วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

รวมพลรำลึกถึงอาจารย์อายะดา

ด้วยคารวะในจิตวิญญาณความเป็นครูของท่านค่ะ


ฉันไม่รู้จักครูอายะดามากนัก ทั้ง ๆ ที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่เห็นมาตั้งแต่เด็กนี่ ตอนเด็ก ๆ ยังไม่รู้เลยว่าท่านชื่ออะไร และไม่รู้ด้วยด้วยว่าเป็นครู เนื่องจากท่านได้ลาออกไปสอนที่อื่น แม้ว่าท่านมาโรงเรียนบ่อย แต่ก็นะ สมัยฉันเด็ก ๆ เห็นศิษย์เก่าหลายคนวนเวียนมาวัฒนาบ่อย ๆ และด้วยความเป็นเด็กที่ไร้สาระ เลยไม่ได้สนใจ 55555


พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คือจบจากโรงเรียนแล้ว และกลับไปวนเวียนเที่ยวละไมในวัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ฉันก็พอจะรู้จักครูอายะดาว่าท่านเคยเป็นครู แถมยังเป็นครูที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณได้รับความยอมรับนับถืออย่างสูงท่านหนึ่ง แต่ฉันก็ยังรู้สึกเฉย ๆ ค่ะ
ได้มาสัมผัสตัวตนในช่วงสั้น ๆ ครั้งแรก จำได้ดีค่ะ เป็นเดือนตุลาคมหลายน่าจะประมาณ10-20 ปีก่อน (จำได้ดี???? 555555) ก็งี้แหละค่ะ ฉันมีปัญหาเรื่องเวลาของโลกเล็กน้อย เอาเป็นวันว่ามันเดือนตุลาคมชัวร์ ๆ ก็แล้วกันค่ะ ทำไมถึงยืนยันมั่นใจเกินปลาทองอย่างนี้? มันมีที่มาน่ะซิคะ

ปีนั้นฉันคุยกับครูชัชว์ อยากจะจัดปาร์ตี้เซอร์ไพร้ส์ครูจินตา ฉันเสนอให้ครูชัชว์รวบรวมเพื่อนร่วมรุ่นให้มากที่สุด และครูชัชว์ยังเสนอให้ใช้สถานที่ ๆ บ้านครูชัชว์ด้วยค่ะ เนื่องจากถ้าจัดที่บ้านครูจินตาก็จะไม่เซอร์ไพร้ส์ แต่ถ้าจัดที่อื่น ครูจินตาก็ไม่ไป ช่วงนั้นครูมีปัญหาเรื่องเข้าห้องน้ำบ่อย เลยไม่อยากไปไหน ฉันเห็นครูอยู่บ้านมาก ๆ จะเฉาเอา เลยอยากให้มีอะไรครึกครื้นสำหรับครูบ้างน่ะค่ะ

ครูชัชว์ก็..เอ้าร่วมด้วยช่วยกัน เนื่องจากครูจินตาก็เป็นเพื่อนรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ และความที่ครูวรรณดีเกิดวันเดียวกัน ฉันก็เลยไปเชิญครูวรรณดีด้วย แต่ครูชัชว์ได้แอบเชิญครูอายะดาโดยไม่บอกใครเลย ไม่บอกแม้กระทั่งฉันซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วม

พอถึงวันนั้นฉันก็ไปรับครูจินตามาบ้านครูชัชว์ ครูจินตาทราบแต่ว่าจะมากินข้าว มานั่งคุยกันที่บ้านครูชัชว์ แต่ไม่รู้ว่าจะมีปาร์ตี้ค่ะ มาถึงก็นั่ง ๆ กันสักพัก เพื่อน ๆ ก็ทยอยกันมาทีละคนสองคน ครูชัชว์เยี่ยมมากค่ะ สามารถรวบรวมรุ่นได้สิบกว่าคนเลยทีเดียว จากนั้นครูชัชว์กับฉันก็ทิ้งบ้านไปรับอาหาร ฉันเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าครูชัชว์จะไปรับครูอายะดาด้วย ฉันยังคิดในตอนนั้นเลยว่า...สงสัยครูอายะดาเป็นเพื่อนอีกคน 555555 ไม่ได้คิดว่าครูจะเป็นครูของครู เนื่องจากในสายตาฉันเห็นคนสูงอายุวัยเดียวกันหมด 55555555

