วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

No place like home

ทุกสรรพสิ่งล้วนผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เฉกเช่นกับช่วงเวลาดี ๆ ในเซี่ยงไฮ้ นับจากนี้ไปคงเป็นเพียงความทรงจำที่ดี ๆ ณ กาลครั้งหนึ่งในชีวิต
Day 8 Heading home

ลองมาทำ likes – unlikes เซี่ยงไฮ้ดูดีกว่า
Likes


1. อากาศ อันนี้คงเป็นโชควาสนาด้วยค่ะที่ไปในช่วงเวลาที่ไม่หนาวมาก ไม่ร้อนไป แล้วก็ฝนไม่ตกอีกต่างหาก-โปรยปรายวันเดียว บุญพาวาสนาส่งจริง ๆ 55555
2. ตัวเมือง เท่าที่เคยได้ไปเห็นมาด้วยสองตาตัวเอง เซี่ยงไฮ้นับเป็นเมืองหนึ่งที่มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย ถนนหนทางกว้าง สะอาด ตลอดจนไร้มลภาวะจากรถยนต์ อยากรู้จังทำไมรถเขาไม่มีควันดำ? ทั้ง ๆ ที่บางคันก็ดูสูงอายุอยู่นา

3. ความปลอดภัย ก่อนหน้าที่จะไปเมืองจีน มีภาพติดลบอยู่ในใจว่าต้องระวังกระเป๋าให้ดี เพราะมีขอทาน – พวกล้วงกระเป๋า ไปใหม่ ๆ เนี่ยะกอดกระเป๋าแน่น 555555 แต่พอเที่ยวได้ 2 วัน เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง รปภ. บ้านเกลื่อนไปทุกหัวถนน เลยเกิดความเชื่อมั่นว่าปลอดภัยแน่นอน
4. สีเขียว ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะช่วงนี้หรือเปล่านะคะ แต่สวนสาธารณะนี่น่าเข้าไปเดินมาก ๆ ค่ะ สวย สะอาด แล้วก็เขียวชอุ่มไปหมด ไม่เพียงแต่ในสวน แต่ถนนก็ปลูกต้นเมเปิ้ล กับแปะก้วยตามรายทาง มองไปแล้วสดชื่นมากมาย
5. แสงสี ฉันเป็นคนหนึ่งที่มักหลงใหลแสงสี กลางคืนชอบดูไฟ เซี่ยงไฮ้มีให้ดูจุใจทีเดียว ไม่เฉพาะตึกที่เปิดไฟสวย ๆ แต่ต้นไม้ยังประดับประดาไฟคริสตมาส (เฉพาะถนนบางสายนะคะ) ตอนกลางคืน เป็นเวลาที่น่าเดินเที่ยวเป็นที่สุดค่ะ

ทีนี้มาถึงเรื่องที่ไม่ชอบบ้าง

Unlikes
1. การสื่อสาร ถ้าคุณไม่รู้ภาษาจีนเนี่ยะ ลำบากจริง ๆ ค่ะที่จะใช้ชีวิตที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย ไอ้ที่ฉันต้องปวดหลังทุกวัน ๆ เนี่ยะ ก็เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง เลยหลงทางไปมา แถมเรียกแท็กซี่ไม่ได้อีก
2. Subway แน่นมากค่ะ วันแรกที่มาถึงเนี่ยะก็ฝันร้ายเลย ที่ไม่ชอบเกี่ยวกับรถใต้ดินนอกจากความแน่นเป็นปลากระป๋องแล้ว เขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเลยค่ะ อย่างที่เราเจอ ตอนขึ้นรถกลางคืน เครื่องซื้อตั๋วอัตโนมัติไม่รับธนบัตร ที่แลกเหรียญก็ไม่มี เคาน์เตอร์ก็ปิด มีเจ้าหน้าที่เฉพาะด่าน x-ray กระเป๋า แล้วคุณจะทำยังไงถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีเหรียญจริง ๆ มิต้องเดินกลับโรงแรมหรือไงอ่ะ?
3. อาหาร พูดจริง ๆ นะคะ ไปเซี่ยงไฮ้มา 7 วัน ยังไม่เคยเจอมื้ออาหารที่ประทับใจจริง ๆ สักมื้อเดียวค่ะ แต่ไม่ยักผอม 555555 ทั้ง ๆ ที่กินน้อยเดินเยอะ อาจจะเพราะอาหารเขามัน ๆ เลี่ยน ๆ มั้งคะ
4. น้ำใจ ดูเหมือนคนจีนจะตัวใครตัวมัน ไม่ค่อยสนใจคนต่างเมืองที่คุยภาษาจีนไม่ได้เท่าไร ไม่เหมือนเมืองไทย คนไทยใช่ว่าจะเก่งภาษานะคะ แต่ถ้ามีต่างชาติมาถามทาง ก็พยายามหาคำตอบให้อย่างดี แต่ที่เซี่ยงไฮ้ เดิน ๆ ไปจะเจอคนใจดีไม่กี่คน แถมไอ้ที่เจอดันบอกทางมั่วให้เดินอ้อมอีก เง้อ~~~
ตบท้ายด้วยข้อดี แต่ไม่เข้าข่าย like คือได้ใช้ขาให้สมกับที่มีขามาไว้เดิน พูดจริง ๆ นะ ตั้งแต่เกิดมา จำได้ว่าไม่เคยใช้ขาในห้วงเวลา 7 วันมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต 55555 เหมือนขู่นะ แต่มันเป็นเรื่องจริงอ่ะ เดินทู้กวัน เดินทั้งวันทั้งคืนอีกต่างหาก เวลาปวดหลังมาก ๆ เนี่ยะจะอยากกลับบ้านมาก 555555
เอาเข้าจริงแล้ว บ้านเราก็เป็นสถานที่ ๆ ดีที่สุดในโลกสำหรับเรา ถึงมันจะสกปรกไปบ้าง ไร้ระเบียบไปหน่อย แต่ก็เป็นที่ ๆ เราได้รับความสะดวก และอยากทำอะไรก็ทำได้ อะไรมันจะสำคัญไปกว่าเสรีภาพหรือ? ไม่มี้ ไม่มี
 ตื่นมาก็เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน ต้องไปถึงสนามบินประมาณบ่าย 3-4 โมง เพื่อขึ้นเครื่อง 5 โมงเย็น เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ให้เป็นการช็อปปิ้งก็แล้วกันค่ะ ไม่งั้นเสียชื่อคนไทย อิอิ ไปไหนต้องช็อปปิ้งมันทุกที่
 
พวกหนึ่งเขาเดินช็อปกันก่อนหน้าแล้ว วันนี้จะไปเก็บที่พลาดไป เขาบอกว่าที่ห้างนี้ของถูกดี ฉันไม่ได้สนใจช็อปปิ้งหรอกค่ะ แต่ก็น่ะ ก็ไปดูหน่อยก็ได้ ขึ้น taxi จากคอนโดไป people’s plaza นึกแล้วก็ยั๊วะอู๋ ไหน ๆ ขึ้น taxi มาแล้วทำไมไม่ลงหน้าห้าง ต้องลงแยกหนึ่งแล้วก็เดิน ๆ ๆ หาห้าง เฮ้อ...เดินเอามันจนวันสุดท้ายเลยนะทริปนี้ เบื่อจริง ๆ
ห้างที่ไปชื่อHan city คล้าย ๆ มาบุญครองแหละค่ะ ฉันไม่ได้ซื้ออะไรนอกจากแว่นตากันแดด กับแว่นสายตา เพราะต่อรองราคาแล้วเขาดันโอเค 5555555 จะไม่เอาก็นะ เดี๋ยวพ่อค้ากังฟูเข้าใส่ แล้วก็เดินไปกินอาหาร เลือกฟาสฟู้ดแล้วนะคะ แต่เป็นฟาสฟู้ดเซี่ยงไฮ้ สั่งไม่เป็น ไม่อร่อยเลยอ่ะ แล้วก็นั่ง taxi กลับไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่คอนโดเพื่อไปแอร์พอร์ตค่ะ หลายคนสงสัย ไหนบอกว่าเรียกแท็กซี่ยากไง ทำไมวันนี้นั่งทั้งวัน 55555 เวลาเรียกรถได้ก็ต่อสายถึงฟิลิปแล้วให้ฟิลิปบอกแท็กซี่ให้ไงคะ เชื่อเถอะว่ามาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม่มีล่ามเนี่ย มันระกำจริง ๆ ยิ่งถ้าเพิ่งมาเป็นครั้งแรกก็.....ไร้คำบรรยายค่ะ ขนาดอู๋เขาเคยมาหนหนึ่งแล้ว และมีฟิลิปคอยช่วย ยังได้เดินออกกำลังกายขนาดนี้
นั่งแท็กซี่ไปสนามบิน ใช้เวลานานกว่า maglev มากเลยค่ะ ของแหงอยู่แล้ว maglev 300++ กม./ชม. อ่านในกูเกิ้ลบอกว่าความเร็วสูงสุด 431 กม/ชม ใช้เวลาเพียง 7-8 นาทีเท่านั้นเอง airport link ของเราไม่รู้จะใช้เวลาแค่ไหน
 ระหว่างที่นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องบินกัน ก็คุยกับพวกที่ไปหังโจวกันเมื่อวาน เขานั่งรถไฟไปกันเอง เสียค่ารถไฟคนละ 108 หยวน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ ห้องน้ำดีมาก ที่เน้นเรื่องห้องน้ำ เพราะเมื่อก่อนเมืองจีนมีชื่อ(และกลิ่น)ขจรขจายมากเรื่องความสกปรกของห้องน้ำ จะเห็นได้ว่าตอนนี้เขาพัฒนาไปเยอะมากจริง ๆ ค่ะ เขาบอกว่าวัดสวยค่ะ มีเจดีย์สูง 10 ชั้น เดินกันหอบแฮ่ก 555555 ฟังถึงตอนนี้แล้วนึกในใจว่าดีที่ไม่ไป สวยยังไงก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากใช้ขาอีกแล้ว
 ในที่สุดเวลาต้องอำลาก็มาถึง ได้นั่งเครื่องการบินไทยที่ชื่อดารารัศมี ที่นั่งกว้างกว่าลำที่นั่งตอนขามาค่ะ แล้วก็โชคดีอีกแล้ว ที่มีที่ว่าง เพราะที่นั่งริมหน้าต่างมี 3 ที่ แต่ว่าง 1 ที่ ได้นั่งหลวม ๆ สบาย ๆ
 
มีข้อสังเกตค่ะ เครื่องบินวิ่งอยู่ในรันเวย์นานมาก ๆ กว่าจะถึงจุดที่จะบินขึ้น ถึงได้เห็นว่าสนามบินนี้ติดมหาสมุทรค่ะ ท่าทางจะใหญ่กว่าสุวรรณภูมินะ (เฉพาะส่วนรันเวย์นะคะ) ขากลับนี่ดีค่ะ เพราะกลับตอนอาทิตย์อัสดง สวยมาก ๆ จนต้องสั่งไวน์มาจิบ 555555 ดัดจริตมากเลยนะ จิบไปดูเมฆ ดูพระอาทิตย์ไป แสนบันเทิงอารมณ์ แม้ว่าแดดจะร้อน ขนาดว่าในเครื่องบินเปิดแอร์ ก็ยังรู้สึกถึงความร้อนแรงของรังสี แต่ฉันก็ปิดหน้าต่างแป๊บเดียว แล้วเปิดใหม่ เพราะอยากถ่ายรูป ถ่ายมันทุกระยะ จับทุกยาตราแห่งสุริยเทพ (555555555) ลองไปชมอัลบั้ม so call heaven ซิคะ แล้วจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเพลินกับการถ่ายรูป เพราะมันสวยปานสรวงสวรรค์จริง ๆ เรียกว่าถ้ากำลังถ่าย ๆ อยู่แล้วมีเทวดานางฟ้าบินผ่านมา ฉันก็คงไม่แปลกใจ (แต่ตกใจแทน 555555)

Good Bye Shanghai. I shall return.


วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ธนาคารกรุงเทพ - แต่หาคนพูดภาษากรุงเทพไม่ได้ซะคน

อ่านเบื่อกันหรือยังคะ พรุ่งนี้ก็จบแล้วค่ะ ไหน ๆ ก็หลวมตัวติดตามอ่านมาถึงวันนี้ ก็ติดตามกันต่อไปอีกนิดนะคะ
Day 7 – 31 May 2010
 ควรจะเล่าไหม เมื่อคืนฉันฝันถึงในหลวงด้วย แต่ห้ามถามนะว่าฝันว่ายังไง ฉันเป็นคนที่จำได้แต่ว่าฝันถึงใคร แต่ไม่ค่อยจำเนื้อเรื่อง เหมือนดูหนัง จำแต่ตัวละคร เรื่องราวเป็นยังไง จำไม่ได้ 555555 แล้วจะเล่าทำไม?- ก็อยากบอกง่ะ เพราะว่ามาเซี่ยงไฮ้เนี่ยหลับสนิททุกคืน เพิ่งมาคืนนี้ที่ฝัน เป็นฝันเดียวในเมืองจีนก็ว่าได้

พรุ่งนี้กลับบ้านแล้ว!!! Home Sweet Home…นึกแล้วก็ 2 จิต 2 อารมณ์ คือดีใจที่จะได้กลับไปหาคนที่รัก และอาหารอร่อย ๆ แต่อาลัยอาวรณ์บ้านเมืองที่สะอาด สวยงามและอากาศเย็นสบาย ไอ๊หยา..นึกถึงอากาศแล้วจิตตก 5555555 นี่ฉันต้องออกจากตู้เย็นไปเข้าเตาอบแล้ว (เหมือนไก่ 5 ดาวเลยเนอะ 55555) แม้ว่าแดดจะร้อนในบางวัน แต่มีไอลมเย็น ๆ พัดผ่านตลอด คงจะเป็นหางลมหนาวที่ยังหลงเหลืออยู่ มาได้ถูกช่วงเวลาสุด ๆ

วันสุดท้ายแล้วจะไปไหนดี? ไม่เอา expo แล้ว เพราะอู๋บอกว่าถ้าไม่ใช้ บัตรจะเก็บไปขายต่อได้ ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปจุดอื่น ๆ ที่น่าสนใจแทน เอาแผนที่มากางดูตั้งแต่เมื่อคืน ตอนแรกก็อยากไปหลายที่อยู่ แต่นึกถึงอาการร่อแร่ของสังขารแล้ว เลยตัดสินใจว่า เอาที่ ๆ ไม่ต้องเดินมากดีกว่า อยากกลับไปเก็บบรรยากาศตลาดหน้าสวน Yuyuan และ ฝั่งตรงข้าม The Bund อีกรอบ แบบว่าชอบค่ะ

ตื่นมาก็เห็นอู๋ยืนมองที่หน้าต่าง เราก็ไปยืนดูว่าน้องดูอะไร อู๋ก็ชี้ให้ดูว่าหลังคาเก๋งจีนที่เห็นลิบ ๆ นั่นแหละคือ Yuyuan เดินลัดเลาะจากคอนโดนี่ตรงไปเรื่อย ๆ ก็ถึง อืม...ดูไม่ไกลเท่าไร เอ้าไหน ๆ ก็ไหน ๆ วันสุดท้ายแล้วนี่ จะเดินไว้ลายส่งท้ายหน่อยก็ได้ กลับไปกรุงเทพ กะว่าจะงดเดินสัก 3 วัน 5555555 (ในความเป็นจริงคือ ต้องพักฟื้นคืนกำลังเป็นอาทิตย์เลยค่ะ)

แต่วันนี้ฉันจะ solo เที่ยวเดี่ยวละค่ะ หลงเป็นหลงซิ คนเราเกิดมาตายหนเดียว จะกลัวไรนักหนา? ว่าแล้วก็ยื่นกระดาษให้ฟิลิปเขียนเป็นภาษาจีนว่า “ช่วยโทรหาฟิลิปที่เบอร์XXXXXX แล้วบอกทีให้มารับฉันด้วย” 555555 นึกว่าเก่ง---ใช่ป่ะ แหม...ของมันต้องมีตัวช่วยกันเหนียวอ่ะ มีภารกิจต้องกลับมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่จะตามมาในเดือนสองเดือนข้างหน้า ยังไงก็ต้องกลับไปอย่างปลอดภัยให้ได้ 555555

เมื่อมีตัวช่วย และนัดแนะกับฟิลิปว่าจะไปเจอกันที่หอเรือสูง ๆ ประมาณ 6-7 โมงเย็น แต่ฟิลิปบอกว่าเขาจะไปก่อน 6 โมงเล็กน้อย คงเป็นห่วงพี่สาวเพื่อน (เอาจริง ๆ แล้วปล่อยให้เรารอแง่กอ่ะ)

เมื่อพร้อมแล้วก็พกแผนที่พร้อมออกเดินทางเต็มที่ อะไรที่มองจากที่สูงแล้วมักจะหลอกตา ระยะทางที่ดูเหมือนสั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่สั้นเลยค่ะ แต่ก็สบาย ๆ เพราะไม่ได้เร่งรีบอะไร เดินไปดูนั่นดูนี่ไป เข้าไปในชุมชนนางสั่งเสีย (Nanzhangjia alley) ค่ะ เป็นลักษณะบ้านเก่า ๆ โทรม ๆ ท่ามกลางความอู้ฟู่ หรูหราของมหานครเซี่ยงไฮ้ เลยถ่ายรูปไว้เยอะหน่อย ตามไปชมได้ในอัลบั้ม facebook ค่ะ เปิดอัลบั้มพิเศษให้ 1 อัลบั้มเลย แพราะ 1 รูปดีกว่าพันคำบรรยาย กรณีที่ใครไม่มี facebook ก็ไปเดินที่เยาวราชก็ได้ค่ะ 55555 ไม่ใช่ริมถนนใหญ่นะคะ เดินเข้าตรอกเงียบ ๆ เก่า ๆ หน่อย มันจะคล้าย ๆ กัน (รับรองว่าอู๋มาอ่านต้องค้านแน่ ...เหมือนเยาวราชตรงไหนอ่ะ 55555) แต่คนไม่แออัด ไม่มีรถเยอะ ๆ เท่านั้นเอง คนจีนที่นี่เหมือนเขาใช้ชีวิตสบาย ๆ สงบ ๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับอะไรเลยค่ะ เดิน ๆ ไปจะเห็นเขาจับกลุ่มกันเล่นหมากรุกจีนมั่ง ไพ่นกกระจอกมั่ง แล้วกลางถนน-บนหัวเราก็มีราวตากผ้า เพราะบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีบริเวณบ้านค่ะ เลยต้องตากผ้ากันแบบนี้ อู๋แวะอุดหนุนหมั่นโถว 2 ลูก ที่จริงเขานึกว่าเป็นซาลาเปา แต่มันเป็นหมั่นโถว ต้องกินกับกับน่ะค่ะ เหมือนเราซื้อข้าวเปล่ากลับไปกินกับกับข้าวที่บ้าน แต่ตลาดนี้ไม่มีหมูปิ้งขาย เลยต้องเดินกินหมั่นโถวเปล่า ๆ 555555 กินไปบ่นไป

