว่าจะเสร็จก็เหนื่อยพอดู เจ้าหน้าที่มาบอกว่ามีกล้วยบวชชีนะคะ เชิญรับประทานได้ ไม่รอช้า—555555 อร่อยจนต้องเบิ้ลค่ะ
เมื่อกินกล้วยเติมพลังงานแล้ว ก็ต้องจ่ายคืนด้วยการทำงาน ขึ้นไปชั้นสองค่ะ เห็นเขาพับถุงดำสำหรับแจกให้ผู้ประสบภัยมัดละ 2 ใบ แต่เขาพับกันอย่างเรียบร้อยเหลือเกิน อันนี้ไม่ได้เข้าไปช่วย เพราะตอนนี้คนมาเยอะขึ้นแล้วค่ะ จำนวนคนล้นงานตรงนี้แล้ว เลยเดินไปดูจุดอื่น เขาแยกนมผู้ใหญ่ กับนมเด็กกันค่ะ ก็ไปนั่งช่วยกันคัด เพราะเขาจะแจกถุงละ 2 กล่อง พวกนมแพค 6 จึงต้องนำมาแกะออก
ระหว่างทำงานกันไป ปุ้มก็บ่นถึงพี่นีย์ น้องเขียน คงจะเพราะเหงาปาก เพราะฉันมีอีกฉายาคือซิ้มใบ้ 555555555  ส่วนฉันก็คิดถึงแก๊งสุโค่ย อยากให้มาสัมผัสบรรยากาศการทำงานอาสาของที่นี่ ก็เลยคุยกันว่าจะชวนพี่น้องวัฒนามากันดีไหม? ปุ้มขอให้เป็นเสาร์อาทิตย์เพราะอยากมีส่วนร่วม ฉันไม่แน่ใจว่ากว่าจะถึงเสาร์หน้า จะยังมีงานพวกนี้ให้ทำอยู่หรือเปล่า เพราะน้ำก็ลดลงไปเยอะแล้วในหลายพื้นที่ อีกอย่างของบริจาคจะมีมาเพิ่มหรือไม่? ถ้าที่เห็น ก็น่าจะเสร็จก่อนถึงวันเสาร์หน้า แต่ก็คงจะดีไม่น้อยหรอกถ้าได้ทำงานสาธารณกุศลกับแก๊งสุโค่ย เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้มาประสบคบกันเป็นแก๊งต่อไป 55555555
นึกว่าจะได้บรรจุของลงถุง แต่น้องปุ้มถามตอน 5 โมงว่าจะกลับหรือยัง? ฉันก็เห็นใจว่าน้องเขาเป็นคนทำงาน พรุ่งนี้ก็วันจันทร์ จึงต้องจากลาด้วยความเสียดาย ครั้นจะบอกให้ปุ้มกลับไปก่อน ก็น่ะ...แล้วฉันจะกลับยังไง?? 5555555
ถุงยังชีพที่นี่ ไม่เพียงแต่เป็นของบริจาค แต่เป็นของขวัญที่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่ และห่วงใยไปถึงผู้ประสบภัยทุกคน เป็นการ”ให้”ที่ชัดเจนถึงความตั้งใจที่จะ “ให้” การให้แบบนี้สำหรับฉันแล้ว เปี่ยมไปด้วยคุณค่าจริง ๆ ค่ะ
ใครที่อ่านบทความนี้ แล้วมีความประสงค์จะบริจาคเงิน หรือสิ่งของเพื่อทำบุญ ฉันไม่ลังเลเลยที่จะแนะนำมูลนิธินี้เลยค่ะ รับรองว่าสมเจตนารมณ์แน่นอน หรือจะอุดหนุนหนังสือธรรม สินค้าผ้าทอซาโอริ ซึ่งยอดเงินที่ได้จากการจำหน่ายจะนำไปช่วยผู้ประสบภัยโดยไม่หักค่าใช้จ่ายค่ะ เวบไซต์เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ http://www.watpahsunan.org/index.html
ดังนั้น..weekend ของฉันและปุ้ม จึงหมดไปกับการให้ความสุขกับตัวเองดังนี้.
ปล. ภาพประกอบดูสวยงามจากอภินันทนาการของน้องปุ้มค่ะ ได้ถามปุ้มว่า..ลงรูปเปล่า ๆ ได้ป่ะ แบบไม่ต้องมีกรอบรูปน่ะ ปุ้มตอบว่า "ไม่ได้ค่ะ" 5555555555



วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Watch Bangkok Flood 2011

Could it be worse in 2012?!?? Hope not!!!!
 ทีแรกว่าจะไม่นำมาลง Blog แต่คิด ๆ ดู ก็น่าจะนำมาลง เพราะเป็นที่เก็บเอกสารที่ดีอีกที่หนึ่ง ก็เลยตัดสินใจนำมาลง ครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้มีโอกาสเดินทางไปทัศนศึกษาสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ นั่นคือน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ

จากครั้งก่อนที่ไปนั่งรถดูน้ำท่วมแบบ chilled chilled nothingham กลับมาถึงบ้านก็ร่อนเมลเล่าให้ชาวคณะสุโค่ยฟัง มีรูปประกอบจากพี่ตุ้มชายบน FB เล็กน้อยพอสังเขป พี่หนิงบอกว่าจะคอยอ่านบล็อก.. โธ่ พี่หนิงขา ก็บอกไปในเมลหมดแล้วว่านั่งรถทหารจากสะพานควาย รถวิ่งไปห้าแยกลาดพร้าว จตุจักร รัชโยธินที่ท่วมทุกจุด แล้วก็วิ่งกลับมา ไม่ได้ไปซุกซนก่อวีรกรรมอะไร ทัศนาหายนะของกทมแบบตัวแห้งสบาย
 
มีแช่น้ำเล็ก ๆ ตอนกลางคืน เพราะพี่ตุ้มพาไปดูหมอทหารแจกยาตามจุดต่าง ๆ ก็ในเส้นทางเดิมแหละค่ะ เพียงครั้งนี้ได้ลงไปในพื้นที่ตรง ท่า เซ็นทรัลลาดพร้าว เห็นกระทงตั้งเต็มโต๊ะถึงได้นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันน้ำนองตลิ่ง แบบว่ามันล้นตลิ่งมาตลอด เลยลืม ๆ ไปว่าวันนี้มันนองตลิ่ง เลยหมดอารมณ์ชวนกันมารำวงวันลอยกระทง
 
ที่ได้แช่น้ำโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน (แต่ซื้อบู๊ตสูงเลยเข่าไว้แล้ว 555555 ไม่ได้วางแผนเล้ย!) เพราะไม่ได้คิดจะลอยกระทง เลิกฮิตตั้งแต่ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นโสด 555555 ขณะกำลังเดินไปเดินมาในพื้นที่จำกัด ไม่มีอะไรทำเลยยืมกระทงขนมปังของทหารถือถ่ายรูป สงสัยว่าจะมีแววนางนพมาศ (กล้าพูดนะอ่อง 55555) พี่ตุ้มเลยบอกให้ยืมกระทงของชาวบ้านที่เตรียมลอยแถวนั้นไปถ่ายรูปริมน้ำ
 
โอ้...หน้าห้างเซ็นทรัลกลายเป็น ริมน้ำ ซะแล้วแถมยังนองตลิ่งอีกต่างหาก พี่ตุ้มบอกให้ลงไปในน้ำ ม่ายอาว....เค้ากลัวชาละวัน!!!! ขอยืนบนกระไดก็พอ ตรงขั้นบันไดน้ำก็ท่วมค่ะ ระดับตาตุ่ม (แต่ใส่เครื่องป้องกันระดับหัวเข่า)
 
พอกำลังโพสต์ท่าถ่ายรูป ทันใดนั้น นักข่าว CNN BBC Springnews ที่กำลังทำข่าวแถวนั้น (จริง ๆ มีค่ายเดียวคือ springnews 555555 WER ไว้ก่อน) ก็กรูกันเข้ามาระดมยิงแฟลช โว้ว...รู้สึกเสมือนเป็นซุปตาเลย 55555555 หลาน ๆ ตากล้องเอ๊ย - ป้าขอเวลานอกไปแต่งหน้าทำผมก่อนได้ไหม? 555555 ตากล้องทั้งหลายพร้อมใจกันบอก...เมื่อไรป้าจะปล่อยกระทงซะทีคร้าบ?
 