บ้านครูอายะดาอยู่ใกล้ ๆ บีทีเอสอ่อนนุชค่ะ ตอนนี้จำไม่ได้แล้วอยู่ตรงไหน (แล้วไหนบอกว่าจำได้ดี จำอะไรได้ดีฟระ?5555555) ต้องจอดรถไว้ปากซอย แล้วเดินเข้าซอยเล็ก ๆ เข้าไปในบ้านค่ะ ฉันยังพอระลึกได้อยู่ว่าบ้านครูเป็นบ้านที่เพดานเตี้ยมาก เมื่อเทียบกับว่าครูเป็นหญิงร่างสูงคนหนึ่ง ตอนนั้นครูอายะดายังเดินเหินคล่องแคล่วดีค่ะ ก็รับครูออกมา ครูเดินอยู่ข้างหน้า ฉันเดินตามหลัง เพื่อนบ้านปลูกต้นไม้เลื้อย ต้นอะไรลืมไปแล้ว 55555 เอาเป็นว่ามันมีดอกไม้ก็แล้วกัน 555555555

สิ่งที่ฉันเห็นและติดตาจนทุกวันนี้ในความอารมณ์ดีของครูก็คือ ครูเดินไป แวะดมดอกไม้ไป ยังกับนางสีดาชมสวนเลยค่ะ 5555555 แต่นั่นคือจุดแรกที่ฉันรู้สึกประทับใจ มีคนบอกว่าฉันมักจะประทับใจอะไรง่าย ๆ และมักจะเป็นไอ้จุดเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ มองข้าม ก็งี้แระค่ะฉัน

พอมาถึงบ้านครูชัชว์ รถติดฟิล์มค่ะ บรรดาลูกศิษย์ชราของครูอายะดายังนั่งเม้าท์แตกไม่ได้สนใจว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว วัฒนาเป็นงี้เกือบทุกรุ่นเลยนะ 555555555 แต่ทันทีที่ครูอายะดาปรากฏกายขึ้น เกิดมานพพรไม่เคยเห็นครูวรรณดีกรี๊ด ๆ 5555555 เว่อร์ไปละ ถึงไม่เหมือนวัยรุ่นสมัยนี้เจอนิชคุณ แต่ก็ใกล้เคียงแหละ จริงเหรอ 5555555 ก็ประมาณนั้นนะ แฮ่มมมม ยัยนพพรเอาครูกับเพื่อนวัฒนารุ่นดึกมาเม้าเหรอ? หนูไม่ได้เม้านะคะ แต่หนูเล่าถึงด้วยความเคารพรักตะหากค่ะ

นี่คืออีกภาพที่ประทับใจ ครูและเพื่อน ๆ ซึ่งวันนั้นก็ 70 กว่ากันแล้วเข้ามามะรุมมะตุ้มย่อตัวไหว้ แล้วห้อมหน้าล้อมหลังครูตามกันขึ้นไปบนบ้าน มันเป็นภาพที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกคุ้มจริง ๆ ค่ะ


เมื่อวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2553 ซึ่งเป็นวันครบรอบการจากไปของครูอายะดา พี่เจนได้จัดปาร์ตี้รำลึก และเรียกให้ฉันและแก๊งค์ (55555 เดี๋ยวนี้พี่เจนให้พี่จ๋อ ป๊ากและฉัน เป็นแก๊งค์ไปแล้ว) ไปร่วมสังสรรค์ และสังเกตการณ์ด้วย ฉันถึงเชื่อจริง ๆ ค่ะว่าครูอายะดามีความดี ความเป็นครูที่อยู่ในใจศิษย์วัฒนา เพราะถึงแม้ว่าสถานที่จัดงานจะอยู่ในดงทหารตั้งกองทัพประชันหน้ากับม็อบแดง ฉันยังนึกว่าจะมีคนมากี่คนนี่?