ที่จริงว่าจะไปย่านขายของเก่าด้วย อู๋บอกว่าอยู่ตรงนั้น ๆ (แต่เดินจริง ๆ แล้วไม่รู้ว่าตรงไหน?) เดินไปเดินมา ก็มาถึงตลาดหน้าสวนหยู่หยวนเสียแล้ว ก็เลยบอกงั้นฉันจะเที่ยวที่นี่ ก็เดินดูของสวย ๆ ซื้อของชิ้นสองชิ้นแล้วก็มุ่งหน้าจะไปนั่งรถลอดอุโมงค์ เห็นในโบรชัวร์ว่ามีปลาให้ดู คิดว่าคงเหมือน Ocean world ที่พารากอน ฉันเป็นคนชื่นชอบชีวิตสัตว์โลกใต้น้ำเป็นที่สุด อาจจะเพราะเกิดราศีปู 555555 เกี่ยวไหมนั่น ก็----

กลับเข้าเรื่องดีกว่า แวะถามที่ tourist information กว่าจะได้ความก็เหงื่อไหลไป 15 หยดได้ สรุปว่าเขาแนะนำให้ขึ้นรถเมล์ค่ะ เขาบอกว่า 2 ป้ายก็ถึง ค่ารถ 2 หยวน เราก็..โอเค อยากขึ้นรถเมล์มั่งเหมือนกัน ก็เดินไปตามทางที่เขาบอก แต่ว่า...เอ้อ...ป้ายอยู่ไหนล่ะนี่? 55555 กรำ รู้งี้ขึ้นตุ๊ก ๆ หน้าตลาดก็ดี แต่ก็น่ะ จะคุยกันรู้เรื่องเหรอ เอ้า มองหาคนหน้าตานักศึกษาหน่อยดีกว่า กว่าจะเจอคนที่ยอมคุยด้วยนี่ หน้าแดงเพราะตากแดดหลายสิบนาที 5555 หนุ่มน้อยผู้หวังดี (แต่เจตนาร้าย) บอกว่าทำไมต้องขึ้นรถเมล์? เดินตรง ๆ ไปเนี่ยะก็ถึงแล้วเจ๊ ไม่ไกลดอก.... ฉันไม่บังควรเชื่อเล้ย ให้ตายซิ ไอ้เดินตรง ๆ ไปก็ถึงนี่ถูกค่ะ แต่มันไกลมากกกกก เดินแล้วเดินเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยง่ะ เดินลากสังขารไปเรื่อย ๆ จนถึงแบ้งค์กรุงเทพ โอ้ว....นี่มันแบ้งค์เหรอเนี่ยะ ตอนแรกคิดว่าเป็นสถานทูตเสียอีก เห็นธงชาติไทยลิบ ๆ ตั้งแต่วันที่มาเที่ยว The bund วันแรกแล้ว ลืมคิดว่าไปเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่ปักกิ่ง จะมีสถานทูตได้ไง

ชื่อแบ้งค์กรุงเทพ ก็น่าจะมีพนักงานพูดภาษากรุงเทพได้ซิน่า จะได้ถามว่าที่เดินมาเนี่ย มันถูกทางหรือเปล่า? หลังจะหลุดแล้ว ฮือ ๆ ปรากฏว่าผิดหวังอย่างแรง เดินสะโหลโผเผเข้าไป เจอพนักงาน 2-3 คน รปภ. 1 นาย นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีก แถมสิ่งมีชีวิตที่เจอ ไม่มีใครพูดภาษากรุงเทพเลยซะคน แง๊ ๆ แต่ก็ยังดีนะคะ ภาษาอังกฤษพอได้ แต่คนที่ถามคนแรก ไม่รู้จักที่เราจะไปดู 555555 เฮ้อ ~~~ อุปสรรคช่างมากมี เมื่อได้คำตอบแล้วว่าเดินไปอีกหน่อย(ที่ไม่หน่อยเท่าไร) ก็ถึง ฉันก็เลยบอกเจ้าหน้าที่ว่าโซฟาน่านั่งจัง ขอพักเอนหลังสักปูเหลียวนึงน่อ ...เจ้าหน้าที่คงเห็นว่าอาซิ้มจากไทยแลนด์คนนี้ท่าทางจะเหนื่อยจริง ๆ ก็เลยอนุญาตให้นั่งพักได้

ไม่ได้นั่งนานหรอกค่ะ เพราะรปภ.ส่งสายตามาบ่อย ๆ 5555 ท่าทางจะไม่ชินกับการมีแขกมาขอนั่งพักในแบ้งค์ จึงรวบรวมกำลังลุกขึ้นเดินต่อไป (ฟังดูแล้วเป็นการเดินทางที่สาหัสเนอะ55555 แต่จริง ๆ มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เล่าให้เว่อร์ ๆ เข้าไว้เพื่อความบันเทิงของผู้อ่าน อิอิ)

ในที่สุดก็มาถึงจนได้ Bund Sightseeings Tunnel รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย หลังจากซื้อตั๋วไปในราคาค่อนข้างแพง 55 หยวนไป-กลับ แล้วก็เดินลงไป....


อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ~~~ 555555 ถึงอีกฝั่งแล้ว ถึงแบบงง ๆ แล้วไหนล่ะปลา? ไม่เห็นมีอะไรให้ดูเลย นอกจากไฟวิบวับ เหมือนนั่งรถไฟเข้าถ้ำที่สวนสนุกโยโย่แลนด์ซีคอนเลย แง๊...เสียดายตังค์ 55 หยวนอ่ะ 55555 งานนี้โดนหลอก เซ็ง ๆ ๆ เอ้าไหน ๆ ก็ข้ามมาแล้ว ไปเดิน ๆ ดูสักหน่อยว่ามีอะไรให้ดูมั่ง ฝั่งนี้ไม่สวยเหมือนฝั่ง The Bund ค่ะ แม้ว่าจะโผล่มาแล้วเจอหอไข่มุกอยู่ติด ๆ กับลูกตาก็ตามที ก็สู้อยู่ฝั่งโน้นไม่ได้ ขึ้นมาแดดเปรี้ยงเชียว ถ่ายภาพไม่สวย เลยนั่งรอกะให้แดดร่มลมตก จะถ่ายรูปต่อ ถามว่าทำไมไม่เดินไปเที่ยวที่อื่นต่อ มันหมดแรงแล้วอ่ะ ระหว่างนั่งรอ ก็ถ่ายรูปตัวเองไปพลาง ๆ 55555 นึกได้ว่ากล้องมีปุ่มตั้งเวลานิ เพลินดีค่ะ ตอนแรก ๆ วิ่งไปไม่ทันมั่งล่ะ กะจังหวะผิด อวัยวะมาไม่ครับมั่งล่ะ ลบทิ้งหมดค่ะ เพราะไม่ไหวจะเคลียร์ บางรูปมาแค่ขา 1 ท่อน บางรูปก็เป็นผีหัวขาด บางรูปมาครึ่งซีก กว่าจะกะได้ถูก ก็มีรูปไหว เพราะวิ่งเข้าไปช้าไปหน่อย นั่งขำอยู่คนเดียว เหมือนเบิร์ดในหนังเรื่องหลังคาแดง 55555

ถ่ายรูปเสร็จก็ชักเบื่อแล้ว จะกลับไป The Bund ละ เอ้า...จำทางลงไปอุโมงค์ไม่ได้ 55555 กรำจริง ๆ เดินหาให้ควั่กซิ ขนาดว่ามันไม่ไกลนะคะ แต่ความที่ไม่ได้สนใจจำทางไง ไม่รู้นึกยังไง 5555555 เฮ้อ...หาเรื่องเดินมากขึ้นได้เก่งจริง ๆ เลยตรู

กว่าจะถึงที่นัดหมายก็แทบเดี้ยง นั่งรออยู่นานเลยค่ะ ไม่มีเก้าอี้แบบมีพนักเลยนะ อยากเอนหลังอ่ะ...ทำไมฟิลิปยังไม่มาซะที ท้องร้องแล้ว นึกได้ว่าตั้งแต่ออกจากคอนโดมายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากไอติมโคน 1 อัน เอาไงดี? แถวนี้ไม่เห็นมีร้านอาหาร แต่มีร้านสะดวกซื้ออยู่ ลองเดินไปดู เห็น “ด๊อกบกกี” ใครที่ดูซีรี่ส์เกาหลีบ่อย ๆ ต้องรู้จักแน่ ๆ ที่เป็นลูกชิ้นบ้าง เต้าหู้บ้างเสียบไม้ แล้วแช่ไว้ในหม้อพะโล้ร้อน ๆ (เดานะคะว่าเป็นพะโล้ สีมันคล้าย ๆ) แต่คิดไปคิดมางัดหมากฝรั่งมาเคี้ยวดีกว่า แล้วเดินไปที่ Tourist information ให้เขาช่วยโทรหาฟิลิป เขาบริการให้ฟรีด้วยค่ะ คราวนี้เจอพนักงานพอพูดรู้เรื่อง ฟิลิปบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะไปถึง
พอมืดลง อากาศก็เย็น เป็นแบบนี้ทุกคืนเลยค่ะ เวลาอยู่คอนโดเนี่ยะ เปิดหน้าต่างนอน แสนจะสดชื่นอย่าบอกใคร นึกถึงเรื่องอากาศแล้ว พรุ่งนี้ก็กลับไปเจอไออุ่น ๆ อยากพกเอาความเย็นสดชื่นจากที่นี่กลับไปด้วยจัง
กลับถึงคอนโดก็แช่น้ำร้อนก่อนเลย เรื่องแปลกแต่จริงค่ะ อาการปวดหลังเนี่ย แค่แช่น้ำร้อน ๆ นาน ๆ ก็บรรเทาลงเยอะเลยนะคะ เพราะวันนี้กลับไว (ปกติกลับที่พักเที่ยงคืน) เลยมีเวลานั่งคุยกัน แล้วก็ดูทีวี ฟิลิปเขาดูหนังไทยค่ะ เรื่อง ลองของ 555555 ไอ้เราอยู่เมืองไทยยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้เลย สยดสยองพอประมาณ ดูนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้จะดูแต่เกาหลี หนังอื่น ๆ ไม่ได้ดูเลย แต่ขนาดดูหนังเกาหลีมาเกือบ 100 เรื่องยังแทบไม่รู้จักชื่อดาราเลย ดูเพลิน ๆ ไป ไม่ได้ติดตัวแสดง แต่ชอบเรน กับซองเฮเคียว เพราะเป็นเรื่องแรกที่ดู

พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านแล้ว ฟิลิปถามส่งท้ายหาบทสรุป (เหมือนป๊ากเลยนะ 5555)

ถ. ชอบเซี่ยงไฮ้ไหม?
ต. ชอบมาก
ถ. ชอบอะไร
ต. ชอบที่สุดคืออากาศนี่แหละ
ถ. ชอบอากาศเย็น ๆ เหรอ?
ต. อืม
ถ. งั้นมาอีกทีเดือนพ.ย. ซิ หนาวมากที่นี่ บางปีมีหิมะด้วย
ต. หนาว ๆ ไม่เอา ชอบแบบนี้
ถ. ถ้าชอบอากาศสดชื่น ๆ แนะนำให้ไปจิ่วไจ้โกนะ ที่นั่นอากาศบริสุทธิ์สุดบรรยาย
 อยากบอกว่า อากาศของเซี่ยงไฮ้นี่ก็ดีพอแล้วค่ะ คุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วไปนั่งในห้องนอน ดูแสงสีส่งท้าย จากนี้ไปอีกกี่ปีหนอจะได้หวลกลับมาเยือน?
 หลับผล็อยไปก่อนหอไข่มุกดับไฟ Good night Shanghai

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Xintiandi ..no facebook in China!

ก่อนจะหมดทริป ขอคุยกันนิดนะคะ ก่อนเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ ก็มุ่งมั่นว่าจะเที่ยวเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ EXPO ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะนำข้อมูลมาเล่าสูกันฟังให้เป็นประโชน์สูงสุดแก่เพื่อน พี่ และน้อง ที่กำลังมีแผนจะไปเที่ยว แต่ด้วยข้อเท็จจริงว่าสังขารหนอ-เสื่อมซะแล้วหนอ แม้ใจจะให้ แต่หลังไม่ร่วมมือ ก็เลยอย่างที่เห็นแหละค่ะ วันต่อ ๆ มาเริ่มเก็บสถานที่ได้น้อยลง การท่องเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ จริงอยู่ค่ะ เที่ยวกันเองสนุกกว่า และที่สำคัญประหยัดกว่า แต่การมีไกด์บางครั้งก็สะดวก และรู้เรื่องกว่า 55555 อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเตรียมตัวดีพอ ด้วยการหาข้อมูลให้จัด ๆ (แนะนำว่าไปหาในห้อง blue planet ของเวบพันทิพ) เราก็สามารถไปเที่ยวกันเองได้อย่างสนุกสนานทีเดียวค่ะ แต่เรื่องคิวใน expo คงต้องให้ทัวร์จองให้ เห็นเขาบอกว่าถ้ามาเป็นกรุ๊ปเนี่ยะ อาจจะไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวหลายพาวิลเลี่ยนเลย คิดแล้วก็อยากตามนักร้องไปอีกรอบ 55555555

Day 6 – 30 May 2010


นึกว่าเมื่อวานนี้จะได้พักผ่อนเต็มที่ วันนี้จะได้ลุย expo เพราะยังเหลืออีก 1วัน แต่ฟิลิปดันพาชมถนนหลายสาย ความที่เหนื่อย จำชื่อถนนไม่ได้ มีถนนนานจริง (Nanjing) ด้วยค่ะ เขาเรียกว่าถนนคนเดิน ถามว่าสวยไหม-สวยค่ะ น่าเดินไหม? -ก็น่าค่ะ แล้วมีอะไรมั่ง-เอิ่ม...มีร้านค้า กับคน 55555555 (แล้วจะบอกทำไม?)


กลับสู่ปัจจุบันดีกว่า เช้านี้ตื่นสายมากค่ะ จะสังเกตได้ ยิ่งวันยิ่งสาย 5555 เหนื่อยจนไม่ได้ลงไปกินข้าว ห้า....นพพรเนี่ยะนะไม่กินข้าว? 555555 ก็น่ะ...คิดดูเอาละกันค่ะว่ามันเหนื่อยสาหัสขนาดไหน แต่ไม่เชิงไม่กินข้าวหรอกนะคะ เพราะว่ามีแตงกวาที่ยังไม่ได้กินเลย..เอ๊ะ..ไม่ใช่แระ แตงกวาอู๋กินไปเมื่อคืน สรุปว่ายังมีเกาลัดที่กินเหลือจากเมื่อวาน ก็ได้เป็นอาหารเช้าพร้อมกาแฟ อีกอย่างไม่หิวอะไรนักหนาหรอกค่ะ เมื่อคืนกินมาก เรียกว่าเป็น dinner แรกและ dinner เดียวที่ฉันกินเยอะค่ะ


หลังจากอิ่มแล้ว ไม่อิ่มก็ช่วยไม่ได้ เกาลัดหมด 555555 แหมซื้อมาถุงเดียว แถมกินกัน 2 คนตลอดวัน นี่ถ้ามันไม่ยุ่งยากตรงเปลือก หมดไปนานแล้ว


วันนี้เป็นวัน checkout ก็เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า แล้วลงมาเคลียร์บัญชี ก่อนจะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม ออกไปเที่ยว เพราะฟิลิปนัดไว้ว่าจะมาบ่าย 3 ค่ะ ก็ไม่มีเวลาไป expo (เย้...) อะไรจะกลัว expo ขนาดนั้น? 5555555 ระหว่างทำเรื่องเช็คเอ้าท์ เจอคนไทยที่ล็อบบี้ด้วยค่ะ คุณประสงค์ กับเพื่อน เขาเป็นคนทำพาวิลเลี่ยนไทย! ไม่แน่ใจว่าเป็นคนออกแบบ หรือทำงานตามแบบที่ออก หรือทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ ๆ เขาเกี่ยวข้องกับพาวิลเลี่ยนไทยแน่นอน 555555 ทำใจนะคะ เพราะฉันหูตึง เวลาซึมซับข้อมูลเลยมีปัญหานิดหน่อย (นิดหน่อย????) อย่างไรก็ตามคุณประสงค์บอกว่าถ้าจะไปดูพาวิลเลี่ยนไทยน่ะ ไม่ต้องเข้าคิวค่ะ แค่เดินไปที่ทางเข้าที่มียักษ์ 2 ตัวแล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนไทย ก็ได้เข้าแล้วค่ะ


เพราะว่าจะต้องกลับมาโรงแรมก่อนบ่าย 3 เลยต้องเที่ยวใกล้ ๆ ก็นั่งรถไฟไป People’s Square ค่ะ ไปเดินแถว Shanghai museum มีน้องเป็นปัญญาชน ชอบเที่ยวพิพิธภัณฑ์หาความรู้เพิ่มรอยหยักในสมอง แต่ฉันออกแนวชอบไร้สาระ ถมรอยหยักให้ตื้น 5555555 ก็เลยบอกว่าขอนั่งเล่นข้างนอกรอละกัน จริง ๆ แล้วเก็บแรงน่ะค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเดี๋ยวบ่าย ๆ เย็น ๆ จะต้องเจออะไรอีก