ที่แท้ที่มารุม ๆ เนี่ยะ รอถ่าย กระทง ชิมิ เห็นเราเป็นตัวประกอบฉากไปซะงั้น ไม่มีวันปล่อยหรอกกระทงเนี่ย เพราะปล่อยไปมันก็แย่งซีนซิ 55555555 ไหน ๆ จะถ่ายกระทงแล้วก็น่าจะถ่ายนางแบบด้วยนะ 5555555 ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วกระทงนี้มีเจ้าของ ยืมเขามาเฉพาะกิจ ไม่ได้จ่ายตังค์ ขืนปล่อยไปเจ้าของได้โวย มิต้องลุยน้ำเน่า ๆ ไปตามเก็บมาคืนเขาเหรอตอนนี้ยืนโพสต์ท่านานจนเทียนเขาจะไหม้หมดแล้ว 55555 ชักเมื่อยเลยหย่อนก้นนั่งบนขั้นบันไดนิดนึง อ้าว บันไดไม่แห้ง! ตูดเปียกเลย กรำ จะลุกก็ตากล้องทั้งหลายยังยิงกันไม่หนำใจซะที กว่าจะได้เอากระทงไปคืนเจ้าของก็...เทียนนี้ยี่ห้ออะไร มันช่างอยู่ได้นานจริง ๆ 5555555
 
ก็แค่นั้น สำหรับทริปน้ำท่วมครั้งแรก ทั้งสบาย ทั้งสนุก แต่ข้อมูลก็ไม่มากพอจะเขียนบล็อก อีกอย่างบล็อกเรื่องน้ำท่วมมันควรออกแนว drama มากกว่า comedy ไม่ใช่เหรอ? (เป็นอะไรที่เขียนลำบากจริง ๆ 55555)
 
พอตอบพี่หนิงไปว่าไม่ได้บอกจะเขียนบล็อกนะคะ พี่พัชก็กัดมาตามนัดว่า อ่องเขาชอบ play body งี้แระ ซะที่ไหนเล่าคุณพี่พัช! จนวันต่อมาพี่ตุ้ม upload รูปลงไปใน FB หัวหน้าแก๊งก็สนใจฉับพลัน ถามว่าจะไปกันอีกไหมอยากตามไปด้วย พี่เก็จก็อยากไปอีกคน เพราะดูน่าสนใจ เหมือนผู้มีอำนาจวาสนาออกตรวจราชการน้ำท่วม 5555555 แถมยังมีเวลาไปแปลงกายเป็น Wonder Woman บน BTS ให้ฮือฮา เพื่อน ๆ หลังไมค์มาแซวกันว่า..จะจ๊าบไปไหนยะคุณนพพร 55555555
วันอังคารไปเจอพี่เก็จ พี่เก็จยืนยันว่าอยากไปจริง ๆ กลับมาเลยคุยออนไลน์กับพี่ตุ้มวันพุธ พี่ตุ้มถามว่ายังจะไปอีกเหรอ??? สงสัยคงคิดว่าพวกนี้นี่ยังไง? เห็นความทุกข์ของเพื่อนร่วมชาติเป็นสิ่งบันเทิงไปซะแล้ว ไม่ใช่ซะหน่อย!! แบบว่า..ตั้งแต่ถือกำเนิดมาในปีพศ.2504 จนตอนนี้ก็ 50 ปีบริบูรณ์ เพิ่งเคยเห็นน้ำท่วมกทม.อ่ะค่ะ เมื่อก่อนอาจจะมีท่วมแต่ไม่เคยไปทัศนศึกษา อีกอย่างน้ำท่วมครั้งนี้..สาหัสสากรรจ์นัก ถึงจะเสพข่าวสารจากอินเตอร์เน็ตและทีวี ก็ไม่ได้ไอเดียเลยว่ามันจะขนาดนี้
 
พี่ตุ้มบอก งั้นจะพาไปดูของจริงนะ! ครั้งก่อนน่ะแค่น้ำจิ้ม ตอนนี้จะออเดิฟละ เอ้อ..พี่ตุ้มขา อ่องน่ะไม่เป็นไร แต่ขอแบบสบาย ๆ แบบคราวก่อนได้ป่ะ แบบว่าสงสารพี่เก็จ กลัวเข็ดซะก่อน 5555555 สรุปก็คือนัดพรุ่งนี้(พฤ. 17 พย.) วันเกิดอากงครบ 1 ศตวรรษ แต่หลานรักไปดูน้ำท่วมซะงั้น อากงคิดถูกแล้วที่ไม่ให้มรดก
 
พี่ตุ้มนัด 6.30 น.ที่จุดปล่อยรถทหารตรง BTS สะพานควาย ฉันนัดพี่เก็จ 6 โมงเช้าที่ MTR ห้วยขวาง จึงต้องออกเดินทางจากบ้านอ่อนนุชตี 5 กว่าเล็กน้อย
 
หญิงสาว (สาว?!?!?!?) 2 นางมาถึงจุดนัดหมายก่อนคุณชายตุ้ม วันนี้พกกางเกงยางมาด้วย เตรียมผจญซึนามิน้ำเน่าเต็มขั้น เพราะพี่ตุ้มบอกไว้ว่าจะพาไปลุยน้ำ ตื่นเต้นชะมัด 555555 พอพี่ตุ้มมาถึง ก็วางแผนทริปคร่าว ๆ กับพี่เก็จว่าอะไรยังไงบ้าง หนูอ่องไม่รู้เรื่องกับเขา ไปไหนก็ได้ แต่ไปยังไงนี่ซิ!
 
ก่อนออกเดินทาง ก็ไปกินข้าวเช้ากันก่อน ทีแรกว่าจะกินข้าวมันไก่ แต่เช้าไปไก่ยังไม่โดนเชือด เลยไปกินร้านข้าวแกงแทน พี่ตุ้มคนเดียวที่ไม่กิน สงสัยกินมาจากบ้านแล้วถึงได้มาสายกินข้าวเสร็จก็เดินไปเข้าห้องน้ำห้องท่าที่รพ.เปาโล นั่งเอาแอร์กันแป๊บนึง
 
การเดินทางที่ทรหดมหัศจรรย์สำหรับ 2 สาวกำลังจะเริ่มต้น ณ ...บัดนาว!! อย่างที่บอกไว้ เขาจะไปไหนกัน ไปกันอย่างไร ตกลงกันระหว่างพี่ตุ้ม&พี่เก็จ ไปยังไง-ไปไหนบ้างไม่สนใจ ขอให้มีพี่เก็จไปด้วย พอใจแล้ว 5555555 (เสียงพี่เก็จแว่วมาว่า WER!!!!)