ไปถึงสปอร์ตคลับสายกว่า 11 โมง พี่เจนโทรถามตอนเราอยู่หน้าจามจุรีสแควร์ สงสัยกลัวเราเบี้ยว 555555 ที่ช้าเพราะว่าแวะไปรับครูชัชว์ด้วยน่ะค่ะ แล้วก็นะ ถนนรอบนั้นรถเคลื่อนตัวได้เล็กน้อย ไปถึงก็เจอพี่เจน พี่จ๋อ พี่น้อยด้วยมั้ง (ลืมแล้ว 55555) ลูกสาวพี่เจนกับโต๊ะยาว ๆ และมุมบุฟเฟ่ต์ หิวซ่กเลย ฉันไหว้นายกแล้วไม่พูดพล่ามทำเพลง ขอโซ้ยก่อนล่ะ 55555555 เป็นธรรมดานะคะ กองทัพเดินด้วยท้อง งานการอะไรก็ตามจะเดินได้เราต้องมีอาหารอยู่ในกระเพาะก่อน 555555 ระหว่างการกิน (อันยาวนาน) ผู้คนก็ทยอยมาเรื่อย ๆ ฉันและแก๊งค์เห็นว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่น่าจะได้นั่งใกล้ ๆ กันจะได้เม้าสะดวก พวกเราก็ค่อย ๆ ถอยร่นไปเรื่อย ๆ เดินไปหยิบอาหารจานใหม่กลับมาไม่เคยได้นั่งที่เดิม 555555 เพราะคนมาใหม่เรื่อย ๆ ที่ฉันกรี๊ดคือคุณป้าจีอ่ะค่ะ แบบว่าอยากเจอท่านอีกหลังจากที่ได้ไปเยี่ยมบ้านคราวนั้น และก็พี่เฉิดพี่หน่อย สองสาวนี้มาในเครื่องแบบของรุ่น ดีจังเลยนะ ทำไมรุ่นเราไม่มียูนิฟอร์มมั่งฟระเหมียว? 55555555 พี่เฉิดบอกว่ารุ่นเขามีเสื้อที่เหมือนๆ กันหลายตัวเลย สงสัยเวลานัดมีตติ้งทีก็ต้องนัดเสื้อด้วย 5555555555

ถอยจนกระทั่ง...สุดดินคือถิ่นน้ำ เขตคามไทยสุดแนว เราถอยไปไม่ได้อีกแล้ว...5555555 เลยต้องขึ้นโต๊ะใหม่ อาหารมีให้เลือกเยอะแยะบานตะเกียงค่ะ ตั้งแต่ข้าวราดแกง ขนมจีน ข้าวแช่ อาหารญี่ปุ่น สเต็ก ขนมไทย ๆ เครป เค้ก ไอติม ผลไม้ฯลฯ จำได้แต่ที่กิน 55555555 โอ๊ว...กินเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย มิน่าอิ่มข้ามวันเลย 5555555555


กิน ๆ ๆ และกิน 5555555 เอ้อ ...ไม่เชิงนะ ก็มีเม้าด้วย แต่ความที่หูตึง ส่วนใหญ่เลยกิน 5555555 พี่เจนเอาไดอารี่ของครูอายะดามาเลือกอ่านให้ฟัง ฉันก็เก็บภาพไปเรื่อย เพราะแบตตารี่หูข้างหนึ่งมันใกล้หมด ดังแกร็ก ๆ ในหูเลยฟังไม่รู้เรื่อง

พูดถึงเรื่องถ่ายรูป...เฮ้อ ๆ ๆ ขอถอนหายใจหน่อยเถอะ มือสั่นอย่างแรง ภาพไหวมากค่ะ เพราะฉันไม่ชอบใช้ flash ว่าจะหากล้องใหม่ที่ค่าความไวแสงสัก 1600 ไว้ใช้สักตัวค่ะ (คงอีกนาน 555555)

ท้ายสุดก่อนจบงาน ก็มีพิธีรดน้ำอังคารครูอายะดาค่ะ พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง โททนต์เสน่งคง สำคัญหมายในกายมี นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา จริงแท้แน่นอนค่ะ คนเราดีไม่ดีจริง วัดได้ตอนที่เราจากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งต่าง ๆ ก็ดับสูญตามไปด้วย เว้นแต่ความประพฤติของเรา ที่จะอยู่ใจหัวใจ และตามปากผู้คนให้เขาเม้าถึง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เกิดมาสูงส่ง หรือต่ำต้อย เกิดมาในครอบครัวดี หรือครอบครัวโจร ล้วนแต่เลือกไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะตายอย่างคนดี หรือตายอย่างคนชั่วค่ะ.