People’s Square จตุรัสประชาชน เป็นย่านของประชาชนค่ะ มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม 55555 อืม ๆ นะ ไม่ต้องอธิบายก็ได้ ถ้าจะกระจ่างแบบนี้น่ะ 5555555 ไปถามอากู๋มาได้ความว่าเป็นย่านราชการค่ะ น่าจะคล้ายสนามหลวง ที่มีสถานที่ราชการหลายแห่ง Shanghai Grand Theathre, Shanghai Urban Planning Exhibition Center, etc. ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมไปที่นี่ค่ะ http://en.wikipedia.org/wiki/People's_Square_(Shanghai) เพราะที่เขาว่า ๆ ไว้เนี่ย ฉันเห็นแต่ตัวตึก ไม่ได้เข้าไปสักแห่ง 555555 กว้างมากนะคะ จริง ๆ มอง ๆ ไปก็ละม้ายแยกอนุสาวรีย์สมรภูมิ แต่มีสวนสาธารณะแทนที่อนุสาวรีย์ แล้วพื้นที่ใหญ่กว่า (มาก ๆ) นอกจากนี้ก็ยังมีพลาซ่าต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ ถามว่าน่าเดินไหม? เอิ่ม - - my legs say NO. 5555555 อาจจะเพราะดูเหมือน ๆ สถานที่ช็อปปิ้งทั่วไปมั้งคะ ฉันไม่ได้ซื้อของ เลยขอเลือกสถานที่ ๆ ดูสวยงาม แปลกตาไปจากเมืองไทยไว้ก่อน แล้วถ้าจะให้เดินจริง ๆ แล้ว ถนนนานจริง กับถนน brandname น่าเดินกว่านะฉันว่า

เมื่ออู๋ออกมาจาก Shanghai Museum แล้ว (ใช้เวลาน้อยกว่าที่ฉันคิด) เขาก็เอารูปมาอวดรูปหนึ่ง เป็นฟอสซิลของ Kitty !! 555555 ใช่แล้วเจ้าแมวคิตตี้การ์ตูนน่ารัก ๆ ของญี่ปุ่นนี่แหละ มิวเซียมที่นี่เขามีอารมณ์ขันแปลก ๆ -*- ตอนนี้ท้องเริ่มร้อง เมื่อเช้ามีแค่เกาลัด สองคนพี่น้องเลยเดินหาร้านอาหาร สงสัยเดินมาผิดทาง แทบไม่เจอร้านอาหารเลย 5555555 แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ฉันเห็นป้าย Ming Dynasty Restaurant ดูจากความอลังการของการตั้งชื่อแล้ว ท่าทางจะหรู แล้วก็แพงเอาการ แต่ตอนนี้หิว ให้เป็นอาหารฮ่องเต้ก็จะเข้าล่ะ 5555555 เดินดุ่ม ๆ นำหน้าน้องไปผิดวิสัยปกติที่จะเดินงุ่มง่ามเอื่อย ๆ


เก่งมากเลยค่ะนพพร เดินตามป้าย Ming แต่ไปเข้าร้าน Godly 555555แถมยังไม่รู้ตัวแอบเม้าภัตตาคารเขาในใจอีก ร้านแค่นี้ ทำไมทำป้ายซะใหญ่เว่อร์? แถมร้านที่เข้าผิดเนี่ยะ...พอนั่งโต๊ะแล้วถึงได้รู้ว่ามันเป็นร้านเจ 55555 มิน่ามีพระสังคจายให้ไหว้ด้วย ครบสูตร ถือศีลกินเจ เลยแหละ ถึงจะเข้าร้านผิด แต่ก็ด้วยความที่หิว แล้วเห็นคนเยอะ จริง ๆ ต้องรอคิวด้วยน่ะค่ะ คนเต็มร้านเลย ก็เลยมั่นใจว่าอาหารมันต้องอร่อยซิน่า พออีก 1 ชั่วโมงต่อมาต้องวงเล็บไว้ด้วยว่า...(ถ้าสั่งเป็น) 555555 เขามีรูปนะคะ แต่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร 55555 สั่งมา 3 จานน่ะ ตอนแรกดูรูปแล้วนึกว่าติ่มซำ ลืมไปว่ามันเป็นร้านเจ ก็อร่อยดีค่ะ ผักเขียว ๆ อัดเป็นแท่งขึ้นมา กับเต้าหูพะโล้ แต่จานใหญ่ที่อู๋สั่งมาเป็น main dish นี่ซิ อี๋แหยะ 5555555 เป็นถั่วเหลืองเหนียว ๆ หนืด ๆ แบบขนมเต้าส่วนน่ะค่ะ แต่ไม่ราดกะทิ แล้วรสชาติก็เย็นชาสิ้นดี แอบแพงอีกนะจานนี้น่ะ สรุปว่ามื้อกลางวันกินข้าวให้หนักท้องเข้าไว้ กับหมดไป 2จานเว้นจาน main dish เนี่ยะ รับประทานไม่ลงจริง ๆ ค่ะ


กินเสร็จแล้ว อู๋ก็บอกจะไปไหนก็ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกปวดหลัง เลยบอกว่างั้นฉันกลับโรงแรมก่อน ก็แยกกัน ปรากฏว่าคนที่บอกว่าจะไปไหน ๆ ถึงโรงแรมก่อนคนที่บอกจะ direct กลับโรงแรมเลยซะอีก 55555 เรื่องของเรื่องคือฉันเดินหลง เอาแค่ subway ของ People’s Square ก็งงแล้วค่ะ เพราะมันเป็น junction มีหลายสาย กว่าจะเดินหาสายสีเขียวเจอ ก็เสียเวลาไปเยอะ แถมมองไม่เห็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษ ลงเลยป้ายไป ต้องนั่งย้อนกลับมาอีก เหอ ๆ


พอมาถึงโรงแรมไม่นาน ฟิลิปก็มารับไปคอนโดเขาค่ะ นั่งรถแท็กซี่ลอดอุโมงค์ไป แอบคิดสงสัยว่าอุโมงค์เนี่ยะมันอยู่ลึกแค่ไหน มันต้องลึกพอสมควรแหละค่ะ เพราะมีเรือผ่านไปมา เรือแต่ละลำก็มหึมา ย่อมมีท้องเรือที่ลึกพอสมควร แล้วก็ระแวงเล็กน้อย ถ้าอุโมงค์แตก จะว่ายขึ้นผิวน้ำไหวไหม? 55555555 เหมือนเข้าป่าถามหาเสือเลยไหมคะ จริง ๆ แล้วมันเป็นนิสัยของนักเขียนที่ต้องคิดต้องมองทุกอย่างในแง่มุมที่ชาวบ้านเขาไม่มองกันน่ะค่ะ


พอเอากระเป๋าเสื้อผ้าเก็บเรีบบร้อยแล้ว ก็นั่งวางแผนต่อ จะไปไหนดี เพราะมะรืนนี้ก็จะกลับแล้ว ฉันกวาดตาอย่างเร็วดูในโบรชัวร์ที่หยิบ ๆ จากแหล่งต่าง ๆ สนใจจะไปย่านเมืองโบราณ แต่ฟิลิปบอกว่ามันไม่ได้อยู่ในเซี่ยงไฮ้ อู๋บอกถ้าอยากไปซูโจวให้ตามพวกหนึ่งไปพรุ่งนี้ มีทะเลสาบที่สวยและใหญ่มาก ใหญ่กว่าสวนลุม 3-4 เท่า อืม ไอ้สวยน่ะน่าสน แต่ใหญ่เนี่ยะ...ม่ายล่ะ เพิ่งแบกกระเป๋ามาจากโรงแรม สงสารหลังเต็มที เอาในเซี่ยงไฮ้พอละกัน งวดหน้าถ้าบุญพาวาสนาส่งก็จะไปเที่ยวที่อื่น ๆ ต่อไป ในเมื่อเมืองโบราณแบบจีนไกลไป งั้นไปแบบฝรั่งเศสก็แล้วกัน ฟิลิปบอกว่าจะพาไปคืนนี้ ตอนนี้เดี๋ยวจะพาไปนวด นวด???? จริง ๆ ก็น่าจะดี แต่นึกถึงที่เคยไปนวด ๆ มาในเมืองไทย ต้องร้องให้เขาเพลา ๆ แรงลงไม่ต้องจับส้งจับเส้นฉันหรอก แล้วตอนนี้จะมานวดในเซี่ยงไฮ้ที่คนจีนนวดเนี่ยะนะ เกิดเขานวดแรงจะบอกเขายังไง? แล้วเกิดนวดแล้วเดี้ยงกว่าเดิมล่ะ อีก 2 วันก็กลับบ้านแล้ว ทน ๆ เอาดีกว่า ไว้ไปนวดที่บ้าน


เลยบอกว่าฉันจะไปดูเมืองฝรั่งเศสหรือที่เรียกว่า French Concession ฟิลิปร้องอ๋อ...จะไป สิ้นเทียนดี เหรอ? ฉันคิดในใจ ไม่มีเทียนดี ๆ ใช้แล้วไง ใครจะไปสนใจ เพราะเรามีไฟฟ้าย่ะ


ฟิลิปบอกว่าคนเขาไป Xintiandi กันตอนกลางคืน เพิ่งรู้จากเน็ตตอนกลับมาแล้ว ฟิลิปยังเข้าใจเรื่อง French Concession ผิด จริง ๆ แล้ว Xintiandi เป็นส่วนหนึ่งของ French Concession แต่ก็นะ ถึงเขาจะอยู่เซี่ยงไฮ้มาหลายปี แต่ส่วนใหญ่คงทำแต่งาน อู๋บอกว่านัดกับพวกหนึ่งไว้ว่าจะมากินข้าวกันที่นี่อยู่แล้ว ทำไมตอนนี้ไม่ไปนวดด้วยกันก่อน ฉันเลยบอกว่าไปส่งฉันที่สิ้นเทียนดีดีกว่า ฉันจะไปเดินดูตอนสว่าง ๆ เรื่องของเรื่องคืนกล้องฉันมันถ่ายภาพกลางคืนไม่แจ่ม  ขอโทษ ภาพ xintiandi ที่ถ่ายมาหายไปไหนแล้วไม่รู้ 55555 ไปดูในเน็ตแล้วกันนะคะ เพียบเลย  แค่พิมพ์ว่า xintiandi แล้ว search images ค่ะ


แต่กว่าจะไปถึงก็เย็นแล้ว เก็บภาพไม่ค่อยดีเท่าไร เฮ้อ เลยเดินเล่นเฉย ๆ อย่างที่ฟิลิปบอกแหละค่ะ มันเป็นที่ ๆ คนเขามากินข้าวเย็นกัน แต่ก็มีร้านค้าบ้าง มีบู้ธขายของบ้างเหมือนกัน ไปเดิน ๆ ดูแล้วของแพงกว่าที่ไปซื้อแถว Yuyuan Garden ของอย่างเดียวกันแหละ แพงกว่าเท่าตัว ร้านอาหารก็คงจะแพงไม่น้อย เพราะสถานที่ค่อนข้างหรูหรา เดินไปเดินมาเจอร้านอาหารไทยด้วย ฝรั่งนั่งกันเต็มร้านเลย อาหารไทยตอนนี้เป็นที่นิยมของฝรั่งทั่วโลกมากค่ะ มีเพื่อนอยู่เยอรมันตอนแรกเปิดร้านอาหารจีน ทำท่าจะไปไม่รอด พอเปลี่ยนเมนูเป็นอาหารไทย ขายดีจนต้องขยายร้านค่ะ ตอนนี้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอยู่ประเทศเยอรมันไปแล้ว


พอมืด อากาศก็หนาวอีกแล้ว ที่จริงฉันคิดไว้ว่าตอนค่ำ ๆ อยากไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจที่หาดไว่ทัน หรือ The Bund เผื่อเจอเจ้าพ่อหล่อ ๆ แบบหล่องปัน 555555ละครเรื่องนี้ไม่เคยดูหรอกค่ะ ตอนที่ฉายฉันยังเรียนอยู่เมกา แต่ก็รู้ว่าเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ดังมาก เพราะเพื่อน ๆ หลายคนเขียนไปคุยว่าติดโจวเหวินฟะกันงอมแงม


แต่ในเมื่อเดี๋ยวพวกเขาจะนัดกันกินข้าวที่ Xintiandi ฉันก็ไม่ควรจะเดินมากโดยไม่จำเป็น เนื่องจากยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง รักษาเนื้อรักษาตัวไว้เข้าหอ เอ๊ยยย ไว้เจอกับพรุ่งนี้ดีกว่า


Xintiandi เดินไม่เท่าไรก็ทั่วแล้วค่ะ แม้มีซอกซอยมุมมืด (แต่ทะลุถึงกันหมด ไม่มีซอยตัน) แต่ฉันก็มั่นใจว่าปลอดภัย เพราะเห็นตำรวจอยู่ตามที่ต่าง ๆ ไม่แน่ใจว่าเขามีมาตรการแบบนี้เป็นมาตรฐานหรือว่าเฉพาะช่วง expo?


สรุปแล้วไม่ได้กินที่ Xintiandi หรอกค่ะ แต่กินที่ไหนนั้นก็ลืมไปแล้ว 555555 เรื่องอาหารเนี่ยะอย่าให้พูดถึงเลยค่ะ พูดแล้วอยากกลับบ้าน เพราะไม่มีอะไรอร่อยโดนใจเหมือนอาหารเมืองไทยเลย


วันนี้เป็นวันนี้ใช้พลังงานน้อยสุดตั้งแต่เดินทางมาเซี่ยงไฮ้ กลับมาถึงคอนโด ก็คุยกันพรุ่งนี้จะเอายังไงต่อไป อู๋บอกว่าจะไปเดิน Expo เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้ว แต่ฉันคำนวณดูแล้ว ไม่น่าจะยากที่จะลองเที่ยวคนเดียว ฉันอยากเดินเล่นชมเมือง แล้วก็ไปนั่งรถลอดอุโมงค์ใต้น้ำ ดูในโบรชัวร์แล้วน่าสนใจดี


จึงตกลงกับอู๋ว่างั้นพรุ่งนี้ต่างคนต่างเที่ยวก็แล้วกัน แล้วตอนเย็นเจอกันที่ The Bund เนื่องจากฉันไม่มีกุญแจห้องเขา แล้วก็ยังจำทางไม่ได้เลย 555555 โอ้ แล้วพรุ่งนี้จะเที่ยวคนเดียวเนี่ยะนะ เอาอะไรคิดฮึ??????






ปล.ยื้มโน้ตบุ้คของฟิลิปเช็คเมล เพิ่งรู้ว่า...อยู่ที่นี่เข้าface book ไม่ได้



วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Leisure Day at the Top of the World

คนที่อ่าน expo สองตอนอาจจะเริ่มท้อแท้ นี่คือเหตุผลที่ฉันมานั่งเล่าอย่างค่อนข้างละเอียดค่ะ กล่าวคือถ้าหากว่าได้รู้สถานการณ์ล่วงหน้า และวางแผนดี ก็จะเที่ยวได้เพลิดเพลินกว่า เพลียน้อยกว่าที่ฉันประสบมา อย่าเข็ดถึงกับไม่ไปเลยค่ะ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองหนึ่งที่น่าไปเยือน แล้วไปช่วงนี้ก็ควรได้ไปยล expo กับเขา อย่างที่บอก ถ้าวางแผนดีก็ไม่เหนื่อยมากหรอกค่ะ ไปนะ ๆ ๆ ^___^

Day 5 – 29 May 2010


“วันนี้เป็นวันพักผ่อน” วูปปี้....ได้ยินคำประกาศนี้แล้วแสนจะปรีดา รอคอยมาแสนนาน แต่ด้วยนิสัย...5555555 อดแหย่อู๋ไม่ได้ -ไปอีกเหอะ ตั๋วยังเหลืออีกวัน – (แล้วแอบ cross นิ้ว อย่าเปลี่ยนใจนะ) อนุชาตอบว่า - ยังอยู่อีกหลายวัน ไว้ค่อยไป วันนี้ขอพักผ่อนก่อน - ถ้าหลังไม่เดี้ยงนะ คงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไปแล้ว....ที่จริงถึงอู๋จะไป expo วันนี้ ฉันก็ตั้งใจว่าจะขอตัว ไม่ร่วมขบวนทำร้ายกระดูกสันหลัง แต่จะเตร่อยู่ในเมืองคนเดียวก็ได้ เพราะก็พอจะเริ่มจำทางกลับโรงแรมได้แล้ว (จริงเหรอ? 55555)


วันพักผ่อนเริ่มต้นแบบสบาย ๆ ค่ะ เราไปที่สวนสวยตรงข้ามวัด จริงอ่ะ (Jing’an) สวนนี้เป็นสวนขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ต้นไม้ครึ้ม ขนาดว่าผ่านกลางคืนเห็นทางเข้า ก็ยังชอบเลยค่ะ หมายมั่นไว้ว่าจะต้องมาให้ได้ แล้ววันนี้เราก็มากันสองคนพี่น้อง คนอื่น ๆ เขายังคงไป expo ต่อค่ะ ด้านหน้าสวนมีร้านกาแฟที่สามารถเล่นเน็ตได้ แต่ไม่รู้ทำไม laptop ของอู๋ใช้ไม่ได้ ว่าไปแล้ว มาเที่ยวจะแบกมาทำไมให้หนักก็ไม่รู้


ฉันเดินเที่ยวทั่วสวน พบว่าคนจีนชอบมานั่งตามสวนสาธารณะมากค่ะ อาจจะเพราะอากาศเอื้อก็ได้ อย่างของเราเนี่ยะ นอกจากต้นไม้จะไม่ร่มเท่า แดดก็ยังร้อนจัด จึงมักจะไปสวนกันเช้า ๆ หรือเย็น ๆ


ที่เซี่ยงไฮ้ไม่ว่าสวนไหน ๆ ก็สามารถเข้าไปนั่งพักผ่อนได้ทั้งวันค่ะ เทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ความสำคัญกับผังเมืองมาก อาจจะเป็นเพราะความเป็นเมืองท่ามาตั้งแต่สมัยโบราณ ฝรั่งเข้ามาค้าขายเยอะแล้วช่วยวางผังเมืองไว้อย่างเป็นมาตรฐานก็เป็นได้ค่ะ ดูสวยงามไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง ...เอ้อ...ยังไม่เห็น “บ้าน” เห็นแค่ตึก ๆ ๆ แล้วก็ตึกค่ะ คนเซี่ยงไฮ้คงอยู่คอนโดเป็นส่วนมาก ถนนนอกจากกว้าง สะอาด แล้วยังมีคุณภาพไม่เป็นคลื่น ไม่มีรอยปุปะแบบเครื่องทรงพรรคกระยาจก เส้นทางจราจรที่มุดลงดิน ทำให้การจราจรข้างบนดูหลวม ๆ ไม่แออัด (ไปอัดกระป๋องใต้ดินแทน) ที่นี่ยังมีรถรางให้เห็นอยู่ค่ะ (รถรางที่วิ่งด้วยสายเคเบิ้ลจูงบนหลังคารถ) ยิ่งบริเวณแม่น้ำหวงปู ยิ่งแทบไม่มีสะพานข้ามให้เกะกะสายตา ทุกอย่างเขาให้ว่ายน้ำ เอ๊ย ลอดอุโมงค์ใต้น้ำ ฉันเห็นสะพานน้อยมากค่ะ โดยเฉพาะหน้า The Bund ไม่มีสะพานเลย