แต่พอรู้ว่าจะต้องขึ้นรถสีเขียวที่ไม่ใช่เขียวเฉดทหาร แต่เป็นเขียวเฉดกทม. ก็มีอิดออดเล็ก ๆ ต่อรองหน่อย ๆ ไม่เอาอ่ะ อยากไปรถตาหาน... แล้วรถเนี่ยะ..เค้าไว้ขนขยะมะช่ายเหรอ???? อ่องไม่อยากพาพี่เก็จขึ้นรถขยะ !! พี่เก็จบอกว่าไม่ใช่รถขยะ แต่เป็นรถขนกิ่งไม้ตะหาก อ้อ..ระดับดีกว่ารถขยะหน่อยนึง แต่เอ้า เห็นหน้าพี่เก็จไม่ mind ก็เอ้า ไปไหนไปกัน ถ่ายรูปนางงามปีนรถขนกิ่งไม้ขยะเป็นที่ระลึกสักหน่อย พอขึ้นไป..เฮ้อ.. 555555 มันก็เป็นรถที่มีเก้าอี้พลาสติคตั้งให้นั่ง 2 แถว ตรงกลางมีเชือกขึงไว้เป็นราวให้เกาะ มีผ้าแบบที่ใช้บรรจุทรายวางกั้นน้ำเป็นหลังคา โอ้ว...ทริปนี้ท่าทางพี่ตุ้มจะ จัดหนัก !!!!

 
เพราะรถคันนี้ไปไกลถึงสะพานใหม่ (อยู่ตรงไหนของกทม.ฉันยังไม่รู้เลย 55555) ผู้โดยสารจึงเต็มรถ ดีที่เราขึ้นก่อนเลยมีโอกาสเลือกที่นั่ง ทีแรกพี่ตุ้มชวนให้นั่งฝั่งหนึ่งแต่พี่เก็จเห็นว่าแสงแดดส่องหน้าเลยเลือกอีกฟาก เอาหลังสู้แดดดีกว่า เพราะหลังไม่เป็นฝ้า นั่ง ๆ ไปจึงรู้ว่าคิดผิด เพราะไม่มีที่หลบแดดจริง ๆ ร้อนมาก ตะแรกพี่เก็จยังไม่รู้สึกร้อนเพราะมัวตื่นเต้นที่เห็นโฉม น้องน้ำ  แต่พอนานไป เริ่มเบื่อน้องน้ำแล้ว โดนพี่แดดไล้แก้มซะหมดอารมณ์เอ็นจอย เลยเดินหนีไปยืนฝั่งพี่ตุ้มแทน พอใกล้จุดหมาย เห็นระดับน้ำที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็มาแต่งตัวพร้อมรบพร้อมลุย
 
ฉันใส่บู๊ตมาจากบ้านแล้ว เหลือกางเกงยาง-รอให้ถึงก่อนค่อยใส่ เพราะยางเนื้อหนามาก ใส่ตอนนี้ท่าจะร้อนจนทนไม่ไหว ครั้นพอใกล้จุดหมายปลายทาง น้ำระดับตะโพก ก็ได้เวลาอ่องแปลงกาย 55555 รู้สึกจะแปลงกายบ่อยนะ ตอนนั้นเป็น Wonder Woman อาละวาดบน BTS ตอนนี้เป็นเงือกสายพันธ์กรีนแมมบ้า  เพราะป้อมซื้อกางเกงยางสีเขียวสดใสซาบซ่าประหนึ่ง green mamba's skin อันเงือกนั้น ธรรมชาติเขาออกแบบให้แหวกว่ายในสายชล นี่กลับมาเดินบนสะพาน เลยสะเปะสะปะเหมือนเพนกวิน(พันธ์กรีนแมมบ้า)
 
เห็นสะพานไม้ใหม่หมาด ๆ แล้วอยากจะกรี๊ด ตอนเด็ก ๆ ก็เดินบนที่แคบไม่เป็น แก่ปูนนี้ก็ใช่ว่าจะดีขึ้น ถึงแม้ว่าเจ้าสะพานนี้จะกว้างถึงไม้ 4 กระดานก็เถอะ จะให้อ่องสะเปะสะปะในชุดเพนกวินกรีนแมมบ้าไปบนสะพานนี้อ่ะนะ พี่ตุ้มขา..ขอขี่หลังหน่อย 555555 คำตอบเดินไปนู่นแล้ว มีพี่เก็จตามไปติด ๆ ทำไมพี่ ๆ เขาไม่ห่วงใยน้องเล็กมั่งเลยน้า เกิดอ่องตกน้ำตกท่า (ตกได้ทั้งซ้ายและขวา) จะทำไง? หูฟัง 2 ข้างจะช็อต สำลักน้ำครำเสียหายใช้การไม่ได้นะคะ นึกว่าห่วงชีวิตตัวเอง?!?!?! 5555555
 
ด้วยความเป็นเพนกวินสะเปะสะปะเครียด ๆ บน brigde over very troubled water เลยเดินช้ามาก เวลามีคนสวนมาต้องแบ่งทางให้อีก ปกติก็แทบไม่พอยืนอยู่แล้ว เครียดชะมัด  แง้ ๆ พี่ตุ้ม-พี่เก็จง่ะ จะลิ่วไปถึงไหน รออ่องด้วย ~~~ ในที่สุด พี่เก็จก็เพิ่งนึกได้ หันหลังมาด้วยความห่วงใย อ้าว...ทำไมอ่องโอ้เอ้อยู่ไกลขนาดนี้เนี่ยะ 55555555 นี่ถ้าอ่องตกน้ำไป พี่ๆ จะรู้มั่งมั้ยเนี่ยะพี่เก็จกวักมือไหว ๆ เร็ว...อ่อง  เร็วไม่ได้ เดี่ยวตกน้ำ อะมีบาขึ้นสมองแบบ Big D2B พี่เก็จจะไม่มีคนช่วยเก็บบ้านหลังน้ำท่วมนะเออ  พี่เก็จเลยยืนรอ พอเดินไปถึง พี่เก็จปรารภว่า พี่ตุ้มเขาจะเดินไปถึงไหน? เหนื่อยแล้วอ้ะ ตอนนี้ฉันเดินคล่องขึ้น แต่เปลี่ยนเป็นพี่เก็จเดินรั้งท้าย คงเพราะเหนื่อยและร้อน เส้นทางสายไหมนี้ จะสิ้นสุดลงณ หนใด?
 
ทริปนี้ช่างวิบากผิดกับทริปแรกราวกับปอกกล้วย vs ปอกกระเทียม!  พี่ตุ้มจัดหนักจริงไรจริง อากาศก็ร้อน นี่ถ้าน้ำสะอาดนะจะลงไปแช่รู้แล้วรู้รอด เดิน ๆ ไป อยากบ่นแต่ต้องกลืนลงในคอ เพราะเห็นสิ่งที่ผู้ประสบภัยเผชิญ แค่เดินบนสะพานไม้ในกางเกงยางกลายเป็นเรื่องสิว ๆ
 
บ้านเรือนสองข้างทางสะพานไม้น้ำท่วมระดับครึ่งบ้านโดยที่ส่วนมากแล้วเป็นบ้านชั้นเดียว แต่พวกเขาก็ยังอยู่บ้านกัน โดยขนของมาไว้บนหลังคา เห็นกล่องส้วมสาธารณะ นาน ๆ จะมีสักกล่อง เจอกล่องนึงมีป้ายติด ส้วมเต็มห้ามเข้า!! กลิ่นก็ช่าง...อยากบรรยายค่ะ แต่เกรงจะหยาบคายเกินผู้อ่านรับไหว..
 