เอ้อ...ย้อนกลับมาที่สวนดีกว่า มันจะออกแนวสารคดีเกินไปแล้ว 55555 กิจกรรมที่เห็นตามสวน ส่วนมากก็คล้าย ๆ กันค่ะ คือมีเกมสารพัดสารพันมานั่งเล่น ไพ่การ์ด ไพ่นกกระจอก หมากรุก ฯลฯ แถมมีเดิมพันด้วย แต่ตำรวจไม่จับ คงจะเป็นสิ่งถูกกฎหมายมั้งคะ นอกจากนี้ก็มีคนมาเล่นดนตรีให้ฟัง เช่นเป่าขลุ่ย หรือร้องเพลงจีน บางคนฟังไปก็รำงิ้วไป คนดูก็เพลิดเพลินไปเสียอีก บางกลุ่มก็จัดมีตติ้งนั่งเม้ากัน หนุ่มสาวก็มาซบไหล่อิงแอบกัน มีแค่นั้นค่ะ ไม่มีปฏิบัติการปฏิสนธิใด ๆ อย่างที่ได้ยินว่าวัยรุ่นไทยชอบทำกันตามสวนรถไฟมั่ง สวนลุมมั่ง ฉันเดินถ่ายรูปบ้าง เดินดูฉากละครชีวิตบ้างด้วยความสดชื่น รู้สึกได้พักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง


อ้อ...ฉันไม่เห็นใครเอาอาหารมานั่งรับประทานในสวนเลย ไม่รู้ว่าเขาห้าม หรือว่าไม่ตรงมื้ออาหาร ที่แน่ ๆ สวนนี้สะอาดมาก ๆ ๆ ค่ะ ไม่มีขยะแม้ชิ้นเล็ก ๆ สักชิ้นเดียว


หลังจากหาออกซิเจนใส่ปอดเต็มที่แล้ว เราก็ชวนกันเข้าวัดจริงอ่ะสักหน่อย ต้องเสียค่าผ่านประตูค่ะวัดนี้ คนละ 30 หยวนแน่ะ แพงเอาการอยู่ แต่ก็นะถือว่าทำบุญวัดก็ได้ วัดไม่ใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ ก็วัดจีนทั่วไป คล้าย ๆ วัดเล้งเน่ยยี่ที่เยาวราช แต่สะอาดกว่ากันมาก ตอนที่เดิน ๆ ยังเห็นเจ้าหน้าที่เขาทำความสะอาดซี่กรงหินอ่อนกันทั้งวัดเลยค่ะ รับประกันความสะอาดว่าสูงมาก เข้าไปเห็นคนจีนจุดธูปไหว้พระกัน ธูปเขาสวยดีค่ะเป็นเหลี่ยม ๆ พูดไม่ถูก แต่ควันไม่แสบตาแบบวัดเล้งเนยยี่ เข้าไปทีไรร้องไห้ทุกที


ตามเคย ฉันถ่ายรูปดะ มีอยู่ทีถ่ายเสร็จ เดินไปหน่อยนึง อู๋มาบอกว่าห้องตะกี้ถ่ายได้ไงอ่ะ เด๋วคนเต็มห้องหรอก 555555 มันคือห้องเก็บป้ายชื่อคนตาย อาจจะเป็นฮวงซุ้ยก็ได้มั้งคะ ไม่รู้เหมือนกัน


ออกจากวัดแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ แวะซื้อเกาลัด 1 ถุง เดินกินไปชมเมืองไปเรื่อย ๆ สำราญเชียว เข้าไปชมบ้านของ Comrade Liu Changseng เป็นใครก็ไม่รู้ 55555 หลังจากดูแบบมีเด็กสาวเป็นไกด์ให้ แต่ภาษาอังกฤษของน้องเขา...เอิ่ม.... เอาเป็นว่าเดาเอานะคะ ว่าท่าน Liu เป็นทหาร (อันนี้ชัวร์) 555555 แล้วก็ประมาณต่อต้านกับพวกญี่ปุ่น คงไม่ได้เป็นหนึ่งในคณะเปลี่ยนแปลงการปกครองหรอกค่ะ เพราะไม่เห็นเหมาเซตุง หรือเจียงไคเช็ก 5555555 ก็เป็นบ้านเล็ก ๆ ค่ะทาวน์เฮ้าส์แฝด ข้างในก็มีข้าวของ ๆ เจ้าของบ้าน แล้วเกร็ดประวัติการต่อสู้ มีคุกด้วยล่ะ ขนาดบ้านเล็ก ๆ ยังแอบมีคุก 55555 คิดดูละกันว่าคุกจะเล็กแค่ไหน ออกดีกว่า ยิ่งอยู่นานยิ่งโง่ 55555555

จริง ๆ มีเดินไปอีกหลายที่ค่ะ แต่จำไม่ได้ 55555 ไว้เอารูปลงใน facebook ให้ดูกันดีกว่า รอสักหน่อยนะคะ รูปยังไม่ได้ไปเอาเลย


อู๋นัดเจอฟิลิปค่ะ เขาจะพาไปตึก WFC (World Financial Center) ตึกที่สูงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ในวันนี้ ก่อนหน้านี้คือตึกจินเหมาค่ะ วันนี้ WFC ลบสถิติไปแล้ว วันหน้าไม่รู้จะมีตึกไหน แต่อย่าเพิ่งไปสนใจเลยค่ะ สูงนักก็ใช่ว่าจะดี ดูอย่างตึกแฝดที่นิวยอร์คนั่นปะไร ตึกนี้ตอนแรกฉันดูว่ามันเป็นถุงกระดาษ แต่ฟิลิปบอกว่าจริง ๆ มันเป็นที่เปิดขวด (แบบใช้ฝาจีบ) ตะหาก อ่ะนะ ทำไมต้องที่เปิดขวด ฉันว่าจินเหมาสวยกว่านา สองตึกนี้อยู่ใกล้กันค่ะ ขึ้นไปบน WFC ถ่ายรูปจินเหมาได้สบาย ๆ ตอนเข้าลิฟท์เห็นปุ่มแล้วขำ คือเขามี 3 ชั้นให้กดค่ะ G 87 แล้วก็ 91 ที่ฉันขำคือ 87 เขาเขียนว่า Lobby เพราะตั้งแต่เกิดมา เพิ่งเคยเห็นว่า Lobby อยู่สูงขนาดนั้น เราไปชั้น 91 กันค่ะ เพราะห้องอาหารอยู่ชั้นนี้


อ้อ...เผื่อมีคนอยากรู้ ลิฟท์น่ะขึ้นแล้วรู้สึกยังไง...ไม่รู้สึกแตกต่างจากลิฟท์ปกติเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันต้องวิ่งเร็วมากเพราะแป๊บเดียวเองก็ถึงแล้ว และก็ไม่เจ็บหูด้วยค่ะ


ข้างบนของ WFC คือโรงแรม Hyatte ปกติแล้วเขาคิดเงินนะคะค่าขึ้นไปชมเนี่ยะ แต่พวกเราไปนั่งดื่มกาแฟกันค่ะ ตอนแรกว่าจะไปกินข้าว แต่ว่าพอขึ้นไปแล้ว เห็นว่าสั่งกาแฟได้ เลยสั่งแค่กาแฟก็พอ 55555555 ก็อยากแพงทำไมล่า แล้วนะ ถ้าอยากนั่งริมหน้าต่างต้องสั่งอาหารมูลค่าขั้นต่ำคนละ 400 หยวนถึงได้นั่ง ไม่เห็นจำเป็นเลย นั่งที่บาร์แล้วเดินไปถ่ายรูปที่หน้าต่างก็ได้ เขาไม่ห้ามค่ะ สรุปคืออู๋สั่งกาแฟใส่ค็อกเทล 80 หยวน ฉันไม่ได้สั่งอะไรค่ะ มัวเดินชมสถานที่ แต่ขนาดนั้น น้องยังบอกว่าถ่ายรูปเยอะ ๆ นะให้คุ้มค่ากาแฟหน่อย 555555 ตอนนี้อู๋เริ่มเมาแล้วมั้งคะ หูงี้แดงแจ๋เชีย 5555555 ฉันลองจิบดู แอลกอฮอล์วิ่งปรู๊ดปร๊าดเลยค่ะ เหล้าที่ใส่ในกาแฟท่าจะแรงใช่น้อย กินมากมีหวังเมา ขนาดไม่เมายังมือสั่นถ่ายรูปไม่ค่อยสวยเลย เดินรอบ ๆ (เท่าที่เขาอนุญาตให้เดิน) มองเห็นเมืองเซี่ยงไฮ้เป็น sim city แบบยุคแรก 555555 คือทุกอย่างเล็กไปหมด เว้นแต่ตึกสูงรอบ ๆ ใกล้ ๆ ไหนดูดิ expo อยู่ตรงไหนอ่ะ โอ๊ะ...เห็นพาวิลเลี่ยนจีนสีแดงเด่นสง่าอยู่นั่น 555555 เชื่อหรือยังคะว่าขนาดใหญ่จริง ๆ ไม่รู้ว่าพอหมดงานแล้ว เขาจะรื้อออกหรือเปล่า คงรื้อเนอะ แต่อาจจะเอาไปตั้งไว้ที่ไหนสักแห่งเป็นอนุสรณ์ คงไม่ทิ้งไปเลย


พวกเรานั่งอ้อยอิ่งในชั้นบรรยากาศระหว่างโลกและสวรรค์อยู่นาน 555555 จริง ๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันอยู่บนตึกสูงขนาดนี้ ใบหยกในกทม ยังไม่เคยได้ขึ้นไปเลยค่ะทั้ง ๆ ที่ฉันเป็นคนชอบดูอะไร ๆ จากที่สูง ๆ ฉันว่าได้วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลดี เมื่อได้มาที่ดี ๆ อย่างนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือเข้าห้องส้วม 5555555 ลืมบอกไปอย่างว่าที่นี่เพดานสูงมากค่ะ แล้วประตูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประตูลิฟท์ ยันประตูห้องน้ำก็สูงตามเพดานไปด้วย ต้องออกแรงปิดเปิดประตูห้องน้ำเลยแหละ 555555 สุขภัณฑ์ หรือสั้น ๆ ว่าส้วม...เรื่องสะอาดไม่ต้องพูดถึง เพราะมันคือไฮแอท เรามาพูดถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีดีกว่าค่ะ ความที่สายตาไม่ดี แล้วแสงน้อย คือเขาเปิดไฟสลัว ๆ เพื่อให้ดูหรูหรามั้งคะ มันเลยทำให้ฉันอ่านไม่ออกว่าปุ่มสารพัดสารพันเนี่ยะว่ายังไงมั่ง ไม่กล้ากด 5555555 แต่พอรู้น่ะค่ะเพราะเคยไปใช้ของรพ.สมิติเวชมา ส้วมในโลกอนาคตนอกจากจะไม่ต้องกดชักโครกแล้ว มันยังมีระบบอุ่นที่นั่งให้เผื่อหนาว แต่จริง ๆ ถ้าคุณเข้าต่อใคร ที่นั่งก็อุ่นอยู่แล้ว 55555555 แล้วก็ยังมีระบบฉีดน้ำล้างก้น, เป่าแห้ง ฯลฯ อีกด้วย


แต่ปุ่มส้วมที่นี่มีเยอะกว่าสมิติเวชค่ะ เสียดายที่ไม่สามารถบอกได้เพราะอ่านไม่เห็นจริง ๆ แล้วไม่กล้ากดมั่ว กลัวเกิดโกลาหล มันน่าอายออกนะคะ 5555555 ฉันสงสัย...ย้ำนะคะว่าสงสัย...อาจจะมีปุ่มเปิดเพลงฟัง หรือแม้แต่เปิดหนังให้ดูก็ได้นะ 5555555 เพราะปุ่มเยอะจริง ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม ตอนออกมาล้างมือ มีแหม่ม 3 คนเข้าไป สุขศึกษา ส้วมในห้องเดียวกัน ไอ้เราก็เลยเข้าไป join ด้วย 555555 แต่ก็นะ มันคือห้องส้วม แค่ 3 คนก็เต็มแล้ว ส่งเสียงโซปราโนประสานเสียงกันให้แซ่ด ฟังไม่รู้เรื่องเพราะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เลยไม่รู้อะไรเพิ่ม รู้แต่ว่าแหม่ม 3 คนนี้มาจาก southern France แล้วก็เคยมาเมืองไทยด้วย เพราะพอบอกว่าฉันมาจาก Thailand ก็พร้อมใจกันไหว้ทักทายเลยเชียวค่ะ ดังใช่ย่อยนะ “สวัสดี” ของเรา


ทีนี้เพื่อนอู๋ก็พาเดินอีกแล้ว กำลังนึกดีใจว่าวันนี้จะได้ relax ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จริง ๆ แล้วฟิลิปนี่เขาอยู่เซี่ยงไฮ้มาหลายปีก็จริง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยรู้เส้นทางเท่าไร ประมาณว่าปกติจะไปไหนมาไหนเรียกบริการแท็กซี่กับ subway คงจะเพิ่งมาเป็นไกด์จำเป็น เลยเหมือนพาเดินวกไปวนมาชอบกล แต่ก็มีถนนสายหนึ่งชื่ออะไรลืมแล้ว 555555 ฉันเรียกของฉันว่าถนน Brand name เพราะเป็นถนนที่มีแต่ร้านค้ายี่ห้อหรูเริ่ดเชิดหยิ่งของบรรดาไฮโซไฮซ้อทั้งหลายแหละค่ะ ไอ้ฉันมันก็ไม่ใช่คนสนใจ brand อะไรเท่าไรเพราะไม่มีวิตามิน m มากพอที่จะสนใจ แต่ถนนนี้สายสวยค่ะยิ่งพอค่ำ ๆ ก็ยิ่งสวย เพราะเขาประดับไฟไว้ตามต้นไม้สองข้างทาง เป็นรูปผลไม้มั่ง ดาวมั่ง นับว่าเป็นเมืองแห่งแสงสีจริงๆ เซียงไฮ้นี่


กลางคืนนัดเจอกับคณะ วันนี้ฟิลิปจะเลี้ยง dinner ค่ะ ที่ภัตตาคาร HuaiHai Zhong ฉันตั้งใจจะลิ้มรสเป็ดเซี่ยงไฮ้ (มันคือเป็ดปักกิ่ง) เต็มที่ แต่หลังจาก 1 ชัวโมงผ่านไป ถามว่าอร่อยไหม ก็อร่อยค่ะ แต่เลี่ยนไปหน่อย สู้อาหารจีนในเมืองไทยไม่ได้เลย แต่ก็อร่อยที่สุดแล้วตั้งแต่เหยียบเซี่ยงไฮ้มา มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่กินได้เยอะค่ะ

บอกไปหรือยังคะว่า เดี๋ยวนี้คนจีนนิยมกินน้ำดอกไม้ สารพัดสารพันดอกค่ะ ดูจากรูปเอาละกันนะคะ ไม่ใส่น้ำตาลแบบน้ำเก็กฮวยบ้านเรานะคะ ก็จืด ๆ หอม ๆ ค่ะ คิดว่าน่าจะดีกับสุขภาพ แต่เบียร์น่ะอร่อยค่ะ รสคุ้นลิ้น 5555555 เหมือนเบียร์สิงห์บ้านเรา เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นเบียร์สิงห์ถ่ายขวดแปะฉลากใหม่


สรุปว่ากลับโรงแรมอย่างเมื่อยอีกตามเคย แต่น้อยกว่าวันก่อน ๆ มีข่าวร้ายปิดวัน อู๋บอกว่าพรุ่งนี้เราจะย้ายออกจากโรงแรมไปพักคอนโดฟิลิป ซะงั้นนะน้องฉัน อุตส่าห์จำเส้นทางโรงแรมได้แล้วนะ ต้องไปนั่งจำเส้นทางใหม่ เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก สำคัญว่าฉานต้องแปลงกายเป็นทหารแบกปูนไปโบกตึกอีกแล้ว ไม่เคยสงสาร “หลัง”ตัวเองมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต.


วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Rhythms of Shanghai Rain..another expo day!!