ระหว่างเดินบน Samai Bridge over troubled water พี่ตุ้มและพี่เก็จก็จะแวะเวียนพูดคุยกับผู้คนไป ส่วนอ่องก็ถ่ายรูปไป ไม่มีคนพากย์ จริง ๆ แล้ว บางครั้ง บางเรื่องไม่ได้รับรู้ก็ดูจะดีกว่า อาจจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ก็ได้ที่ฉันหูตึง 555555 พอรู้น้อยก็ทุกข์น้อย พี่ตุ้มอารุณี และหลาย ๆ คนเคยพูดในทำนองว่าฉันดูเป็นคนมีความสุขได้เกือบตลอดเวลา จะบอกว่าความสุขนั้น..อยู่ที่การปิดกั้นความทุกข์  หลายครั้งที่คนจะงง ๆ กับฉัน เวลาพูดอะไรแล้วฉันไม่ได้ยิน พอ repeat แล้วฉันยังไมได้ยิน แต่ชอบแสดงออกว่าถึงบางอ้อแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงยังอยู่แถว ๆ บางเง็งอยู่เลย 5555555
 
ที่อ้อไป คือ อ้อ! เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรู้ 555555 จึงช่วยไม่ได้ที่นอกจากฉันจะไม่ได้ไปสถานีบางอ้อแล้ว บางทียังพาคู่สนทนาไปสถานีบางเง็งด้วยกันอีก 5555555 นิสัย...ใชไหมคะ?
 
ดูเหมือนสะพานนี้จะทอดยาวไปถึงอยุธยามั้งเนี่ยะ เดินไปแบบไม่รู้ว่ามันจะพาไปไหน  ในที่สุดพี่ตุ้ม พี่เก็จก็ตัดสินใจพักในร่มเงาไม้เย็นแห่งมะขาม พี่ ๆ ถอดรองเท้าบู๊ตออก ยกเท..น้ำเหงื่อไหลโชกยังกับคันกั้นถูกรื้อ!! พี่เก็จบอกว่าร้อนมาก ส่วนฉันไม่ได้ถอดบู๊ต เพราะไม่มีรองเท้ามาเปลี่ยน แต่มั่นใจว่าไม่มีเหงื่อมากอย่างนี้แน่ ๆ ถอดแต่คราบกรีนแมมบ้า เมื่อทุกคนปลดเครื่องป้องกันออกก็เบาตัวขึ้นเยอะ ช่วงนี้เป็นช่วงพักผ่อน พี่ตุ้มแวะเข้าห้องน้ำในบ้านแถวนั้น ฉันจินตนาการห้องน้ำไม่ออก เพราะมองไปในบ้านน้ำเข้าบ้านในระดับเข่า
 
เพราะตรงนี้มีเงาไม้ที่ใหญ่น่าสบายพอสมควร เลยอาศัยนั่งปิคนิคแบบไม่มีอาหารและเครื่องดื่ม แล้วเรียกปิคนิคได้ไงยะ ก็นั่งคุยกัน ถ่ายรูปสนุก ๆ กันไงคะ รูปช่วงนี้ดูเหมือน 3 คนไปเที่ยวบ้านสวน มีรูปพี่ตุ้มกระโดดตัวลอยด้วย ฉันกับพี่เก็จไม่ได้เล่น เพราะ 1.กลัวสะพานพัง โดนชาวบ้านรุมสะกรัมยิ่งกว่าไปรื้อ big bag แน่ 555555  2.กลัวพลาดหล่นลงไปในน้ำ
 
หมายเหตุ พี่ตุ้มไม่ได้กระโดดที่สะพานนะคะ แต่กระโดดตรงกระสอบทรายหน้าบ้านที่ไปเข้าห้องน้ำค่ะ
 
นอกจากนี้ ก็ยังทำเงาเกาหลีเล่นกัน หลายรูปหรรษาประสาสุโค่ยอ่อง งานนี้ต้องบอกว่าน้องพาพี่เสีย ถ้าไม่มีน้องซนนำ พี่ๆ เขาก็คงเรียบร้อย ไม่มีโพสต์ท่าเฮฮาแบบนั้น ตอนที่เอารูปลง FB งวดแรก ก็ลงรูปที่ชอบไปเยอะ แต่เช้ามาก็เอารูปออกไปหลายรูปด้วยเหตุผลว่าอาจจะสื่อความหมายที่ไม่เหมาะสมอันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ประสบภัยที่อาจจะมาเห็นรูปเหล่านี้ว่าพวกเรามีความสุขบนความทุกข์ของพวกเขา
 
แต่ในความเป็นจริง..มันใช่ซะที่ไหน? ตลอดทริป เราเห็นน้ำท่วมสูง เห็นคราบเก่าที่ฟ้องว่ามันเคยสูงกว่านี้มาก และสีของน้ำที่ทำให้รู้ว่าตรงนั้นน้ำเพิ่งหลากมา กับตรงนี้น้ำได้ขังอยู่นาน ขยะ, กลิ่นต่าง ๆ ที่เราผจญมา ฉันคิดว่าต่อให้มีศัตรูของฉันอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ ฉันก็มีความสุขสะใจไม่ลง
 
แต่ที่เรายังยิ้มได้ เพราะเราได้เห็นชาวบ้านเขายังพยายามที่จะดำเนินชีวิตต่อไปด้วยจิตใจที่อาจจะล้า แต่ก็สู้ อาจจะอ่อนใจแต่ก็เข้มแข็ง พวกเขาไมได้นั่งกอดเข่าทอดสายตาซึมเศร้ามองน้ำสีคล้ำ ไม่ได้นั่งเฉย ๆ รอถุงยังชีพ&อาหารบริจาค แต่ยังคงเปิดขายอาหาร ยังคงซื้ออาหารสด ลุยน้ำระดับเอวนำกลับไปประกอบที่ครัวบนหลังคาบ้าน
 
ฉันเองชั่วชีวิตไม่เคยเจอภาพแบบนี้อย่างใกล้ชิดขนาดนี้ การเห็นในทีวี-หนังสือพิมพ์-อินเตอร์เน็ต บางครั้ง 1 ภาพก็เป็น 1 ล้านคำที่ too drama-so drama-very drama ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็ต้องคารวะจิตใจผู้ประสบภัยในเส้นทางที่เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู(อันนี้อาจจะน้อยหน่อย) ได้ดมกลิ่นด้วยจมูก ได้สัมผัสความร้อนด้วยผิวหนัง..ฉันเองคงทนไม่ได้อย่างพวกเขา คงยิ้มไม่ออก ด้วยว่าภูมิต้านทานความทุกข์ประเภทนี้เกือบเป็น 0%  พี่เจนบอกว่า ถ้าเราเจอแบบนั้นจริง ๆ เราก็จะปรับตัวเราได้เอง แต่จากภาพความเป็นอยู่ที่เห็น ฉันว่า ฉันทำไม่ได้..แค่นั่งรถขนกิ่งไม้ของกทม จนเดินสะพานไม้มาถึงตอนนี้ก็ยังปวดหัวตุ้บ ๆ เล็ก ๆ แล้ว
 