สงสัยจะบ่นมากไป 555555 มีคนบอกว่าชักขยาด expo แต่ก็ยังอยากไปสักวัน สนับสนุนให้ไปค่ะ แต่ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อนไปจะได้ไม่เหนื่อยเท่าผู้เขียนไงคะ นี่ก็พยายามถ่ายทอดประสบการณ์ทุกช็อต ทุกฟิล เผื่อว่าพี่ ๆ น้อง ๆ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ จะได้เที่ยวสนุกขึ้น แล้วก็เหนื่อยน้อยลงไงคะ ^ ^
Day 4 -28 May 2010

เมื่อวานนี้เหนื่อยไปหน่อย เลยขี้เกียจเล่าเรื่องพาวิลเลี่ยนของอังกฤษ วันนี้เล่าสักหน่อยนะคะ พาวิลเลี่ยนอังกฤษออกแบบเป็นแท่งใส ๆ เหมือนแก้วขนาดยาว ๆ นำมาประกอบกันเป็นเม่นทรงสี่เหลี่ยมค่ะ ฟังดูก็ไม่มีอะไรนะ แต่เพราะธีมของ expo คือ better city, better life พวกยุโรปส่วนใหญ่ก็จะเน้นว่าธรรมชาติคือหัวใจที่ทำให้ city better เมื่อ city better…people’s life ก็ better ตามไปด้วย พูดง่าย ๆ ก็คงคล้าย ๆ กับการรณรงค์โลกร้อนน่ะค่ะ ที่ทึ่งก็คือแต่ละแท่ง เขาฝังเมล็ดพืชไว้ค่ะ เดาว่าเป็นพืชสำหรับปลูกป่า มีหลายอย่างเลยค่ะ บางอันก็เป็นใบไม้ เขาใช้แท่งแก้วนับหมื่น ๆ แสน ๆ แท่งมาประกอบเป็นพาวิลเลี่ยนค่ะ เป็นพาวิลเลี่ยนหนึ่งที่ออกแบบได้น่าดูค่ะ ถ้าไปโซน C ไม่ควรพลาดค่ะ ไปเข้าคิวตอนเย็น ๆ ก็ได้ค่ะ ไหลเร็วดี


นอนชาร์จพลัง ตื่นสายกันทั้งพี่ทั้งน้อง ลงไปห้องอาหาร เหลือเวลากินแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ก็เกินพอแหละค่ะ เพราะไม่หิวเท่าไร เนื่องจากตั้งแต่มาจีนวันนี้เข้าวันที่ 3 แล้วยังไม่ได้อึ๊เลยอ่ะ ท้องผูกอย่างแรง 55555 ต้องดื่มนมสด แล้วตามด้วยกาแฟ อยู่บ้านจะกินงี้ทุกเช้าค่ะ นมสด ไขมัน 0% ขนมปังปิ้ง แล้วก็กาแฟ มาที่นี่หาซื้อนมสดไขมัน 0% ไม่เจอ ดื่มนมสดธรรมดาก็ได้ หลังจากเข้าส้วมเรียบร้อยแล้วก็อาบน้ำร้อน ๆ อีกที เพื่อประพรมหลังเตรียมพร้อมรับศึกหนักอีก เพราะพวกเขาบอกว่าจะไป expo อีกแล้ว แต่ไปบ่าย ๆ หน่อยตั้งใจจะอยู่จน expo ปิดกันล่ะมั้งเนี่ย กลุ้มจริง ๆ ตู...ว่าแล้วก็เอาหลังแช่น้ำร้อนต่ออีก 10 นาที น้ำร้อนนี่ช่วยได้เยอะเลยนะคะ


วันนี้ฝนตกค่ะ แต่ตกแบบพร่างพรายคล้ายน้ำเนตร เดินหรือยืนตากได้สบาย ๆ ไม่เปียกเท่าไร ฉันเป็นคนไม่ชอบถือร่ม (และอื่น ๆ ก็ไม่ชอบถือ 55555) เลยใส่เสื้อแขนยาว กับหมวกแทน พร้อมออกเดินทางกันแล้วค่ะ แวะซื้อแตงกวาไว้เป็นควายเคี้ยวเอื้องในคิว วันนี้พวกเรามาเที่ยวโซน A กันค่ะ คนเยอะกว่าที่เห็นเมื่อวานนี้อีก โซนนี้มีพาวิลเลี่ยนของจีนด้วยค่ะ มหึมามาก คนก็มหาศาล เห็นแล้วขนลุก โดยเฉพาะบริเวณไขสันหลัง 5555555 แบบว่ามันต้องเมื่อยมาก ๆ ๆ แน่เลยนะนั่น ขนาดของพาวิลเลี่ยนจีนใหญ่ขนาดไหน? ขนาดว่าวันต่อมาขึ้นไปบนตึกสูงสุดของเซี่ยงไฮ้ มองลงมาแทบไม่เห็นอะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่เห็นพาวิลเลี่ยนจีนโดดเด่นประมาณนักบินอวกาศเห็นกำแพงเมืองจีนขณะอยู่นอกโลกแหละ แล้วจริง ๆ ถ้าอยากไปดูวันนี้ก็ผิดหวังอยู่ดี เพราะเต็มแล้วค่ะ เขาให้ไปจองคิวล่วงหน้า เหอ ๆ ๆ

อู๋มุ่งมั่นว่าจะดูพาวิลเลี่ยนซาอุให้ได้ พวกเราก็เดินฝ่าน้ำมนต์พรมจากฟากฟ้ามุ่งไปที่พาวิลเลี่ยนซาอุทันที SOMG!!! (super oh my god) ดูคิวนั่นดิ ยิ่งกว่าคิวเยอรมันอีกเท่าตัวล่ะม้างเนี่ยะ พวกคณะแยกตัวไป ฉันเปลี่ยนใจทีหลังตามไปสมทบพวกเขา ปล่อยนายอู๋ตากฝนอยู่ในคิวคนเดียว พวกเราขึ้นไปบน Culture Pavilion กันค่ะ ที่หน้าตาเหมือนจานบินน่ะ เป็นเหมือนศูนย์การค้า มีร้านค้า ร้านอาหาร ไปรษณีย์ โรงหนัง มีแม้กระทั่ง ice skate แต่พวกเราออกไป นอกชาน กันค่ะ ลมตึงเชียว อากาศก็เย็นเพราะฝนตก วันนี้เป็นวันที่ไม่มีแดดเลยทั้งวัน เดินรอบ ๆ เก็บภาพบริเวณงาน expo ได้ทั้งหมดงาน รวมทั้งฝั่งตรงข้ามแม่น้ำหวงปูด้วย มารู้อีกทีหลังจากที่กลับมาแล้ว เขามีทางรอดอุโมงค์ใต้น้ำให้เดินไปได้ จัดแบบ sea world ที่สยามพารากอน มันจะเป็นยังไงก็สุดรู้ เพราะไม่ได้ไปอ่ะ เสียดายจัง ฮือ ๆ รู้แต่ว่ามีเรือข้ามไป เพราะมองเห็น แต่ก็น่ะ...ไม่ได้ไป...555555

เดินชมวิวจนจุใจ และเมื่อยสุด ๆ แล้ว ขนาดว่าพาฯ นี้คิวสั้นมาก ๆ นะคะ ยังปวดหลังเลย ต้องแอบนั่งพิงกำแพง แต่จะนั่งบ่อยก็ไม่ได้ เกรงใจคนที่จะมาช่วยดึงขึ้น 555555 คือนั่งแล้วลุกเองไม่ได้ง่ะ ถ้าร่างกายไม่เจ็บปวด คงมีอารมณ์ตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ (บ่นอีกแระ 555555)


ตอนนี้ก็ประมาณบ่าย 3-4 ได้มั้งคะ เวลาแว้บไวเหมือนโกหก 5555555 คณะชวนกันลงมาหาที่นั่งกินข้าวกัน ร้านอาหารมีให้เลือกเยอะค่ะ หลายราคา ไม่ต้องกลัวอดกลัวแพงค่ะ ข้างบนก็มี แต่ท่าทางจะแพงเอาเรื่องเพราะเป็นระดับภัตตาคาร ข้าวแกงที่เข้าไปกินกันราคาไม่แพง รสชาติอร่อยใช้ได้ค่ะ

ฉันแยกตัวไปไปรษณีย์ว่าจะซื้อ post card ส่งให้เพื่อน และพี่ตุ้มซะหน่อย ไปถึงเจอแต่แบบเป็นเล่ม เป็นกล่องเป็นชุด ๆ เลย หาซื้อแบบแผ่นเดียวไม่มี เดินกลับมาเจอพรรคพวก ได้ความว่าโทรคุยกับอู๋เมื่อครู่ เดี๋ยวอู๋จะมาสมทบ ก็ถามว่าเขาดูเสร็จแล้วเหรอ ปรากฎว่ายังไม่ได้เข้าไปดูเลย 5555555 เกิดการวิวาทชกต่อยกันในคิว ไม่ใช่แค่จุดเดียว แต่หลายจุด อู๋ผู้รักสงบก็เลยตัดสินใจสละตำแหน่งและโอกาสทิ้งคิว โถ...น่าสงสารนะ 555555 ยืนตั้ง 2-3 ชั่วโมงแล้วยังไม่ได้เข้าไปดูเนี่ยะ---สม! 555555555 นึกถึงหน้าแล้วขำ ตอนที่เห็นน้องเดินเข้ามาในร้านอาหารเนี่ยะ หน้าซีดหน้าเซียวเลยแหละ 5555555 นึกดีใจว่าโชคดีจังที่เปลี่ยนใจ (ช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีเนอะ)


ตอนแรกว่าจะไปเข้าคิวญี่ปุ่นกันค่ะ แต่อู๋ผู้ผ่านสมรภูมิคิวซาอุมาหมาด ๆ บอกว่าไม่ไหว 5555555 เพราะนอกจากพาฯญี่ปุ่นจะอยู่ไกลแล้วยังมองเห็นคิวคนหนาแน่น...ถอดใจ 555555 เลยตกลงว่าจะพักผ่อนอิริยาบถด้วยการถ่ายรูปกันดีกว่า เพราะฝนตกมั้งคะ ตรงลานเลยเกิดแอ่งน้ำ พอถ่ายรูปก็มีเงาสะท้อนในน้ำ สวยมากค่ะ รูปจะเอามาลงให้ชมทีหลังนะคะ ฉันเสนอว่าไปนั่งรถเที่ยวกันดีกว่า แต่ความจริงคือ..มีคิวยาวเหมือนกันที่จะรอนั่งรถเที่ยว สรุปว่างาน expo มีแต่คิว ๆ ๆ ๆ มันน่าจะชื่อ Queue Expo นะ -*-


เริ่มค่ำแล้ว เพิ่งรู้ตัวกันว่าวันนี้ยังไม่ได้เข้าไปดูสักพาวิลเลี่ยนนึงเลย แง๊ ๆ เค้าจาเอาวีซ่า 555555 หันรีหันขวาง ประมาณต้องเอาให้ได้สัก 2-3 วีซ่า เห็นเกาหลีเหนือ เล็ก ๆ ไม่มีคนเข้าคิวอีกต่างหาก เลยพุ่งเข้าไปทันที แล้วพุ่งออกมา 555555 ก็มันไม่มีอะไรเลยอ่ะ ไม่มีกระทั่งวีซ่า -*- แต่ตอนนี้หน้ามืด ประมาณว่ายังไง ๆ ก็ต้องได้วีซ่าให้ได้555555 นั่นเลบานอน...ยังไม่เข็ดจากเกาหลีเหนือ เข้าไปอีกที นี่ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มืด ๆ อ่ะ ไม่เห็นอะไรเลย 555555555 ออกจากเลบานอนในเวลาที่ทำสถิติล้มเกาหลีเหนือ แต่ได้วีซ่า 55555555 ว้าว...วีซ่าแรกของวัน 5555555 เว่อร์ไหมคะ อิอิ แต่เริ่มเซ็งแล้ว สองอันที่เข้าไปเนี่ยะไม่มีอะไรเลย มิน่าแทบไม่มีคนเข้าไปเลย ยังไม่เข็ดค่ะ ผ่านของอิหร่าน ไม่มีคิวตามเคย แล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูเหมือน 2 อันแรก 555555 ตอนนี้เริ่มได้สติแล้ว นี่เราจะสะสมวีซ่าไปแลกของสมนาคุณเหรอไง เง้อออออ ไม่เอาแล้ว เสียเวลาเสียความรู้สึกเปล่า ๆ อู๋บอกว่าไปดูของสหรัฐอาหรับดีกว่า ให้เหตุผลว่าเป็นประเทศที่รวยมาก อยากรู้ว่ามีอะไร ต้องขอชมเชยไว้ ณ ที่นี้ค่ะสำหรับพาฯ อาหรับ เป็นเรื่องเป็นราวกว่าพาฯ อื่น ๆ ที่ได้เข้าไป หรือแม้แต่ผ่าน คือคิวเขาก็มีม้าให้นั่ง มีทีวีให้ดูแก้เบื่อ ประทับใจค่ะ เข้าไปข้างในก็มีหนังให้ดู ดูแล้วทึ่งมาก ที่ประเทศที่ครั้งหนึ่งมองไปทางไหน ๆ ก็มีเพียงฟ้าจรดทราย บัดนี้ พลิกโฉมเป็นประเทศทันสมัยชั้นนำของโลก เพราะนอกจากใต้ผืนทรายมีน้ำมันแล้ว ในน้ำยังอุดมไปด้วยไข่มุก รวยซะให้พอ..ว่างั้นเถอะ เดินออกจากพาฯเศรษฐี เห็นตึกฉลุลายสวยงามของมอร็อคโค เลยว่าลองเข้าไปดูกันหน่อย ข้างในสวยมากค่ะ แต่...แต่....แต่....5555555 ไม่อยากบอกเลย พอเข้าไปแล้วเขาก็บังคับให้ขึ้นไปชั้นบนทาง บันได ค่ะ เมื่อยอ่ะ แบบว่าตอนนี้อยากนอน 5555555 ปวดหลังสะสมมาเป็นวันที่ 4 แล้ว แต่เขาไม่ยอมให้ย้อนศร ก็จำใจต้องไต่บันไดขึ้นไป มอร็อคโคเป็นประเทศที่มีศิลปะงดงามดีค่ะ ดู ๆ แล้วก็น่าไปเที่ยวประเทศเขาเหมือนกัน แต่ทำไมไม่ติดลิฟท์ฟระ? 55555555 จริง ๆ มีช่องลิฟท์นะคะ สวยด้วย แต่ไม่รู้ว่าทำไมไม่ติดตั้งให้แล้วเสร็จ
เหนื่อยมากค่ะ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาปิดแล้ว ก็แยกย้ายกันเข้าห้องน้ำ ออกมาหลง...panic!!! แง๊ จำทางไม่ได้ ปวดหลังก็ปวดอ่ะ หายไปไหนกันหมดฟระ 55555 เซ็ง ๆ ๆ มือถือก็ไม่มี อย่าว่าแต่ทางไป subway เลย...ง่าย ๆ แค่จากจุดที่ยืนไป exit ก็ไม่ได้จำทาง แว๊กกกก จะได้กลับไหมเนี่ยะ 555555555 คนน้อยลงก็จริง แต่ก็ยังหนาตา จะหาพรรคพวกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เอาไงดีเนี่ยะ เซ็งจัง


แต่ด้วยว่าชะตายังไม่ถึงฆาต ก็เจอกันในที่สุด 555555 อู๋บอกหายไปไหนมา...-*- จะหายไปไหน ก็หลงน่ะเซ่ ทีนี้เลยทำการตกลงกันไว้เลยว่าต่อไปถ้าเกิดกรณีขึ้น ให้กลับไปเจอกันที่โรงแรมเป็นคำตอบสุดท้าย แต่ฉันมีคำถามสุดท้ายอีกว่า....จะกลับโรงแรมไงฟระ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง 555555555 อนาถ....

แถมขากลับ อู๋บอกว่าลองไปลงอีกสถานีนึง จำได้ว่าใกล้โรงแรมมากกว่า ปรากฏว่าน้องฉันพาหลงอีกแย้ววววว เวงกรำจริง ๆ อยากทุ่มทุกอย่างที่มีประเคนใส่ แต่ไร้แรงจะทำได้ 55555555 ก็ขนาดว่าควักซองจดหมายโรงแรมที่มีทั้งชื่อจีน ชื่อฝรั่ง ตลอดจนที่อยู่เสร็จสรรพ ยังไม่ได้ช่วยอะไรเลยอ่ะ แถมเจอคนใจดี(แบบร้ายลึก) ชี้ทางมั่ว ๆ ให้อ้อมโลกอีกอ่ะ TT^TT เที่ยงคืนแล้ว ยังเดินมะงุมมะหงาท่ามกลางอากาศหนาวชื้นอยู่เลย

แต่สรุปก็...กลับถึงโรงแรมแบบงุงิ ง่วงนอนเต็มที่แต่โดยไร้รอยขีดข่วน (ถ้าไม่นับรอยย่นที่หว่างคิ้วนะ)

จบงาน expo อย่าง expired ไปอีก 1 วัน.

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Shanghai World Expo-Better City, Better Life

Day 3 -27 May 2010


หลับเป็นตาย ไม่แม้แต่จะลุกเข้าห้องน้ำ มางัวเงียตื่นตอนอู๋ปลุก ไม่อยากลืมตาเลยให้ตายซิ แต่อู๋บอกว่าห้องอาหารปิด 9 โมง โดยที่ใช้ชีวิตอย่างคนเห็นคุณค่าของอาหารมาตลอด จึงสปริงตัวลุกไปอาบน้ำปลุกชีพตัวเองอีกรอบ 555555 เจอหน้าคณะ ถามไถ่ทุกคนได้คำตอบเดียวกันว่าหลับสนิท 55555 เหนื่อยจนไม่แปลกที่


อาหารโรงแรมต้องบอกว่า กินกันตาย มันก็เป็นสไตล์มาตรฐานโรงแรมทั่วไปสมัยนี้แหละค่ะ นานาชนิด นานาชาติ แต่หาอร่อยไม่ได้สักอย่างเดียว แต่ก็นับว่าพัฒนาจากสมัยที่ฉันมาครั้งแรกเยอะ สมัยนั้น...อา...คิดไปถึงความหลังแล้วให้ขนลุก 55555 ไม่เหมือนพักโรงแรม แต่เหมือนพักในสถานที่กักกันไงไม่รู้ คือห้องอาหารตอนนั้นจะมีประตูปิดเปิด (สมัยนี้โรงแรมส่วนมากไม่ปิดประตูห้องอาหาร) แล้วประมาณว่าถึงเวลามื้ออาหารก็เปิด พอหมดมื้อก็ปิด ฉันจำได้ว่าคนจะมาออกันหน้าประตู เหมือนรอดูคอนเสิร์ตเรน พอประตูเปิดปุ๊บก็กรูกันเข้าไปจับจองที่นั่ง


เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว แต่รสชาติอาหารก็ยังไม่เข้าข่าย คงจะเพราะไม่ใช่โรงแรมระดับไฮแอท ..เอาน่า มีให้กินก็ดีแล้ว อย่าบ่นมาก อาหารยิ่งไม่ย่อยอยู่ ถึงอาหารไม่อร่อย ฉันก็พยายามกินให้อิ่ม เพราะวันนี้เราจะไปงาน expo กันค่ะ ก่อนขึ้นห้องเดินผ่านถาดผลไม้ หยิบลูกพีชสดลูกเล็ก ๆ เท่าส้มบางมดมา 3-4 ลูก นึกว่ามันจะอร่อยเหมือนพีชที่อังกฤษ แต่ดันรสชาติเปรี้ยว ๆ ฝาด ๆ ละม้ายมะปราง 5555 หัวเราะด้วยความเซ็ง


เพราะเมื่อวานเดินจนปวดไปหมด ฉันจึงเสนอให้ไป expo ด้วยรถเมล์ แต่ไม่มีใครเห็นด้วย อู๋บอกว่ารถเมล์มันวิ่งมั่วไปหมด แล้วก็ช้าด้วย บ๊ะแหล่ว....ยังไม่เคยขึ้นเลยรู้ได้ไงว่าช้า? แล้วรถเมล์มันเป็นรถ “ประจำทาง” มันจะวิ่งมั่วได้ไงฟระ เก๋าเจ๊ง..ซี้ซั้วต่าจริง ๆ


ระหว่างรอทุกคนพร้อมก็ลงไปชั้นล่างอีกที เพื่อจะสอบถามเรื่องรถเมล์ ลงมาถึงเห็นโต๊ะประชาสัมพันธ์ expo tourist information เดินเข้าหาอย่างมาดมั่น 55555 ทีนี้แหละจะได้ข้อมูลเจ๋ง ๆ เสียที คุยกันไม่ถึง 2 นาทีดี เรียบร้อย...โรงเรียนจีน....5555555 เดินก้มหน้าเข้าลิฟท์กลับห้องพัก ปัญญาบังเกิด ไป subway แหละดีแล้ว ขึ้นรถเมล์ แค่คนขับถามว่าจะไปไหนก็...55555555..... ไอ้ขาไปคงไม่เท่าไร บอก expo ก็คงรู้เรื่อง แต่ขากลับนี่ดิ 555555 เดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้กลับโรงแรม


ในที่สุดก็ออกเดินทางไป subway คราวนี้เลือกเส้นทางใหม่ เดินไปเรื่อย ๆ ไปขึ้นรถไฟที่วัด Jing An ทั้ง ๆ ที่ศึกษาแผนที่อย่างค่อนข้างถ่องแท้แล้วนะ 55555 ขอบอกว่าขึ้นรถไฟได้แบบมึน ๆ ...มึนมันทุกขั้นตอนจริง ๆ กำลังคิดถึงว่าถ้าพวกนักร้องวัฒนามา แล้วไม่มีไกด์เนี่ยะ...คงไร้คำบรรยาย 555555


ขอเรียบเรียงว่าทำไมถึงมึน? ทั้ง ๆ ที่ก็เคยขึ้นรถใต้ดินของกทม มาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว มันเป็นเพราะว่าระบบของจีนใหญ่กว่า และข้อสำคัญทุกอย่างเป็นภาษาจีน กว่าจะหาภาษาอังกฤษเจอ ก็ตัวเท่ามด -*- ดูจากภาพประกอบก็ได้ค่ะ


วันนี้รถไฟไม่แน่นเท่าเมื่อวาน อาจจะเป็นเพราะช่วงเวลาก็ได้ นั่งไปไม่นานก็ถึง ค่ารถเท่าเดิมค่ะ  คนละ 4 หยวน คิดว่าไปไหน ๆ ก็คงไม่เกิน 4 หยวนเนอะ ลืมเล่าว่าระหว่างทางคณะได้แวะซื้อขนม, น้ำดื่ม ฯลฯ แต่ฉันกลัวปวดฉี่ (พยายามที่จะไม่ต้องเข้าห้องน้ำอย่างยิ่ง) จึงตั้งใจจะพึ่งพาหมากฝรั่ง กับพีชที่หยิบมาเมื่อเช้า 555555 เลือกที่มี “น้ำ”น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถ


ในที่สุด โอลัลล้า เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางจนได้ ตื่นเต้น 55555555 โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินก็ต้องไปต่อรถบัสอีก รู้สึกจะฟรีนะคะเพราะจำไม่ได้ว่าจ่ายเงิน 555555 มันก็ใกล้ ๆ แหละค่ะ


พอลงจากรถก็เดินเข้างาน เจอเขาวงกตอีกแล้วค่ะ แต่จุดนี้มีนักท่องเที่ยวพอสมควร ก็เดินหักไปหักมาแล้วเอากระเป๋าส่งเข้าช่อง x-ray ฉันไม่มีปัญหาอะไรคนเดียว ส่วนคนอื่นมีปัญหากราวรูด 55555 เพราะทุกคนพกอาวุธร้ายแรงที่เรียกว่า water มาด้วย55555555 เห็นหลายคนทำหน้าเหวอ แกมเสียดาย ในที่สุดก็ตัดใจทิ้งค่ะ ทิ้งลงท้อง 55555555 เปิดขวดดื่มน้ำกันอั่ก ๆ หน้าด่านนั่นเอง บางคนพกมา 2 ขวด เลยขอให้ฉันช่วยดื่ม 5555555


หลังจากดื่มน้ำจนเหนื่อย 55555 ดูเอาเถอะ เหนื่อยกันตั้งแต่หน้าด่านเลยอ่ะ ก็กางแผนที่แล้วพุ่งที่ไปพาวิลเลี่ยนเยอรมันก่อนเลย ตอนนี้แดดก็เริ่มอุ่นไปทางโซนร้อนแล้วค่ะ แต่เรามาจากประเทศไทยที่ร้อนจนเกือบอบเค้กได้แล้ว แค่นี้นับว่าโอเคอยู่ค่ะ เดินไปถ่ายรูปไป อย่างอารมณ์ดี มองพาวิลเลี่ยนอื่น ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ก็คนไม่เคยไปงาน expo อ่ะ พอมาถึงเยอรมันชะงักกึกเลย โอมายบุดดา ทำไมแถวมันเลื้อยไปเลื้อยมาหลายตลบขนาดนั้น ไม่ใช่แค่เลื้อยทบไปทบมานะคะ ยังหักไปอีกด้านของพาวิลเลี่ยน ด้านที่หักก็เลื้อยทบไปทบมาด้วยอ่ะ เหงื่อเริ่มตกในใจ 5555555 คนอื่น ๆ ในคณะบอกว่าขอไปพาวิลเลี่ยนอื่นก่อน 55555 แต่อู๋เป็นคนแน่วแน่ว่าจะเข้าไปดูที่นี่ก่อนให้ได้ ฉันก็ตามอู๋ไปเข้าคิว ไหน ๆ มาถึงแล้วนี่ ต้องเข้าไปดูสักหน่อย เดี๋ยวไม่มีอะไรมาเล่าสู่กันฟัง


กว่าจะหาหางแถว หรือจุดต่อคิวได้เดินงงมากค่ะ เพราะความที่มันทบแล้วหัก แล้วทบนี่แระ พูดแบบนี้หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อถึงเวลาที่ไปเห็นด้วยตา จะเข้าใจเองค่ะ 555555 กำลังจะเดินเข้าไปในคิวก็มีเจ้าหน้าที่ยกป้ายมาเตือนว่า แถวนี้ 3 ชั่วโมง โอ๊ยโย๋ วันนี้จะได้ดูถึง 3 พาวิลเลี่ยนไหมเนี่ยะ


ระหว่างเดินหักไปหักมากับยืนติดแหงกอยู่ในคิว นึกไปว่าดีที่เข้าห้องน้ำห้องท่าจากโรงแรมมาเรียบร้อย เพราะเมื่อคุณเข้าคิวลึกเข้าไปเรื่อย ๆ เรื่องจากออกจากคิวไม่ใช่ง่าย แดดก็เริ่มแรงแล้ว แต่ไม่ร้อนอย่างกทม ที่เพิ่งจากมา ดังนั้น จึงชิล ๆ สำหรับฉัน แต่ปวดหลังมาก ได้แต่ exercise เล็ก ๆ ในแถว เห็นบางคนเอาแตงกวามั่ง มะเขือเทศมั่งออกมาเคี้ยวตุ้ย ๆ อ๊ะ...ดีแฮะ ฉันควรจะเอามากินในแถวมั่งในวันหลัง สำหรับตอนนี้...นึกได้ว่าเมื่อเช้าหยิบพีชมาจากห้องอาหาร เลยแจกอู๋คนละลูก พีชดิบ ๆ เนี่ยเปรี้ยวชะมัด ไม่เห็นอร่อยเหมือนพีชกระป๋องเลย แต่เอาน่า ดีกว่ากลืนน้ำลายตัวเองลงกระเพาะ 5555555 อู๋มี snack มาด้วยค่ะ เป็นช็อคโกแลตแบบมีถั่วเยอะ ๆ ฉันกลัวหิวน้ำ เลยกินแต่พีชตามด้วยหมากฝรั่งที่ติดกระเป๋ามาจากกทม


ในที่สุดก็ได้เข้าไปข้างในพาวิลเลี่ยนเยอรมันเสียที...เข้าคิว 3 ชั่วโมงได้ แต่รู้สึกไม่คุ้มเท่าไรที่เข้าไปดู เพราะสำหรับฉัน มันก็นิทรรศการอ่ะค่ะ มีอะไรมั่งไม่บอก...5555555...อยากรู้เข้าไปดูเอง อิอิ (ทำไมนิสัยดีจัง 5555) ไปดูรูปบางส่วนใน facebook ละกันค่ะ ก่อนออกจากพาวิลเลี่ยนเยอรมัน ก็ปั๊มวีซ่าซะหน่อยเป็นที่ระลึก พอดีเอาไดอารี่ไปบันทึก ก็ปั้มในสมุดนั้นแหละค่ะ ออกมาก็เข้าอีกสักพาฯ ละกัน ก็ว่าจะเข้าของอังกฤษ แต่เดินผ่านออสเตรีย เห็นแถวสั้นหน่อย เลยแวะก่อน 55555 พาวิลเลี่ยนนี้มีบ่อน้ำด้วยค่ะ สังเกตเห็นน้ำใสกิ๊งเลย อู๋บอกว่าแปลกที่ไม่มีคราบตะไคร่เลย เพราะธรรมดาน้ำนิ่ง ๆ อย่างนี้เป็นเดือนต้องมีตะไคร่เกาะ สงสัยเป็นน้ำเคมี จะว่าเขาล้างบ่อบ่อยก็ไม่น่าจะใช่ ฉันเลยบอกว่าหรือจะเป็นน้ำแร่? ไอ้เราก็ทำรู้ดีไปงั้น แต่ความจริงก็คือน้ำแร่นะแหละ 555555 ฉลาดโดยบังเอิญ


ข้างในพาวิลเลี่ยนของออสเตรียนั้นสวยชวนฝันค่ะ ใครที่ชอบฟังดนตรี ถ้าเข้าไปได้จังหวะจะมีวงมาเล่นให้ฟังด้วย แล้วมีสินค้าขายด้วยค่ะ พวกน้ำแร่ ช็อคโกแลต แสตมป์ของออสเตรีย ฯลฯ ฉันไม่ได้ซื้ออะไร ยิ่งน้ำแร่ยิ่งไม่ซื้อ เพราะขวดใหญ่ กลัวต้องแบกกลับ....หนทางนี้ยังอีกยาวไกล 5555


พอตกเย็น ผู้คนน้อยลงแล้วค่ะ แล้วก็มีแต่คนวิ่งไปทั่ว 55555 ทำเวลาพิชิตพาฯ กันมั้งคะ คิวอังกฤษก็เคลื่อนไหวเร็ว ดังนั้น พวกเราจึงได้เข้าไปดูเป็นพาฯ ที่ 3 ชอบที่สุดเลยพาวิลเลี่ยนอังกฤษ เพราะมีที่ให้นั่งชมความสวยแปลก ๆ ของตัวพาฯ แต่เชื่อไหม? หย่อนตัวลงนั่งเร็ว ๆ แล้วสะดุ้งเลย หลังฉาน ~~~~~ แง๊ ๆ ๆ มันร้าวระบมไปถึงก้นกบ เลยเอนนอนสักพัก พักใหญ่เลยเพราะดันลุกขึ้นเองไม่ได้ 55555 ต้องรอให้ฟิลิปเดินมาแล้วร้องขอความช่วยเหลือ -*- เอางี้...ตั้งแต่เดินออกจากโรงแรมมาจนตอนนี้ก็ 1 ทุ่มแล้ว หลังยังไม่ได้พิงกับอะไรเลยน่ะ มันปวดร้าวมากจนอยากจะบอกว่าไม่ได้มาด้วยกัน 555555 จะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวด
รายละเอียดพาวิลเลี่ยนอังกฤษจะลงในfacebookทีหลังพร้อมภาพค่ะ พอดีอยู่ที่อู๋ยังไม่ได้ไปเอามา ถ้าใครใจร้อนก็ search เอาในเน็ตไปพลาง ๆ ก่อนค่ะ
ทีนี้ก็เข้าห้องน้ำ ที่จริงก็ไม่ปวดมากหรอกค่ะ พอกลับไปที่โรงแรมได้ทันถมเถ แต่อยากรู้ว่าห้องน้ำจะเป็นยังไง เลยเข้าเพื่อทัศนศึกษา ก็สะอาดนะคะเมื่อเทียบกับคนที่มาจำนวนมาก ห้องน้ำนี้มีระบบออโต้ฟรัชค่ะ พอเปิดประตูแล้ว มันจะชักโครกให้เอง ...ฉี่เหลืองแก่เชียว 555555 ก็ไม่ได้เข้าเลยทั้งวัน น้ำก็กินแต่น้อยอ่ะ กลางวันไม่ได้กินอาหารอีกต่างหาก แต่ไม่หิวเลย


กลางคืนมีพาเหรดด้วยค่ะ แต่มองไม่เห็น เพราะคนเยอะเกินกว่าจะเข้าไปยืนด้านหน้าได้ ยืนข้างหลังก็เห็นหลังของคนข้างหน้าเรา เขย่งเท้าเห็นนิดหน่อย ก็คล้าย ๆ กับพาเหรดที่ภูเก็ตแฟนตาซี, ดิสนีย์แลนด์ ฯลฯ แหละค่ะ


จากหน้า expo ขึ้นรถเมล์สาย 35 ไปเที่ยวหอไข่มุกยามราตรี ก็รีบถ่ายรูปกันค่ะ เพราะจะไปกินข้าวกันอีกที่ ต้องนั่ง subway แล้วถ้าช้า subway จะปิดค่ะ พอลงมา subway โหชุลมุนมากค่ะ คนเยอะสุด ๆ แถมเครื่องซื้อตั๋วแบบใช้ธนบัตรได้พร้อมใจกัน out of order เคาเตอร์ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่แล้ว OMG...จะหาที่แลกเหรียญก็ไม่มี ตะละคนช่วยกันรวบรวมเหรียญชนิดล้วงแล้วล้วงอีก ในที่สุดก็ได้เหรียญครบ ทีนี้เลยจำไว้เลยว่าเวลาได้เหรียญมาอย่าเพิ่งใช้ ให้เก็บไว้มาซื้อตั๋วรถไฟ


แวะกินมื้อค่ำ (รอบดึก) แต่ฉันเหนื่อยจนกินไม่ลงจริง ๆ ได้แต่นั่งดูเขากิน ออกมาจากร้าน บรื๋ออออ หนาวอ่ะ ไม่ได้เอาเสื้อหนาวไป ดีที่อู๋เอาเสื้อมา 2 ตัวเหมือนจะรู้ว่าเด๋วพี่สาวตรูต้องได้ใช้แน่ 555555


กลับมาถึงโรงแรมในสภาพหลังแข็ง ก้มไม่ได้เลย ฮือ ๆ ปกติก็เดินช้าอยู่แล้ว หลังพิการยิ่งเดินช้าเข้าไปอีก แต่ก็ไม่ต้องกลัวหลงหรอกค่ะ ถนนเส้นนี้ตรงไปเรื่อย ๆ (เรื่อยมาก ๆ ๆ ๆ) ก็ถึงโรงแรมจนได้ แทบจะลากขาเดินขึ้นเตียงเลยทีเดียว เหนื่อยสาหัส.

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ว่าด้วย World Expo in Shanghai 2010

ลองมาทำความรู้จัก world expo ก่อนเป็นไร



ไม่รู้ว่าจะมีใครบื้อเหมือนฉันหรือเปล่านะ ก่อนหน้าที่จะไปเซี่ยงไฮ้ อู๋ได้บอกให้วางแผนไว้เลยว่าอยากจะไปดูพาวิลเลี่ยนของประเทศอะไรบ้าง บ๊ะ...ฉันยังไม่รู้เลยว่าไอ้งาน expo เนี่ยะคนเขาไปดูอะไรกัน แล้วไอ้พาวิลล่ง วิลล่า วิลเลี่ยมอะไรเนี่ย มันมีอะไรให้ดู? รู้จักแต่ว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมหล่อโคตร (นะ..ว่าจะเขียนแบบให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ ก็ทำท่าจะออกทะเลซะตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มต้น)


คำว่า expo ในความคิดฉันก่อนไป คิดว่ามันจะเป็นงานแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีอันล้ำหน้า แต่คำตอบที่ชาญฉลาด (คิดเอง) หลังจากกลับมา คำว่า expo นั้นไซร้ก็คืองานนิทรรศการ งานเปิดตัวนั่นเอง world expo เป็นงานที่แต่ละประเทศเข้ามาเปิดซุ้ม(หรือที่เรียกว่า pavilion) เพื่อประชาสัมพันธ์จุดเด่นของประเทศตัวเองให้ โลก ได้รู้จัก ก็แล้วแต่แต่ละประเทศเขาจะตีโจกย์กันนะคะ อย่างอังกฤษเนี่ย..ถ้าคิดว่าจะเข้าไปเจอ tower of London, BigBen ฯลฯ ก็เห็นจะผิดหวัง ส่วนจะเป็นยังไงไว้ตามฉันเข้าไปเที่ยวก็แล้วกันค่ะ coming soon อิอิ


คุยกับแก้ววันก่อน แก้วบอกว่าเคยไป world expo ที่เยอรมันมา มีของขายเยอะ พวกรัก shopping บางคนอาจจะถูไม้ถูมือเตรียมไปช็อปเต็มที่ ขอบอกว่า world expo ที่เซี่ยงไฮ้ แตกต่างจากงานวัฒนาแฟร์, เพลินจิตแฟร์โดยสิ้นเชิงเด้อค่ะ ตามที่ไปเที่ยวมา ก็มีร้านค้าบ้าง ส่วนมากเป็นร้านขายของที่ระลึกของงาน ตามพาวิลเลี่ยนเท่าที่เข้าไปมา มีที่เดียวเองค่ะที่มีขายสินค้า คือ Austria Pavilion ออสเตรียนะคะ ไม่ใช่ออสเตรเลีย ดังนั้นไม่ต้องเตรียมตัวเข้าไป shopping ในงาน ถ้าอยากช็อป ก็อย่าไปเดินให้กระดูกสันหลังเคลื่อนเลยค่ะ ค่าบัตรเข้างานก็แพงไม่น้อย ไปเดินช็อปตาม People’s square, Nanjing ฯลฯ จะสุขสันต์กว่าเยอะค่ะ