เราจะนั่งกันตรงนี้ forever ไม่ได้ เมื่อขีดพลังงานได้รับการชาร์จเพิ่มขึ้นแล้ว เราก็ลุกขึ้นเดินทางต่อไป ฉันแอบมองไปข้างหน้าเผื่อจะเห็นธงชัยแต่ก็ไร้วี่แวว เป็นเส้นทางที่ยาวไกลจริง ๆ แถมจะไปไหนก็บ่ฮู้ 5555555  ระหว่างทางมีเรือ มีรถใหญ่ผ่านเข้า-ออก ฉันล่ะอยากเกาะไปด้วยจัง แต่จำต้องเดินตามพี่ ๆ เขาไปอย่างละห้อย พี่เก็จนั้น..พอได้ถอดบู๊ต&กางเกงยางออกก็เดินเหินคล่องตัวขึ้น ไม่มีทีท่าเหนื่อยแบบตอนแรก สันนิษฐานว่าคงเพราะร้อนมาก ส่วนฉัน..ช้าเพราะมัวถ่ายรูปพี่เก็จ เดินไปถ่ายไป พี่ตุ้มก็แวะเวียนพูดคุยกับชาวบ้านตลอดทาง-คนนี้มีสาระที่สุด 555555
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา..ยังไม่จบทริป แต่สะพานหมด เป็นสะพานใหม่ สด ๆ ซิง ๆ จริง ๆ มีทหารช่างกำลังต่อสะพานด้วยค่ะ แต่เราคงยืนรอไม่ไหว พี่ตุ้มไปประสานงานแป๊บนึงได้โปรแกรมใหม่ เราจะเป็นผู้ติดตามผอ.เขตสายไหม..ดร.นงพะงา บุญปักษ์
 
อย่านึกว่าจะได้เดินทางหรู ๆ นั่งเรือเก๋ ๆ เท่ ๆ ประมาณเรือหลวง หรืออะไรทำนองนั้นเลยเชียว!! ขอบอกว่าทริปนี้..วิบากกว่าที่คิด 55555 เรือที่พาพวกเราไปติดตามผอ.ตรวจราชการเป็น เรือขนขยะ ค่ะ ถึงแม้จะไม่มีขยะก็เถอะ!! มีช่วงเปลี่ยนเรือ คุณชายวัลลภลืมรองเท้าบู๊ตไว้ในเรีอลำเก่า ต้องพายเรือตามล่าสมบัติสุดขอบฟ้าอีก 555555 โชคดีที่ตามจนเจอ และตอนนี้พวกเราก็ได้เข้าไปสัมผัสกับชุมชนหนึ่ง ชื่อว่าชุมชนหมู่บ้านแอนเน็กซ์ พิกัดถนนพหลโยธิน 58 ค่ะ ที่นี่ระดับน้ำเดิมคงจะมิดหัว ตอนนี้ลดลงแล้ว เหลือเอว-อกแล้วแต่ส่วนสูงของบุคคล แต่ผู้คนก็ยังมีอารมณ์ยิ้มต้อนรับให้ผู้มาเยี่ยมเยียน High spirit จริง ๆ ค่ะ 
 
ช่วงนี้โดนแดดเต็ม ๆ เพราะในเรือไม่มีหลังคา ไม่มีร่มเงาไม้ และแสงอาทิตย์อุทัยก็กำลังปิ้ง-ย่างสมองฉันจนจะ well done อยู่แล้ว แม้ว่าเจ้าสมองจะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหมวก-ผม-กะโหลกก็เถอะ แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกเหมือนมันสมองกำลังเดือดฉ่า ๆ ๆ ระหว่างนั่งอยู่ในเรือ พี่ตุ้ม พี่เก็จก็พูดคุยกับท่านผอ. ส่วนฉันก็นั่งดูสภาพความเสียหายจาก น้องน้ำ ไป 
 
ภัยจากน้ำ แม้ว่าจะ เย็น แต่ก็จะเป็นมหันตภัยที่สร้างความเสียหาย และร้ายแรงกว่าไฟ ด้วยซ้ำ เพราะไฟไหม้ น้ำยังดับไฟได้ แต่น้ำหลากมา จะเอาไฟที่ไหนมาเผาไหม้ให้ระเหยแห้งไป? ไฟไหม้อาจจะวอดวายหมด แต่ก็จบแค่นั้น น้ำท่วมขังแรมเดือนทิ้งไว้ซึ่งบาดแผลเรื้อรังไปอีกยาวนาน เรามักจะประมาทพลังของน้ำ บางทีอาจจะเพราะน้ำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน น้ำทำให้เราดำรงชีวิตอยู่ เลยลืมไปว่า..บางทีน้ำก็สามารถเป็นเรยาได้ ใครไม่รู้จักเรยาบ้าง? (อ่องยกมือ 55555) ไม่รู้จักแล้วเอามาอุปมาอุปไมยเนี่ยนะ 555555 ก็รู้ว่าเป็นตัวละครตัวร้ายที่ฮอตฮิตติดปากคนจากละครเรื่องมงกุฎดอกส้ม แต่ไม่เคยดูละครไทยนานแล้วค่ะ ดูแต่เกาหลี แล้วทำไมต้องเปรียบกับเรยา...ก็อินเทรนด์อ่ะ
 
กลับไปที่เรือใหม่ดีกว่า ตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่อยู่ในเรือ พี่เก็จพากย์ให้ฟัง 2 เรื่อง เรื่องแรก-ตอนนี้รายงานสดจากวิทยุผอ.เลยทีเดียว...มีชาวบ้านไปรื้อ big bag  เรื่องที่ 2-วันก่อน (ไม่รู้วันไหน?) มีชาวบ้านเจอจระเข้แถว ๆ นี้...แถว ๆ นี้???? ฟังปุ๊บก็นั่งเก็บไม้เก็บมือทันที เพราะน้ำดำมาก ถ้าจระเข้ดำน้ำมาก็คงมองไม่เห็น ระดับน้ำช่วงนี้ มีคนเอาไม้พายหยั่งให้ ประมาณ..เลยเอวค่ะ
 
จบทัวร์ในเรือขนขยะ ก็มาขึ้นรถขยะ 5555555 ขอบอกว่าทั้งเหม็นและร้อน หลังรถที่เรายืนกันยังมีถังขยะเรียงรายเพียบถึงจะเป็นถังเปล่าก็ตาม แต่เชื่อเถอะ ไม่ได้ล้าง...มาถึงตลาด พี่เก็จก็บอกว่าเราหาอะไรกินกันไหม เพราะบ่ายกว่าแล้ว แต่ฉันเกรงว่าอาหารและภาชนะจะไม่สะอาด เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้ว่าพ่อค้าแม่ค้าเขาเอาน้ำจากไหนมาปรุงอาหาร และล้างจานชามกระทะ ถ้าเกิดป่วยขึ้นมา เสียง alto จะขาดไปอีก พี่เก็จเลยซื้อแต่น้ำเปล่า ส่วนฉันต้อง pepsi พี่ตุ้มกาแฟเย็น ตอนนี้ต้องงัดแบบฟอร์มออกมาใส่กันอีก เพราะต้องเดินลุยน้ำไปหาที่ขึ้นรถ ต้องขอบคุณป้อมจริง ๆ ที่เลือกยางแบบหนามาให้ ของพี่เก็จขาดตั้งแต่ยังไม่ได้ใส่เลย 555555 แต่ขาดนิดเดียว เอาพลาสเตอร์ปิดแผลปะรูรั่ว  ของฉันไม่มีขาด-รั่ว-ซึม เดินอย่างมั่นใจ แต่เดินยากหน่อยเพราะหนา&หนัก อาจมีล้มลงไปทั้งตัว 55555
 
สุดท้าย พี่ตุ้มก็สามารถเจรจาหารถคันหนึ่งที่จะเข้ากรุงเทพชั้นในได้ เป็นรถปิ๊คอั๊พค่ะ ไม่มีหลังคาตามเคย จึงไม่แปลกเลยที่พอมาถีงร้านท่องกี่ ฉันเกิดอาการปวดหัวอย่างมาก แต่ก็ดีใจที่เห็นพี่ ๆ สบายดี กินอาหารได้เยอะ ผิดกับฉันที่กล้ำกลืนฝีนกินอย่างผะอืดผะอมจนต้องเดินออกไปซื้อยาแก้ปวดหัวกิน ทริป watchflood คราวนี้พี่ตุ้มจัดหนักจริง ๆ !!



 

อย่าถามว่าประเทศชาติให้อะไรคุณ แต่จงถามว่าคุณให้อะไรประเทศชาติได้บ้าง

โลกนี้ยังมีการ “ให้” อีกหลายประเภทนัก
ตั้งชื่อเรื่องไว้ได้สาระมากเลย แต่บอกไว้ก่อนว่า..บ้องไผ่ตันเหลา ๆ ไปอาจจะกลายเป็นไม้จิ้มฟัน 5555555
หลังจากที่ซึมซับข่าวสารน้ำท่วมจนเกือบจะได้ ph.d. ด้านfloodศาสตร์ และเตรียมตัวรับอุทกภัยใหญ่ที่สุดเท่าที่ชีวิตฉันจะเคยเจอแล้ว ก็ยังเหลือเวลาว่างเยอะมาก แถมส่งขาไพ่ (คุณแม่) ไปอยู่ระยอง เลยยิ่งว่างเข้าไปอีก อย่ากระนั้นเลย เมื่อบ้านเราเองไม่มีอะไรทำ ทำไมเราไม่ออกไปทำอะไร ๆ ช่วยผู้อื่นบ้าง?
หลังจาก search หางานอาสา ก็ไปเจอกรอกกระสอบทรายที่กรมโยธาแถวสวนหลวงร.9 ใกล้บ้านดี แต่เดินทางไม่สะดวกเลย ไปบ้านพี่เก็จยังง่ายกว่าหลายเท่า (เอิ่ม ยัยอ่องจะบ้าพี่เก็จไปถึงไหนเนี่ย? – ตอบ...ยังบ้าได้อีกเยอะค่ะ 555555) เข้าเรื่องแล้วค่ะ...ไปนั่งเปิดถุงใส่ทรายค่ะ มีคนไม่มาก แต่ระหว่างนั่งทำก็เห็นคนทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงก็ไม่มีใครถามว่าจะให้ทำอะไรตรงไหน แต่จะมอง ๆ หางานที่ตัวเองทำได้แล้วตรงไปนั่งทำเลย ทำกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ค่อยมีการพูดคุยกันเท่าไร เว้นพวกที่มากันเป็นกลุ่ม แต่ส่วนใหญ่ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำ ฉันเกิดมาไม่เคยทำงานแบบนี้ ทีแรกก็งงเล็กน้อย นั่งมอง ๆ ว่าเขาเปิดถุงยังไง แล้วก็ทำตามไป ทำเพลิน ๆ อยู่ หนุ่มใกล้ ๆ พยักเพยิดชวนไปจิบกาแฟ 555555 เชื่อเหรอคะ? 555555 เจ้าหนุ่มชวนไปจับถุงค่ะ เขาจะตักทราย  ไปก็ไป นั่งนานชักเมื่อย
ทีแรกคิดว่าแค่จับถุงให้เขาใส่ทรายเฉย ๆ แต่ความเป็นจริงมันมีอะไรมากกว่านั้น พอเขาตักทรายใส่พอแล้ว เราก็ต้องขยับถุงเก่า เพื่อเอาถุงใหม่มาเปิดรอ งานหนักอีตรงนี้แหละค่ะ เพราะถุงทรายนั้น...เบ๊าเบา เบากว่าเกาลัด 10 กก.นิดหน่อย ขยับออกมาแล้วยังต้องมัดปากถุง แล้วยกเข้ามุม...โอ๊ววว อยากเป็นลูกสาวแซมซั่น หลานชายเอ๊ย...ป้าน่ะ 50 แล้วนะ ไม่ใช่สาว ๆ 5555555 นึกไงชวนป้ามาจับถุงฟระ...-_-+ ถึงแม้ว่าหลานจะหน้าตาดี แต่ป้าขอตัวไปนั่งเปิดถุงต่อนะจ๊ะ วันหลังเจอกันใหม่จะเลี้ยงไอติมนะ วันนี้เราพอแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บ๋ายบายสุดหล่อ 55555555
ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่านั่งทำงานตรงนี้ แต่เหนื่อยสุด ๆ เพราะอากาศก็ร้อนมากค่ะ วันต่อมาเลยหางานอื่นที่ไม่สาหัสขนาดนี้ ไปเจอปั้น em ball ที่อัมรินทร์พลาซ่า ไม่เลวแฮะ นั่งทำในห้องแอร์ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ร้อนแหละน่า ว่าแต่ไอ้เจ้าอีเอ็มบอลนี่คืออะไร รู้จักแต่อีเมล กับตู้เอทีเอ็มและช็อคโกบอล 555555 หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แต่ไปบางเง็งแทนบางอ้อ ศัพท์แสงวิทยาศาตร์ทั้งน้าน ช้านอยากรู้สั้น ๆ ว่ามันคืออะไร ทำงานยังไงแค่นั้นอ่ะ อ่านไปอ่านมา...อย่ากระนั้นเลยไปตั้งกระทู้ในพันทิพดีกว่า
คนแรก ๆ ออกมาบอก..โห้ย เจ้าลูกเนี่ยะเหรอ...รู้จักไหมน้ำหมักป้าเช้งน่ะ?  เหวอ...55555555 อ่าน ๆ ไปก็มีคนเห็นแย้งมาถก  อ่านมาก ๆ เข้าก็ถึงสัจธรรม เรามักจะเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่ออยู่แล้ว
สรุปว่าไปละกัน ฉันคิดว่าเจ้าบอลนี่มันคงมีคุณประโยชน์ของมันแหละค่ะ แทนที่จะโจมตีว่ามันไม่ดีงั้นงี้...สำหรับคนที่อยากเชื่อว่ามันดี..เขาก็จะไม่ฟัง เรามาปรับดีไหม? ด้วยการหาข้อมูล และรณรงค์ให้ทุกคนใช้อย่างถูกทาง เพราะในวินาทีนี้ หลาย ๆ คนยังคิดไม่ตกว่าจะรับมือน้ำอย่างไร จะอยู่กันอย่างไรช่วงน้ำมา หลังน้ำไป...เราจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง นอกจากคราบสกปรกอันเป็นบ่อเกิดของเชื้อราและแบคทีเรีย
กุ้มใจไม่มีร.เรือ ไปปั้น em ball คลายเครียดดีกว่า 555555 วันเสาร์ก็นัดกับนิด (แต่คนนี้เบี้ยว) และเขียน  มาถึงอัมรินทร์..โอ คนเยอะมากกก แต่ก็สบายใจเพราะได้ลงทะเบียนออนไลน์ไว้แล้ว แต่พอไปประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ดันบอกว่าเต็มแล้วค่ะ เอ้า มาตั้งไกลจะไม่ให้ทำงานเหรอน้อง?