ทีนี้เมื่อเข้าใจแล้วว่าจะไปดูอะไรในงาน ก็มาถึงเรื่องการเตรียมตัว (และหัวใจ) ก่อนเข้าชม เพราะ expo ที่จัดที่เซี่ยงไฮ้นั้น ใหญ่โตมโหฬารมากค่ะ มีด้วยกันถึง 5 โซน วางขนาบไป 2 ฝั่งแม่น้ำหวงปู...กุ้งกับปลาไม่หวง มีเยอะ 5555 แม่น้ำหวงปูเป็นแม่น้ำประจำเซี่ยงไฮ้เหมือนเจ้าพระยาที่แบ่งฝั่งพระนคร กับธนบุรี แต่แม่น้ำหวงปูกว้างกว่าหน่อย จะหน่อยแค่ไหนถามพี่หน่อย..เอ๊ย..ต้องไปทัศนาดูเอง 5555555 ถ้ามีเวลาเพียง 1 วัน เพียง 1 โซนก็เที่ยวได้ไม่หมด อย่าว่าแต่ทั้งงานเลย


เพราะนอกจากขนาดพื้นที่ใหญ่โตแล้ว ยังจะต้องผจญกับคลื่นมนุษย์ที่เข้าคิวกัน พาวิลเลี่ยนที่ป๊อป ๆ เนี่ยะ เข้าคิวไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมงเลยนะคะ พวกที่ไปกันเป็นกรุ๊ปจึงควรให้ทัวร์ช่วยจองคิวให้ จะได้ไม่เสียเวลา ถ้าทำวิธีนี้ ก็ช่วยให้เก็บพาวิลเลี่ยนได้หลายพาฯ อยู่ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ก็ไม่มีทางเที่ยวทั้งหมด 5 โซนได้ใน 1 วัน แม้คุณจะเป็นระดับอาคันตุกะของประเทศมาเองก็ตาม


ฉะนั้นจึงควรกางแผนที่ แล้ววางแผนก่อนล่วงหน้า 1 คืน แผนที่นั้นเมื่อย่างเหยียบนครเซี่ยงไฮ้ หาได้ทั่วไปค่ะ รับรองว่าหาง่ายกว่าหาอาหารกินเสียอีก ในโรงแรมก็มีให้หยิบเพียบ หลายเวอร์ชั่น ไปถึงปุ๊บ พักผ่อนกายาแล้วก็หยิบแผนที่มากางศึกษาดูเลยค่ะ ถ้ามีเวลาเข้าชมงาน 1 วันขอแนะนำว่าให้เลือกชม 1 โซนพอ ก็เลือกเอานะคะ ว่าแต่ละโซน โซนไหนมีพาวิลเลี่ยนที่อยากดูมากที่สุดก็ให้ไปที่โซนนั้น ของไทยอยู่โซนบีค่ะ เป็นโซนที่ฉันไม่ได้ไป 5555555 ฉันเข้าแค่ 2 วันทั้ง ๆ ที่มีบัตร 3 วัน เหลืออีก 1 วัน ใครจะซื้อต่อติดต่อมาได้นะคะ ขายต่อใบละ 130 หยวน มี 2 ใบค่ะ 02-664-3056 (อู๋) ปกติ 1 วันนี่ 160 หยวน ดังนั้นซื้อต่อเนี่ยะประหยัดไปถึง 30 หยวน ก็น่าสนใจใช่ป่ะ 5555555555


ถ้าอยู่เมืองไทย อยากศึกษาพาวิลเลี่ยนก่อนเดินทาง (ซึ่งเป็นวิธีที่ฉลาดยิ่ง) ก็ไปที่ http://en.expo2010.cn/pavilions/hqzg.htm เลยค่ะ จะได้รับรายละเอียดมากทีเดียว ประมาณอ่านจบแล้วบรรลุ ไม่ต้องไปเดินให้ปวดขา 55555 ทำไมนอกเรื่องประจำเลยฟระ???


ทีนี้ก็มาถึงเรื่องการเตรียมตัวเข้างาน เนื่องจากพื้นที่ของงานใหญ่โตมาก แต่ละโซนใหญ่กว่าโรงเรียนวัฒนาของเราทั้งโรงเรียน จำนวนคนก็มหาศาล โอกาสพลัดหลงจึงมีค่ะ โดยเฉพาะที่ไปกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีสิทธิ์แตกกระจายจนขวัญกระเจิดกระเจิงสูงอยู่ ให้สังเกตและจดจำไว้เลยค่ะว่า ธงของไกด์ของคุณนั้นสีอะไร ลักษณะอย่างไร เพราะสีที่เอามาทำธงก็มีอยู่ไม่เกิน 6-7 สี เปอร์เซ็นต์สีซ้ำสูง แต่ธงก็มีความใหม่ความเก่าต่างกัน บางธงขาดวิ่นเหมือนผ่านศึกมาหลายสมรภูมิ บางธงก็เพิ่งเปลี่ยนใหม่ ผ่านการซักรีดมาอย่างเอี่ยมอ่อง เดินใกล้ ๆ อาจจะได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม 555555 เว่อร์แระ ถ้าโชคดีเจอธงที่เอาตุ๊กตาขึ้นก็จำง่ายหน่อยค่ะ นอกจากจำธงแล้ว ก็จำหน้าไกด์ด้วยนะคะ 555555 อย่างที่บอก มีกรุ๊ปไปเที่ยวเยอะ ฉะนั้นโอกาสที่สีธงซ้ำกันน่ะมีสูง ไม่ใช่ไปออกันที่ธงสีส้มอยู่นาน พอจะขึ้นรถ เฮ้ย..ผิดคัน 5555555

จะให้ดี ให้นัดว่าถ้าหลงกันก็เจอกันที่ทางออกไหน  (มีหลายทางออกอีก 5555555) ให้แน่แช่แป้ง ต่างคนต่างกลับไปรอที่โรงแรมเลย เว้นว่ากลับไม่เป็นก็นัดให้เรียบร้อยว่าถ้าหลงให้เจอกันตรงนี้ ๆ แล้วจำให้ดีนะคะ สถานที่นัด นัดเป็นเจอที่หน้าพาวิลเลี่ยนไหนสักอันก็ได้น่าจะง่ายอยู่  แต่ก็ไม่ง่ายเท่าไรหรอก 55555 แต่ละพาฯ มันใหญ่ จะให้ดีที่สุดคือ อย่าหลงดีกว่า

เพิ่มอีกข้อสำหรับคนที่กลัวหลงฝูง เอามือถือไปด้วยเลยค่ะ แล้วไปซื้อซิมที่นั่นใส่ ถ้ามีมือถือจะอุ่นใจไม่น้อยเลยค่ะ ฉันน่ะหลงฝูงมาแล้วครั้งนึง ใจงี้แป้วเลย เพราะดันจำทางออกจาก expo ไปสถานี subway ไม่ได้อีกต่างหาก โชคดีที่เดินหาจนเจอ


ขอเรียบเรียงเป็นข้อ ๆ ดีไหมคะ เรื่องการเตรียมตัวเข้างาน


1. เครื่องแต่งกาย ดูสภาพอากาศให้ดีค่ะ ถ้าเป็นช่วงมีแดด ให้เตรียมร่ม, หมวก, พัด, ทาครีมกันแดดให้เรียบร้อย  ถ้าฝนตกก็ควรมีหมวกหรือร่ม  หนาวก็มีเสื้อกันหนาว อย่าแบกอะไรพะรุงพะรังเกินจำเป็นนะคะ ลำพังตัวเปล่า ๆ เนี่ยก็เดินจนจะหมดแรงพอแล้ว รองเท้าเหมือนกันค่ะ ให้เลือกที่ใส่วิ่งได้ยิ่งดี เพราะเวลาเย็น ๆ เนี่ยะ ได้วิ่งทำเวลาแน่ 555555


2. น้ำดื่มห้ามนำเข้าไปค่ะ ในงานมีขายไม่แพงหรอกค่ะ ถ้าเอาเข้าไปเนี่ยะ ด่านจะให้ทิ้งหมด ไม่ต้องแปลกใจถ้าเดินเข้าไปแล้วเจอคนยืนดื่มน้ำหน้าด่าน 55555 พวกที่ไม่รู้มาก่อน ซื้อเข้าไปแล้วเสียดายไงค่ะ ขอทิ้งในท้อง 55555


3. บางคนอาจจะอยากนำเสบียงอาหารเข้าไป ก็สะดวกดีนะคะ พวกหิวตลอดควรมีอาหารติดไปบ้าง เวลาเข้าคิวนาน ๆ จะได้มีกิน หลายคนเอาผักผลไม้ไปค่ะ ล้างให้สะอาดก่อนเลย ห้องน้ำมีเยอะก็จริง ความสะอาดพอถูไถอยู่ แต่กลิ่นห้องน้ำมันเลี่ยงยากเพราะคลื่นมนุษย์ที่เข้าไปขับถ่าย ไปตด จะเข้าไปล้างผลไม้ในนั้น ไม่กลัวกลิ่นติดเหรอ 55555 ผักผลไม้ยอดฮิตที่เห็นคนเอาไปกินในคิวก็มีมะเขือเทศ แตงกวา แอ๊ปเปิ้ล พีช ส่วนตัวฉันเลือกหมากฝรั่งค่ะ


4. ถ้าสูงอายุ ให้หาซื้อ back supporter ใส่ไปด้วยก็ดีค่ะ ปวดหลังสุด ๆ อ่ะ พกเคาน์เตอร์เพนหรือน้ำมันมวยไว้ทาด้วยก็ดี ที่จริงจะบอกว่าให้เอาหมอนวดส่วนตัวไปด้วย แต่คิดไปคิดมา หมอนวดเองก็อาจจะหมดแรงซะเองก่อน 55555 เขามีที่นวดแบบพกพาใส่แบตตารี่ค่ะ ตอนไปตลาดหน้าสวน yuyuan เห็นมีขาย แต่ไม่ได้ซื้อ ไม่คิดว่าจะเมื่อยสาหัสขนาดนี้ ส่วนคุณแม่บุญธิดาขอรถเข็นได้นะคะ ดีเสียอีก ไม่ต้องเข้าคิวบางพาวิลเลี่ยน เขาให้สิทธิ์ผู้สูงอายุเข้าไปชมได้เลย ซึ่งแปลว่าคุณลูกปิยธิดาก็เข้าไปก่อนได้เนื่องจากต้องพาคุณแม่เข้าไป อาจจะพ่วงคุณป๊ากว่าเป็นญาติด้วย แต่ไม่ใช่พ่วงเป็นสิบนะคะ 55555555ผู้สูงอายุกว่า 70 เอาพาสปอร์ตไปด้วยนะคะ หลายที่เขาให้สิทธิ์พิเศษไม่ต้องต่อคิวค่ะ
รถเข็นขอที่ไหนไม่ทราบ 5555555 ต้องลองถามทัวร์ดูนะคะ (แล้วจะบอกทำวิมานอะไร?)
5. อันนี้สำคัญไม่น้อยค่ะ โดยมากแล้วเราจะอยู่กันถึงค่ำ ศึกษาอากาศให้ดี อย่างช่วงที่ฉันไปกลางวันร้อน กลางคืนหนาว ถ้าไม่เตรียมเสื้อหนาวไปก็สั่นซิคะ เพราะลมแรงมากตอนเย็น ๆ ได้ลมเสริมจากแม่น้ำ อากาศสดชื่นมาก ๆ ค่ะ


6. สำหรับคนที่เดินทางไปเอง ให้เตรียมเศษเหรียญไว้หยอดซื้อตั๋ว subway ด้วยค่ะ ไม่รู้เป็นไง พอตกค่ำมืด ตู้ซื้อตั๋วรถไฟอัตโนมัติที่เคยรับแบ้งค์พร้อมกัน out of service รวมไปถึงเคาน์เตอร์พนักงานขายตั๋วด้วยค่ะ มีทางเดียวที่จะได้ตั๋วคือเอาเหรียญหยวนไปหยอด ราคาไม่เกิน 4 หยวนค่ะ ถ้าใกล้ก็ 3 หยวน เตรียมไปให้พอกับจำนวนคนนะคะ เหรียญ 5 -10 ใช้ได้ค่ะ แต่ธนบัตรน่ะไม่ได้ แถมไม่มีที่ให้แลกอีกต่างหาก จะบ้าตายกันมาแล้ว เหอ ๆ แท็กซี่ก็เรียกยากค่ะ ยิ่งไปโรงแรมที่ไม่ป๊อป หรือไม่อยู่ในย่านสำคัญ ๆ ก็เรียกไม่ได้เลยแหละ แต่ถ้าไปเป็นกรุ๊ปทัวร์ มีรถโค้ชมากันเองก็สบายหน่อย พวกขึ้นรถเมล์ก็เหมือนกันค่ะ เขาไม่ทอนเงิน แต่รถเมล์เนี่ยะใช้แบ้งค์ได้นะ
เน้นย้ำไว้อีกทีนะคะ เพราะว่า subway เขามีเวลาปิด (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน) ยิ่งไปช่วงใกล้เวลาปิด บรรยากาศตอนซื้อตั๋วเนี่ยะชุลมุนพอ ๆ กับซื้อตั๋วคอนเสิร์ตไมเคิล แจ็คสัน ไม่มีใครสนใจใคร อย่าหวังไปขอแลกกับใครเลย ยิ่งถ้าพูดจีนไม่ได้ยิ่งจบเห่ มีสิทธิ์เดินยาวกลับโรงแรม 555555


7. ตั๋ว expo เขามีกฎนะคะว่า 1 admission per day ถ้าเข้าแล้วออก ก็ expire ไปสำหรับวันนั้น แต่ก็นะ ไม่มีใครเข้าไปแล้วออกมาหรอกค่ะ นอกจากงานจะใหญ่แล้ว รอบ ๆ expo ก็เวิ้งว้าง ไม่มีอะไรให้ออกไปเดินเล่น 5555555 บอกไว้เผื่อพี่จ๋อเกิดลืมอุปกรณ์กล้องบนรถ จะออกมาหยิบแล้วกลับเข้าไปอีกไม่ได้ ฉะนั้น กรุณาตรวจทรัพย์สินของท่านให้ครบก่อนเข้างานค่ะ


8. มีอะไรอีก 5555555 คงหมดแล้วมั้งคะ ก็เที่ยวงานกันให้สนุกนะคะ อ้อ! เผื่อคนชอบสะสม แต่ละพาวิลเลี่ยนเขาจะมี visa stamp ไม่ใช่แสตมป์นะคะ แต่เป็นตราประทับวีซ่า ถ้าใครชอบสะสมของแปลก 555555 ก็เตรียมสมุดเปล่าไปให้เขาประทับตราให้ได้ทุกพาวิลเลี่ยนค่ะ หรือจะซื้อสมุดพาสปอร์ต expo ก็ได้ มี 3 เกรดให้เลือก 5 เล่ม 5 สี ไปเลือกหาซื้อตามชอบใจค่ะ แต่ถ้าไม่อยากลงทุน (เหมือนฉัน) ก็เอาสมุดหรือแม้แต่ map หรืออะไรไปให้เขาปั๊มวีซ่า เขาก็ปั๊มให้ทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ซีเรียสอะไร มีบางคนไม่ได้เข้าไปชม แต่ดันสะสมวีซ่าได้เยอะ เขาใช้วิธีไปขอปั๊มที่ทางออกของแต่ละพาวิลเลี่ยน


น่าจะหมดแล้วนะคะ 5555555 สำหรับคนที่ไม่อยากเข้าแต่ละพาวิลเลี่ยนเพราะกลัวคลื่นมหาชน แนะนำให้นั่งรถชมงานค่ะ คนละ 10 หยวน หรือจะไป Expo culture center ที่โซน A คิวไม่ยาวค่ะ ขึ้นไปข้างบนจะมีทางเดินรอบนอกให้ sight seeing ได้ทั้งงานเลย ในนี้เป็นพลาซ่าค่ะมีร้านขายสินค้า (แต่ไม่มากนะ) ร้านอาหาร ราคาไม่แพง post office และโรงหนังด้วยค่ะ


สำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ ต้องไปเก็บรูปสวย ๆ ที่บริเวณ Expo Axis เป็นกรวยไอติมโคน หลาย ๆอัน มีทุกโซนค่ะ บริเวณทางเดิน เข้าไปต้องเห็น กลางวันเป็นสีขาว แต่กลางคืนเปลี่ยนได้หลายสีค่ะ ไปดูเอาเอง อ้อ..พอหัวค่ำเขาจะมีพาเหรดแสงสีด้วย ไปดูช้าไปหน่อย ตัวเตี้ยเลยมองไม่ถนัดคนที่อยู่ข้างหน้าสูงกว่าเราทั้งนั้น แต่ก็พอเห็นบ้างล่ะค่ะ

คิดว่าข้อมูลพอสังเขปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้จะเข้าชมไม่มากก็น้อยนะคะ
ปล.ใครมีคำถามก็เม้นท์ไว้นะคะ จะพยายามหาคำตอบให้ค่ะ



ข้อมูลและภาพของท่านนี้ น่าเข้าไปอ่านค่ะ เป็นหาข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9343136/E9343136.html

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เซี่ยงไฮ้ - The Bund

มีคนชอบน้องแอร์โฮสเตส ถามไถ่ว่าน่ารักไหม? ตอบว่าน่ารักมากค่ะ บริการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส แล้วก็มรรยาทนุ่มนวลมาก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเขาไว้ ไม่รู้นิว่าจะมีคนอยากเห็น
มีอีกคนติงว่า เขียน “555555” ให้มันน้อยหน่อย อ่านแล้วเมา กร๊ากกก 5555555


Day 2 -26 May 2010

แอร์พอร์ตของเซี่ยงไฮ้เขาเป็นรูปเงินโบราณของจีนค่ะ ถามว่าที่ไหนสวยกว่า ก็ต้องตอบว่าสุวรรณภูมิอยู่แล้ว 55555 ช่วงนี้เขากำลังปลุกกระแสรักชาติ แต่ดูจะเว่อร์ไปหน่อยนะ แบบความรู้สึกเป็นว่าต้องเชียร์รัฐบาลปชป ถึงจะเรียกว่ารักชาติอ่ะ ปวดหัวการเมืองไทย ตอนนี้ขอทิ้งทุกอย่างสัก 6-7 วันเถอะ


มาถึงก็เจอด่านเขาวงกตเลี้ยวหักไปหักมา มึนตั้งแต่แรกเลยนะ 5555555 ความจริงคนก็ไม่เยอะ แล้วจะให้เดินหักไปหักมาหาอะไรเนี่ยะ คนแก่เวียนเฮดนะ


หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบเรียบร้อยดี ก็เข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนเลย จากนั้นก็เดินแบกกระเป๋าอันหนักอึ้ง เดินยาวตั้งแต่นาทีแรกที่เหยียบแดนมังกรเลย ไปขึ้นรถไฟความเร็วสูง ที่เขาเรียกว่า Maglev เอาตั๋วเครื่องบินไปแสดง ก็ซื้อได้ในราคา 40 หยวน จากราคา 50 หยวน รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นั่งรถไฟความเร็วสูง 555555 แต่คนใช้บริการน้อยจัง แบบว่าทั้งโบกี้มีแต่คณะเรา แล้วที่นั่งก็กว้าง โอ่โถง นอนไปคนละ 1 แถวที่นั่งยังได้เลย เหอ ๆ ตื่นเต้นมาก อยากรู้ว่ามันจะเร็วแค่ไหน พอรถออกแล้วก็เร็วน่ะ แต่ไม่มากอย่างที่จินตนาการไว้ 555555 คือจินตนาการไว้ว่า มันต้องเร็วชนิดว่ายืนอยู่ในรถไฟไม่ได้ เพราะตัวจะลอย ๆ เนื่องจากความเร็วสูงจัด (งั้นทำไมอยู่บนเครื่องบินที่เร็วกว่าในรถไฟตั้งหลายเท่า ทำไมยังเดินไปเดินมาได้ยะยัยอ่อง? 555555 เออเนอะ)


นั่งมายังซึมซับบรรยากาศความเร็วสูงไม่ช่ำปอดเลยถึงแล้ว อารายกัน หรือว่าสนามบินจะอยู่ใกล้ตัวเมือง? ลงจาก maglev ก็เดินไปขึ้น subway สถานีอะไรไม่ได้ดูชื่อ รู้แต่ว่าต้องนั่งไปอีก 10 สถานี คนละ 4 หยวน รับว่าถูกกว่าของบ้านเรา แต่ขอโทษคนแน่นมากถึงมากที่สุด ทรมานจริง ๆ คิดดูดิมีกระเป๋าใบใหญ่แบกไว้ข้างหลัง ข้างหน้าเป้เล็ก ๆ อีก 1 ใบ คนแน่นชนิดไม่ต้องเกาะอะไรก็ไม่มีทางล้ม ที่แย่คือมีหมวยคนหนึ่งเป็นหวัด กลิ่นไวรัสชัดเจนมายืนเผชิญหน้าหายใจรดใส่ จะหันหน้าหนีก็ยาก ต้องพยายามหายใจเข้าสั้น ๆ ออกยาว ๆ 55555 เซ็งพิลึก แต่ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางแบบสะบักสะบอมเต็มที ขึ้นจาก subway มาเจอปัญหาใหม่ ทางไปโรงแรมมันไปทางซ้ายหรือทางขวาฟระ? ถามคนจีน ไม่มีใครพูดรู้เรื่องเลย 55555 ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้เลยสำหรับเซี่ยงไฮ้ ถ้ารู้มาก่อน จะยอมลงทุนซื้อ talk dic อ่ะ เพราะว่าตลอดทริปที่ไม่มีไกด์ มันจำเป็นจริง ๆ กับวิถีชีวิตนักท่องเที่ยวที่นี่ กว่าจะหาทางเดินมาโรงแรมได้ ก็ไม่ไกลมากหรอกค่ะ แต่สัมภาระบนตัวเรา...อายุอานามก็ไม่ใช่สาวน้อยวัยกระเตาะแล้ว สมัยเป็นสาวน้อยยังไม่เคยต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นหลังเดินอย่างทรหดอดทนมากอย่างนี้เลยอ่ะ ยังดีที่กินอาหารเช้าบนเครื่อง กับเข้าส้วมที่แอร์พอร์ตเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นคงลำเค็ญกว่านี้ เพียงก้าวแรก วันแรกที่เซี่ยงไฮ้ ก็ใช้พลังงานไปอักโขแล้ว


แล้วเวลาที่เหลือล่ะ โอมายก็อด..ไม่อยากจะคิด 55555555


เรื่องนั้นอย่าเพิ่งคิด ตอนนี้ปวดอึ๊ 5555555 เมื่อไรจะได้เข้าห้องพักซะที ในที่สุดก็ได้เข้าแล้ว กระเป๋าก็แบกกันเองนะ ที่นี่ไม่มี bell boy รู้งี้เอาเสื้อผ้ามา 2 ตัวพอ แต่ในที่สุด...เวลาเข้าห้องพักได้ก็มาถึง 2110 ค่ะ อยู่ชั้น 21 วิวโอเคใช้ได้เลย (นั่นเป็นเพราะยังไม่รู้จักเซี่ยงไฮ้) เมื่อทำกิจส่วนตัวเสร็จ ก็เดินลงไป reception ว่าจะไปหาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวสักหน่อย ลงไปไม่ถึง 1 นาที จบ. 5555555 แบบคุยกันไม่รู้เรื่อง แม้แต่ฝ่าย tourist service ที่มีหน้าที่ให้ information กับ tourist ก็ยังคุยภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง (หรือเราพูดไม่รู้เรื่องเองหว่า 55555) สรุปว่าไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย ต้องรอฟิลิปเพื่อนชาวสิงคโปร์ของอู๋ กลับขึ้นมานั่งพักผ่อนบนห้องชาร์ตแบตให้กับร่างกาย


อ้อ...ใช่ มีอีกเรื่อง โรงแรมนี้ชื่อ merry แต่ถ้าออกเสียงเมอรี่ คนจีนจะไม่รู้จัก ต้องออกเป็นเหมยอะไรสักอย่าง ลืมแล้ว 55555 อย่างไรก็ตาม ฉันเอาซองจดหมายของโรงแรมใส่กระเป๋าติดตัวไว้ด้วย แล้วบอกทุกคนให้ทำตามนั้น กะว่าเวลาหลงปุ๊บ ยื่นกระดาษไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง เหมือนฉลาดนะ 555555 แต่ไว้ติดตามวันต่อไปว่ามันได้ผลหรือเปล่า?


เพียงระยะทางจากสถานี subway มาโรงแรม ฉันพบว่าเมืองเซี่ยงไฮ้สะอาด แล้วก็สวยกว่าเมืองจีนที่ฉันเคยรู้จักมากนัก สมัยเด็ก ๆ เคยไปกวางโจว เวลาเดินถนนต้องใช้สมาธิสูงมาก เพราะคนจีนชอบถ่มน้ำลาย มีแอ่งน้ำลายเยอะมาก ต้องหลบหลีกให้ดี แต่ตอนนี้แทบไม่เห็นคนถ่มน้ำลายเลย ถนนหนทางสะอาดสะอ้าน อีกอย่างที่สังเกตคือคนเซี่ยงไฮ้รักการอ่านจริง ๆ ตั้งแต่ในรถใต้ดิน จนมาถึงโรงแรม จะเห็นคนเดินอ่านหนังสือพิมพ์เยอะมาก ๆ เดินไปอ่านไป ไม่ยักจะตกบันได


ตามถนนก็ปลูกต้นไม้ไว้อย่างสวยงาม ที่เห็นจำนวนมากคือเมเปิ้ล กับแปะก้วย แล้วโฆษณา expo แทบตลอดเมือง หันไปทางไหนก็ต้องเจอสวนที่ปลูกดอกไม้เรียงเป็นตัวหนังสือ expo, ป้ายตามสถานี, ป้ายที่รถเมล์, ตามกำแพงสถานที่ต่าง ๆ ล้วนทุ่มเทประชาสัมพันธ์งาน expo สุด ๆ เรียกว่าใครมาเซี่ยงไฮ้ตอนนี้แล้วไม่ไปงาน expo เนี่ย..ต้องมีคนเซี่ยงไฮ้เดินมาถามแน่ว่า “มาทำอิหยัง?”


ฟิลิปมาพร้อมกับบัตร expo 3 วัน 6 ใบ บัตรเข้างาน expo มีหลายระดับราคา สนใจไปดูตามลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ http://en.expo2010.cn/expotickets/ticketofi.htm#pw07 ของพวกเรา อู๋สั่งซื้อแบบ 3 วัน ใบละ 400 หยวน ถ้าเป็น 1 วันก็ 160 หยวน จากนั้นฟิลิปพานั่ง taxi ไปลงที่ Hong Yi Plaza มันอยู่ย่านถนนนานจิง (นานจริง ๆ ) ร้านอาหารชื่อ Charme คงอร่อย และดังพอสมควร คนเยอะมากค่ะ ที่ชอบคือมีหอไข่มุกเป็นวิว ใกล้ทีเดียว เพิ่งรู้ว่ามันเป็นสีชมพู


มื้อแรกเราก็เปิ่นซะแล้ว คือตอนที่เขาสั่งอาหารกันก็ไม่ได้สนใจฟังหรอกค่ะ มัวแต่ดูหอไข่มุก 5555 ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบอะไรนักหนากับเจ้าหอเนี่ยะ จับได้แต่ว่าเขาถามว่าจะเอาชาหรือกาแฟ ก็สั่งกาแฟไป สักพัก เขาก็ยกถ้วย mug มาเสิร์ฟ มองไปนึกว่ากาแฟ ยังนึกว่าเอ๊ะ แปลกจังยังไม่ทันกินอาหารเลยจะให้กินกาแฟก่อนเลยเหรอ สงสัยเป็นธรรมเนียมของเซี่ยงไฮ้ 5555555 เปิ่นไม่เลิก สีเหมือนกาแฟที่ใส่นมเยอะ ๆ ก็คิดว่าคงเหมือนปักษ์ใต้บ้านเรา กินกาแฟชงกับนมข้นหวานเลยไม่มีครีมน้ำตาลให้เติม เอาช้อนลงไปคน ๆ เอ๊ะ...ก้นถ้วยมีอะไรสักอย่าง ตักขึ้นมาดู ...กาแฟจีนใส่แครอทด้วย?????? 555555 อืมชักสยองเล็ก ๆ ไม่กล้าชิม ตักลงไปอีกที เจอเนื้อสัตว์ 5555555 กาแฟเปี่ยมสาระหรือเปล่าเนี่ยะ 555555 ยังเชื่อว่าเป็นกาแฟจนนาทีนี้ ดูความบื้อซิ!


กำลังจะอ้าปากถามคนที่ยกถ้วยดื่มก่อนว่าเป็นไง สายตาก็ป๊ะกับเมนูบนโต๊ะ soup of the day มีรูปถ้วยเหมือนใบของเราเลย 555555 โธ่เอ๊ย...งงอยู่ตั้งหลายนาที มันเป็นซุปนี่เอง อาหารตามมาในเวลาไม่นาน จานใหญ่มากค่ะ อาหารที่นี่จะมีปริมาณมาก อาจจะเพราะคนจีนต้องกินเยอะ ๆ เพื่อเอาพลังงานไปเดินมั้งคะ -*- ฉันชอบเนยกระเทียมที่เขาเอามาให้กินกับขนมปัง รสชาติดีค่ะ ส่วนอาหารเฉย ๆ ต้องแบ่งให้อู๋ เพราะเยอะเหลือเกิน ขนาดนั้นแล้วก็ยังอิ่มอืดสุด ๆ


ออกจากร้านอาหารก็เดินย่อยอาหาร ผ่านร้านพู่กันจีน ซื้อพู่กันขนาดใหญ่ 1 อัน ไว้สำหรับทำบาติก มีขนาดใหญ่มาก ๆ ด้วย ประมาณว่าจุ่มสีครั้งเดียว สีวิ่งไปทั้งผืนเลย 55555 เอาไปถูบ้านได้เลยแหละ ก็มันใหญ่ซะขนาดนั้น ขอร้านเขาเอาอันนึงมาโพสถ่ายรูปหน่อย แต่ไม่ได้ซื้ออันใหญ่นั้นนะ เพราะออกจะเว่อร์ไปหน่อย


จากนั้นก็เดินไปเที่ยว YuYuan Garden เป็นสวนที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ใช้เวลาสร้างนานถึง 20 ปี (หาอ่านเพิ่มเติมได้จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Yuyuan_Garden)


เนื้อที่สวนมีขนาดเล็ก แต่ทางเดินซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อให้เหมือนกับว่าพื้นที่นี้ใหญ่โต เจ้าของบ้านแต่งสวนไว้นั่งเขียนกวี วาดรูป ดื่มชา พวกบันเทิงเริงรมย์ของคนจีนสมัยโบราณแหละค่ะ สวนได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในราว ๆ ตอนที่ฉันเกิด 555555 ก็เกือบ 50 ปีมาแล้ว จะเข้าไปชมดีไหม? มีค่าผ่านประตูคนละ 40 หยวนอ่ะ แพงใช่ย่อย แต่อู๋บอกเข้าไปเหอะ ฉันก็...เข้าก็ได้ 55555 ก็ร่มรื่นมากค่ะ แต่ถามว่าประทับใจไหม เฉย ๆ นะ คือมันก็เหมือน ๆ สวนจีนทั่วไป แต่ต้นไม้ในสวนนี่อยู่มาหลายร้อยปี คือปลูกมาพร้อม ๆ กับสวนนี้มั้งคะ บางต้นสูงใหญ่มาก คนที่ชอบต้นไม้คงชอบ


ออกจากสวน ตอนแรกว่าจะไปนั่งจิบชา จะได้เข้าห้องน้ำด้วย ปรากฏว่าราคาแพงมาก 555555 คิดสะระตะแล้ว เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็เดินเที่ยวต่อดีกว่า อู๋ซื้อไอติมชาเขียว รสชาติเหรอ ขม ๆ แบบชาแหละ 555555 อร่อยหรือเปล่าก็เชิญจินตนาการกันตามสบาย เดินผ่านตลาด ชอบตลาดนี้มาก แต่จะเล่าวันหลังนะคะ ตอนนี้ขอมุ่งหน้าไป The Bund ก่อน


The Bund เป็นสถานที่ที่ถ้าใครมาเซี่ยงไฮ้ แล้วไม่ได้ไปเดิน นับว่ายังมาไม่ถึงเซี่ยงไฮ้! ก่อนหน้าที่จะมาถึงเดอะบัน พวกเราเดิน ๆ ๆ ๆ เดินเสียจนฉันลุแก่ปัญญาว่าทำไมเราเกิดมาถึงต้องมีขา -*- ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวคนเนี่ยะ ไม่เคยเดินเยอะจนปวดหลังมาก่อน เพิ่งมาเป็นก็วันนี้แหละค่ะ ครั้งแรกในรอบ 49 ปี เหอะ ๆ ถ้ารู้มาก่อนจะซื้อเครื่อง support หลังรัดเอวไปด้วย น่าจะช่วยได้เยอะ อย่างไรก็ตาม พอมาถึงเดอะบัน ทัศนียภาพที่เห็นก็ทำให้ลืมความเจ็บปวดนั้นได้ไม่น้อย อากาศตอนนี้เริ่มเย็น กลิ่นไอสะอาดจนต้องสูดให้เต็มปอด ผู้คนมากมายเดินทอดน่อง ผ่อนคลายอารมณ์ ฉันเห็นตึกระฟ้าอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนฝั่งของฉันเป็นตึกคร่ำครึ แต่สง่างามน่าเกรงขาม พวกเรานั่งพักกันบ้าง เดินถ่ายรูปกันบ้าง ยิ่งย่ำค่ำ อากาศก็ยิ่งเย็น ลมเย็นก็พัดผ่านด้วยกำลังสูงขึ้น เป็นบรรยากาศที่น่าควงแขน ซบไหล่คนที่เรารัก ทำไงดีฉันลืมพกมาด้วย 55555555


พอตะวันเริ่มปิ่ม ๆ ขอบฟ้า แสงไฟตามริมถนน และอาคารต่าง ๆ ก็เริ่มทำหน้าที่ให้แสงสว่างแก่โลก กล้องถ่ายรูปก็เริ่มทำงานกันอุตลุต กล้องฉันถ่ายกลางคืนไม่ได้ ฉันจึงคอยวิ่งเข้าไปในกล้องของหนึ่งบ่อย ๆ สมัยก่อนที่ฉันไปเที่ยวไหน ๆ ชอบเก็บภาพแต่ไม่ค่อยอยู่ในภาพ เวลาเอารูปอวดเพื่อน ๆ มักจะมีคำถามว่าทำไมไม่เห็นมีเธอเลย? ตานี้กลับไป คงจะมีคนถามหารูปที่ไม่มียัยแก่มายืนแป้นแล้นให้เสียมู้ดภาพสวย ๆ แน่ 55555 นี่แหละหนามนุษย์ขี้เหม็น นั่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่ถูกใจ ทำไมนอกเรื่องเก่งจังนะ 555555


พอถ่ายรูปกันหอมปากหอมคอแล้ว พูดถึงเรื่องถ่ายรูป จะมีเรือติดไฟสวยงามผ่านไปผ่านมาให้ถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ ถ้าพลาดลำนี้ไป นั่งรออีกสักประเดี๋ยวก็มาอีกลำค่ะ ไม่ต้องกังวลไป สวยทั้งนั้น ยืนชมแสงสีจนหนำใจ ก็มีหลายคนเริ่มบ่นหิว แต่ฉันรู้สึกล้าจนไม่หิวเลย จึงไปนั่งรอพวกเขากินข้าวเย็นกัน จากร้านอาหาร ที่ไหนก็จำไม่ได้แล้ว 55555 ออกมามีแท็กซี่ผ่านเยอะ แต่เรียกไม่จอดสักคัน ดีที่ฟิลิปมาด้วย เขาต้องโทรเรียกแท็กซี่ให้ กว่าจะได้แท็กซี่ก็ร่วมชั่วโมง หมดสภาพไปตาม ๆ กัน กลับถึงโรงแรมเปิดน้ำร้อนราดหลังก่อนเลย เวลาปวดเมื่อยเนี่ยะ ถ้าเราเอาน้ำอุ่นจัดถึงขั้นร้อนราดตรงที่ปวดเมื่อย หรือจะแช่ก็แล้วแต่ชอบ รับรองว่าดีขึ้นค่ะ งานนี้แทบคลานขึ้นเตียง ไม่ต้องกลัวเรื่องแปลกที่ หัวถึงหมอนไม่เท่าไรก็หลับปุ๋ย หลับยาวถึงเช้า (สาย ๆ) เลยแหละค่ะ


คืนนี้พักผ่อนซะ พรุ่งนี้จะมีโปรแกรมทรมานกระดูกสันหลังที่ expo!
โปรดดูภาพประกอบจาก facebook ค่ะ