ระหว่างกินแฮมเบเกอร์แก้เซ็งกับเขียน ก็สรุปว่าเดี๋ยวเราลองเซอร์เวย์กันก็ได้เนอะ แล้วก็คุยเรื่อง em กับเขียน เขียนบอกว่าพี่ชายมี มันใช้ได้ผลค่ะ (ไม่งั้นเขียนคงไม่มา) แต่ก็ไม่ได้ฟันธงว่าเชื่อหรือไม่ ฟังไว้ประกอบการพิจารณา 55555 เขียนคล่องตัวทีเดียว สรุปว่าขึ้นไปนั่งทำชั้น 4 ก็นั่งปั้นกัน 2 คน มีคนอื่นมาแจมด้วย เพราะความที่หูไม่ดี เลยไม่ค่อยได้คุย ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันไม่มีลุก ไม่มีหยุด เพลินจนค่ำ เจ้าหน้าที่ผ่านมาเห็น โอ้โห..คู่นี้ปั้นได้เยอะขนาดนี้เลย? 55555ภูมิใจ แต่พอลุกขึ้น...โอ้วววหลังช้านนนน55555555
ลืมเล่าว่าตอนมาถึง เจอพี่นีย์ด้วยค่ะ ดีใจ เพราะพี่นีย์ไม่ได้ไปร้องเพลงนานแล้ว ชักคิดถึง แต่พี่นีย์กำลังจะกลับ นัยว่ามารอบเช้า
ทำเรื่องขออีเอ็มกลับบ้านไปเป็นที่ระลึก 30 ลูก 55555 ก็เอาไว้เผื่อต้องใช้ หิ้วเจ้าลูกบอล 30 ลูกนี่หนักเอาเรื่องเหมือนกัน เลยเมลบอกพี่เก็จว่าพรุ่งนี้ให้หนุ่มปองไปเอาที่อัมรินทร์เองได้ป่ะ 555555 พี่เก็จก็บอกว่าโอเค พรุ่งนี้จะให้ลูกชายไปเอา
คืนนั้นนัดกับนิด เขียน และปุ้ม พี่นีย์บอกว่าอาจจะไปแจมด้วย รุ่งเช้ามา..เข้าเน็ตตามสถานการณ์น้ำ เพื่อหาข้อมูลให้แก้วว่าจะเดินทางเข้ากทมทางไหนดี พี่เก็จส่ง sms มาบอกว่าไปตัดผมที่ตึกมณียาแล้วจะเลยไปหาที่อัมรินทร์ ปิดคอมแล่นไปมณียาโดยพลัน 5555555 ไปถึงพี่เก็จเล่าว่าเดี๋ยวจะไปรับจักรยานที่การไฟฟ้านครหลวง รางวัลจากการส่งรูปเข้าประกวด แล้วก็กลับเลย L รบกวนอ่องเอาอีเอ็มไปให้พี่เย็นนี้ได้ไหม? ได้อยู่แล้วค่ะ แยกจากพี่เก็จก็ไปอัมรินทร์ เพราะเคยมาแล้วเมื่อวาน วันนี้เลยตรงไปจุดเดิม ไปถึงก็หยิบกาละมังใส่ส่วนผสม กับกล่องมานั่งทำ เพราะคนอื่น ๆ ยังมาไม่ถึงค่ะ ไม่รู้ว่ามือล้า หรือส่วนผสมไม่ดี ปั้นไม่ค่อยได้
สักพักพี่นีย์ เขียนและปุ้มก็ทยอยมา ส่วนนิด..เบี้ยวตามนัด 55555 ถึงแม้ว่าพี่นีย์-เขียน-ปุ้มจะไม่ทันกันในโรงเรียน แต่ก็คุยกันได้ออกรสดี ส่วนรสหวาน มัน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ขมแบบไหน...ตอบไม่ได้ค่ะ เหตุผลก็รู้ ๆ กันนะคะ แต่รู้สึกวันนี้มันจะปั้นยากกว่าเมื่อวาน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมือล้า หรือส่วนผสมไม่ได้ที่? แถม ๆ ปั้น ๆ ไปมีเจ้าหน้าที่มาคิวซี ด้วยการโยน em ball ลงบนพื้น เอ้า...มันก็แตกซิคู้ณ พอแตกเขาก็บอกว่าใช้ไม่ได้ เล่นเอาป้า ๆ น้า ๆ อ้าปากหวอ แต่เขาก็อธิบายค่ะว่า เจ้าลูกนี้เขาจะเอาไปโยน ถ้ามันแตกแทนการจมลงไปทั้งลูก มันจะไม่เกิดประสิทธิผล เพราะเราต้องค่อย ๆ ให้มันละลาย ถ้ามันแตก ก็จะละลายเร็ว ที่จะเป็นคุณ ก็จะเป็นโทษ โอเค ๆ ป้าเข้าใจแล้ว แต่ป้าอยากถามนิดนุง...ทำไมหนูไม่ค่อย ๆ หย่อนลงน้ำอ่ะจ๊า????  จะโยนไปทำไมเนี่ยะ 5555555
พอคล้อยหลังเจ้าหน้าที่ไป พวกเราก็จัดแจง q.c. งานประติมากรรมที่ทำมาร่วม 2 ชั่วโมง วันนี้นอกจากได้น้อยแล้ว..ขอบอกว่าแตกเกือบทุกลูก เวงกรำแล้ว มีลูกที่แน่น ๆ จริง ๆ ส่วนมากเป็นฝีมือปุ้ม  ผู้ปั้นช้า แต่ได้คุณภาพ ที่ปั้นช้าเพราะมัวแต่ฝอย แต่งานก็เดินค่ะ แถมเดินดีด้วย ฉันงี้เซ็งสุด ๆ เพราะกำลังมือเริ่มล้า อัดไม่ค่อยไหว อัดเต็มที่แล้วพอโยนก็..ปุ แตกซะแล้ว เฮ้อ ๆ ๆ ๆ วันนี้จะปั้นได้สัก 30 ลูกไหมเนี่ยะ ฉันคิดว่าอย่างน้อยควรจะปั้นให้ได้จำนวนที่จะเบิกในเย็นนี้
พี่นีย์ ปุ้ม เขียนปั้นไปเม้ากันไปสำราญจิต ส่วนฉันเห็นพี่น้องวัฒนาที่ไม่ทันกัน แต่ก็เข้ากันได้เมื่อมารวมกลุ่มกันเช่นนี้ ก็ชื่นใจค่ะ อย่างที่บอก สายใยวัฒนาเป็นอะไรที่งดงามสำหรับฉันเสมอ ทีแรกพี่นีย์ ปุ้มและเขียนก็พยายามให้ฉันอยู่ในวงสนทนาด้วยการหันมาขอความเห็นอยู่เป็นระยะ แต่ฉันมักจะทำคนอื่นใบ้กิน เนื่องจากเขาพยักมา ฉันเอ๋อไปแทนการเพยิด 555555 จึงไม่แปลกเลยที่พอเจ้าหน้าที่เขาขอกำลังไป q.c. ทั้งกลุ่มพร้อมใจกันส่ง (หรือเฉด???) ฉันเข้าประกวด 5555555
เมื่อเข้าไปอยู่ในกอง q.c. ก็กลุ้มจิต เพราะพอต้องคัดตามที่เขาบอกคือบีบแรง ๆ ถ้าไม่แตกก็ใช้ได้ แต่ถ้าแตกก็ไม่ผ่าน หยิบมา 100 ลูก บีบแตก 99 ลูก 5555555 เลยเดินไปดูของกลุ่มเราอีกที เอาขึ้นมาบีบ ๆ พี่นีย์และน้อง ๆ มองอ่องบีบ em ball แตกลูกแล้วลูกเล่า ตั้งท่าจะปาอีเอ็มใส่หัวอีอ่อง เลยต้องอธิบายว่าเขาเช็คกันแบบนี้อ่ะ เห็นหน้าทุกคนเมื่อย แต่ก็ยอมทำใหม่ คืออัดลูกให้แน่นขึ้น แล้วทดสอบเองกันไปโดยไม่ปริปากบ่น
หลังจากลุกจากกลุ่มวัฒนาแล้ว ฉันก็มอง ๆ ไปกลุ่มข้าง ๆ แล้วตัดสินใจโปรโมตตำแหน่งเป็นผู้ตรวจราชการลูก em ball ในบัดดล เดินแวะไปทุกกลุ่มเพื่อดูว่าที่เขาปั้น ๆ กันใช้ได้ไหม? เชื่อไหมคะว่า...ทั้งชั้น 4 มีกันไม่น่าจะต่ำกว่า 50 กลุ่ม มีเพียง 2-3 กลุ่มที่ปั้นใช้ได้  ฉันออกจะงงว่าทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่อธิบาย หรือสาธิตให้นักอาสาสมัครทราบว่าจะต้องปั้นให้แน่น ๆ ??? ฉันเห็นว่าจะเสียแรงปั้นกัน ก็เลยต้องนั่งบอกไปทีละกลุ่ม ๆ จนทุกคนเขาคงนึกว่าสงสัยฉันเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริงเสียงจริง 555555
แต่แม้ว่าจะเซ็ง ๆ กัน แต่เท่าที่เห็น ทุกคนก็เต็มใจที่จะปั้นใหม่ เพราะการที่ทุกคนมานั่งหลังขดหลังแข็งปั้นดินปั้นทรายตรงนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อเงิน เพื่อหน้าตา หรือเพื่ออะไร แต่เป็นการทำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย- -ที่เราก็ไม่รู้ว่า..วันหนึ่งข้างหน้าเราจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือเปล่า?  แต่ที่แน่ ๆ ทุกคนในที่นี้ไม่ได้นิ่งดูดาย
พวกเราอยู่ปั้นกันจนค่ำ วันนี้เป็นวันเกิดของปุ้มด้วย ฉันบอกน้องว่าดีที่ได้มาทำความดีในวันเกิด เพราะสิ่งนี้จะเป็นกุศล เป็นพรอันประเสริฐในชีวิตของเราได้ยิ่งกว่าคำประสาทพรจากใคร ๆ พี่นีย์และปุ้มและเขียนแยกย้ายกันกลับ แต่ฉันยังเหลืออีก 1 ภารกิจคือเบิกลูก em ไปให้พี่เก็จ เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้ยังไม่ได้ต้องลงชื่อแล้วมาเอาพรุ่งนี้ แต่วันรุ่งขึ้นฉันไม่ว่างค่ะ จึงขอร้องเขาว่าขอเบิกไปวันนี้เถอะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ผ่อนผันให้เป็นพิเศษ เห็นแก่กระดูกสันหลังของป้าที่มานั่งที่นี่ 2 วันเต็ม ๆ
ได้ em ball ใส่กล่อง แบกอย่างทุลักทุเลไปริมถนน ปรากฏว่าเรียก taxi ไม่ไปสักคัน เมื่อไรกฎหมายห้ามแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารจะจริงจังซะที ชอบอ้างกันจริงว่าจะไปส่งรถ แล้วมาเทียบท่าทำอิหยัง??? เสียเวลายืนรออยู่ร่วมชั่วโมง เอาวะ...ตัดสินใจแบกกล่องขึ้นบันได bts ไปรถไฟฟ้า กะไปต่อ taxi ที่อโศก
โอ้...น้ำใจคนช่างหายาก อีแก่แบกอีเอ็ม 30 ลูกงก ๆ เงิน ๆ ไต่บันไดรถไฟฟ้าไร้คนเหลียวแล คงจะเป็นเพราะบุญจากความตั้งใจ เลยไม่ตกกะไดลงมาซะก่อน พอไปถึงอโศก ทีแรกว่าจะลงใต้ดินไปห้วยขวาง คิด ๆ ดูต้องลงบันไดเลื่อน อาจจะมีลุ้นให้กลิ้งหลุน ๆ อย่ากระนั้นเลย เดินไปขึ้นแท็กซี่ดีกว่า แต่-แต่-แต่ยังต้องแบกกล่องนี้ตุปัดตุเป๋ไปเกือบถึงหน้าสมาคมถึงจะเรียก taxi ได้  เรียกว่าเป็นการเดินทางไปบ้านพี่เก็จที่ทรหดที่สุดตั้งแต่เคยมีมา 55555
กลับถึงบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วก็ว่างเว้นภารกิจอาสาไปอีกนาน จนกระทั่งวันหนึ่งก็เกิดสนใจงานทำไม้ตรวจสอบไฟรั่ว ที่จัดขึ้นที่พารากอน ในเวลาที่อากาศร้อนจัดช่วงนี้ฉันขอที่เย็น ๆ ไว้ก่อน เลยเดินทางไป แต่ปรากฏว่าคนเยอะมาก แล้วเป็นวัยรุ่นไฟแรง เหนืออื่นใดคืออิป้าไม่เข้าใจขั้นตอนการทำ 55555 หูก็ไม่ได้ยิน หัวก็ไม่แล่น เพราะนี่คือวิทยาศาสตร์ล้วน ๆ สมัยเรียนก็ชอบเล่นในห้องตอนที่ครูเขาให้ทดลองวิทยาศาสตร์ สนใจอยู่ครั้งเดียวคือปิดตาชิมอาหาร 555555
ความที่อากาศร้อนจัด ฉันเลยคิดว่าไปเดินเอาแอร์ในพารากอนหน่อยดีกว่า เย็น ๆ ค่อยกลับบ้าน เพราะห้องที่อยู่อาศัยหันหน้ารับแดดตะวันตกเต็ม ๆ ระหว่างเดิน ๆ ก็เข้าร้านหนังสือดีกว่า เป็นที่ ๆ จะอยู่ได้นาน ๆ โดยไม่เบื่อ ระหว่างนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามา เบอร์ใครก็ไม่รู้เลยขอให้รปภ.ช่วยรับสาย ปรากฏว่าฉันเซ่อซ่าทำกระเป๋าตังค์ตกไปเมื่อไรไม่รู้เรื่องเลย คนที่เก็บได้เขาโทรมาบอกค่ะ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้เบอร์ฉัน? แถมเรียกคุณอ่องด้วย 55555555 เพราะฉันมีสติ๊กเกอร์ชื่อและเบอร์มือถือแปะอยู่บนสารพัดบัตรในกระเป๋าน่ะซิคะ เพิ่งเห็นว่ามันมีประโยชน์จริงก็วันนี้เอง ผู้ที่เก็บกระเป๋าเป็นหนุ่มเนื้ออ่อน ผู้มีน้ำใจไม่ยอมรับค่าตอบแทน นอกจากคำขอบคุณ
โลกนี้ยังมีการให้อีกหลายประเภทนัก.